เพลิงบุปผา (ใบสน)

เพลิงบุปผา (ใบสน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160018949
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ร่างระหงในชุดเจ้าสาวสีขาวกระโปรงฟูฟ่องช่างดูงดงามราวหงส์

สยายปีก ขณะที่เลือดสีแดงฉานไหลรินตัดกับสีผ้าลูกไม้ ทำให้ภาพที่เห็น

ดูสวยงามและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากเคลือบลิปสติก

สีชมพูของฉันฟ้าอ้าออกสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากเคลือบลิปสติก

พูดได้ เรื่องราวทั้งหมดคงไม่เป็นแบบนี้

สิ่งสุดท้ายที่ฉันฟ้าต้องการให้ทุกคนได้รับรู้ความรู้สึกของหล่อน

ก่อนจะสิ้นใจก็คือ ความเคียดแค้นและความเกลียดชังที่สื่อผ่านนัยน์ตาลุกโพลงคู่นั้น

เวลาเจ็ดนาฬิกา

ยามเช้าของวันฟ้าใส อากาศสดชื่นจนไม่น่าเชื่อว่ากำ ลังจะมี

เหตุการณ์ร้ายแรงใดๆ เกิดขึ้น ทุกอย่างดำ เนินไปตามปกติ พิธีหมั้นถูก

จัดขึ้นเมื่อวาน วันนี้เป็นพิธีมงคลสมรส เด็กรับใช้ในบ้านจึงต้องตื่นเร็ว

กว่าเดิมเพื่อเตรียมงาน

บรรยากาศรอบคฤหาสน์บุปผชาติสดใสเต็มไปด้วยสีชมพูสลับขาว

ของซุ้มดอกกุหลาบเล็กใหญ่ ประตูด้านหน้าคฤหาสน์เป็นเหล็กดัดม้วน

ขดเป็นรูปกุหลาบดอกโต สัญลักษณ์ของนามสกุลบุปผจินดา ซึ่งถูก

ตกแต่งด้วยกุหลาบสดสีชมพูอ่อนร้อยรวมกับริบบิ้นให้ดูงดงามและ

อ่อนหวาน ราวกับจะสื่อถึงการพันธนาการความสัมพันธ์ของคู่บ่าวสาว

สวนดอกไม้ด้านหน้าคฤหาสน์ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงาน

ชั่วคราว นับตั้งแต่การสูญเสีย ‘อโศกสปัน’ ผู้นำ คนล่าสุดของตระกูลไป

เมื่อเกือบสองปีก่อน ภายในคฤหาสน์ก็ไม่เคยจัดงานมงคลอีกเลย นี่จึง

เป็นการทดสอบความสามารถของผ้นูำ ตระกูลคนปจั จบุ นั อยา่ งนอ้ ยทสี่ ดุ

ก็เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าความรักความสามัคคีของเหล่าพี่น้องทั้งสี่แห่งตระกูล

บุปผจินดาระส่ำระสายตามข่าวที่ลือจริงหรือไม่

คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑล ห่างไกลจากความวุ่นวาย

ในตัวเมือง เมื่อหลายสิบปีก่อน บริเวณนี้มองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน เพราะ

ไม่มีแสงนีออนมากวนสายตา แต่ปัจจุบันมีการขยายเมืองมากขึ้น ถึง

กระนั้น คฤหาสน์หลังนี้ก็ยังคงอยู่ไกลจากถนนใหญ่ที่เชื่อมกับตัวเมือง

ก่อนจะเข้าสู่บริเวณของคฤหาสน์จะเจอต้นศรีตรังขนาดใหญ่สองฝั่งทอด

ยาวไปจนถึงหน้าประตู

 

ถึงแม้ว่าคฤหาสน์จะถูกบูรณะใหม่ แต่ก็ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรม

ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ไว้ ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น

เพราะเป็นบ้านทรงไทยผสมผสานอาคารแบบตะวันตก คฤหาสน์ทั้งหลัง

เป็นสีขาว หลังคาและกระเบื้องสีครีมดูเรียบง่ายแต่เห็นชัดซึ่งความงดงามที่ไม่ล้าสมัยเลย

หน้าคฤหาสน์เป็นสวนดอกไม้ มีทั้งดอกกุหลาบ ดอกมะลิ ดอก

เบญจมาศ สารพัดสี ด้านข้างสวนมีศาลาเล็กซึ่งสร้างไว้สำ หรับนั่งอ่าน

หนังสือและชมดอกไม้ ยังมีกระโจมที่ถูกออกแบบไว้สำ หรับเลี้ยงผีเสื้อ

โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นกิจกรรมยามว่างแสนโปรดของคุณหญิงคนเก่าอยู่ด้าน

ข้างศาลา ทุกคนเรียกที่นี่ว่า ‘สวนผีเสื้อ’ แต่ตอนนี้ไม่หลงเหลือซากผีเสื้อเลยสักตัว

คฤหาสน์บุปผชาติถูกบูรณะหลายต่อหลายครั้ง จึงยังดูใหม่อยู่

เสมอ เฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นทำมาจากไม้ เห็นจะมีก็แต่โทรศัพท์โบราณ

ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ กับนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางคฤหาสน์

นี่แหละที่ไม่ได้ทำจากไม้ ส่วนกลางของบ้านเป็นห้องโถง ซึ่งมีบันไดขนาด

ใหญ่วนขึ้นไปถึงชั้นสาม ระเบียงของแต่ละชั้นกว้างขวางมองเห็นชั้นล่าง

ของบ้านได้ถนัดตา แต่ด้วยระเบียงที่สูงเพียงสะโพก จึงเป็นที่มาของคดีฆาตกรรมครั้งนี้

คฤหาสน์หลังนี้แบ่งเป็นปีกซ้ายและปีกขวา ทางปีกซ้าย ชั้นแรก

คือห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร ชั้นสองเป็นห้องพักสำ หรับแขก

ซึ่งมีถึงสี่ห้อง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครมาพักบ่อยนัก และชั้นสามเป็นห้อง

หนังสือ ส่วนปีกขวา ชั้นล่างเป็นห้องรับรอง ขณะที่ชั้นสองและชั้นสาม

เป็นห้องพักของคนในตระกูล ที่ตอนนี้เหลือเพียงสี่ห้าห้องที่ยังใช้งานอยู่

ทางด้านหลังของคฤหาสน์มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ เนื่องจาก

คุณท่านคนก่อนรักการออกกำ ลังกายทางน้ำเป็นอย่างมาก ห่างไปไม่มาก

นัก ทางด้านซ้ายเป็นห้องพักของเหล่าแม่บ้านและคนสวน หากเดิน ไปทาง

ขวาของสระว่ายน้ำ สักหน่อย จะเห็นท่าเรือริมคลองเล็กๆ ที่ตัดผ่านพื้นที่

ในคฤหาสน์ไหลไปยังป่าด้านหลังคฤหาสน์ ก่อนจะเข้าเขตป่านั้น มีบ้าน

ต้นไม้อยู่บนต้นไม้ใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าพี่น้องทั้งสี่ชอบมาเล่นกันสมัยเด็กๆ

งานแต่งงานถูกจัดขึ้นบริเวณห้องโถงตรงกลางของคฤหาสน์ ซึ่ง

ถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่รับรองแขกชั่วคราว โดยกินพื้นที่มาถึงสวน

ดอกไม้ด้านหน้า บริเวณตรงกลางหน้าบันไดมีน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปหงส์

สองตัวบินเคล้าเคลียกัน ตัวหนึ่งกางปีกและเชิดศีรษะขึ้นไปด้านบน

ในขณะที่อีกตัวคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง กลิ่นเทียนอบของขนมเสน่ห์จันทร์

หอมโชยไปทั่วบริเวณงาน

ด้วยความที่เป็นงานแต่งงานของสองทายาทตระกูลดังระดับแนว

หน้าของเมืองไทย จึงมีสื่อสามถึงสี่สำนักมาทำข่าว จริงๆ น่าจะมีมากกว่า

นี้ แต่ทางเจ้าภาพขอความร่วมมือว่าอยากให้งานช่วงเช้าเป็นงานส่วนตัว

จึงขอเชิญเฉพาะแขกที่สนิทเท่านั้น

ขณะนี้เป็นเวลาแปดนาฬิกาสามสิบนาที อีกประมาณครึ่งชั่วโมงจะ

เป็นฤกษ์ดีที่จะเริ่มพิธี จึงมีแขกบางส่วนเริ่มทยอยมาร่วมงาน

และเสียงแสดงความยินดีแรกก็คือ สัญญาณเริ่มต้นแผนการของฆาตกร

 

เวลาผ่านไปกว่าสามสิบนาทีแล้ว ฉัตรฟ้า ว่าที่เจ้าสาวยังไม่ลงมา

รับแขกเลย อีกทั้งเด็กรับใช้ก็บอกว่าเจ้าสาวไม่ได้อยู่ในห้อง พี่สาวทั้งสาม

จึงร้อนใจและเป็นกังวลที่สุด เลยตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันตามหา

น้องสาว เพราะคิดว่าฉัตรฟ้าคงละเลยเวลาตามประสา บุณฑริกา พี่สาว

คนโต บอกว่าจะไปดูบริเวณสระว่ายน้ำ เผื่อว่าฉัตรฟ้าจะยังถ่ายรูปกับ

เพื่อนๆ อยู่ ขณะที่ชมพูนุช พี่สาวคนรอง รับอาสาไปดูที่ชั้นสามทั้งหมด

ส่วนพุดพิชญา พี่สาวคนที่สาม ตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องพักของฉัตรฟ้าอีกครั้ง

พุดพิชญาแยกกับชมพูนุชบริเวณชั้นสอง โดยพุดพิชญาเดินไปทาง

ปีกขวาของคฤหาสน์ ในขณะที่ชมพูนุชเดินขึ้นไปด้านบนเพื่อดูบริเวณชั้นสาม

บริเวณชั้นล่างของคฤหาสน์ แขกเหรื่อกำ ลังพูดคุยกันคลอไป

กับเสียงเปียโนอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุร้ายกำ ลังจะเกิดขึ้น

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งรับขนมชั้นจากบริกรแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่

สายตาของเด็กน้อยมองไปที่น้ำแข็งแกะสลัก

ทันใดนั้น หญิงสาวในชุดแต่งงานก็ร่วงหล่นลงมาจากชั้นบน

กระแทกกับปากหงส์ที่ถูกแกะสลักให้แหลมเล็กจนแทงทะลุโครงเสื้อด้าน

หลังแล้วแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ขณะที่เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

ก่อนที่ร่างนั้นจะไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงจนเกิดเสียงดังเมื่อปะทะกับ

พื้นเต็มแรง ดวงตาของเจ้าสาวเบิกโพลง ร่างกระตุกอีกครั้งก่อนจะแน่นนิ่ง

ไป

เจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวฟูฟ่องโชกไปด้วยเลือด ริมฝีปากสีชมพู

อ้าค้างคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง ขณะที่ดวงตาเบิกโพลง นี่อาจเป็นเรื่อง

สยองขวัญที่สุดสำ หรับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์

เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกันทั่วคฤหาสน์ก่อนที่ความโกลาหลจะ

ตามมา พุดพิชญาเกาะขอบระเบียงชั้นสอง มองลงมาเบื้องล่าง ก็เห็น

ดวงตาและริมฝีปาก ของน้องสางคนที่อ้าค้างอยู่อย่างนั้น ฉันฟ้าสิ้นใจ

เสียแล้ว ขณะเดียวกัน ชมพูนุชก็ชะโงกหน้ามาจากชั้นสาม และกรีดร้อง

ออกมาสุดเสียงทันทีที่เห็นภาพดังกล่าว

คดีฆาตกรรมแห่งคฤหาสน์บุปผชาติได้เปิดม่านอย่างสมบูรณ์แบบ

 

บุณฑริกา ชมพูนุช พุดพิชญา และ ฉัตรฟ้า สี่ดรุณี ซึ่งเป็นทายาท

รุ่นปัจจุบันแห่งตระกูลบุปผจินดา

ในแวดวงสังคมชั้นสูง น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักตระกูลบุปผจินดา

แม้จะไม่ได้ออกงานสังคมบ่อยนัก แต่ก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆ

ของเมืองไทย ด้วยธุรกิจส่งออกพันธุ์กล้วยไม้และดอกไม้สดที่กำลังเติบโต

จึงทำ ให้ตระกูลนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากเดิมเพียงรับดอกไม้มาส่งขาย

ทั่วไป แต่ตอนนี้กลายเป็นบริษัท ‘บุปผจินดา’ อย่างเป็นทางการ นอกจาก

จะมีไร่เพาะปลูกและหน้าร้านสำ หรับจำ หน่ายเป็นของตัวเองแล้ว ยังมี

ห้องแล็บในการค้นคว้าและเพาะพันธุ์อีกด้วย

ในบรรดาสี่พี่น้องแห่งตระกูลบุปผจินดา ฉัตรฟ้า น้องคนสุดท้อง

ที่ถูกฆ่านั้นเป็นคนที่สวยที่สุด ทั้งยังเป็นนางแบบดาวรุ่งที่กำ ลังจะได้เล่น

ละครในอีกไม่ช้า การเสียชีวิตของเธอจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เมื่อเทียบ

กับอนาคตที่กำลังจะรุ่งโรจน์ของหญิงสาวคนนี้ แต่ถึงกระนั้น คนรอบตัว

เธอกลับไม่แปลกใจนัก ที่วันหนึ่งน้องสาวคนเล็กจะถูก ‘ฆ่า’ ไม่ว่าจะด้วย

เหตุผลอะไรก็ตาม

ส่วนสามพี่น้องที่เหลือ ได้แก่ บุณฑริกา พี่สาวคนโต ซึ่งรับหน้าที่

ดูแลกิจการของบริษัทต่อจากบิดา หล่อนมีใบหน้าเรียว ดวงตากลมโต

และผมดำ ที่มักจะเกล้าเป็นมวยสูง ทำ ให้ดูโตกว่าอายุมาก แต่ก็ยังคงดู

สวยและฉลาดในเวลาเดียวกัน

ด้วยการที่ต้องขึ้นมารับตำ แหน่งประธานบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย

จึงทำ ให้ใครต่อใครเกิดข้อกังขาในประสบการณ์ แต่ระยะเวลาเกือบสอง

ปีที่หญิงสาวดำรงตำ แหน่งนี้ บุณฑริกาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หล่อนเดิน

หน้าตามแผนธุรกิจที่อโศกสปันผู้เป็นบิดาวางไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

ชมพูนุช พี่สาวคนรอง เป็นนางแบบในวงการ จากการเปิดตัวเป็น

พรีเซนเตอร์น้ำดื่มยี่ห้อหนึ่ง จึงทำให้หล่อนเป็นที่รู้จักและเป็นที่จับตามอง

จากสื่อทุกแขนง ชมพูนุชมีผิวขาวใสที่สุดในบรรดาพี่น้อง แม้ว่าจะสูงไม่

เท่าบุณฑริกา แต่ด้วยทรวดทรงและส่วนเว้าส่วนโค้งที่กินขาด ก็ทำ ให้

หล่อนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างง่ายดาย ชมพูนุชมีจุดเด่นที่ริมฝีปาก

รูปกระจับ ดวงตาเชิดขึ้นอย่างกับนกยูง และเป็นคนเดียวในบรรดาสี่

พี่น้องที่มีผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน

พี่คนที่สาม พุดพิชญา เป็นหญิงสาวร่างเล็กที่สุดในบรรดาสี่พี่น้อง

ด้วยความสูงเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ทำ ให้หล่อนดูเด็กกว่า

ฉัตรฟ้าผู้เป็นน้องเสมอ หล่อนไว้ผมยาวประบ่า ด้านหน้าตัดเป็นหน้าม้า

แต่ปัดไปด้านข้างเพื่ออวดคิ้วสวย ซึ่งเป็นมรดกที่ได้จากมารดา ดวงตา

กลมใสซื่อ ริมฝีปากบางเฉียบ สิ่งที่ทำให้หล่อนแตกต่างจากพี่น้องทั้งสาม

ที่สมบูรณ์แบบไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล

บุปผจินา ก็เห็นจะเป็นเพราะหล่อนเป็นผู้หญิงที่น่ารัก เรียบง่าย สบายๆนี่เอง

 

พุดพิชญา หรือ พิชา เป็นนักออกแบบเครื่องประดับ หล่อนเป็น

นักเรียนรุ่นแรกๆ ของเมืองไทยที่สนใจศึกษาต่อด้านนี้ จึงไปร่ำเรียนไกล

ถึงอิตาลีที่ขึ้นชื่อด้านนี้โดยเฉพาะ หลังจากกลับมาหล่อนก็ได้เงินก้อนหนึ่ง

จากบิดาเพื่อเปิดร้านเล็กๆ เป็นของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง

ร้าน Picha ของพุดพิชญาซ่อนตัวอยู่ในซอกของห้างสรรพสินค้า

แห่งหนึ่ง ด้วยตัวร้านที่ตั้งอยู่ลึกลับจึงไม่ค่อยมีลูกค้าจรเท่าไร จะมีก็แต่

ลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาเรื่อยๆ หรือลูกค้าที่แวะมาเพราะได้ยินชื่อร้าน

โดยการบอกต่อๆ กัน แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องประดับอัญมณีที่ราคา

ค่อนข้างแพง แต่หล่อนก็ไม่ได้ตั้งราคาสูงมากนัก เพราะเชื่อว่าเครื่อง

ประดับคือความสุขของผู้หญิง และเจตนาของหล่อนคือการสร้างความ

สุขให้แก่ผู้หญิงที่ได้สวมเครื่องประดับเหล่านี้

นี่คือเหตุผลที่ลูกค้าประทับใจในงานของหล่อน ด้วยการออกแบบ

ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทั้งยังประณีต บวกกับราคาที่ไม่สูงเกิน

เอื้อม และที่สำคัญ หล่อนยังใส่ใจลูกค้าอีกด้วย

ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีม่วงเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสีโทนมืด

จะช่วยขับสีเพชรหรือพลอยได้ดี และด้วยความที่พุดพิชญาชื่นชอบ

ดอกกล้วยไม้ซึ่งเป็นอาชีพของบิดา หล่อนจึงเลือกประดับร้านด้วยดอกไม้

ชนิดนี้ ไม่แปลกหากจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ในร้านตลอดเวลา ขนาด

วอลล์เปเปอร์ในร้านก็ยังเป็นลายเพนต์รูปดอกกล้วยไม้เลย

ส่วนใหญ่หล่อนจะใช้เวลาช่วงเช้าในการนั่งจิบกาแฟ และอ่าน

หนังสือหรือนิตยสารอยู่ในห้องทำงานด้านหลังร้าน หญิงสาวซื้อคอนโดฯ

ไว้ใกล้ๆ เพื่อความสะดวกเวลามาทำ งาน เพราะหล่อนเบื่อหน่ายที่ต้อง

เผชิญความเลวร้ายของการจราจรในเมืองกรุง และตั้งแต่เหตุการณ์ที่

น้องสาวเสียชีวิตครั้งนั้น หล่อนก็ไม่ได้กลับไปเหยียบคฤหาสน์บุปผชาติอีก

หญิงสาวนั่งเอนกายอยู่ในห้องทำ งาน เปิดดูนิตยสารไปทีละหน้า

                         (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024