กาลกัลป์

กาลกัลป์

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789741674350
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 180.00 บาท 45.00 บาท
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

กัลป์เงยหน้าขึ้นจากสมุดบันทึกผลการทดลอง เขาบิดตัว

ให้คลายความเมื่อยขบจากการนั่งนิ่ง ๆ อยู่นานเหมือนเช่นทุกครั้ง ที่เขาหมกมุ่นอยู่กับสมมุติฐานและสมการการทดลองต่าง ๆ

ชายหนุ่มจบการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ขั้นสูง จากมหาวิทยาลัยดังในสหรัฐอเมริกาด้วยผลการเรียนสูงสุดเท่าที่เคย มีมานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัย หน่วยงานมากมายต้องการ ตัวเขาเพื่อไปร่วมทำงานวิจัย แต่ไม่มีที่ไหนเลยที่หยิบยื่นข้อเสนอ อันน่าพอใจสำหรับกัลป์ ที่สุดแล้ว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจทำอย่างที่ ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น นั่นคือ ทำงานทดลองตามลำพัง เหล่าอาจารย์ เพื่อนนักวิทยาศาสตร์ และผู้ร่วมงานวิจัย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำงานตามลำพังนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะที่ควรแล้วสำหรับกัลป์

ถ้าให้ใครสักคนที่เคยรู้จักหรือทำงานร่วมกับกัลป์มาอธิบาย ว่าเขาเป็นคนอย่างไร ทุกคนคงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ดอกเตอร์ หนุ่มคนนี้เป็นคนหยิ่งทระนงและขวางโลกอย่างร้ายกาจ เรื่องนี้ใช่ว่ากัลป์ไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำก็เพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระต่อคำครหา นานๆ ครั้งจึงจะมีรอยยิ้มเหยียดหยัน

ปริญญาเอก เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง อาจทำให้กัลป์ได้รับความชื่นชม แต่มันไม่ได้ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของผู้ร่วมงานเลย แม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงสถานะเป็นคนเก่งที่ไม่น่าคบหาเสมอมา ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเขาอย่างไรสักนิด

และเมื่อในมหาวิทยาลัยชั้นเลิศของโลกไม่มีสิ่งใดให้เขาศึกษา เรียนรู้ได้อีกต่อไปแล้ว กัลป์ก็เดินทางกลับมายังประเทศไทยอันเป็น บ้านเกิดเมืองนอน ที่ดินหลายร้อยไร่แถบปริมณฑลอันเป็นทรัพย์ มรดกซึ่งได้มาหลังจากบิดามารดาของเขาเสียชีวิต ถูกขายเพื่อนำเงิน มาใช้ในงานวิจัยซึ่งกัลป์มั่นใจว่ามันจะเป็นงานวิจัยที่นำชื่อเสียงมาสู่เขาอย่างมากมายล้นเหลือ มั่นคือ การสร้างยานสำหรับเดินทาง ข้ามเวลา หรือ “ไทม์แมชชีน” มั่นเอง

ห้องทดลองขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือเครื่องใช้ทันสมัยครบครัน ถูกสร้างขึ้นในบ้านเดี่ยวหลังเก่าแถบชานเมืองที่เขาอยู่อาศัยมาตั้งแต่ เด็ก

“กัลป์ ...อยู่หรือเปล่า” เสียงตะโกนถามดังมาพร้อมเสียงไข กุญแจเข้าบ้าน

เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวร่างเล็กเพรียวบาง ท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง ใบหน้าเรียวขาวใสนั้นเป็นรูปไข่ เครื่องหน้าสวยหวาน โดยเฉพาะดวงตาคู่งามมีประกายสดใส ยิ่งทำให้เธอน่ารักน่าดู

ธัญกวินเป็นเพื่อนสนิท...หรือหากจะพูดให้ถูกคือเธอเป็นเพื่อน คนเดียวของกัลป์ ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ ด้วยว่าบ้านของสองครอบครัวอยู่ติดกันและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาตั้งแต่รุ่น ปูย่าตายาย เด็กสองคนที่ต่างก็เป็นลูกคนเดียวจึงได้เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย และนั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ธัญกวินเป็นคน

คนเดียวที่นั่งคุยกับกัลป์ได้ครั้งละนานๆ เรียกอีกอย่างว่า คุยกัน รู้เรื่อง ยิ่งกว่านั่นเธอยังเดินเข้าออกบ้านหลังนี้ได้ตลอดเวลาเสมือนหนึ่งเป็นบ้านของตัวเอง

“กินอะไรหรือยัง ชื้อบะหมี่แห้งหมูแดงมาฝาก” หญิงสาวก้าว เข้ามาในห้องพร้อมด้วยแฟ้มงานหอบใหญ่ในมือ

“ดี” กัลป์เงยหน้าขึ้นพูดสั้น ๆ ฟังไม่ออกว่าเป็นประโยค ทักทาย ตอบคำถาม หรือแสดงความยินดีที่อีกฝ่ายชื้อบะหมี่มาฝาก กันแน่

ธัญกวินวางของในมือลงบนโต๊ะไม้กลมกลางห้องอันเป็นทั้ง ห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร ...ไม่ต้องพูดถึงห้องรับแขก เมื่อตอนที่กัลป์กลับมาจากสหรัฐอเมริกาใหม่ ๆ ชายหนุ่มมองมัณฑนากรซึ่งเขาว่าจ้างมาตกแต่งภายในด้วยสายตาเหยียด ๆ เมื่อ ได้ยินคำนี้ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าบ้านหลังนี้ไม่จำเป็นต้อง มีห้องรับแขก เพราะเขาไม่รับแขกและไม่มีแขกให้รับ

หญิงสาวเดินต่อไปยังเคาน์เตอร์เก็บจานชามและอ่างน้ำซึ่งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่งถัดจากห้องน้ำและห้องนอนขนาดเล็ก ตรงข้ามกับอีกฟากของผนังอันเป็นห้องที่กินพื้นที่มากที่สุด เรียกได้ว่าเกินครึ่งของบ้านหลังนี้ ซึ่งก็คือห้องทดลองของกัลป์นั่นเอง

ในอ่างสเตนเลส จานชามทุกใบในบ้านกองรวมกันอยู่โดย ไม่ได้ล้าง...ดูเหมือนนานแล้วด้วย

“ตั้งแต่ฉันมาคราวก่อน แกยังไม่ได้ล้างจานเลยใช่ไหม” เธอเอามือเท้าสะเอว บ่นเสียงดัง ก่อนถลกแขนเสื้อและลงมือล้างจานชามกองใหญ่นั่น

“ประสาทเสีย สมองเสื่อม หรือโง่” กัลป์เดินตามมา พับแขน เสื้อเชิ้ตขึ้นเตรียมพร้อมที่จะช่วยอีกฝ่ายล้างจาน

“จากประโยคคำถามเมื่อกี้ สามารถตั้งสมมุติฐานได้ไม่กี่อย่างหนึ่ง คือประสาทส่วนรับรู้ภาพของมึงเสียไป ทำให้มองไม่เห็นว่าจาน ชามทั้งหมดที่มีในบ้านนี้อยู่ในอ่าง สอง มึงเห็น แต่สมองมึงเสื่อม ทำให้จำไม่ได้ว่าจานชามมีจำนวนเท่ากับที่มึงเห็นเมื่อคราวก่อน สาม เกิดเหตุการณ์ทั้งสองอย่างร่วมกัน หรือ สี่ มึงโง่ ก็เลยถามออกมา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผมไม่ได้ล้างจานเลยตั้งแต่มึงมาหาครั้งที่แล้ว”

กัลป์พูดเสียงเรียบ ถ้าหากเป็นคนอื่นเขาอาจต้องเจ็บตัว โดน ด่ากลับ หรืออย่างน้อยก็ถูกมองค้อนพร้อมคำสาปแช่งในใจ หากแต่ ผู้ฟังเป็นธัญกวินซึ่งคุ้นเคยกับวิธีคิดและวิธีพูดของกัลป์มาแต่เล็ก แต่น้อย หญิงสาวจึงได้แต่ยักไหล่ และถามถึงคำที่ตัวเองสะดุดหู มากกว่า

“ไอ้กัลป์ นี่แกเรียกฉันว่า ‘มึง’ เหรอ ?”

“ประสาทเสีย สมองเสื่อม หรือโง่” กัลป์ถามกลับกลั้วหัวเราะ คราวนี้ธัญกวินชักเริ่มเคืองปนขำ เธอเปลี่ยนคำถาม

“ทำไมแกเรียกฉันว่ามึง”

“สำคัญ ?” กัลป์มองหน้าอีกฝ่ายราวกับว่าคำถามของธัญกวิน นั้นช่างเป็นคำถามที่โง่เง่าเหลือเกิน

“สรรพนามเป็นแค่องค์ประกอบของการสื่อสาร ไม่มีก็ไม่ได้ทำให้กระบวนการเสียหาย หากผู้รับสารและผู้ส่งสารเข้าใจตรงกันว่า สิ่งที่พูดถึงนั้นหมายถึงอะไรหรือใคร การสื่อสารนั้นก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว”

กัลป์รับจานที่ล้างน้ำยาล้างจานแล้วมาล้างด้วยน้ำเปล่าอย่าง คล่องแคล่วแบบคนที่คุ้นกับการทำงานบ้านมานาน เขามองหน้าคนตัวเล็กกว่าแล้วยิ้ม

“แล้วจะเรียกยังไง ก็ไม่ได้ทำให้ผมรักมึงน้อยลงหรอกน่า” ธัญกวินทำตาโต...ไม่ใช่เพราะคำว่า “รัก” จากปากของ อีกฝ่ายหรอก เธอกับกัลป์บอกรักกันบ่อยครั้งมาตั้งแต่จำความได้ แต่เป็นคำพูดประโยคนั้นต่างหากที่ทำให้ไอเดียของครีเอทีฟสาวมือหนึ่ง ของบริษัทโฆษณาน้องใหม่อย่างเธอพลุ่งขึ้นมาเหมือนลาวาตรงปาก ปล่องภูเขาไฟ

“เยี่ยมเลยกัลป์ ขอบใจนะ ขอบใจ ๆ ๆ ๆ” หญิงสาวตบไหล่ กัลป์แรง ๆ พร้อมทั้งถือโอกาสนั้นเช็ดมือเปียก ๆ กับเสือเชิ้ตของ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะผลุนผลันหอบแฟ้มงานเดินแกมวิ่งออกจากบ้านไป กระนั้นก็ไม่ลืมหันมาโวย

“แต่คราวหน้าแกไม่ต้องรักฉันขนาดนั้น มันระคายหู !”

กัลป์ยิ้มน้อย ๆ มองตามเพื่อนสนิทของตัวเองที่เดินลิ่ว ๆ ออก ไปแบบไม่่รู้สึกแปลกใจนัก เขาและธัญกวินเป็นอย่างนี้มาแต่ไหน แต่ไร ทั้งคู่เป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว และเมื่อคิดอะไรได้ก็มักไม่มีความอดทนพอที่จะรอ ต้องลงมือทำในสิ่งที่คิดนั้นทันที

ในเมื่อทั้งเขาและเธอเป็นอย่างนี้ จึงมิใช่เรื่องแปลก หากใน ระหว่างกำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส แล้วจู่ๆ จะมีใครสักคนผุดลุก เดินหนีไปทำงานของตัวเองแบบไม่มีปีมีขลุ่ย

“ในฉากจบ นางเอกถือกล่องผลิตภัณฑ์แบบเก่านั่งหน้า

เศร้าอยู่ตรงจุดนัดพบ แล้วพระเอกของเราในชุดเจ้าชายก็จะถือกล่อง ผลิตกัณฑ์แบบใหม่ออกมา พูดว่า ‘ภายนอกที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ทำให้ใจผมเปลี่ยนแปลง...รักคุณเหมือนเดิม’ แล้วเพลงธีมที่ดังคลออยู่ก็จะดังขึ้นเรื่อย ๆ นางเอกทิ้งกล่องผลิตกัณฑ์เก่า หันมารับกล่องผลิตกัณฑ์ใหม่จากพระเอก แล้วทั้งคู่ก็หันมายิ้มให้กล้องพร้อมกับโชว์กล่องผลิตกัณฑ์”

ทันทีที่พูดจบ ตัวแทนลูกค้าที่มาจ้างงานบริษัทโฆษณาที่ ธัญกวินทำงานให้ ก็ยืนขึ้นตบมือเสียงดัง หน้าตาท่าทางพออกพอใจ กับไอเดียที่เธอนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง

นั่นละทำให้หญิงสาวหน้าบาน หลังจากพรีเช็นต์งานที่รับ ผิดชอบเสร็จสิ้นเรียบร้อย ธัญกวินก็กลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มยินดี รู้สึกเหมือนเท้าไม่ติดพื้น เธอเพิ่งปิดโปรเจ็กต์ยักษ์ใหญ่ลงได้อย่างสวยงาม ...ท่าทางวันหยุดพักร้อนที่ขอเอาไว้จะเต็มไปด้วยความสุขเป็นแน่แท้

“ขอบใจนะไอ้กัลป์” หญิงสาวหันไปพูดกับภาพที่ตัวเองถ่ายคู่ กับเพื่อนรักซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน

“ยินดีด้วยนะอีฟ” คณาวดี เพื่อนสาวฝ่ายการตลาด ส่งเสิยงดังมาก่อนที่ร่างเล็กเพรียวบางจะปรี่เข้ามาจับไม้จับมือแสดงความยินดี

“ขอบใจจ้ะหนูนา” ในรอยยิ้มกว้าง ธัญกวินชักเริ่มมีไอเดีย บรรเจิดอีกอย่างแวบเข้ามาในหัว

“เมื่อกี้ได้ยินแว่ว ๆ ว่าอีฟพูดถึงคุณกัลป์เหรอ ?” สาวการ ตลาดทำตาหวานหยด

คณาวดีกับธัญกวินเพิ่งรู้จักสนิทสนมกันหลังจากที่ทั้งคู่เรียน จบและเข้าทำงานในบริษัทเดียวกัน และบังเอิญเป็นอย่างยิ่งที่ คณาวดีเองก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยเดียวกันกับกัลป์ แม้จะต่างคณะ แต่เธอก็มีโอกาสได้เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ท่าทางยโส กวนประสาท อยู่บ่อยครั้ง แค่ได้เห็นหน้าค่าตากันบ่อย ๆ ก็ทำให้ สาวช่างฝันอย่างคณาวดีตกหลุมรักชายหนุ่มที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อได้อย่าง ง่ายดาย แต่ความรักวัยเรียนครั้งนั้นก็จบลงทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่ม เมื่อเธอตอบตกลงเป็นแฟนกับเพื่อนร่วมคณะอีกคนที่เข้ามาจีบชายหนุ่มต่างคณะจึงกลายเป็นเพียงอดีตความทรงจำแสนหวาน เท่านั่น

จนเมื่อเรียนจบ ความรักกับเพื่อนร่วมคณะจืดจางและลงเอย ด้วยการเลิกร้างกันไปในที่สุด การได้เห็นรูปถ่ายบนโต๊ะทำงานของธัญทวิน ทำให้ความรู้สึกระลึกถึงอดีตพรั่งพรูออกมาเต็มเปี่ยมใน ความรู้ลึกของหญิงสาวอีกครั้ง ยิ่งได้ฟังคำยืนยันจากธัญกวินว่าเธอ กับกัลป์เป็นเพียงเพื่อนสนิท ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยไปมากกว่านั้น มิหนำชํ้าในบางโอกาส คณาวดียังรู้สึกได้ว่าธัญกวินสนับสนุนให้เธอ สนใจกัลป์จนออกนอกหน้า ฝันแสนหวานในวัยเรียนก็ดูจะหวนกลับมาอีกครั้ง

“อ๋อ...เอ่อ...ใช่ ๆ เมื่อกี้บ่นถึงไอ้กัลป์มันน่ะ คุยกับมันแล้ว มักจะได้ไอเดียเจ๋ง ๆ อยู่เรื่อย” ธัญกวินพูดไปตามความจริง

“เหรอ...” คณาวดีเสียงหวาน ตาหวานกว่าเดิม “แล้ววันนี้ ทำงานเสร็จแล้วไปไหนต่อหรือเปล่า”

หญิงสาวร่างเล็กเดินอ้อมโต๊ะเข้ามาเกาะแขนเพื่อนสาวอย่าง ประจบ ท่าทางอย่างนี้แสดงว่าเธอกำลังอยากฟังข่าวคราวเรื่องราว ของกัลป์อยู่ ธัญกวินยิ้มอย่างรู้จักเพื่อนร่วมงานของตัวเองดี คณาวดีไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัด ทว่าก็น่ารักจิ้มลิ้ม ตากลมโต แก้มยุ้ย ปากนิดจมูกหน่อย ผิวสวยนวลเนียน ...หากกัลป์ได้รู้จัก อาจจะเลิกหมกมุ่นวุ่นวายอยู่แต่กับเรื่องงานทดลองนั่นก็ได้ สาวคริเอทีฟคิดในใจยิ้ม ๆ แล้วก็ตัดสินใจออกปากชวน

“เย็นนี้คิดว่าจะไปชื้อของเตรียมตัวไปเที่ยวน่ะ ขอวันลาพักร้อนไว้”

“เหรอ ๆ ๆ ไปเที่ยวที่ไหนเหรอ” คณาวดีทำตาโต เสียงตื่นเต้น

“ภูคิ้ง” ธัญกวินบอก แล้วก็ขยายความเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้า งง

“อยู่ที่ภูเขียว”

คณาวดีดูจะงงกว่าเก่า

“เที่ยวเดินป่าน่ะ...กัลป์มันชอบเดินป่า”

แม้หน้าตาท่าทางของทั้งกัลป์และธัญกวินจะไม่บ่งบอกเลยว่า...ติดตามต่อในเล่ม....

 

 

 

 

 

 

 

 

รายละเอียด

ปีพุทธศักราช 2551 กัลป์ นักวิทยาศาสตร์หนุ่มอัจฉริยะจอมขวางโลก มุ่งมั่นประดิษฐ์ไทม์แมชชีนเพื่อเดินทางไปในโลกอนาคตกว่า 1,500 ปีข้างหน้า เสาะหาวิธีช่วยชีวิต ?เพื่อน? คนเดียวที่เขาคบหาและวางใจ...ให้รอดพ้นจากโรคร้าย โลกอนาคตที่เขาเดินทางข้ามไป ต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าโลก เหนืออื่นใด การเดินทางสู่อนาคตยังทำให้เขาได้พบใครบางคน?คนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน การตัดสินใจครั้งใหญ่เดินทางมาถึง เมื่อภารกิจในโลกอนาคตลุล่วง และต้องกลับมายังโลกปัจจุบัน...โลกที่ปราศจากใครอีกคนเติมเต็มหัวใจ แม้รู้อยู่เต็มอกว่า หากไม่กลับคืนไปยังปัจจุบัน...โลกอนาคตก็อาจว่างเปล่า แต่ชายหนุ่มจะทำเช่นไร...เมื่อไม่อาจทิ้งชีวิตและหัวใจไว้ที่นี่ ?


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024