เมโลดี้รัก (ชาครียา)

เมโลดี้รัก (ชาครียา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789740435273
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 240.00 บาท 60.00 บาท
ประหยัด: 180.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ทันทีที่ก้าวออกจากลิฟต์ เสียงเพลงเต้นรำก็ดังผ่าน

ประตูไม้หนาทึบประดับกระจกสีออกมา หญิงสาวอมยิ้ม เธอเคาะประตู

และผลักเข้าไปเพราะประตูไม่ได้ล็อก แต่แล้วต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นสิ่ง

ที่ปรากฏตรงหน้าภายในห้องโถงกว้างที่ตกแต่งแบบโบฮีเมียน กลางห้อง

มีพรมลายวิจิตร วางหมอนผ้าไหมใบโตหลากสีสด โซฟาหนานุ่มบุผ้า

สีเขียวแดงหม่นปักด้วยดิ้นทองวางอยู่ที่มุมห้องติดหน้าต่างกระจกกว้าง

ซึ่งติดผ้าม่านสีแดงอีกเฉดหนึ่ง แสงที่ส่องผ่านกระจกทะลุผ้าม่านให้

แสงสีที่ร้อนแรง บนผืนพรมกว้างและโซฟาต่างมีหญิงชายหลายคู่ บ้าง

นั่งดื่มกิน บ้างเต้นรำส่งเสียงเฮฮา

บรรยากาศในห้องนี้ทำให้หญิงสาวนึกถึงภาพฮาเร็มอันหรูหรา

และสึกลับในหนังอาหรับ

หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นแต่คนแปลกหน้า

ขณะที่กำลังตัดสินใจว่าควรจะถอยหลังกลับหรือเดินหน้าต่อ

ด้วยการออกปากถามถึงฐิติ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ร่างกายท่อนบนเปลือย เปล่าเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกและแขนเป็นมัด นอนตะแคงศอกข้างหนึ่ง

ยันกาย มืออีกข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ เหลือบตาชื้นมองเธอพอดี ดวงตาที่

หรี่ใกล้หลับล่องประกายวาววามเหมือนได้น้ำมันชั้นดีขึ้นมาทันที เขายัน

กายชื้นนั่ง จ้องเธอนึ่งเหมือนถกสะกดจิต แล้วรอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏ ชื้น

“เฮ้พวกเรา นางฟ้าที่ไอ้ใหญ่โทรสั่งมาแล้ว !” เขาหันไปตะโกนบอกพรรคพวก

สายตาหญิงชายทุกคู่หันมามองเธอเป็นจุดเดียว

หญิงสาวยืนนิ่งขึง สายตาวาววามเหมือนเสือหิวเห็นเหยื่อของ

พวกผู้ชาย ทำให้เธอตกใจกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น เท้าตรึงอยู่กับที่

ชายหนุ่มต้นเสียงลุกขึ้น เดินย้ายสะโพกและเคลื่อนเท้าตาม จังหวะเพลงเต้นรำเร้าใจ ทำทางเหมือนนักเลงโตที่กำลังต้อนเหยื่อสาวให้ จนมุม

หญิงสาวร้องบอกตัวเองให้หันหลังกลับ แต่เท้ากลับไม่เคลื่อนไหว !

“มาเต้นรำกันดิกว่าน้อง” ชายหนุ่มส่งยิ้มพลางเอื้อมมาจับมือ แล้ว สับเท้าน้าเต้น แต่เมื่อหญิงสาวยืนนิ่งขึง เขาจึงกระตุกแขนทำให้เธอเสีย หลักเข้าไปหา แล้วรวบเอวหมับ มืออีกข้างหนึ่งตะปบที่กัน หญิงสาวร้องกรี๊ด

“ไอ้บ้า ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ !” เธอผลักเขาสุดแรง ทำให้ชายหนุ่ม เสียหลักแทบกระเด็น

สายตาทุกคู่ยังมองอย่างสนุกสนานเหมือนกำลังดูการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจ

“เฮ้ย ! คนนี้ฤทธิ์มากว่ะ อย่ายอมแพ้นะโว้ยไอ้มาร์ค” เสียงเชียร์

แกมท้าทายดังมาจากโซฟา ตามด้วยเสียงปรบมือของพวกสาว ๆ

ชายหนุ่มที่ชื่อมาร์คหันกลับมาทางหญิงสาวที่ยืนอ้าปากค้าง แล้ว หมุนตัวกลับวิ่งไปที่ประตู เขากระโดดทีเดียวก็คว้าไหล1เธอไว้ได้ ดิงให้ เธอหมุนตัวกลับมาอย่างแรง จนหญิงสาวเสียหลักล้มลงไปบนพื้นพรม เขาโถมตัวลงมาทับตัวเธอไว้

หญิงสาวร้องกรี๊ดอีกครั้งเมื่อได้ยืนเสียงเสื้อขาด และเจ็บแปลบ ที่ไหล่ จังหวะกลองรัวเร็วด้งสอดแทรกกับเสียงหัวเราะ เสียงปรบมือ และเสียงเชียร์ด้งอื้ออึงอยู่ในหัว เธอพยายามกัดพ้นดิ้นสุดตัว

นี่มันอะไรกัน! เธอขึ้นมาบนเพนต์เฮาส์เพื่อทักทายพี่ชาย แต่ทำไมจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้

“สงสัยไอใหญ่มันอยากให้ตื่นเต้น เลยสั่งให้เล่นตัวว่ะ” ผู้ชาย

ร่างใหญ่ที่นอนทับอยู่บนตัวเธอหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนแล้วหัวเราะจน

เธอรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมที่กดทับลงมาบนร่างของเธอ พลางก้มหน้า

ลงมาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจผสมกลิ่นแอลกอฮอล์

“หยุดได้แล้วน้อง ไม่ต้องเล่นให้สมบทบาทหนักก็ได้ พี่เหนื่อย”

“ไอ้บ้า !” หญิงสาวอ้อมมือไปทางด้านหลัง คว้าผมดกหนาของเขา กระชากสุดแรงจนหน้าหงาย เขาร้องสุดเสียง เธอรีบผลักเขาออกและ

พลิกตัวควํ่า ยันตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่งไปที่ประตูห้อง แต่กลับต้องล้มก้น กระแทกอีกครั้ง เพราะถูกกระชากผมจากด้านหลัง

“ฤทธิ์มากนักนะน้อง มันต้องโดนอย่างนี้” เขากระโดดคร่อมเธอ “กรี๊ด ! ช่วยด้วย ! พี่ใหญ่ช่วยน้องเล็กด้วย !”

เสียงกรีดร้องที่ดังแทรกเสียงดนตรีอีกทึก ทำให้ชายหนุ่มกับ

หญิงสาวที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องชะงักงันและยืดตัวตรง

“เสียงอะไร?” เขาหันไปถามหญิงสาวที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยเพราะ แขนเสื้อสายเดี่ยวตกลงไปอยู่ที่ตันแขน และกำลังลูบไล้ร่างกายท่อนบน

ที่เปลือยเปล่าของเขาอย่างเพลิดเพลิน

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส“เสียงนางฟ้าที่คุณสั่งมาให้มาร์คน่ะสิคะ” “พี่ใหญ่ช่วยน้องเล็กด้วย !” เสียงกรีดร้องด้งขึ้นอีกครั้ง ในจังหวะ ที่เสียงเพลงจบลง ก่อนเริ่มเพลงใหม่

ชายหนุ่มผลักหญิงสาวออก ผลุนผลันก้าวไปหาตันเสียง “ทำอะไรกันวะ?” เขาร้องถามเมื่อเห็นเพื่อนๆ จ้องไปที่กลางห้อง เมื่อหันไปมอง เขาอ้าปากกว้างเบิกตาค้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า

หญิงสาวผมหยิกยุ่งเหยิงนอนอยู่บนพื้นพรม โดยมีมาร์คคร่อม

อยู่ด้านบน เธอเบิกตาโพลงอย่างตื่นตระหนก เมื่อสบตากัน เธอคอพับแน่นิ่งไป

ฐิติตรงเข้าไปคว้าคอเสื้อเพื่อนชายเหวี่ยงไปอีกทาง ท่ามกลาง

เสียงร้องตกใจของเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในห้อง แล้วทรุดตัวลงนั่ง ช้อนตัวหญิงสาวมาไว้ในอ้อมแขน เขาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างตกใจและนึกไม่ถึง

เมื่อเหลือบเห็นเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของเธอ มือของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุม

ไม่ได้ ฐิติพูดอะไรไม1ออก ดวงตาที่เบิกกว้างของเขาเริ่มร้อนผ่าว ร่างที่ อ่อนบิวกเปียกในอ้อมแขนทำให้เขาหายใจไม่สะดวก เขาฟุบหน้าลงบน ร่างของหญิงสาวแล้วร้องโหยหวน

ทำทางของฐิติทำให้ทุกคนรับรู้ถึงความผิดปกติ รีบเดินเข้ามายืน ล้อมรอบ

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะใหญ่ เขาสลบไปก่อน” มาร์ครีบร้องบอก

'‘เขาไม่เป็นอะไรหรอกใหญ่” เพื่อนสาวคนหนึ่งเข้ามาแตะไหล่

“แค่เป็นลม เดี๋ยวฟืนขึ้นมาก็จ่ายเงินเพิ่ม แล้วไล่กลับบ้านไปซะก็สิ้นเรื่อง”

ฐิติเงยหน้าขึ้น สีหน้าเจ็บปวด พูดเสียงสั่นเครือ “เขาเป็นน้องสาวผม”

ทุกคนผงะ โดยเฉพาะมาร์คที่กอยหลังกรูดอย่างอัตโนมัติ

 

บุษยาร้องไห้โฮเมื่อเห็นฐิติอุ้มนาราในสภาพไม่ได้สติเข้ามาในบ้าน

เธอเอื้อมมือไปแตะใบหน้าขาวซีดล้อมรอบด้วยผมหยิกยุ่งเหยิงสีนํ้าตาล อย่างเวทนา และเมื่อฐิติพาร่างเธอไปนอนบนโซฟา ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่ ห่อหุ้มตัวเธอไว้ก็หลุดลุ่ยลงเผยให้เห็นเสื้อผ้าที่ฉีกขาด รอยเขียวซ้ำที่

ไหล่และเนินอก เธอถึงกับทรุดตัวลงนั่งเหมือนจะเป็นลมตามไปด้วย

“ทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ ?” ทรรศนะผู้เป็นพ่อของฐิติถึงกับนิ่ง

อึ้งเมื่อเห็นสภาพหลานสาว เขาหันไปถามลูกชายอย่างนึกไม่ถึงแกมตำหนิ ฐิติหลุบตาตํ่า พยายามสกัดกั้นอารมณ์หลากหลายที่ทุ่งทะลักขึ้นมาจาก

อก เขาโกรธที่ไม่มีใครบอกว่านารากลับมาเมืองไทยแล้ว เจ็บปวดที่เห็น

เธออยู่ในสภาพถูกทำร้ายยับเยิน และโกรธที่นาราไปที่เพนต์เฮาส์ของเขา

“ทำไมไม่มีใครบอกผมเรื่องน้องเล็ก ? น้าบุษให้น้องเล็กไปที่นั่น

ทำไม ?” เขาหันไปพูดกับผู้เป็นน้าเสียงด้งสั่นบ้าน

บุษยามองหน้าหลานชาย ดวงตาฉายแววโกรธและปวดร้าวจน

ชายหนุ่มต้องเบือนหน้าหนี

“น้าไม่รู้ว่าใหญ่จะจัดปาร์ตี้ที่นั่น น้าไม่รู้ว่าปาร์ตี้ของใหญ่เป็นอย่าง นี้” บุษยาพูดเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลพรูออกมาอีกครั้ง เธอนึกไม่ถึงว่า

หญิงสาวที่วิ่งออกจากบ้านไปอย่างร่าเริง หวังจะทักทายพี่ชายที่จากกัน

ไปนานนับสิบปี จะกลับมาด้วยสภาพยับเยินเช่นนี้

“ทำไมใหญ่ดูแลปกป้องน้องไม่ได้ทั้งๆ ที่ใหญ่อยู่ที่นั่น” ทรรศนะต่อว่าต่อขานอย่างผิดหวัง

ฐิติเอื้อมมือไปจับมือน้าสาว ดวงตาฉายแววเจ็บปวด มือของเขาสั่นเทา

“ผมไม่เห็นตอนน้องเล็กเข้าไป น้องเล็กยังไม่เป็นอะไร...ยังไม่ทัน

ทำอะไร” น้ำเสียงตอนท้ายขาดหายไปด้วยความสะเทือนใจ เขารู้ดีว่าถ้า

เขาได้ยินเสียงร้องเธอข้าไปลักนิด หรือถ้าเธอไม1เป็นลมไปเสียก่อน ทำให้ เพื่อนของเขาตกใจ เหตุการณ์คงล่วงเลยไปจนเขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เลย

“ใหญ่เคยเป็นคนที่น้องรักที่สุดนะ” บุษยาพูดพลางจ้องหน้า หลานชายคนโต “น้าไม่รู้ว่าพอน้องเล็กฟืนขึ้นมาแล้ว ความรู้สึกของเขาจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”

ฐิติเบือนหน้าหนีคำพูดที่เชือดเฉือนจิตใจของบุษยา

“น้าบุษช่วยบอกน้องเล็กด้วยก็แล้วกันว่าผมขอโทษ” ชายหนุ่มพูด ขณะมองหน้าหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติ ราวกับต้องการให้เธอได้ยินด้วย

ตัวเอง จากนั้นก็เดินไหล่ตกออกไป

บุษยามองตามหลานชายไปจนลับตา ก่อนจะหันมามองร่างหญิง สาวที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟาด้วยสายตาสงสาร เธอเคยบอกนาราว่า หลัง

การจากไปของนิลุบล ทุกคนในครอบครัวก็เปลี่ยนไป นาราคงไม่คิดว่า

จะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ เพราะแม้แต่เธอเองก็ยังคิดไม่ถึง แม้รู้ว่าฐิติ

ควงสาวไม่เสือกหน้า แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะขาดความยับยั้งชั่งใจถึงขั้น

จัดปาร์ตี้มั่วเซ็กซ์ขึ้นในเพนต์เฮาส์ที่อยู่ในอาณาเขตบ้านของตัวเอง

บุษยาหันกลับมามองทรรศนะผู้เป็นพี่เขย เห็นสีหน้าเศร้าของเขา เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้งหนึ่ง

 

‘หยุดเล่นเดี๋ยวนี้ !”

ฐิติสาวเท้าเข้ามาในห้องโถง ตะเบ็งเสียงดังลั่นออกคำสั่ง ทว่า

เสียงเปียโนพลิ้วหวานยังคงดังต่อไปอย่างไม่สะดุด ตรงกันข้าม...นัก

เปียโนสาวที่นั่งหันหลังให้ยังบรรจงพรมนิ้วไปบนคีย์บอร์ดเปียโนอย่าง

ได้อารมณ์ ผมหยิกหย็องที่รวบสูงมัดอยู่กลางกระหม่อมและปล่อย

ปลายเหมือนต้นหอมพลิ้วไปตามจังหวะดนตรี กระตุ้นอารมณ์โกรธของ เจ้าของบ้านยิ่งขึ้น

ใครย้ายเปียโนมาไว้ที่นี่ ทั้ง ๆ ที่มันถูกย้ายไปไว้ไนห้องเก็บของนานแล้ว

เสียงเปียโนได้ปลุกจิตวิญญาณของบ้านหลังนี้ให้หวนกลับคืนสู่ บรรยากาศเดิม ๆในอดีต...อดีตอันแสนสุขที่ในยามนี้คิดถึงแล้วปวดร้าว เพราะรู้ดีว่าอดีตจะไม่มีวัน'หวนคืน

ชายหนุ่มเพ่งมองไปที่คีย์บอร์ดเปียโนด้านช้ายแล้วขบกราม กำมือแน่น

ใครเล่นเปียโน!

ชายหนุ่มกำมือแน่น เดินตุ่มๆไปหยุดยินอยู่ด้านข้างเปียโน เอื้อม

มือจะคว้าไหล่กระชากให้เธอหันกลับมา ในจังหวะที่นักเปียโนสาวเล่น

จบเพลง และเงยหน้าขึ้นมองพอดี ใบหน้าและแววตาของนักเปียโนสาว

ทำให้เขาอ้าปากค้างอย่างนึกไม่ถึง เขาชักมือกลับอัตโนมัติ

“น้องเล็ก...” ชายหนุ่มพึมพำในล่าคอ

หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวมีจุดเด่นที่ดวงตาโตขี้เล่น จมูกโด่ง

เป็นสันและผมหยิกสีน้ำตาล บ่งบอกถึงความเป็นลูกครึ่ง ฉีกยิ้มกว้าง

เต็มใบหน้า และลุกขึ้นยินโค้งคำนับอย่างงามสง่า เหมือนนักเปียโนเอก

ที่ยืนโค้งรับเสียงปรบมือหลังจบการแสดง

ชายหนุ่มยินนิ่งขึง

'‘ฮัลโหลพี่ใหญ่ น้องเล็กไงคะ” น้ำเสียงใสพูดสำเนียงไทยชัดเจนแม้จะมีหน้าตาลูกผสม

ฐิติจ้องตา เธอ ภาพหญิงสาวที่ถูกทำร้ายอย่างยับเยินเมื่อคืนนี้วูบ เข้ามาในความรู้สึก ทำให้ชายหนุ่มเผลอถอยหลังกรูดราวกับกลัวว่าเธอ

จะโผเข้ามาหาเพื่อแก้แค้น เขามองเห็นร่องรอยการถูกทำร้ายอยู่ที่บริเวณลาดไหล่ของเธอ แล้วเผลอกลืนนํ้าลายอย่างยากเย็นและหลบตาวูบ

“น้องเล็กหายดีแล้วหรือ ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามแทบไม่มีเสียง

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส

'‘เมื่อคืนฝืนร้าย ตอนนี้เช้าแล้วค่ะพี่ใหญ่” เธอพูดราวกับไม่เคย

เกิดเหตุร้ายขึ้น “ไปคุยกันทางนั้นเถอะค่ะ” หญิงสาวตอบพลางคว้ามือ

เขาจูงเดินไปที่โซฟามุมห้อง

ฐิติเดินตามโดยก้มมองช่วงคอระหงที่มีปลายเส้นผมจากการรวบ

สูงไว้กลางศีรษะตกลงมาเคลียต้นคอ แล้วมองตํ่าลงมาที่บริเวณลาดไหล่

ขาวผ่อง เขาไม่อยากเชื่อตาตัวเองว่าเด็กหญิงตัวสูงเก้งก้าง ผมหยิกตาโต เหมือนเด็กหญิงจอมแก่นในการ์ตูนญี่ปุ่น จะเติบโตขึ้นมาเป็นนักเปียโน

สาวที่สวย งามสง่า และคล่องแคล่วเช่นนี้

บุษยานั่งอยู่ที่นั่น กอดอกล่งยิ้มให้ สีหน้าแจ่มใส

ชายหนุ่มติหน้าไม่ถูก เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลย เอาแต่คิดวน

ไปวนมาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเพนต์เฮาส์ และคิดไม1ตกว่าจะเผชิญ

หน้ากับนาราอย่างไร ไม่คิดว่าเข้านี้จะพบกับรอยยิ้มสดใสของทั้งน้อง

สาวและน้าสาวเช่นนี้ ทั้งคู่ทำราวกับว่าไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

“ช่างจูนเปียโนเพิ่งกลับไปจ้ะน้องเล็กเลยฉลองเสียยกใหญ่”

บุษยา รายงาน “คงยังไม่มีใครบอกใหญ่สีนะว่าน้องเล็กจะกลับมาอยู่ที่นี่สักพัก หนึ่ง”

หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง พลางเอียงคอรับค่าพูดของบุษยา

หลังจากเรียนจบด้านการร้องเพลง และเสร็จสิ้นการฝึกงานอัน

ยาวนานในคลินิกดนตรีบำบัดของอาจารย์และจิตแพทย์ที่เคยให้การ

รักษาเธอในวัยเด็ก เธอเตรียมวางแผนตระเวนเก็บข้อมูลและบันทึก

เสียงเพลงกล่อมลูกและเพลงพื้นบ้านในเอเชีย เพื่อนำมาร่วมแสดง

นิทรรศการเสียงเพื่อการบำบัด ที่อาจารย์ของเธอเป็นแม่งานซึ่งจะมีขึ้นใน

                        (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

นารา เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อสูญเสียแม่ เธอต้องจากครอบครัวนี้ไปอยู่กับพ่อที่อเมริกาโดยไม่ได้ติดต่อใครเลย สิบปีต่อมา "ป้านิ" ผู้สอนเปียโนให้นาราและเป็นผู้ที่เธอรักยิ่งกว่าแม่แท้ ๆ เสียชีวิตด้วยเหตุอันน่าสะเทือนใจ ผู้ชายสามคนในครอบครัวต่างถูกความเศร้าครอบคลุม นาราจึงกลับมาบ้านเกิดเพื่อช่วยเหลือทุกคนโดยการใช้เสียงดนตรีและการฮัมเพลงที่เรียนรู้มา บำบัดสิ่งติดค้างในใจให้พวกเขา การมองโลกในแง่ดีของหญิงสาวผู้สดใสและเสียงดนตรี จะทำลายโลกหม่นเศร้าของสมาชิกหนุ่มในครอบครัว และช่วยเพื่อนเก่าตัวอ้วนสติแตกได้อย่างไร...เป็นสิ่งที่ผู้อ่านต้องตามลุ้น พร้อม ๆ กับได้อมยิ้มไปกับมุกขัน ๆ ที่แทรกไว้ตลอดเรื่อง


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024