Times พลิกเวลา ล่ารัก (ณารา)

Times พลิกเวลา ล่ารัก (ณารา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019014
ผู้แต่ง: ณารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 270.00 บาท 67.50 บาท
ประหยัด: 202.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

เสียงหัวใจเต้นรัวดังก้องอยู่ในหู ลมหายใจหอบกระชั้นและปอดร้อนผ่าวจนแทบระเบิด ขณะที่มอร์ริแกนกำลังวิ่งสุดฝีเท้าไปตามอุโมงค์สว่างไสวสะท้อนออกมาจากผนัง ไฟจากเพดานสาดส่อง พื้นใต้ฝ่าเท้าเป็นโลหะสีเงินมันปลาบ เสียงสัญญาณบอกว่ามีผู้บุกรุกดังสะท้อนไปทั่วอาคาร หากยังไม่ดังไปกว่าเสียงปืนไล่ที่ยิงตามหลัง อาการปวดตุบๆ บนไหล่ไม่สามารถยับยั้งเธอได้ เมื่อเป้าหมายของเธออยู่ตรงหน้าแล้ว อีริค เพื่อนที่เป็นทั้งคู่หูและคนรักของเธอหันไปยิงสกัด ทั้งสองได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติการร่วมกัน ในภารกิจที่ไม่เคยประสบความสำเร็จขององค์กร...

ร่างของอีริคกระเด็นไปกระแทกผนัง เมื่อกระโดดหลบกระสุนปืนที่เหล่ายามยิงมาตรงหน้าประตูห้องลับ ร่างของเขาถูกยิงหลายแห่ง เลือดไหลท่วมกาย หากนักฆ่าอย่างเขาไม่ปริปากร้องครวญครางให้ได้ยินออกมาแม้แต่น้อย

“ไป...มอร์ริแกน...ผมจะยิงคุ้มกันให้คุณเอง”

หัวใจของมอร์ริแกนปวดร้าว หากเธอไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางสีหน้า เพราะเธอเองก็ถูกฝึกมาไม่ต่างไปจากอีริค ว่าจะต้องไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา แม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม

“คุณคือความหวังเดียวเท่านั้นของเรา เพื่ออนาคตของโลก เพื่อพวกเราทุกคน”

เธอมองเขานิ่ง...รู้ว่านี่คือชะตากรรมของทั้งสอง ไม่มีความเสียใจ ไม่มีน้ำตา และเขาไม่มีโอกาสรอดแล้ว เธอจะต้องยอมรับ

เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋า หยิบกล่องแก้วขึ้นมา ระหว่างที่เธอหยิบดวงตาที่แช่ในน้ำยาขึ้นมาให้เครื่องสแกน ดวงตาที่เพิ่งได้มาจากศพของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งจะช่วยเปิดประตูห้องปฏิบัติการได้ เธอจ่อดวงตาไปยังกรอบสี่เหลี่ยม เพื่อให้แสงเลเซอร์สีเขียวแล่นผ่านเมื่อมีวัตถุอยู่ตรงหน้า ทั้งมอร์ริแกนและอีริคกลั้นใจ...เพราะมันคือความหวังสุดท้าย หาไม่แล้ว ทั้งสองจะต้องจบชีวิตลงที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย

เสียงเครื่องตอบรับว่าสัญญาณถูกต้อง แสงไฟสีเขียวสว่างวาบๆ ก่อนประตูโลหะหนักอึ้งจะค่อยๆ เคลื่อนเปิดออก

“ไปด้วยกัน” เธอพยายามปฏิเสธความจริงที่รับรู้ ลากร่างของอีริคให้ผ่านประตูเข้าไปอย่างยากเย็น หากร่างใหญ่ของเขาก็หนักเกินกว่าจะพยุงได้ไหว และเขาก็รู้ตัวดี...

“...ผมคงจะไปกับคุณไม่ได้แล้ว...แต่ผมจะช่วยป้องกันคุณเอง...รีบไปเถอะ”

กรามเล็กขบเข้าหากันแน่น...อีริครู้ และเธอก็รู้เช่นกัน เขาคลานเข้าไปด้านหลังประตู พยุงตัวเองลุกขึ้นปิดประตู พยายามจะเดินไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวางระเบิดทำลายแผงวงจรก่อนที่พวกนั้นจะเปิดเข้ามาได้ แล้วผลักเธอไปอย่างอ่อนแรงเต็มที แล้วรีบปิดลง และพยุงตัวเองลุกขึ้น เพื่อจะเดินไปยังห้องปฏิบัติการ

“ไปได้แล้วมอลลี่ ขอให้คุณโชคดี”

มอร์ริแกนพยักหน้า เธอกอดและจูบเขา เพื่อแสดงความขอบคุณและถ่ายทอดความรักให้แก่เขา ดวงตาของเธอร้อนผ่าว เมื่อหมุนตัวออกวิ่งไปยังเจ้าเครื่องยนต์ตรงหน้า

อีริคพยุงร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงหลงเหลือไปจากประตู ก่อนจะกดระเบิดทำลายระบบล็อกของห้องปฏิบัติการ จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซตรงไปยังแผงควบคุมเครื่องยนต์ที่มอร์ริแกนก้าวขึ้นไปนั่ง และเธอก็เปิดเครื่องให้เริ่มต้นทำงาน ไฟในแคปซูลเล็กๆ สว่างจ้าพร้อมรับคำสั่ง มอร์ริแกนหันไปมองอีริคอีกครั้งเมื่อประตูเครื่องค่อยๆ ปิดลง อีริคยกมือโบกลาเธอ

มอร์ริแกนมองเขาจนกระทั่งประตูปิด เธอกัดฟันจนกรามแทบหัก ข่มความเจ็บปวดที่อัดแน่นในอกเมื่อรู้ชะตากรรมของอีริคดีหลังเธอจากไป แต่ทางเลือกไม่ใช่ของเธอ ชีวิตไม่ใช่ของเธอ...

หญิงสาวบังคับตัวเองให้หันไปมองข้างหน้าผ่านกระจก เห็นอุโมงค์เล็กๆ เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกินสองเมตร กว้างพอสำหรับเจ้าแคปซูลเครื่องนี้เท่านั้น เสียงคอมพิวเตอร์บอกว่ามันพร้อมทำงานแล้ว และเริ่มนับเวลาถอยหลัง เธอจับคันบังคับแน่น พร้อมที่จะเดินทาง...ไปปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย

๕...๔...๓...๒...ตูม!

 

อีริคดึงระเบิดออกมา เขาวางมันตรงแผงควบคุม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง...มือของเขาเย็นชืดและแทบจะขยับไม่ไหว สายตามองตามแคปซูลเล็กที่เคลื่อนที่ไปราวกับกระสุนถูกดีดออกจากรังเพลิง

“ผมขออวยพร...ขอให้คุณทำงานให้สำเร็จนะมอลลี่...เพื่อเด็กๆ ในอนาคตจะได้ไม่มีชะตากรรมเหมือนเรา...”

เขาหลับตาลง...พร้อมกับกดให้ระเบิดทำงาน...

 

ยานลำเล็กพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีก็เพิ่มความเร็วสูงขึ้น ตรงหน้าเธอมองเห็นวงแหวนที่ค่อยๆ แยกตัวออก ตรงกลางมีแสงสว่างจ้าม้วนเป็นวงกลมเข้าไปในสีดำมืดมิดตรงกลางที่ค่อยๆ กว้างขึ้นเรื่อยๆ แล้วเธอก็หลับตา เมื่อแสงรอบกายนั้นสว่างจ้าจนสายตาของเธอรับไม่ไหว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำมืดมิด มือที่จับคันควบคุมสั่นสะเทือน เธอรู้ว่ามันจะต้องสั่นสะเทือน หลังจากได้ฝึกฝนมาอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่นึกว่าของจริงจะมีแรงสั่นสะเทือนมากจนร่างกายแทบจะถูกกระชากออกเป็นริ้วๆ

ทุกอย่างควรจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ระเบิดที่เกิดตามหลังทำให้ระบบบนแผงสัญญาณรวนไปหมด เปลวไฟลูกใหญ่ที่พุ่งตามมาในอุโมงค์ แรงกระแทกแคปซูลนั้นทำให้เกิดแรงอัดอันทรงพลังยิ่งขึ้นกว่าเดิม และมอร์ริแกนไม่รู้ว่าเครื่องยนต์บางส่วนถูกทำลายเพราะแรงอัดนั้น เพราะเธอกำลังมึนงงเมื่อเครื่องสั่นสะเทือนและหมุนติ้ว แรงกระชากทำให้ศีรษะกระแทกเข้ากับผนังข้างตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก เพียงพอให้สองร่างสอดเข้าไปได้เท่านั้น ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ เวลาบนหน้าจอที่หมุนติ้ว...ต่างไปจากที่เธอตั้งไว้ถึงสองปีก่อนหน้า...

เมื่อวงกลมตรงหน้าเปิดขึ้นอีกครั้ง แคปซูลเล็กๆ ก็พุ่งจากความมืดของห้วงเวลาสู่ความมืดมิดของยามค่ำคืน ก่อนที่ประตูมิติจะปิดลงอย่างถาวร

ร่างกายของมอร์ริแกนปวดร้าวราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นส่วนๆ ศีรษะของเธอหมุนคว้างจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้แต่ว่าแสงสีขาวสว่างจ้าพุ่งผ่านกระจกด้านหน้าเข้ามาจนทำให้ดวงตาพร่าไปหมด มองไม่เห็นอะไรไปชั่วขณะจนกระทั่งแสงนั้นดับวูบไป เธอก็มองเห็นรอบตัวห่อหุ้มด้วยสีเขียวไหวๆ ก่อนจะได้ยินเสียงดังตูมอีกหน

แสงไฟที่กำลังแผดเผาเครื่องดับไปทันทีที่เจ้าแคปซูลนั้นดำดิ่งลงไปในน้ำ กลไกอัตโนมัติที่ยังคงทำงานอยู่ดีดประตูเปิดออก สายรัดเข็มขัดถูกปลดทันทีที่สัมผัสน้ำซึ่งทะลักเข้ามาภายในห้อง และปริมาณน้ำที่ไหลพรั่งพรูเข้ามา ทำให้เธอที่หมดสติไปชั่วครู่ตื่นขึ้นมาเพราะสำลักน้ำเข้าไปอย่างจัง พอลืมตาขึ้นมา ร่างเธอก็ค่อยๆ ลอยจากเก้าอี้ของเครื่องที่ค่อยๆ จมลงสู่ความมืดมิด

มอร์ริแกนพยายามยกแขนขึ้นเพื่อพยุงตัว แต่แล้วเธอก็ได้แต่กัดฟันเมื่อความเจ็บแปลบแล่นปราดไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เธอไม่มีทางว่ายน้ำเข้าฝั่งไปได้ในสภาพนี้แน่ แต่ด้วยประสบการณ์และการฝึกฝนมาอย่างหนักทำให้เธอตั้งสติว่าร่างกายยังจะไม่จมน้ำในอีกหนึ่งถึงสองนาทีข้างหน้า เพราะปอดของเธอแข็งแรงพอถ้าไม่หวาดกลัวจนสำลักและปล่อยอากาศในปอดหมด

เธอเริ่มสำรวจร่างกายตัวเอง พบว่าขาทั้งสองข้างหัก แขนขวาก็หักและถูกยิง มีแขนเพียงข้างเดียวที่ยังพอรับน้ำหนักได้ไหว และน้ำก็ช่วยพยุงร่างเอาไว้ไม่ให้กระทบกระเทือนมากนักถ้าไม่ขยับตัว บวกเข้ากับมีบาดแผลอีกหลายแห่งจากการต่อสู้อันบ้าระห่ำในการบุกเข้าไปในฐานปฏิบัติการลับขององค์กรวอลเลอร์ที่ควบคุมโลกไว้ในกำมือแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ จนกระทั่งเกิดองค์กรลับขึ้นมามากมายทั่วโลก เพื่อต่อต้านการกระทำของพวกเขา

แต่เวลานี้เธอไม่มีสมองสำหรับคิดถึงสิ่งที่พวกมันทำ เพราะหากไม่หาวิธีเอาตัวรอด เธอก็จะไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะคิดได้อีกเลยตลอดชีวิต

มอร์ริแกนปล่อยให้ตัวเบา ใช้แรงดันน้ำส่งร่างให้ลอยขึ้นมาสู่ผิวน้ำ จากรสชาติน้ำที่สำลักเข้าไป บอกให้รู้ว่าเป็นน้ำจืด และน้ำนิ่งไม่มีแรงขับเธอเคลื่อนไปทางซ้ายหรือขวา ความนิ่งสงบของมันช่วยให้เธอลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอยังมองไม่เห็นผืนฟ้าชัดเจนนักเมื่อความกดดันรอบตัวเบาบางลงขณะลอยขึ้นใกล้ผิวน้ำ

แล้วร่างของเธอก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำ

มอร์ริแกนอ้าปากหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเพราะมันเป็นสิ่งสำคัญที่ร่างกายต้องการอย่างยิ่งยวด หลังจากหายใจติดๆ กันเข้าไปจนพอใจแล้ว เธอก็เริ่มมองรอบๆ ตัวว่าตนกำลังอยู่ที่ไหน พอเห็นว่าเป็นกลางป่าในเวลาโพล้เพล้ เธอก็โล่งใจ เพราะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะไปสู้รบตบมือกับใครในเวลานี้ แต่ที่น่าห่วงคือเธอยังอยู่ห่างจากฝั่งที่ใกล้ที่สุด ซึ่งมองเห็นหาดเล็กๆ ที่พอจะพาร่างสะบักสะบอมขึ้นไปเกยได้ อย่างน้อยก็เอาตัวรอดจากผืนน้ำแห่งนี้ไปให้ได้เสียก่อน ระยะทางเท่าที่คะเนจากสายตาและสมองที่ยังคงเฉียบคม คิดว่าราวๆ สามร้อยเมตร ถ้าหากแขนขาปกติ คงใช้เวลาไม่กี่นาทีแต่เวลานี้คงต้องใช้วิธีพลิกตัวนอนหงาย แล้วใช้แขนข้างที่ปกติที่สุดพยุงตัวเพื่อพาเข้าหาฝั่ง

นานจนเธอแทบจะหมดแรง และคอยเหลียวมองด้านหลังเป็นระยะ ใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อยที่ใกล้ถึงฝั่งเข้ามาทุกที เวลานี้เธอแทบจะยกแขนขึ้นไม่ไหว แต่เธอยังจดจำค่ำคืนที่ผ่านการฝึกอย่างหฤโหดมาได้ดี ทุกครั้งที่เธอท้อแท้เหน็ดเหนื่อย เธอจะคิดถึงคำพูดของครู

‘หากพวกคุณผ่านค่ำคืนนี้ไปได้ โลกจะปรบมือต้อนรับนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก หากคุณผ่านการฝึกนี้ไปได้ คุณจะมีชีวิตรอดในทุกสมรภูมิ!’

เธอกัดฟันแน่น จะไม่มีวันท้อแท้แก่โชคชะตา หากยังมีลมหายใจ ความหวังยังคงอยู่เสมอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นจังหวะเพื่อไม่ให้ตัวเองเหนื่อยมากนักจากการว่ายน้ำมาไกล อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น อีกเพียงนิดเดียว...แล้วมือของเธอก็แตะพื้นทรายเนียนละเอียด เธอหลับตาลงด้วยความโล่งใจ แล้วปล่อยร่างทิ้งตัวลงไปนอนกับพื้นทรายอย่างหมดเรี่ยวแรง

ประตูรั้วที่กั้นอาณาเขตหวงห้ามของหน่วยงานลับของกองทัพบก ปิดลงหลังรถโฟร์วีลเอกซ์ไฟฟ์สีดำสนิทแล่นผ่านไป เข้าสู่ถนนเล็กๆ มุ่งหน้าเข้าเมืองในคืนวันศุกร์ อันถือเป็นเรื่องปกติของภสันต์เพราะระยะทางจากบ้านมาถึงที่ทำงานนั้น ต้องขับรถเกือบสองชั่วโมง

ไม่ใช่เพราะระยะทางไกลมากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสถานที่ทำงานนั้นอยู่ในหุบเขาเร้นลับ เส้นทางค่อนข้างเล็กแคบ คดเคี้ยวและสูงชันเป็นบางช่วง ในฤดูหนาว หากหิมะตกหนัก ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่มีใครกลับเข้าเมือง แต่ช่วงนี้เป็นปลายฤดูร้อน อากาศยังสว่างสดใสในรัฐมอนแทนาใกล้กับอุทยานแห่งชาติเกลเชียร์ทางตอนเหนือ ติดกับชายแดนประเทศแคนาดา ซึ่งอุทยานแห่งชาติเดียวกันนี้ ทางฝั่งแคนาดาเรียกว่าวอเตอร์ตันเลกส์

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เพราะนักวิทยาศาสตร์สร้าง ‘ไทม์แมชีน’ ขึ้นมา 
ทำให้หลายร้อยปีต่อมา ผู้คนมากมายต้องเดือดร้อน 
มอร์ริแกนกับคนรักได้รับมอบหมายจากองค์กรลับซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้าน 
ให้เดินทางย้อนเวลากลับไปเพื่อสังหารผู้สร้างไทม์แมชีนก่อนที่เขาจะทำได้สำเร็จ 
คนรักของเธอยอมสละชีพเพื่อส่งเธอข้ามเวลาไปปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง 
เพื่อมนุษยชาติ...เพื่อคนรักที่จากไป เธอจะล้มเหลวไม่ได้! 
ทว่า...เหมือนโชคชะตาเล่นตลก 
คนที่ช่วยเธอไว้และให้ที่พักพิงกลับดูจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย 
เรื่องคงง่ายถ้าเขาไม่ใช่คนที่ทำให้เธอหวั่นไหว 
และเธอกับเขาไม่เป็นเหมือนแม่เหล็กต่างขั้วที่ดึงดูดเข้าหากันตลอดเวลาแบบนี้! 

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024