ภูผาดาว (เอื้องมณี)

ภูผาดาว (เอื้องมณี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160006229
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

รุ่งสางของเช้าที่อากาศเย็นยะเยือก หมอกหนากระจายตัวลง

คลี่คลุมไปทั่วบริเวณจนทำให้ผาสูงแห่งนี้ดูคล้ายสรวงสวรรค์ แสงอรุณแรก

ของวันสาดลำแสงสีเหลืองอำพันจับท้องฟ้าก่อนจะเปล่งรัศมีแรงกล้าขึ้น

ทีละน้อย สายลมเยียบเย็นพัดกรูเกรียว หากเจ้าของร่างสูงใหญ่ซึ่งก้าวมา

ยืนตรงชะง่อนผามิได้มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะเรื่อง

ที่กองสุมในหัวใจวุ่นวายสับสนจนเขาไม่มีอารมณ์ใส่ใจกับสภาพอากาศ

หนาวเหน็บจับจิตจับใจนั้นนัก

เมื่อวานนี้เองที่จดหมายฉบับหนึ่งส่งมาถึงไซต์งาน ...อุตส่าห์หนี

ออกมาจากบ้านนั้นแล้ว เรื่องวุ่นวายก็ยังตามมา กระดาษจดหมายแผ่น

เดียวและกลิ่นหอมที่ติดมากับซองจดหมายคือต้นเหตุที่ทำให้ภูวเรศ

นั่งไม่ติด ข่มตาไม่หลับ ขนิษฐาน้องสาวคนเดียวของเขา กำลังจะหมั้นและ

แต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มเจนสังคมที่เขาเคยได้ยินแต่ชื่อ รู้เพียงผิวเผินว่า

เป็นลูกชายคนเดียวของเศรษฐีใหญ่ หุ้นส่วนคนหนึ่งในบริษัทจิรวัฒน์

ร่วมมิตร ความจริงแล้วถ้าหากเขายอมรับงานในกรุงเทพฯ ตามความ

ต้องการของบิดา เขาย่อมจะได้รับรู้เรื่องนี้เป็นคนแรกในฐานะลูกชาย

คนโตที่ ธานินท์ จิรวัฒน์ ไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด การยกลูกสาวคนเดียว

ให้เพื่อนร่วมหุ้นครั้งนี้มองออกได้ชัดว่าเป็นการดองกันตามความเหมาะสม

และเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของธุรกิจ ไม่ว่าขนิษฐาจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ

ก็ตาม ทว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งภูวเรศรู้แน่แก่ใจ...เขานั่นแหละเป็นตัวเร่ง

ให้ผู้เป็นบิดาตัดสินใจเช่นนี้

ไม่มีใครนอกจากคนในตระกูลจิรวัฒน์ที่รู้ว่า ภูวเรศ บุตรชาย

คนโตของธานินท์ เป็นเพียงบุตรบุญธรรมที่ธานินท์รับมาอุปถัมภ์เลี้ยงดู

เนื่องจากพ่อแท้ๆ ของภูวเรศซึ่งถือเป็นผู้มีบุญคุณกับธานินท์ในช่วงก้าวแรก

ของการทำธุรกิจ มาด่วนเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกชายคนเดียวอายุได้เพียง

แปดขวบ ส่วนแม่ของเด็กชายก็หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กินกับคนอื่น ทิ้ง

ลูกชายไว้กับเพื่อนสามี ธานินท์จึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูภูวเรศมานับแต่นั้น

บิดาของภูวเรศเป็นชายเชื้อสายจีนที่มีความมุมานะอดทน เขา

อพยพมาอยู่เมืองไทยแต่เล็กๆ พร้อมผู้เป็นปู่ ครั้นโตขึ้นก็แต่งงานกับ

ผู้หญิงไทย ทำมาหากินอย่างแข็งขันจนมีทุนรอนพอจะทำการค้าขาย

เล็กๆ น้อยๆ ต่อมาเขาได้รู้จักกับธานินท์ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงเสมียน

ในบริษัทแห่งหนึ่ง คนหนุ่มสองคนที่มีทัศนคติตรงกัน พูดคุยเรื่องเดียวกัน

สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว บิดาของภูวเรศนั้นมีเลือดนักสู้ กล้าได้กล้าเสีย

เขานำเงินที่เก็บหอมรอมริบมาลงทุนทำธุรกิจขนส่ง และชักชวนให้ธานินท์

ซึ่งมีแต่ตัวมาร่วมหุ้นแรง โชคเข้าข้างคนทั้งคู่ บริษัทขนส่งไปได้ดีและดีขึ้น

เรื่อยๆ ก่อนขยับขยายมาจับธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้าง ทว่าหลังจากนั้น

ไม่นาน บิดาของภูวเรศที่โหมงานหนักมาตลอดก็เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ

และเสียชีวิตลงในที่สุด

ธานินท์รับอุปการะเด็กชายกำพร้าซึ่งเขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยไว้

ในฐานะลูกคนหนึ่ง เมื่อเขามีลูกของตัวเองตามมาอีกสามคน สองคนแรก

เป็นผู้ชาย คนสุดท้องเป็นผู้หญิง ภูวเรศจึงกลายเป็นพี่ชายคนโตของ

น้องๆ ทั้งสาม แม้จะรู้ดีว่าเขาเป็นพี่ชายต่างสายเลือด แต่น้องทุกคนก็

นับถือภูวเรศเสมือนพี่ชายแท้ๆ กระนั้นเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ขนิษฐา น้องสาว

คนเล็กที่เคยรักและนับถือภูวเรศเหมือนพี่ชาย ธรรมชาติและความชิดใกล้

ก็ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อพี่ชายคนนี้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม

ธานินท์มองเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ดี แม้จะละเลยการดูแลลูกไปบ้าง

เพราะธุรกิจที่ก่อร่างสร้างมากับเพื่อนในวัยหนุ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทุกวันนี้เขาเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงอยู่ในวงการ

ลูกทุกคน รวมทั้งภูวเรศ ล้วนต้องเดินตามทางที่เขาขีดไว้ เริ่มตั้งแต่ร่ำเรียน

ในสาขาวิชาที่เขาเลือกให้ เพื่อนำความรู้กลับมาช่วยกิจการของครอบครัว

ธานินท์เลือกให้ภูวเรศซึ่งเป็นลูกบุญธรรมเรียนวิศวะเพื่อกลับมาดูแลงาน

ก่อสร้างที่กำลังขยายตัว ส่วนลูกแท้ๆ ของตัวเองให้เรียนด้านบริหาร

พอเรียนจบ ทั้งคู่ก็เข้าช่วยงานด้านบริหารในบริษัทของครอบครัวตามความ

ต้องการของผู้เป็นพ่อ จากนั้น พงศกร ลูกชายคนโต ก็แต่งงานกับ

หญิงสาวตระกูลดี หน้าตาฐานะเหมาะสมกัน แต่ก็ต้องหย่าขาดกันไป

โดยไม่มีทายาท ศิวา ลูกชายคนรอง ยังคงเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมคนดังของ

แวดวงสังคม ส่วนขนิษฐา บุตรสาวคนเล็ก ธานินท์เลือกจะเก็บไว้ใกล้ตัว

ด้วยเป็นลูกสาวคนเดียวที่เขารักและหวงดั่งแก้วตาดวงใจ ทุกสิ่งในชีวิต

ของขนิษฐาต้องผ่านการคัดกรองอย่างดีจากเขา ด้วยเหตุนี้ ถึงรู้อยู่แก่ใจ

ว่าลูกของเพื่อนรักซึ่งเขาเลี้ยงมากับมือไม่ต่างจากลูกของตัวเอง เป็นคนดีที่

ไว้ใจได้ ทั้งยังอาจนับเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไร ขนิษฐา

ต้องได้แต่งงานกับคนที่ดีพร้อมและคู่ควร ไม่ใช่เพียงเด็กที่เขาเลี้ยงจนโตขึ้นมา

ท่าทีของคนที่ยืนเหม่อครุ่นคิดทำให้ผู้ที่ก้าวเข้ามาทางด้านหลังต้อง

ชะงัก หยุดยืนสำรวม แต่เสียงฝีเท้าเบาๆ นั้นก็ทำให้เจ้าของร่างสูงเหลียว

กลับมา ถามเสียงเรียบ

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคุณประสิทธิ์”

“เปล่าครับเปล่า ผมเห็นนายช่างเดินขึ้นมานานแล้ว เลยตามขึ้นมาดู

น่ะครับ...มีอุบัติเหตุบนนี้บ่อยๆ เสียด้วย”

“อ้อ!” เขาอุทานออกมาเบาๆ ไปอย่างนั้นเอง

“ความจริงแล้วแค่สร้างสะพานเล็กๆ ธรรมดาๆ แบบนี้ ไม่เห็น

น่าจะต้องถึงมือคุณภูวเรศเลย...”

“ถ้างานธรรมดาอย่างที่คุณว่า ทำไมมันถึงไม่เดินหน้าซักทีล่ะ”

“โธ่...นายครับ ที่ผมถามก็แค่นึกแปลกใจตามประสาคนแก่น่ะครับ

คนหนุ่มๆ ควรจะหาประสบการณ์กับงานใหญ่ที่ท้าทายมากกว่านี้...

ในป่าเขานี่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยซักอย่าง”

“สะพานนี้ต้องเปลี่ยนวิศวกรมาสองคนแล้ว ทางการจะเอาผิดเรา

เรื่องสัญญาเพราะงานก่อสร้างไม่คืบหน้า และถ้าสร้างไม่เสร็จตามสัญญา

มันก็คงไม่ใช่งานธรรมดาอย่างที่คุณพูดแน่ ผมถือว่านี่เป็นงานสำคัญ เป็น

หน้าตาของบริษัท” เขาหยุดนิดหนึ่งก่อนจ้องหน้าคู่สนทนา “...มีอะไร

ติดขัดนักหนาหรือ ถึงต้องเปลี่ยนวิศวกรกันถึงสองครั้ง”

นายประสิทธิ์อ้ำอึ้งไป

“ว่ายังไงล่ะคุณประสิทธิ์ ที่เงียบไปนี่จะให้ผมคิดเอาเองหรือเปล่าว่า

เป็นความผิดพลาดของคุณ”

“อ้าว...เอ่อ...ไม่ใช่ โธ่...นาย อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมก็ทำหน้าที่

ของผมเต็มที่ แต่เรื่องก็คือ...มันมีปัญหา...หมายถึง...พวกคนที่เคยมา

อยู่ที่นี่น่ะครับ”

นายประสิทธิ์เล่าท่าทางอึกๆ อักๆ จนคนรอฟังรำคาญ

“ก็เล่าออกมาสิ”

“คือ...พวกนั้นอ้างว่าเจอผีที่นี่ ก็เลยเปิดกันไปน่ะครับ”

“ผี?”

“ครับนาย โดนกันหลายคนแล้ว เขาว่าที่นี่มันมีอาถรรพ์ ผีนั่นมัน

คอยขัดขวาง ไม่ให้เราสร้างสะพานได้”

“แล้วคุณล่ะ...ไม่เคยเจอผีกับเขาบ้างเลยหรือ ถึงทนอยู่ได้”

“ผมมีหลวงปู่คุ้มครอง...นี่ไงครับ” นายประสิทธิ์งัดเอาสร้อยพระ

ออกมาให้คนเป็นนายดู พลางยิ้มพราย

ภูวเรศมองดูแค่นิดเดียวก็พยักหน้า เป็นอันว่าเขาเข้าใจตามเหตุผล

ที่นายประสิทธิ์ยกมา ก่อนหันกลับ เดินลงจากเขาไปตามชั้นหินลาดเอียง

มีนายประสิทธิ์เดินตามหลังอยู่ห่างๆ ท่าทางพินอบพิเทา เขารู้ว่านายช่าง

ผู้มาใหม่นี้เป็นถึงลูกชายประธานกรรมการบริษัท อย่างไรเสียย่อมมี

อำนาจเด็ดขาดกว่านายช่างคนเก่าๆ ที่มาอยู่ที่นี่ในฐานะลูกจ้าง นึกๆ แล้ว

ชายวัยกลางคนก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าเกิดมีการตรวจสอบย้อนหลัง

กันขึ้นมา เรื่องที่เขาใช้หน้าที่ผู้ช่วยประสานงานกินนอกกินในไปไม่น้อย

ระหว่างเปลี่ยนถ่ายงานแต่ละทีคงแดงโร่ ดูท่าในไม่ช้าเขาคงต้องเดือดร้อนใหญ่แน่

“พอดีผมกำลังจะเข้าเมือง คุณภูมิจะฝากอะไรมั้ยครับ”

“ไม่ละ อ้อ...ถ้ายังไงคุณแวะซื้อหนังสือพิมพ์ให้ผมฉบับหนึ่งด้วยก็แล้วกัน”

ภูวเรศมองตามผู้ช่วยฯ ที่อาวุโสกว่าเขาลุกลี้ลุกลนขึ้นรถไป คิ้วเข้ม

ขมวดเล็กน้อย ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ ก่อนจะก้าวยาวๆ ข้ามสะพานไม้

ซึ่งตอกไว้พอให้ข้ามไปมาระหว่างสองฝั่งได้ ใต้สะพานไม้นี้คือลำธารใส

ไหลรินจากป่าต้นน้ำที่อยู่สูงขึ้นไปบนยอดภู

เหลียวมองไปด้านหลัง สายหมอกยามเช้ากระจายตัวไปทั่วบริเวณ

ระเรี่ยไปตามโขดเขาสูงชันที่เห็นอยู่ลิบๆ เป็นภาพงามตามธรรมชาติที่

ผู้คนจำนวนไม่น้อยดั้นด้นมาชม อีกไม่นาน ที่แห่งนี้ก็จะมีสะพานที่เขา

ออกแบบสร้าง ก้าวข้ามเชื่อมโยง

 

แสงจากโคมไฟแรงเทียนต่ำเพียงดวงเดียวซึ่งห้อยลงมาจากคานไม้

ดูจะไม่เพียงพอต่องานที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ เจ้าของร่างสูง

ยืดตัวตรงพลางถอนหายใจ พยายามรวบรวมสมาธิใหม่ วางไม้บรรทัด

แล้วจรดปลายดินสอลากเส้นลงบนแบบร่างด้วยความชำนาญ แต่แล้ว

ปลายดินสอที่ลากปราดๆ ก็ต้องชะงัก เพราะไฟที่มีอยู่เพียงดวงเดียว

กะพริบสองสามครั้งก่อนจะดับไป คนที่ต้องทำงานด้วยการอาศัยแสงไฟ

ดวงน้อยได้แต่ทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ ถอนใจอย่างอ่อนใจอีกครั้ง ครู่หนึ่ง

เขาก็ลุกขึ้นอย่างเสียไม่ได้ เดินชนนั่นชนนี่ก่อนจะผลักประตูออกมาจาก

ห้องทำงานที่ปลูกขึ้นชั่วคราว

แสงวับแวมจากตะเกียงดวงหนึ่งเคลื่อนใกล้เข้ามาชวนให้นึกถึง

เรื่องผีที่นายประสิทธิ์พูดถึง ก่อนที่ดวงหน้าเจ้าของตะเกียงซึ่งเป็นหญิง

วัยกลางคนผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งแม่บ้านและแม่ครัวของที่นี่จะโผล่จาก

ความมืดมาให้เห็นถนัดชัดเจน กระทั่งสีหน้าฉายความยำเกรงต่อผู้ที่ยืน

เท้าราวระเบียงมองมาอย่างตำหนิ

 

คนถือตะเกียงจ้ำตามหลังชายหนุ่มร่างสูงซึ่งเดินตรงไปยังกลุ่ม

คนงานที่ยืนล้อมเครื่องปั่นไฟส่งเสียงเอะอะ

“มีอะไร?”

กลุ่มคนที่ยืนออแหวกออก เปิดทางให้ผู้มาใหม่ทันที พร้อมกับที่

ใครคนหนึ่งในจำนวนนั้นส่งไฟฉายให้ ภูวเรศรับมาพลางเอ่ยถาม

“เครื่องเป็นอะไร”

“อยู่ๆ มันก็น็อกไปครับ”

คนเป็นนายใช้ไฟฉายส่องไปยังตัวเครื่อง

“มันรวนมาเป็นอาทิตย์แล้วครับ ผมบอกคุณประสิทธิ์ไปแล้ว”

นัยน์ตาดำคมมองไปที่คนรายงานแล้วเลื่อนไปมองสีหน้าฉุนเคือง

ของนายประสิทธิ์ซึ่งถูกซัดทอด

“บอกอั๊วเมื่อไหร่วะ ปัดสวะ!”

เอาเถอะ พรุ่งนี้สั่งเครื่องมาเปลี่ยนเร็วที่สุดด้วย ผมต้องการ

เครื่องใหม่ภายในวันพรุ่งนี้”

นายประสิทธิ์ชะงัก ในความมืด ดวงตาเรียวรีฉายประกายพิศวง

“...ครับ ขอโทษด้วยครับนาย”

ภูวเรศตบไหล่นายประสิทธิ์เบาๆ แล้วเดินกลับเข้าที่พัก จุดตะเกียง

ที่แขวนอยู่ขึ้นแทน แต่งานที่ยังทำค้างอยู่นั้นเป็นอันว่าต้องหยุดไว้ ชายหนุ่ม

ทิ้งตัวนอนเหยียดยาวบนเตียงผ้าใบแบบทหาร เสียงกระแสน้ำที่ไหลหลาก

ลงมาจากเขาเมื่อหลับตาฟังในความเงียบและมืดนั้นคล้ายว่ามันกำลังโอบ

ล้อมเขาไว้ พร้อมจะพัดเอาร่างของเขาให้ไหลตามไปด้วย เรื่องที่หน่วงหนัก

อยู่ในใจทำให้เวลาเคลื่อนช้ากว่าเคย ถ้ามีงานเป็นเครื่องดับความฟุ้งซ่านก็คง

จะดี แต่ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็จำต้องปล่อยให้ความฟุ้งซ่านนั้นทำร้ายใจ

เนิ่นนานกว่าจะม่อยหลับไป แต่แล้วภาพน้องสาวในชุดแต่งงาน

สีขาว ยืนอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ก็ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น ด้านนอก

คล้ายมีเสียงอื่นนอกจากเสียงน้ำ...เสียงคนสะอื้นไห้ ใครมาร้องไห้ตรงนี้

ภูวเรศเดินออกไปดูที่ระเบียง เห็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“นั่นใคร?”

เสียงสะอื้นเงียบหายไปพร้อมกับที่เงาตะคุ่มนั้นก็หายไปด้วย ชายหนุ่ม

ลงบันไดเรือนพัก เดินสำรวจดูรอบๆ ไม่เห็นอะไรในความมืดมิด เขาอาจ

หูแว่วหรือตาฝาดไปเองเพราะความฝัน เสียงสะอื้นที่ได้ยินอาจเป็นเสียง

ร่ำร้องในใจเขา...ใจที่ไม่อาจสงบลงได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูขมุกขมัว

ชวนขัดใจไปหมด

 

วันนี้คฤหาสน์ซึ่งปลูกอยู่ใจกลางย่านที่มีที่ดินแพงที่สุดของกรุงเทพฯ

มีรถเข้ามาแวะเวียนมากผิดตา เป็นสัญญาณว่าที่นี่กำลังจะมีงานใหญ่

ชายหนุ่มซึ่งสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมเดินดุ่มเข้าไปในบ้านโดยไม่แยแส

ใครในที่นั้น สีหน้าเฉยชาเกือบจะบึ้งตึงราวกับโกรธทุกคนที่มองดูเขา

ด้วยความสนใจ

                        (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

งานก่อสร้างที่หยุดชะงักลงเพราะข่าวลือเกี่ยวกับผีสาวซึ่งมาปรากฏตัวที่ไซต์งาน ดึงให้วิศวกรหนุ่ม ทายาทเจ้าของบริษัทก่อสร้างชื่อดัง ต้องลงไปคุมงานด้วยตัวเองพร้อมผู้ช่วยสาวคนใหม่ ทว่าสิ่งที่ทั้งคู่ได้พบกลับมิใช่ภูตผีที่น่าหวาดหวั่น แต่เป็น เบื้องลึกเบื้องหลังคดีฆาตกรรมปริศนาที่รอการเปิดเผย 
การปรากฏตัวของผีสาวที่ไซต์งานก่อสร้างสะพานเชื่อมสู่ ‘ภูผาดาว’ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ยกแก่การเข้าถึง 
ทำให้งานก่อสร้างหยุดชะงักลงครั้งแล้วครั้งเล่า เล่าลือกันว่าที่แห่งนี้มีอาถรรพ์ และผีสาวตนนั้นไม่ต้องการให้การก่อสร้างลุล่วง 
ภูวเรศ นายช่างใหญ่ และ ลมิดา ผู้ช่วยสาว ไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่เหตุการณ์แปลกๆ ที่ไซต์งานและเหตุร้ายที่เกือบคร่าชีวิต ลมิดาก็ทำให้ทั้งคู่เปลี่ยนความคิด ประสบการณ์เฉียดตายของลมิดายังดึงเธอก้าวเข้าสู่โลกวิญญาณ และเผยความจริงเบื้องหลังการตายของหญิงสาวผู้อาภัพ แต่เพราะคนตายพูดไม่ได้ และคำบอกเล่าของดวงวิญญาณก็ฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระ ลมิดาจึงตัดสินใจสืบหาหลักฐานมัดตัวคนร้ายเพื่อทวงคืนความยุติธรรม หารู้ไม่ว่าความพยายามค้นหาความจริงของเธอ คือการเปิดโปงเบื้องลึกคนใกล้ตัว!

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024