โบ๊เบ๊ (วราภา)

โบ๊เบ๊ (วราภา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789741633197
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

 

 

 

 

 

 

ภศณหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อคืน เพราะในทันทีที่เครื่องบินถึงเมืองไทย

พ่อก็บอกเขาว่า

“พักผ่อนนอนหลับเสียนะ อย่ามัวแต่โอ้เอ้ เพราะพรุ่งนี้เรามีนัดกินข้าวเที่ยง แกไม่ไปไม่ได้”

เขาอ้าปากค้าง

“พ่อพูดเป็นเล่น นี่มันเกือบสองยามแล้ว กว่าจะลงไปรอกระเป๋าเดินทาง ก็คงตีหนึ่ง ถึงคอนโดฯ ผมก็คงไม่หลับ เวลามันผิดกันตั้งเท่าไหร่ ที่นี่กลางคืน

ที่โน่นกลางวัน”

“ก็กินยานอนหลับเข้าไปสิ ยังไงแกก็ต้องไป”

“พ่อลากผมไปเพราะจะไหไปดูตัวลูกสาวเพี่อนของพ่อใช่ไหมล่ะ นี่มัน หมดสมัยคลุมถุงชนแล้วนะครับ ข้อสำคัญ พ่อก็รู้ว่าผมมีแพ่นแล้ว”

เขาพูดเสียงดังจนคนแถวนั้นหันมามอง แต่พ่อท่าหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ฉันพูดยังงั้นหรือ”

“ถึงไม่พูด ผมก็รู้” เขาอดเถียงไม่ได้แต่ลดเสียงให้เบาลงเพราะเข้ามาอยู่

ในแถวกองตรวจคนเข้าเมือง ผู้โดยสารที่มาเครื่องบินล่าเดียวกันจึงมารวมตัว

 

ทำให้แออัดมากขึ้น

“ลุงเฮงมีลูกสาว ลุง'หน่อนก็มีลูกสาว”

พ่อหัวเราะ

“ลูกสาวลุงเฮงโตกว่าแก ลูกสาวลุงหน่อนเพิ่งสิบสอง แกนี่มันหาเรื่อง

จริง ๆ”

“ยังไงผมก็รู้ว่าพ่อมีแผน”

“แกมันจะบ้า !”

พ่อไม่เคยยอมรับอะไรง่ายๆโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเขา พ่อถือว่าการ ยอมรับคือการยอมแพ้ นี่หากว่าไม่ได้สัญญากับ ‘ข้าวปัน’ เอาไว้ เขาคงไม่มา พร้อมกับพ่อในเครื่องบินเที่ยวนี้เป็นแน่

พ่อของเขาไปๆ มาๆ ระหว่างกรุงเทพฯ กับอเมริกา พ่อไปสร้างตัวที่นั่น ก่อนเขาเกิด วันไหนฤกษ์งามยามดี พ่อก็จะเล่าถึงความลำบากยากเข็ญจน

เลือดตาแทบกระเด็นให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะไม่รู้ว่าพ่อพูดจริง หรือพูดเล่น ในเมื่อเวลาที่เขาเกิดจนรู้ความจนเติบโตเป็นหนุ่มขนาดนี้

ภศณไม่ เคยรู้จักคำว่า ‘ลำบาก’ ว่ามันเป็นอย่างไร

เขาเคยถามว่าทำไมพ่อถึงได้มาตั้งรกรากอยู่ที่อเมริกา ซึ่งดูเหมือนว่าพ่อ นิยมชมชอบประเทศนี้มากกว่าบ้านเกิดเมืองนอน แต่ทำไมเวลาที่แม่ท้องลูกชาย คนแรกและคนเดียว พ่อถึงพาแม่กลับมาคลอดที่เมืองไทยหน้าตาเฉย

“เราอยากให้แกเป็นคนไทยเต็มตัวไงล่ะ เจ้าศณ’’

เขาเกิดที่เมืองไทยสมใจพ่อกับแม่ พออายุครบขวบก็ย้ายกลับอเมริกา เพราะพ่อมีบริษัทขายอะไหล่ขึ้นส่วนรถยนต์รวมทั้งประกอบเองที่นั่น พ่อไม่ เหมือนลุงเฮงกับลุงหน่อนที่มีพี่น้องมากมายอยู่เมืองไทย พ่อมีญาติห่างๆ คน เดียว คือคุณยายแดง ที่พ่อนับถือราวกับแม่ แต่คุณยายแดงจะเป็นญาติข้าง

ไหนภศณไม่เคยรู้ ญาติพี่น้องที่คลานตามกันออกมา พ่อก็ช่วยเหลือให้ทุกคน ได้มาทำมาหากินที่เมืองนอกกันทุกคน ภศณเคยแหย่พ่อว่าในเมื่อรักเมืองไทย

จะตายทำไมไม่ปักหลักทำมาหากินอยู่ที่นี่น มาสมัครเป็นพลเมืองชั้นสองใน ประเทศอื่นทำไม คำถามนั้นเปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ทำให้เขารู้เรื่องราวเกี่ยว กับชีวิตพ่อทีละนิด

“ครอบครัวเราจนมาก แล้วปู่ยูรกับย่าเสียงก็มีลูกหลายคน ลูกบางคนก็ ต้องเอาไปฝากขัดดอกไว้ตามบ้านที่รู้จักกันก็มี ทีหลังปูกับย่าก็เลิกกัน พ่ออยู่กับ ย่ากับน้องๆ ผู้หญิง ส่วนไอ้ไพรัชมันไปบวชเณรไม่ยอมสึกเพราะมีข้าวกิน

กลางวันย่าชายผลไม้ กลางคืนชายผัดไทย ขนมเบื้องญวน มีอาจบกับอาปุ๊ช่วย

พวกนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ อย่างนั้นก็ไม่ค่อยจะพอกิน พ่อเรียนหนังสือ เสร็จเลิกเรียนก็ต้องไปทำงานกับลุงกับป้าที่มหาดไทย เขามีร้านกาแฟที่นั้น แกก็

รู้ว่าคนไม่มีการศึกษาจะหางานดีๆ ได้ที่ไหน เพราะฉะนั้นเมื่อย่าตายและพ่อมี โอกาสมาเมืองนอก พอตั้งหลักได้แล้วถึงหาทางให้พวกอา ๆ ชองแกขึ้นมา ถึง พวกเขาไม่มีความรู้ แต่มีฝีมืออาหารคาวหวานที่ย่าสอนให้ทำให้เอาตัวรอด เดี๋ยวนี้สามารถมีบ้านได้คนละหลังก็เพราะความอดทน แต่นั่นแหละ พูดไปแก

ก็คงไม่เข้าใจเพราะไม่เคยเจอสภาพอย่างนั้น แกมันโชคดีที่ไม่เคยอดอยาก

นอนหลับกับเสียงเพลง ไม่เหมือนพ่อที่ทุกคืนนอนฟังเสียงรถไพ่จนเพลินไปเลย”

 พ่อมาพบแม่ที่เมืองนอก แม่เป็นผู้หญิงเก่งแคล้วคล่องว่องไว เพราะ ฉะนั้นแม่ถึงไม่สนใจนักเมื่อพ่อขอแม่แต่งงาน ทั้งๆ ที่รักผู้หญิงอีกคนหนึ่งอยู่

แม่บอกเขาอย่างไม่ยี่หระ

“รักก็รักไปชิ อยู่ห่างกันตั้งหลายหมื่นโยชน์ แล้วเขาก็แต่งงานไปแล้ว

แม่ไม่ใช่คนงมงายขี้หึงขนาดนั้น อีกหน่อยเขาก็ลืมไปเองน่ะ รู้ไหม ตาศณ

พ่อแกเขามีวาสนาได้มาเมืองนอกก็เพราะพ่อของผู้หญิงคนนี้ เขาให้เลือกระหว่าง ส่งเสียให้พ่อมาเรียนเมืองนอกแล้วเลิกกับลูกเขา หรือให้ลูกหนีตามพ่อแกออก จากบ้านโดยไม่ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียว”

“แล้วพ่อก็เลือกมาเมืองนอก เห็นแก่อนาคตของตัวเอง ว้า...พ่อนี่เห็น แก่ตัวจังเลย”

แม่เขาหัวเราะหึ ๆ

“พ่อเขาเห็นแก่อนาคตผู้หญิงที่เขารักต่างหาก เขาทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอ ลำบาก พ่อออกจากบ้านผู้หญิงคนนั้นโดยไม่ยอมตกลงอะไรลักข้อ พ่อนึกแต่ว่า จะเดินออกจากชีวิตผู้หญิงคนนั้นนับแต่วินาทีนั้นทีเดียว พ่อย้ายจากบ้านข้าง ทางรถไพ่หายหน้าไปหลายเดือน แต่พ่อผู้หญิงเขาก็ดีใจหายให้สมุนตามพ่อแก จนเจอ เขาก็นักเลงพอตัวเมื่อสัญญาแล้วก็ต้องรักษาสัญญา พ่อแกก็ได้มาเมือง นอกเพราะอย่างนี้”

“แล้วพ่อไม่เคยติดต่อผู้หญิงคนนั้นอีกเลยหรือแม่”

“อันนี้ไม่รู้นะ เท่าที่อยู่ด้วยกันก็ไม่เห็นเขาวอแวกับใคร เป็นพ่อบ้านที่

ดี แต่ลองไปเปิดหนังสือที่โต๊ะข้างเตียงดูสิ หนังสือเก่าๆ เล่มนั้นแหละ ใครก็ เคลื่อนย้ายไปจากที่ไม่ได้ในหนังสือมีดอกไม้แห้งทับอยู่ดอกหนึ่ง”

“ดอกอะไรฮะ แม่”

“ดอกแก้ว !”

 

ภศณโทรหาข้าวปันในทันทีที่ถึงคอนโดฯ ฝ่ายนั้นรู้ดีว่าเขาจะกลับถึง กรุงเทพฯ คืนนี้ ข้าวปันจึงยังไม่นอน หล่อนรอโทรศัพท์ด้วยใจจดจ่อ พอเครื่อง ด้ง ข้าวปันก็รีบพูดทันที

“ถึงแล้วหรือคะ ศณ”

“ครับ ขอโทษด้วยนะที่ท่าให้รอนาน ผมอยากโทรหาคุณตั้งแต่ที่สนามบิน แต่พอดีแบตฯ หมด”

ภศณไม่ยอมบอกความจริงว่ากลัวพ่อจะหมั่นไล้ ที่จริงเขาไม่ถึงกับกลัว เป็นแต่เกรงใจ เพราะพ่อมักจะยํ้าให้เขาเห็นความสำคัญของการเรียนอยู่เสมอ
พ่อบอกว่า

“พ่ออยากให้แกเรียนสูงๆ อนาคตจะได้ไม่ล่าบากเหมือนพ่อ เพราะกว่า จะเป็นตัวตนมาถึงทุกวันนี้ พ่อแทบจะฆ่าตัวตายหลายหนแล้ว ส่วนเรื่องผู้หญิง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีแพ่น เวลายังมีอีกยาวไกล ถึงเวลาก็เจอเองนั่นแหละ

ลูกสาวเพื่อนพ่อสวยๆ หลายคน”

ก็เพราะพ่อพูดอย่างนี้แหละที่ท่าให้เขาฝังใจว่าพ่อจะจัดการคลุมถุงชนเขา กับลูกสาวคนใดคนหนึ่งของบรรดาเพื่อนๆ พ่อที่เติบโตกันมาในละแวกเดียวกัน

ภศณรู้จักข้าวปันในงานเลี้ยงบ้านกงสุล หลังจากที่บรรดานักเรียนไทย จากสถาบันต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาจัดกิจกรรมหาทุนล่งเงินไปช่วยราษฎรที่ ประสบภัยน้ำท่วมในต่างจังหวัดที่ประเทศไทย ข้าวปันเรียนอยู่บอลตัน หล่อน บินมากับเพื่อนอีกสามคนเพี่องานนี้โดยเฉพาะ ภศณสะดุดตาสาวน้อยคนนี้ เพราะใบหน้าและรอยยิ้มที่พร้อมจะเป็นมิตรกับทุกคนจนเขาต้องเข้าไปแนะนำ

 

ตัวเองอย่างเป็นทางการ ข้าวปันไม่ใช่คนสวยเลอเลิศ หล่อนเป็นคนรูปร่างเล็ก สมส่วน ผิวผ่อง ส่วนที่เด่นที่สุดบนใบหน้าคือนัยน์ตากลมมันระยับกับรอยยิ้ม เบิกอรุณที่ทำให้เขาใจเต้นทุกครั้งที่มอง หล่อนเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้ายใน ขณะที่เขากำลังทำปริญญาโท เมื่อหล่อนบินกลับบอลตัน เขาโทรศัพท์คุยด้วย ทุกวันนับตั้งแต่เรื่องที่ไร้สาระจนถึงหลักวิชาการ ทำให้รู้'ว่า'ข้าวปันเป็นคนที่มีมัน-

สมองสมกับรูปร่างหน้าตา

ภศณรู้สึกว่าตัวเขาตกหลุมรักข้าวปันก็ตอนที่หล่อนบินกลับเมืองไทย อย่างกะทันหันเพราะบิดาเสียชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อพ่อชวนเขากลับด้วยกัน

ภศณจึงไม่ปฏิเสธการที่จะได้พบข้าวปันอีกครั้ง

“ข้าวดีใจที่ศณโทรมาเพราะอยู่ที่นี่หาคนคุยด้วยยากเหลือเกิน พอเสร็จ งานศพคุณพ่อ คุณแม่ยังไม่ทันหายเหนื่อย พี่น้องทางด้านคุณพ่อก็เข้ามารุม ล้อมเรื่องแบ่งสมบัติ คุณแม่ของข้าวก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก เพราะตอนมีชีวิตอยู่ คุณพ่อเป็นคนดูแลทุกอย่าง”

“ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้น ในเมื่อข้าวเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่หรือ ?”

“คุณพ่อมีบ้านเล็กๆ อีกสองสามแห่ง” ข้าวปันพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

 “คุณแม่ก็ทราบแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะคุณแม่ข้าวเป็นคนยุติธรรม แต่ คิดว่าคุณพ่อคงทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ที่หนักใจคือพวกพี่น้องต่างหาก บริษัท คุณพ่อมีคุณลุงคุณอาร่วมหุ้นอยู่ด้วย ทุกคนต้องการให้คุณแม่ขายหุ้นให้พวกเขา เขาไม่อยากให้คุณแม่เข้ามายุ่งเกี่ยว”

“อย่างนี้ก็ไม่สวยชิ ผมว่าข้าวควรบอกให้คุณแม่ปรึกษาทนาย”

“คิดเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้บอกตามตรงว่าข้าวหมดแรง เพราะยังทำใจ เรื่องคุณพ่อไม่ได้เลย ไม่นึกว่ากลับมาจะไม่ได้เห็นหน้า”

ปลายเสียงสั่นจนเขาสงสาร ภศณปลอบอย่างอ่อนโยน หากทำได้เขาคง แล่นไปหาในทันทีที่มาถึงแม้ว่าจะดึกดื่นเพียงใด แต่ข้าวปันไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาเคย คบ เขาวางหล่อนไว้อีกระดับหนึ่ง ระมัดระวังและให้เกียรติเพี่อว่าในอนาคต หล่อนจะได้เป็นแม่ให้ลูกของเขาอย่างสมศักดิ์ศรี

“เพื่อนพ่อผมก็เป็นทนาย” เขาพูดเมื่อข้าวปันค่อยสว่างโศก “พรุ่งนี้พวก เรานัดทานอาหารกลางวันด้วยกัน ข้าวว่างไหมล่ะฮะ ถ้าว่างชวนคุณแม่มาด้วย ผมจะแนะนำลุงเฮงให้รู้จัก ลุงเฮงเป็นทนายชื่อดัง คุณแม่ของข้าวอยากปรึกษา อะไรก็ได้ เราจะได้มีทางหนีทีไล่”

“จะเหมาะหรือคะ ข้าวกับคุณแม่เป็นใครก็ไม่ทราบ ไม่รู้จักกันสักหน่อย คุณแม่คงไม่ยอม”

“ก็พูดให้คุณแม่ยอมชิฮะ บอกท่านตามตรงว่าผมเชิญ...เพราะผู้ใหญ่ของ เราจะได้รู้จักกันเสียที ผมว่าเราไม่ควรเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันและกันอีก

ผมจริงใจกับข้าวนะ”

“ขอข้าวคิดดูก่อนเถอะค่ะ ต้องฟังเสียงคุณแม่ด้วย ถ้าท่านตกลง เราก็

คงได้พบกันที่นั่น”

เขาบอกสถานที่ตามที่รู้จากพ่อแล้วก็สวดมนต์ภาวนาให้หล่อนริบคำเชิญ

 

พ่อของภศณซื้อคอนโดฯ ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาไว้เป็นที่พักเวลาเดินทางมา ทำธุระที่เมืองไทย เพราะง่ายแก่การรักษาดูแล ส่วนบ้านพร้อมที่ดินในโครงการ

ที่มีชื่อสองสามแห่งปล่อยให้ฝรั่งอังกฤษที่มาเป็นครูสอนหนังสือโรงเรียน

นานาชาติเป็นผู้เช่า โดยวิสิษฐ์เพื่อนทนายของเขาช่วยดูแลรักษาผลประโยชน์

ให้ ภศณรู้ดีว่าการที่พ่อหนีบเขามาด้วยครั้งนี้ เหตุผลหลักก็เพี่อให้เขาคุ้นเคย

กับทรัพย์สมบัติที่วันหนึ่งข้างหน้าต้องตกเป็นของเขาเพียงคนเดียว

“นายศณ แกเสร็จหรือยัง”

รินตะโกนเรียกลูกชายอยู่หน้าห้องน้ำสสับกับการพลิกข้อมือดูนาฬิกา แล้วก็บ่น

“ปลุกตั้งนานแล้ว แกท่าอะไรของแกวะ”

ภศณเปิดประตูออกมา กลิ่นโคโลญฟุ้ง แต่งตัวเรียบร้อย แต่หน้ายุ่ง

“ทำไมใจร้อนจัง ผมไม่เคยอาบน้ำแต่งตัวเร็วเท่านี้เลยนะ กินข้าวเที่ยง ครึ่ง พ่อจะรีบไปไหน นี่ยังเข้าอยู่เลย”

“แกไม่ต้องชัก ตามมาก็แล้วกัน”

“พ่อ...ผมนัดเพื่อนให้มาเจอเราที่โรงแรม เขามีปัญหาเรื่องกฎหมาย ผม อยากให้เขาคุยกับลุงเฮง”

พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็สบายใจเพราะถือว่าได้ขออนุญาตแล้ว

คุณยายแดงส่งรถพร้อมคนขับมารอแต่เช้า แทนที่พ่อจะสั่งให้คนรถ ขับตรงไปยังโรงแรมที่นัดหมาย กลับบอกว่า

 “ไปโบ๊เบ๊”

“ไปไหนนะ พ่อ”

นายชมคนขับรถเก่าแก่หันมาหัวเราะด้วย

“คุณพ่อคุณศณมาเมืองไทยทีไรก็ไปอยู่สามที่ เจ้าพ่อหลักเมือง หลวงพ่อ โสธร และตลาดโบ๊เบ๊...”

“ตลาดโบ๊ฒ๊ ไปทำไมกัน พ่อจะชื้อของไปขายที่โน่นหรือ” ภศณงงเป็น

ไก่ตาแตก พ่อเขาถอนหายใจ

“ไปดูบ้านเกิดของฉันชิวะ ไอโง่ ดีแล้วที่แกมาด้วย แกจะได้รู้ว่าพ่อแก ยากจนข้นแค้นแค่ไหน กว่าจะได้มาแต่ละเฟืองแต่ละสลึงเลือดตาแทบกระเด็น

ไม่สบายเหมือนแกใช้เงินโครมๆ ไม่เคยเก็บออม บางทีการไปโบ๊เบ๊วันนี้อาจ

ทำให้แกคิดได้กลายเป็นคนดีกับเขาบ้าง”

“ผมไม่ใช่ลูกเกเรนะพ่อ ไม่เคยทำความเดือดร้อน เรียนก็เก่ง แต่ไอ้เรื่อง เกิดมาแล้วสบาย ผมว่ามันก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเรามีจะให้ทำเป็นจนยังไง พ่อ

น่าจะเข้าใจว่ามันคนละสมัย...พ่อแย่หน่อยตรงที่เป็นผู้บุกเบิก มันก็ต้องลำบาก กว่ากันเป็นธรรมดา”

พ่อลูกนั่งเถียงกันหลังรถทำให้นายชมอมยิ้ม ไม่ได้พบ ‘คุณศณ’ หลาย

ปี เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่สูงกว่าพ่อ หน้าตาหล่อเหลาบอกความฉลาดไม่ผิดเพี้ยน ‘คุณเปียก’ แม้แต่น้อย

“ไปจอดวัดบรมอย่างเคยนะครับ”

“ดีเหมือนกันลุงชม ว่าแต่ไม่รู้จะมีที่จอดรถหรือเปล่า คนมีรถมากขึ้น จอด เสียจนจะไม่มีทางเดินอยู่แล้ว”

กับลูกชายคนเดียว วินหันมาบอกว่า

“ได้ที่จอดแล้วพ่อจะพาเดิน...วันนี้อากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่ แกก็ถือว่า เป็นการออกกำลังกายแล้วกัน”

ภศณสวมแว่นตาดำ อยู่ในรถมีแอร์เย็นก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร ก้าวพ้นรถ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เบื้องบนได้ขีดเส้นให้ทุกชีวิตเดินไปตามเกมทั้งสิ้น เหมือน วิน ชายหนุ่มย่านโบ๊เบ๊ที่ได้จัดวางชีวิต ดอกแก้ว เด็กสาวไร้ชาติกำเนิดที่ถูกนำมาทิ้งแต่แบเบาะ ให้อยู่ในอุปการะของชาวโบ๊เบ๊ผู้มีทั้งคุณธรรมและฐานะดีงาม อันจะนำพาเด็กสาวคนนี้ไปสู่สิ่งดีงามในชีวิตอย่างแน่นอน ทว่า ความรักของวินที่มอบให้ดอกแก้ว กลับพบอุปสรรคมากมายจนเขาไม่สามารถทำตัวเป็นคนกินบนเรือนขี้บนหลังคาไปได้ ทุกสิ่งจึงยังคงเป็นความลับเฉกเดิม หลายชิวิตในโบ๊เบ๊...ไม่ว่า...วิน ดอกแก้ว แทนไท ครูชบา เถ้าแก่ฮิ้ม เตียมเกียง ต้อย และ หมวยเล็ก ต่างโลดแล่นว่ายวนอยู่ในเกมชีวิต...ที่วางความรักไว้เป็นเดิมพัน !


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024