สุภาพบุรุษจุฑาเทพ : คุณชายพุฒิภัทร (เก้าแต้ม)

สุภาพบุรุษจุฑาเทพ : คุณชายพุฒิภัทร (เก้าแต้ม)

5 รีวิว  5 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001311.
ผู้แต่ง: เก้าแต้ม
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

สายตาของนักศึกษาสาวทั้งสามต่างจ้องมองไปยังอาจารย์หนุ่มอย่างเคลิบเคลิ้ม โดยที่เจ้าตัวมิได้ล่วงรู้ หน้าที่หลักของนายแพทย์หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรในทุกวันก็คือ นำบรรดาลูกศิษย์ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานปีสุดท้าย เข้าตรวจเยี่ยมอาการผู้ปวยพร้อมทั้งสั่งการรักษารวมถึงให้ความรู้ควบคู่กันไปด้วย การเรียนข้างเตียงนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่สำคัญมาก โดยแพทย์รุ่นพี่จะนำอาการของคนไข้จริงมาสอนและอธิบายวิธีการรักษาอย่างละเอียด พร้อมทั้งบอกข้อควรระวังตลอดจนให้รุ่นน้องได้เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน จนกระทั่งอาการของผู้ปวยดีขึ้น

ภายในโถงกว้างซึ่งแบ่งซอยเป็นห้องเล็กอีกนับสิบบัดนี้มีคนไข้อาการต่างๆ นอนพักรักษาตัวอยู่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยซึ่งได้รับการผ่าตัดไปแล้วเมื่อคืน รอสังเกตอาการ บ้างก็ดีขึ้นและเตรียมจะย้ายไปหอผู้ปวยสามัญ จะมีก็เพียงเตียงแรกซึ่งอาการหนักที่สุดจึงอยู่ใกล้โต๊ะพยาบาล แต่โชคยังดีที่ได้ฝีมือการผ่าตัดของหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรทำให้ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ เนื่องจากยังหายใจเองไม่ได้จึงต้องใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจเพี่อประคับประคองอาการ ว่าที่แพทย์หญิงทั้งสามมาถึงหอผู้ปวยแห่งนี้ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแล้ว จึงเริ่มต้นตรวจผู้ป่วยรวมถึงเรียนข้างเตียงไปด้วย

“ผู้ป่วยรายนี้ประสบอุบัติเหตุตกรถราง ล้มศีรษะกระแทกพื้น ซึมลง และหมดสติ สิ่งที่ตรวจพบคือ รูม่านตาสองข้างขยายไม่เท่ากัน แขนข้างขวาอ่อนแรง เราได้ฉีดสีจากเส้นเลือดที่คอ เอกซเรย์พบว่ามีเลือดออกในเยื่อหุ้มสมองซีกซ้าย จึงผ่าตัดเพื่อนำเลือดที่คั่งออก”

หม่อมราชวงศ์หนุ่มยื่นฟิล์มเอกซเรย์ส่งให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งนำไปวางบนช่องอ่านและเปิดไฟเพื่อให้เพื่อนในกลุ่มได้ดูไปพร้อมกัน

“จากฟิล์มเราจะเห็นแนวของเส้นเลือดเบี่ยงไปจากปกติ ทำให้สงสัยว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งของสมองด้านนี้” นายแพทย์หนุ่มอธิบายพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เส้นเลือดที่เกิดการผิดรูปไป

“แต่เรามองไม่เห็นก้อนเลือดไม่ใช่หรือคะ แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่ามีเลือดคั่งจริงๆ”

“ใช่ แต่จากแนวของเส้นเลือดเบี่ยงไปทำให้คาดว่านำจะมีสิ่งผิดปกติ แทนที่ตรงตำแหน่งนั้น แต่ศัลยแพทย์ทุกคนจะรู้แน่ก็ต่อเมื่อได้เปิดเข้าไปในกะโหลกศีรษะแล้วเท่านั้น”

“เมื่อผ่าตัดแล้วต้องทำการหยุดเส้นเลือดตรงตำแหน่งนั้นหรือเปล่าคะ”

“ใช่ ที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลคือรอยผ่าตัด เราจะเจาะรูสองตำแหน่งและเลื่อยกะโหลกศีรษะออก หลังจากนั้นก็เปิดให้เห็นตำแหน่งที่สงสัย ถ้ามีก้อนเลือดจริงก็น่าออกมาและทำการห้ามเลือดก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย”

“เราจะห้ามเลือดได้ยังไงคะอาจารย์”

“นี่พวกคุณยังไม่เคยเข้าไปดูการผ่าตัดหรือ” นายแพทย์หนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย นักศึกษาแพทย์กลุ่มนี้แต่เดิมเคยอยู่ในความรับผิดชอบของเพื่อนอาจารย์อีกคน แต่เนื่องจากเขาต้องเดินทางไปประชุมยังต่างประเทศ หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรจึงเข้ามารับช่วงต่อ

“ยังเลยค่ะ พวกดิฉันเพิ่งจะขึ้นวอร์ดนี้ได้เพียงอาทิตย์เดียว”

“ผมเข้าใจแล้ว มิน่าพวกคุณถึงยังมองภาพไม่ออก เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะหาเคสจริงให้พวกคุณเข้าไปดูคนไข้ในห้องผ่าตัดจะเข้าใจได้มากขึ้น แต่วันนี้มาดูรายนี้ก่อน ตอนที่ผมผ่าตัดเข้าไปพบว่ามีก้อนเลือดอยู่ตรงเยื่อหุ้มสมองซีกซ้ายขนาดประมาณ ๓ เซนติเมตร ผมนำก้อนเลือดออกแต่ใต้ก้อนเลือดยังมีเลือดซึมจึงใข้ไหมผูกเส้นเลือด เมื่อเลือดหยุดเราก็ทำการปิดกะโหลก”

“จะทราบได้ยังไงคะว่าสมองส่วนไหนไม่ควรยุ่งเกี่ยว”

“ก็ย้อนกลับมาตรงจุดเดิมคือ ศัลยแพทย์ต้องแม่นกายวิภาค คุณต้องจำไว้เสมอว่า สมองทุกส่วนสำคัญเท่าเทียมกัน เราจะผูกเส้นเลือดก็เฉพาะในกรณีที่เลือดไหลไม่หยุดเท่านั้น โดยพยายามให้กระทบโครงสร้างปกติให้น้อยที่สุด เพราะถ้าไม่ระวังก็จะส่งผลถึงอาการของคนไข้หลังผ่าตัด”

“หมอผ่าตัดสมองเครียดมากนะคะ ถ้าดิฉันเรียนจบคงไม่กล้าเรียนต่อสาขานี้”

“ก็เครียดนะ แต่ผมว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ถ้าคุณได้เห็นอาการของคนไข้ก่อนและหลังผ่าตัดจะรู้เลยว่าแตกต่างกันมาก และถ้าเทียบกับสมัยโบราณถือว่าเราโชคดีมาก ปัจจุบันเรามีทั้งฟิล์มเอกซเรย์ประสิทธิภาพสูง และการฉีดสีทำให้การผ่าตัดในยุคนี้ประสบความสำเร็จมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นทุกคนต้องหมั่นทบทวนเกี่ยวกับกายวิภาคของเส้นเลือดให้แม่นยำ เพราะมันเปรียบเหมือนแผนที่ เรายิ่งมีความรู้คนไข้ของเราก็จะปลอดภัยมากขึ้น'

“หลังผ่าตัดคนไข้จะขยับแขนขาได้เหมือนเดิมไหมคะอาจารย์หมอ” นักศึกษาคนหนึ่งถามขึ้น

“ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เลือดออก แต่ในรายนี้ผมมั่นใจว่าจะเป็นปกติแน่นอน แต่ก่อนอื่นคงต้องรอให้สมองยุบบวม ระบบประสาทถึงจะกลับมาทำงานตามปกติ เมื่อคนไข้ฟิ้นก็จะเริ่มทำตามสั่งได้ หลังจากนั้นถ้าเราถอดท่อช่วยหายใจออกได้ เราก็จะให้ผู้ปวยเริ่มทำกายภาพบำบัด”

“เราทราบได้ยังไงคะว่าจะถอดท่อช่วยหายใจออกได้เมื่อไหร่”

“ดูจากการเคลื่อนไหวของทรวงอก ถ้าหากคนไข้มีแรงมากขึ้น หายใจต้านเครื่องได้ นั่นก็หมายถึงว่า เขาพร้อมจะหายใจด้วยตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่พวกคุณต้องระวังก็คือเสมหะ หากคนไข้ยังตื่นไม่ดีไม่ควรรีบร้อนนำท่อช่วยหายใจออกเด็ดขาด อาจทำให้ผู้ปวยสำลักได้ แต่รายนี้คนไข้ยังหนุ่มมาก ร่างกายแข็งแรง ผมมั่นใจว่าเย็นนี้คงจะเริ่มหายใจเองได้ อย่างช้าสุดพรุ่งนี้เช้าก็เอาท่อออกได้”

“แล้วเมื่อครู่อาจารย์ตรวจอะไรหรือคะ” นักศึกษาหญิงอีกคนถามขึ้นบ้าง สิ่งที่เห็นคืออาจารย์หนุ่มใช้ไฟฉายส่องไปยังรูม่านตา เอื้อมมือไปกดบริเวณกระดูกอกของผู้ปวย ส่งผลให้คนไข้ส่งเสียงงึมงำในสำคอและพยายามขยับหนี

“ผมตรวจทดสอบการทำงานของสมอง จำเอาไร้นะสิ่งแรกที่คุณต้องดูคือรูม่านตา หากอาการของผู้ปวยดีขึ้น รูม่านตาสองข้างจะตอบสนองเท่าๆ กัน ขั้นต่อไปก็คือทำตามสั่ง ถ้าดีกว่านั้นก็คือยกแขนขาเองได้ต้านแรงเราได้ ถ้ามีครบทั้งหมดนี้ก็หมายถึงว่า อาการผู้ปวยคนนี้เข้าขั้นดีมากเลยทีเดียว”

“อาจารย์หมอเก่งจังเลยนะคะ ตั้งแต่พวกดิฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ไม่เคยเห็นคนไข้ที่มีเลือดออกในสมองรอดชีวิตเลยสักคน” นักศึกษาอีกคนชม พร้อมยิ้มแก้มตุ่ย

หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรคือต้นแบบของชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม นอกจากมีศักดิ์เป็นถึงหม่อมราชวงศ์แล้ว ยังมีหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวจัด เพราะเชื้อสายจีนที่มีอยู่ในตัว จมูกโด่งเป็นสัน คางเหลี่ยมบึกบึน แก้มสองข้างเต็มอิ่มบอกถึงความใจดีของเจ้าตัว แต่ส่วนที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นดวงตาชั้นเดียวเรียวรีที่เปล่งประกายสดใส แม้จะซ่อนอยู่เบื้องหลังแว่นกรอบทอง แต่ก็ไม่อาจบดบังเสน่ห์ของผู้เป็นเจ้าของได้เลย

เนื่องจากถูกส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็กท่าให้ภาษาอังกฤษของเขาดีมาก แม้จะมีฐานะร่ำรวยแต่เขาเลือกเรียนแพทย์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลอนดอน ตามด้วยการเรียนต่อเฉพาะทางด้านศัลยกรรมระบบประสาทจากกายฮอสปิตอล (Guy Hospital) ซึ่งเป็นสาขาซึ่งเรียนยากที่สุดในขณะนั้น

เมื่อกลับมาถึงประเทศไทยก็เข้ารับราชการในฐานะศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งนี้ ตลอดสามปีเขาทำงานอุทิศตัวให้แก่คนไข้ผู้ยากไร้ โดยไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย

“ผมไม่ได้เก่งหรอก พวกเราทำงานกันเป็นทีม ลำพังผมคนเดียวคงช่วยคนไข้ไม่ได้ ก็เหมือนพวกคุณไง ต้องมีเพื่อน พอจบออกไปต้องหมั่นฝึกฝนและขยันหาความรู้ สุดท้ายก็จะเป็นหมอที่มีคุณภาพและช่วยคนไข้ได้ เอาละ มีใครสงสัยอะไรอีกไหม” หม่อมราชวงศ์หนุ่มกวาดตามองนักศึกษาสาวทีละคนด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าตนเป็นที่กล่าวขวัญถึงของบรรดาเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมากแค่ไหน นักศึกษาหญิงทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะได้รับรอยยิ้มจากอาจารย์หนุ่มเพียงสักครั้ง แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวมักจะทำหน้านิ่ง ตลอดเวลา ภาพที่เห็นจนชินตาก็คืออาจารย์ผู้เอาจริงเอาจังโดยเฉพาะถ้าเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวกับความเป็นความตายของคนไข้

“เอ่อ...อ่า...คือ...ว่า...ดิฉัน”

หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรหันไปยิ้มกับลูกศิษย์ ขณะที่หญิงสาวกลับเอาแต่ยืนบิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย

“ถามมาสิครับ ไม่ต้องกลัว ผมยินดีตอบ ถือเสียว่าผมเป็นรุ่นพี่ของคุณก็แล้วกัน” น้ำเสียงทุ้มนั้นช่างไพเราะเสียเหลือเกินจนทำให้นักศึกษาหญิงยอมหลุดปากสิ่งที่อยู่ในใจ

“คือดิฉันสงสัยว่าอาจารย์หมอรับประทานข้าวเช้าหรือยังคะ” หญิงสาวจบประโยคด้วยสายตาหวานฉํ่า เพื่อนสาวที่เหลือจึงได้แต่ยืนกลั้นหัวเราะ แต่ผู้ถูกถามไม่ได้ขำด้วย ตรงกันข้ามใบหน้าซึ่งเคยเรียบเฉยอยู่เป็นนิตย์กลับบึ้งตึง

“ผมขอไม่ตอบนะ ค่าถามของคุณไม่เห็นจะเกี่ยวกับสิ่งที่ผมสอนตรงไหน”

เท่านั้นเองหญิงสาวถึงได้รู้ตัวว่าพลาดเสียแล้ว นอกจากจะไม่ยินดีที่มีลูกศิษย์แสดงความชื่นชมอย่างออกนอกหน้า ตรงกันข้ามหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรกลับโมโหเสียอีก

“คือว่า ดิฉันเอ่อ...ไม่ได้ตั้งใจ”

“เอาเถอะ คุณยังเด็ก ยังอ่อนต่อโลก แต่ผมอยากให้ระลึกเอาไว้ว่า พวกคุณกำลังจะเป็นแพทย์ในอนาคต ควรจะหมั่นศึกษาหาความรู้ เมื่อจบออกไปจะได้ใช้วิชาในการรักษาคนไข้...” และอีกสารพัดที่อาจารย์หนุ่มเริ่มร่ายยาวถึงคุณธรรมประจำใจของผู้เป็นแพทย์ จนเหล่าลูกศิษย์สาวต่างพากัน ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า นานนับสิบนาทีที่ทุกคนต้องฟังกัณฑ์เทศน์ชุดใหญ่ ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มค่อยๆ เลือนหายไปจนเหลือแต่ใบหน้าซีดจ๋องแทน

“ถ้าไม่มีใครสงสัยอะไรแล้วก็พอแค่นี้ก่อน ผมต้องรีบไปตรวจคนไข้ที่โอพีดีอีก พรุ่งนี้พบกันเวลาเดิมเจ็ดโมงตรง ห้ามมาสายเด็ดชาด”

นายแพทย์หนุ่มกำชับ หันหลังกลับและเดินออกจากหอผู้ป่วยไปโดยมีสายตาหลายคู่มองตาม เมื่อคล้อยหลัง หญิงสาวต้นเหตุก็เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยๆ

“น่าเสียดายจังเลยนะ อาจารย์หมอไม่น่าหงุดหงิดแบบนี้เลย แค่กระเซ้านิดกระเซ้าหน่อยก็ไม่ได้”

เพื่อนสาวอีกคนป้อนมะเหงกให้เป็นรางวัลพร้อมกับหัวเราะร่วน ทุกคนต่างอยากถามประโยคนี้เหมือนกันแต่ไม่กล้า

“สมน้ำหน้า...ก็เธออยากไปพูดอย่างนั้นทำไมล่ะ รู้ทั้งรู้ว่าอาจารย์ไม่ชอบให้กระเซ้า แต่ก็ยังกล้าอีก จำไม่ได้หรือครั้งก่อนมีคนส่งดอกกุหลาบให้อาจารย์ก็โดนเทศน์ชุดใหญ่แบบนี้ ดีนะที่คราวนี้ไม่โดนว่าเรื่องไม่เป็นกุลสตรี ไม่อย่างนั้นนานกว่านี้”

“ก็ฉันเผลอตัวนี่นา คนอะไรไม่รู้รูปง้ามงาม”

“ไม่ใช่แค่รูปงามนะ ยังเก่งอีกต่างหาก ทำไมป่านนี้ยังไม่มีภรรยาอีก เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะและชาติตระกูล” นักศึกษาอีกคนเสริมขึ้น

หม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรเป็นบุตรชายคนที่สองของหม่อมเจ้าวิชชากรจุฑาเทพ จากบุตรชายทั้งหมดห้าคน โดยหม่อมราชวงศ์ธราธรกับหม่อมราชวงศ์รณพีร์นั้นเป็นบุตรซึ่งเกิดจากหม่อมราชวงศ์อุบลวรรณ ส่วนหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรกับหม่อมราชวงศ์รัชชานนท์เป็นบุตรที่เกิดจากมารดาลูกครึ่งชาวจีนชื่อคุณหยก ส่วนหม่อมราชวงศ์ปวรรุจนั้นเป็นบุตรที่เกิดจากคุณซ้องนางต้นห้องของหม่อมราชวงศ์อุบลวรรณ

ทั้งห้าสิงห์แห่งราชสกุลจุฑาเทพเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว เพราะต่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม อีกทั้งยังมีการศึกษาสูงหน้าที่การงานดีกันหมดทุกคน โดยเฉพาะหม่อมราชวงศ์พุฒิภัทรซึ่งเป็นถึงศัลยแพทย์ระบบประสาท ทุกวันเขาจะรับหน้าที่สอนข้างเตียงให้แก่นักศึกษา ออกตรวจผู้ป่วยนอกและทำผ่าตัด กว่างานทั้งหมดจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็นยํ่า แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มยังเจียดเวลาให้แก่นักศึกษาอยู่เสมอ หากมีช้อสงสัยเรื่องใดก็สามารถซักถามจากเขาได้โดยตรงที่ห้องพักอาจารย์ บรรดาลูกศิษย์จึงปลื้มหม่อมราชวงศ์หนุ่มเป็นอันมาก เรียกได้ว่าคลั่งไคล้กันเลยทีเดียว

“ใครว่าไม่มีก็คุณพยาบาลที่ชื่อมารตีนั่นไงว่าที่ภรรยา”

“อุ๊ย...เธอไปเรียกชื่อเฉยๆ ได้ยังไง เป็นถึงหม่อมหลวงเลยนะนั่น” นักศึกษาคนหนึ่งวิจารณ์

“แล้วไง...ผู้หญิงอะไรไม่รู้ ไม่น่ารักเอาเสียเลย เป็นพยาบาลเสียเปล่า แต่ดุ แต่งหน้าก็จัดเหมือนกับนางยักษ์ พออยู่ต่อหน้าอาจารย์หมอนะทำเป็นออดอ้อนน่าขนลุก”

“เขาถึงว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอมยังไง แต่ว่าไม่ได้นะ เพราะหล่อนมาจากราชสกุลเทวพรหม”

หม่อมราชวงศ์เทวพันธ์ เทวพรหม เป็นพระสหายของหม่อมเจ้า วิชชากร ท่านมีธิดาอยู่สามคนด้วยกัน เนื่องจากสองราชสกุลสนิทกัน ทางผู้ใหญ่จึงหมายมั่นอยากให้แต่งงานกัน นับตั้งแต่คุณชายธราธรที่หม่อมเอียด ต้องการให้ตกล่องปล่องชิ้นกับหม่อมหลวงเกษราแต่ก็พลาดเสียก่อน จนมาถึงคนรองอย่างหม่อมหลวงมารตีซึ่งทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาล

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรื่องราวชีวิตกับความรักห้าแบบของ "ห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพ" ซึ่งถือกำเนิดจากต่างมารดา แต่มีความผูกพันรักใคร่ เข้มข้นในศักดิ์สกุล ซื่อสัตย์ในเกียรติยศ และซื่อตรงต่อหัวใจ คุณชายพุฒิภัทร ศัลยแพทย์หนุ่มผู้เก่งกาจกับรักที่ไร้ศักดินา "คุณชายพุฒิภัทร" มีมารดาเป็นบุตรสาวของเจ้าสัวใหญ่ คุณหมอรูปงามจำต้องละวางกฎเกณฑ์และเหตุผลที่ยึดถือมาตลอดชีวิต เมื่อได้มาพบกับสาวสามัญชนเจ้าของตำแหน่ง "นางสาวศรีสยาม" แล้วใช้หัวใจของเขาในการตัดสินใจเพื่อช่วยให้เธอรอดพ้นจากการตกเป็นนางบำเรอของนายพลผู้ทรงอิทธิพล การแต่งงานกำมะลอได้เกิดขึ้น ทั้งสองต้องซ่อนหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของตัวเองเพราะความไม่เข้าใจ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็ค้นพบว่าเพชรอันเลอค่ายิ่งกว่าอัญมณีใดๆในโลกคือ หญิงสาวชาวบ้านนั่นเอง


รีวิว (5)

เขียนรีวิว

อ้วนแกะ | 5 รีวิว
27/11/2014

เรื่องนี้ เราชอบนะ เปิดเรื่องมาก็ลุ้นระทึกแล้ว ลุ้นว่าตกลงแล้วนางเอกจะรอดจากเงื้อมมือเสี่ยใหญ่ผู้มีอิทธิพลกว้างขวางได้หรือไม่ คือคนเขียนปูเรื่องมาแบบทำให้เราสงสารนางเอกสุดๆ และสถานการณ์ก็บีบหัวใจสุดๆ ด้วย เหมือนว่าจะต้องไม่รอดแน่ๆ แต่สุดท้ายก็พลิกกลับมาเป็นการเอาตัวรอดได้อย่างน่ารักน่าชังมากๆ พล็อตเรื่องเหมือนจะไม่มีอะไรนอกจากลุ้นว่าสุดท้ายนางเอกจะรอดพ้นจากการถูกข่มเหงไหม แล้วพระเอกจะช่วยนางเอกได้อย่างไร เนื้อหาใจความอาจไม่สลับซับซ้อนพลิกไปตะแคงมา แต่ก็มีหลายฉากที่ทำให้เราประทับใจได้ ทำให้เราจิกหมอนได้ และบางครั้งก็ถึงขั้นทำให้เราเผลอเพ้อไปบ้างว่าอยากโชคดีอย่างนางเอก นั่น ว่าไปเรื่อย แต่ถึงจะไม่สลับซับซ้อน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่น่าสนใจ ไม่ดึงดูดเรานะ ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างของตัวละครเอก คุณหมอทรงเสน่ห์ที่ดูเหมือนจะนิ่งๆ อ่านยาก และทำให้คนที่อยู่ด้วยแอบเกร็ง แต่กลับกลายเป็นคนอ่อนโยน ช่างสังเกต (เอ๊า ก็คนเป็นหมอนี่นา) แถมยังเป็นห่วงเป็นใยนางเอกแบบไม่ค่อยจะปิดบังความรู้สึก คนคอยลุ้นตามและอยากเป็นนางเอกอย่างเราก็ใจละลายไปสิคะ ส่วนนางเอกก็ดูเคมีจะเข้ากั๊นเข้ากัน เหมือนสองคนนี้เขาถูกสร้างมาเพื่อกันตั้งแต่เกิดอย่างไรอย่างนั้น สวยหยดย้อยขนาดทำให้พระเอกที่ไม่เคยชายตามองสาวสวยคนไหนในพระนครถึงกับตะลึงตาค้าง แถมยังจิตใจอ่อนโยน เป็นกุลสตรี รักนวลสงวนตัว แต่ก็ยอมทำสิ่งที่ฝืนใจตัวเองสุดๆ เพื่อตอบแทนพระคุณของพ่อ แหม ใครจะเหมาะกันไปมากกว่าสองคนนี้อีกล่ะ อิจฉาตาร้อนแต่ก็ไม่ยอมวางหนังสือจนกว่าจะจบเลยล่ะ อ่านแล้วมันติดน่ะ
SCR. | 5 รีวิว
26/11/2014

เป็นตอนที่ดูเหมือนจะสนุกที่สุดแล้วค่ะ ในนิยายชุดของสุภาพบุรุษจุฑาเทพ เล่มนี้เป็นเล่มที่ 3 เป็นตอนของคุณชายพุฒิภัทร ที่เป็นศัลยแพทย์สมอง พบรักกับนางสาวศรีสยาม อ่านในช่วงแรก ๆ ก็ได้กลิ่นอายของบรรยากาศในยุคนั้นมากค่ะ ทั้งการประกวดนางงาม สิ่งแวดล้อม เนื้อหาก็เขียนออกมาได้อย่างน่ารักมาก คุณชายผู้สูงศักดิ์พบรักหญิงสาวผู้ต่ำต้อย (ออกแนวน้ำเน่า แต่ก็เน่าจริง ๆ ค่ะ) นางเอกกรองแก้วเป็นลูกภารโรงมาประกวดเพื่อหาเงินไปรักษาพ่อ คุณชายหมอนี่ก็อะไรไม่รู้ จ้องแต่จะจับผิดทุกวินาที ยิ่งช่วงที่กรองแก้วแกล้งป่วยเข้าโรงพยาบาลยิ่งน่ารักมากขึ้นค่ะ กรองแก้วน่ารักมาก คุณชายหมอก็ขี้เก๊กมาก ทำเสียงดุ ทำหน้าขรึมตลอด นิยายมีอะไรให้ลุ้นตลอดเลย นอกจากความหวานแล้วก็มีช่วงระทึก ช่วงซีเรียสอย่างตอนที่กรองแก้วถูกท่านพินิจจับตัวไป หรือตอนที่พยาบาลหม่อมหลวงมารตี ว่าที่คู่หมั้นของคุณชายหมอ จ้องจะทำร้าย (แม้ตอนหลังจะเป็นคนที่น่าสมเพชมากที่สุด) อ่านแล้วฟินจริง ๆ ค่ะ คุณชายแอบหื่นตลอดเวลา ถึงเนื้อถึงตัวแก้วมากเกินไป แก้วก็ช่างยอมเนอะ คุณชายหมอพูดอะไร แก้วก็ต้องทำตาม แอบเผด็จการอยู่เหมือนกัน ในส่วนของคุณย่าอ่อนกับหม่อมย่าเอียดก็ยังเป็นคนน่าเบื่อเช่นเดิมค่ะ ถ้าเทียบกับละครแล้วก็สนุกไปคนละแบบนะคะ ในละครหมอยศวินหล่อมาก แต่ในหนังสือบรรยายไว้ดูไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เนื้อหาขอให้ในนิยายน่ารักกว่าค่ะ อ่านแรก ๆ โอเค หลัง ๆ ชักจะเลี่ยนอยู่เหมือนกัน หวานเกินไปกว่าเล่มอื่นมากค่ะ
ฐาปนัส | 5 รีวิว
01/07/2014

ผู้แต่ง เก้าแต้ม สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ จำนวนหน้าหนังสือ 454 หน้า "เรื่องราว ชีวิตกับความรักห้าแบบของ 'ห้าสิงห์แห่งจุฑาเทพ' ซึ่งถือกำเนิดจากต่างมารดา แต่มีความผูกพันรักใคร่ เข้มข้นในศักดิ์สกุล ซื่อสัตย์ในเกียรติยศ และซื่อตรงต่อหัวใจ" คุณชายพุฒิภัทร ศัลยแพทย์หนุ่มผู้เก่งกาจกับรักที่ไร้ศักดินา "คุณชายพุฒิภัทร" มีมารดาเป็นบุตรสาวเจ้าสัวใหญ่ คุณหมอรูปงามจำต้องละวางกฎเกณฑ์และเหตุผลที่ยึดถือมาตลอดชีวิต เมื่อได้พบกับสาวสามัญชนเจ้าของตำแหน่ง "นางสาวศรีสยาม" แล้วใช้หัวใจตัดสินเพื่อช่วยให้เธอรอดพ้นจากการตกเป็นนางบำเรอของนายพล ผู้ทรงอิทธิพล การแต่งงานกำมะลอเกิดขึ้น ทั้งสองต้องซ่อนหัวใจรักของตัวเองเพราะความไม่เข้าใจ แต่ท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ก็ค้นพบว่าเพชรอันเลอค่ายิ่งกว่า อัญมณีใดๆในโลกคือ หญิงสาวชาวบ้านนั่นเอง คุณชายพุฒิภัทร คุณชายที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทั้งชาติตระกูล หน้าที่การงาน โลกแห่งความเป็นจริงนี่คงหายากนะครับ ฮ่า ๆ จริงๆ ผมชอบละครมากเลยนะ ดูซ้ำไปซ้ำมา 5 รอบแล้ว สารภาพเลยว่าที่ชอบคือชอบนางเอก เบลล่า ราณี เหมือนหลุดออกมาจากหนังสือเป๊ะเลย ยิ้มทีใจละลาย ตาพร่ามัว (ตามหนังสือครับ) จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ละครกับหนังสือก็ต่างกันมากอยู่ แต่ผมก็ชอบทั้งในละครและในหนังสือนะ คือพูดในส่วนของหนังสือแล้ว เล่มนี้ผมไม่วางเลยครับ ไม่กินข้าว ไม่เข้าห้องน้ำ เป็นอะไรที่วางไม่ลงจริง ๆ เป็นหนังสือที่ครบรสมาก บทหวานก็หวานกันเลี่ยนทีเดียว บทจริงจังหรือเคร่งเครียดก็ทำออกมาได้ดีมาก แต่ฉากที่ผมชอบที่สุดก็คือฉากที่กรองแก้วเข้าไปทำอาหารในวังและฉากตอนที่คุณชายพุฒิภัทรเห็นครั้งแรกตอนประกวดนางสาวศรีสยามครับ คือจริง ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่า คุณชายธราธรกับคุณชายพุฒิภัทรเนี่ย ใครเนี้ยบและหัวโบราณกว่ากัน เพราะดู ๆ ไปคุณชายพุฒิภัทรแกก็ตึงเกินบางเรื่อง บางเรื่องที่ควรจะตึงกลับไม่ตึงซะงั้น นี่ละครับความรักทำให้คนตาบอดโดยแท้จริง ถึงขั้นทำให้คุณหมอจอมเนี้ยบโดดงานบ้าง ผิดจรรยาบรรณหมอบ้าง แต๊ะอั๋งนางเอกอยู่ตลอดเวลาบ้าง และสำคัญคือฉวยโอกาสจดทะเบียนสมรสกับนางเอก (ใครจะว่าไงไม่รู้นะ แต่แบบนี้ผมเรียกฉวยโอกาส) แต่ถ้าผมเป็นคุณชายพุฒิภัทร ผมรับรองได้เลยว่า ผมทำมากกว่านั้นอีก ผมมีอะไรจะพูดมากมายเกี่ยวกับนางสาวศรีสยาม กรองแก้ว บุญมี นางเอกที่ผมชอบที่สุดในหนังสือชุดนี้ 5 เล่ม ตอนแรก ๆ หลังจากอ่านหนังสือแล้วรู้ว่าจะทำเป็นละคร ผมคิดตลอดเลยนะว่านางเอกควรจะเป็นแต้ว ณฐพร เมื่อเห็นว่าเป็นเบลล่าก็ผิดหวังอยู่ แต่เมื่อมาดูตอนเธออ่อนแอแล้ว เรียกว่ากรองแก้วหลุดออกมาจากหนังสือได้ก็คงไม่ผิดครับ ทั้งอ่อนโยน อ่อนแอ อ่อนหวาน และทำให้คุณชายหมอของเรา อ่อนระทวยไปด้วย เนื้อเรื่องดูเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ก็แค่พระเอกไปดูประกวดแล้วเจอนางเอกแล้วตกหลุมรัก แล้วก็พานางเอกหนีจากผู้มีอิทธิพลที่ต้องการนางเอกไปเป็นเมียน้อย จากนั้นก็มีการต่อสู้กันนิด ๆ หน่อย ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับ พล็อตแค่นี้ง่าย ๆจะตาย ใช่ครับ พล็อตแค่นี้ไม่เห็นมีอะไรเลย แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้อ่านไม่วาง ไม่ว่าจะอ่านไปถึงฉากไหนก็มโนไปถึงฉากนั้น มโนว่าตัวเองเป็นพระเอก เป็นคุณหมอผู้เก่งกาจ หรือว่าสงสารกรองแก้วที่โดนใครต่อใครต่างมารุมทำร้าย ยิ่งอ่านก็ยิ่งหลงรักคู่พระนางนี้ครับ ในละครเราจะเห็นคุณหมอยศวินเป็นพระรอง ที่ถึงแม้จะไม่สมหวัง แต่ก็ยังโผล่มาให้เห็นหลายฉาก รวมทั้งมาชอบนางเอกด้วย แต่ในหนังสือไม่มีมากขนาดนั้นครับ แต่หม่อมหลวงมารตีเนี่ย ในละครร้ายมาก แต่ในหนังสือดูเหมือนเธอจะน่าสงสารมากกว่าครับที่ถูกปลูกฝังมาแบบผิด ๆ เลยทำให้เธอต้องมีจุดจบเช่นนั้น ผมว่าในเรื่องนี้หม่อมย่าเอียดและคุณย่าอ่อนค่อนข้างเด่นนะ อาจจะเป็นเพราะคุณชายพุฒิภัทรไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง และสะใภ้สองคนแรกก็มาจากตระกูลสูงศักดิ์หรือเปล่า ถึงได้คอยแต่จะกินหัวกรองแก้วซะขนาดนั้น แม้หม่อมย่าเอียดจะเป็นคนมีเหตุผลมากกว่า แต่เวลามองจิกก็ไม่แพ้ย่าอ่อนครับ อีกนิดนึงกับนายพลพินิจ ในละครนี่ ท่านเป็นคนบ้ากามมากเลยนะนั่น แต่ในเรื่องนี้ท่านเป็นลูกผู้ชายชายชาติทหารมากครับ จริงอยู่ว่าท่านส่งคนไปลอบทำร้ายคุณชายหมอที่แอบมาฉกกรองแก้วไปจากบ้านพักของท่าน แต่เมื่อท่านรู้ความจริงก็ยอมแพ้แต่โดยดีครับ มันต่างกับในละครนิดนึง เพราะในละคร จะบอกว่านายพลพินิจแกกลับมาตายรังก็น่าจะใช่ครับ สรุปว่า ไม่ว่าคุณจะเคยดูละครหรือไม่เคยดูก็ตาม ก็อยากให้อ่านหนังสือเล่มนี้ครับ มันอาจจะไม่ฟินจิกหมอนไปแบบคุณชายปวรรุจ แต่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกตอนแน่นอนครับ ผมเองก็ยิ้มปากฉีกไปถึงหูเลย อิจฉาคุณชายหมอเป็นที่สุด ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันนะครับว่า ถ้าหากมีภาคต่อไปเนี่ย คุณชายหมอจะอ้วนขึ้นมากี่กิโล ดูกรองแก้วทำอาหารเก่งซะขนาดนั้น เหมือนได้กินลอยออกมาจากหน้ากระดาษเลยครับ
ศรัญญา | 5 รีวิว
03/09/2013

นิยายชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ชุด คุณชายพุฒิภัทร ผู้แต่ง เก้าแต้ม คุณชายพุฒิภัทร เป็นเรื่องของคุณชายหมอ ศัลยแพทย์หนุ่มที่เก่งที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น เนื่องจากจบจากต่างประเทศมาและหาศัลยแพทย์ที่มีฝีมือดีมาเทียบได้ยาก คุณชายพุฒิภัทรเป็น 1 ใน 5 สิงห์แห่งจุฑาเทพ เป็นบุตรของหม่อมหยก ลูกสาวเจ้าสัวใหญ่ภรรยาคนที่สาม และมีน้อยชายที่มีมารดาคนเดียวกันคือ หม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ ทั้งสองมีเชื้อสายจีนและมีเจ้าสัวซ้งเป็นคุณตาซึ่งเป็นเจ้าของห้างหยกฟ้าห้างใหญ่และมีระดับในสมัยนั้น คุณชายพุฒิภัทร เป็นคนที่เงียบๆ และมีความจริงจังกับการทำงานเป็นอย่างมากไม่สนใจสาว ๆ หรือไม่ชอบไปเที่ยวยามราตรีเหมือนบรรดาน้องๆ วันๆ คุณชายหมอก็ใช้ชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลหรือวันหยุดพักผ่อนก็มักจะศึกษาหาความรู้ทางการแพทย์เพิ่มเติม จึงทำให้หม่อมย่าทั้งสองมองว่าคุณชายหมอเป็นคนที่เชื่อฟังและว่าง่ายที่สุดในบรรดาพี่ๆ น้อง ๆ จึงได้วางแผนจับคู่กับราชกุลเทวพรมตามคำสัญญา หลังจากที่พี่ชายใหญ่และชายรุจ ต่างก็ไม่ได้แต่งงานกับสาวๆ จากวังเทวพรมสักคน ชายหมอนี่แหละที่ต้องมารับผิดชอบคำมั่นสัญญาต่อจากพี่ๆ โดยหม่อมย่าหมายตามารตี พยาบาลสาวที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกับคุณชายหมอ ซึ่งหม่อมย่าทั้งสองเห็นว่าเหมาะสมกันยิ่งนักและมารตีเองก็ยินดีที่จะแต่งงานกับคุณชาพุฒิภัทรเพราะไม่ใช่แค่เพื่อรักษาคำสัญญาแต่เพราะคุณชายทั้งหล่อ เก่ง ที่สำคัญรวยมากๆ นั่นทำให้มารตีทำทุกอย่างเพื่อที่จะเข้ามาเป็นสะใภ้ของจุฑาเทพ แต่ก็มีเรื่องบังเอิญที่ทำให้ชายหมอได้เจอกับกรองแก้ว (นางเอก) เพราะชายพีร์เกิดอยากชมการประกวดนางสาวศรีสยามเข้าแต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนชายภัทรจึงไปเป็นเพื่อนและที่นี่ทำให้เขาเจอกรองแก้วนางสาวศรีสยาม แล้วก็มีเหตบังเอิญเนื่องจากกรองแก้วเข้ามาประกวดเพราะต้องการเงินรางวัลไปรักษาพ่อ ไม่ได้ต้องการเป็นอนุของท่านพินิจ เพราะหลังรับตำแหน่งเธอต้องไปเป็นอนุของท่านพินิต กรองแก้วจึงแกล้งตกเวลา และทำให้เธอบาดเจ็บและคุณชายหมอก็เป็นคนรักษา เธอพยายามจะขออยู่โรงพยาบาลให้นานที่สุดทั้งที่หายแล้วแต่ก็ขออยู่ต่อทำให้ชายภัทรสงสัยและที่สุดนางเอกก็สารภาพเรื่องราวทั้งหมดชายภัทรจึงยื่นมือเข้ามาช่วยโดยการพาไปพักกับหม่อมเกตุ ซึ่งเป็นพี่สาวของมารตี และสร้างเรื่องจดทะเบียนและแต่งงานกับกรองแก้ว เพื่อให้นายพลพินิจเข้าใจว่ากรองแก้วมีสามีแล้วและยอมปล่อยเธอไปแต่เรื่องก็ไม่ได้จบง่ายๆ นายพลพินิจใช่จะยอมแพ้ง่ายๆ สั่งให้คนมาทำร้ายคุณชายหมอจนหม่อมย่าทนไม่ได้ขอร้องให้กรองแก้วปล่อยชายหมอไป กรองแก้วตัดสินใจกลับบ้านเพราะเธอไม่ต้องการให้คุณชายต้องมาเดือดร้อนเพราะเธออีกแล้ว แต่ด้วยความรักคุณชายไม่ยอมแพ้ตามไปหากรองแก้วถึงอยุธยาและทั้งสองคนก็ได้ลงเอยกัน แต่กว่าจะลงเอยก็ลำบากแทบแย่ เรื่องราวของคุณชายพุฒิภัทรก็โอเคนะคะ แต่ค่อนข้างจะน้ำเน่าไปหน่อยนึงถ้าเทียบกับเรื่องอื่น เพราะจากที่อ่านมาดูเรื่องของสะใภ้คนนี้จะเป็นไปได้ยากสุด เรื่องนี้ขอบอกตรงๆ ว่าชอบนิสัยคุณชายหมอสุดๆ เลยดูมั่นคงในความรักมากที่สุดในบรรดาคุณชายทั้ง 5 อ่านได้ไม่น่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้ถึงกับสนุกมาก กลางๆ เรื่องแอบเนือยๆ นิดหน่อยค่ะ
เจนประภา | 5 รีวิว
26/05/2013

นิยายชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร สนุกกว่าในละครและแฝงสาระเกี่ยวกับสังคม เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับวงการนางงาม อำนาจ และความรักของพี่น้องได้ดี

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024