A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เจ้าสาวแคริบเบียน (รินท์ลภัส)

A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก : เจ้าสาวแคริบเบียน (รินท์ลภัส)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160009480
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

ทะเลแคริบเบียน ค.ศ. ๑๖๗๑

เคร้ง! เคร้ง!

“ฆ่ามันให้หมด ไอ้พวกหมาขี้เรื้อน ฆ่ามัน!”

เสียงตะโกนของหัวหน้าโจรสลัดผู้ไร้ความปรานีนั้น ไม่ต่างอะไรกับ เสียงพญามัจจุราชที่กำลังปลุกระดมเหล่าผีร้ายให้ดื่มกินเลือดมนุษย์ทุกคน ซึ่งกล้าบุกรุกขึ้นมาสร้างความเสียหายบนเรือของเขา เสียงดาบของลูกเรือ ทั้งสองกลุ่มปะทะกันดังต่อเนื่อง ท่ามกลางเพลิงที่กำลังลุกลามไปตามเสา กระโดงกับใบเรือแบล็กสวอน

เปรี้ยง!

จู่ๆ ฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มก็คำรามดังสนั่น ตามด้วยฝนโปรยปราย ลงมาดับไฟร้อนระอุ เดมอน เดรก กัปตันเรือแบล็กสวอนผู้อำมหิตที่เพิ่งไช้ ดาบในมือดื่มเลือดฝ่ายตรงข้ามระเบิดหัวเราะอย่างสะใจ และหมุนพังงา บังคับเรือให้ทรงตัวอยู่ได้ท่ามกลางคลื่นยักษ์ด้วยมืออีกข้าง

“สวรรค์ขับไล่ข้า ส่วนนรกก็หวั่นกลัวข้ายึด ฮ่าๆ” เขาเงยหน้ารับ น้ำฝนอย่างเหิมเกริม ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะก้าวขึ้นบันไดมา

“แต่ข้าไม่กลัวหมาขี้เรื้อนอย่างเจ้า!”

ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีนิลที่ขี้ดาบแหลมคมมานั้นไม่ทำให้เดรก ตกใจกลัวลักนิด โจรสลัดผู้ได้รับการโจษจันเรื่องความโหดเหี้ยมจนได้รับ ฉายาว่าเดมอน หรือ 'ปีศาจทะเล’ ยิ้มมุมปาก หมุนพังงาเรือต่อสู้กับคลื่น ลมอย่างชำนิชำนาญอีกครั้ง ก่อนจะหันไปรับดาบที่จู่โจมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนเขาจะประมาทคู่ต่อสู้เกินไป เพราะเพลงดาบของอีกฝ่าย

คล่องแคล่วว่องไวและดุดันไม่น้อยไปกว่าเขา

“ไม่เจอกันแค่ปีสองปี ฝีมือเจ้าไม่เลวเลยนะไอ้ลูกหมา” เดรกหัวเราะ อย่างถูกใจเมื่อเจอคู่1ปรับฝีมือใกล้เคียงกัน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มี อารมณ์ขัน จึงเอาแต่ใช้อาวุธในมือโต้ตอบเขาโดยไม่พูดจา

'ฮึ! คิดว่าจะเอาชนะข้าได้หรือ มอร์แกน ริช ในเมื่อดาบของเจ้า ไม่เคยได้ดื่มเลือดข้าเลย!’ เดรกคิด

ท่ามกลางพายุฝนที่ตกกระหน่ำลงมา เปลวเพลิงที่เกือบจะเผาไหม้ เรือแบล็กสวอนมอดดับไปหมดแล้ว แต่โจรสลัดทั้งสองกลุ่มยังคงพุ่งเข้า ฟาดฟันกันไม่ยั้ง โดยเฉพาะกัปตันเรือทั้งสองคน ซึ่งผลัดกันรุกผลัดกันรับ อย่างไม่มีใครยอมใคร แม้จะต้องสลับกันคุมพังงาไม่ให้เรือถูกคลื่นยักษ์ชัด หายไปในท้องทะเลเช่นเดียวกับเรือเฮฟเวนอายส์ที่ปราศจากกัปตัน เพราะ นั่นหมายความว่าเรือลำนี้จะกลายเป็นรางวัลของผู้ชนะ ซึ่งจะมีเพียงหนึ่ง เดียวเท่านั้น

“ไปลงนรกเถอะริช!” เดรกเงื้อดาบเตรียมจะบั่นคออีกฝ่ายที่กำลัง เสียหลักล้มไปทางขอบระเบียงไม้

มอร์แกนหลบไปบังคับพังงาได้ทันขณะที่คลื่นถล่มเรือจนเกือบควํ่า ทำให้พื้นกระดานลาดเอียงลงเกือบสี่สิบองศา เดรกมีรูปร่างใหญ่เทอะทะจึง เสียหลักล้มกระแทกผนังเรือทางด้านหลัง ก่อนที่ชายหนุ่มจะอาศัยจังหวะนั้น หมุนพังงาอีกครั้ง เพื่อประคองเรือให้กลับมาลอยล่าตามปกติ จากนั้น ก็ทิ้งพังงาแล้วทันไปจัดการกับเดรกซึ่งกำลังเงื้อดาบขึ้น

ฉึก!

ดวงตาของปีศาจทะเลเบิกกว้าง ดาบที่เงื้ออยู่กลางอากาศร่วงลง

กระแทกพี้นในเวลาต่อมา

แม้ว่าเพลงดาบของทั้งคู่จะอยู่ในระดับสูสีกัน แต่เมื่อต้องต่อสู้กันนาน ร่วมชั่วโมง ทำให้เดรกซึ่งมีอายุมากกว่ามอร์แกนถึงยี่สิบปีมีความกระฉับกระเฉงน้อยลงเรื่อยๆ เขาก้มลงมองดาบที่เสียบคาหน้าท้อง ความเย็นเยียบ ค่อยๆ แผ่ซ่านจากตรงนั้นไปยังส่วนอื่น จนเขาแข็งทื่อไปแทบทุกส่วน

“เจ้าสาวของข้าอยู่ไหน”

มอร์แกนเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากต่อสู้กันมายาวนาน น้ำเสียง นั้นให้ความรู้สึกเหี้ยมเกรียมพอๆ กับสีหน้า แต่เดรกยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่เคย อยู่ในหัวเขามาก่อน

ให้ตายสิ! มอร์แกน ริช กัปตันหนุ่มผู้ยอมสยบต่อความรัก... ไม่น่าเชื่อจริงๆ

เดรกหัวเราะหยันในลำคอ แววตาขบขันระคนสมเพช

“เจ้าอาจหาญมาลองดีกับข้า เพียงเพราะนังแพศยาที่เคยพยายามฆ่า เจ้าอย่างนั้นหรือมอร์แก...” ค่าสุดท้ายยังไม่ทันออกจากปากดี เส้นเลือดใน ลำคอของเดรกก็ตีบตันกะทันหัน เพราะดาบของมอร์แกนเสียบลงไปจนมิด ด้าม ชายร่างใหญ่ถูกดันถอยไปและถูกดาบเสียบติดผนัง โครม!

ทันใดนั้นเจ้าของดวงตาสีฟ้าอมเทาก็บังเอิญเห็นสร้อยคอนาฬิกา ทองเหลืองลงลายประณีตสวยงามที่มอร์แกนสวมอยู่ เรือนเดียวกับที่เขาเคย เห็นแม่สาวผมดำคนนั้นสวม และเรือนเดียวกับที่ทำให้เขาล่วงรู้ความลับ บางอย่างของนางซึ่งอาจไม่มีใครเชื่อ

เดรกแสยะยิ้ม ดวงตามีแววสมเพชจนชวนให้คนอย่าง มอร์แกน ริช หมุนดาบในมือช้าๆ เป็นการคาดคั้น

“เจ้าสาวของข้าอยู่ไหน” นั้าเสียงของเขาเย็นยะเยือก

 

แอนนาเบล

กระบี่...ปัจจุบัน

“ว้าว...เจ๋งชะมัด”

สาวสวยวัย ๒๔ ปี เจ้าของดวงตาสีดำสนิท หยุดนิ่งเมื่อเดินมาถึงที่ หมาย หล่อนมองเลยสะพานคอนกรีตไปยังเรือยอชต์ซึ่งจอดอยู่ที่ปลายทาง ตัวเรือด้านล่างทำด้วยวัสดุอุปกรณ์ทันสมัย มองเผินๆ ไม่เข้ากับเคบินที่ทำ ด้วยไม้สีดำอมเทาดูโบรํ่าโบราณ ทว่าหากมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน กลับรู้สึก ได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัว

เสากระโดงสามเสาตั้งตรงอย่างสวยงามชี้ขึ้นสู่ท้องฟ้า ใบเรือสีดำที่ ม้วนติดอยู่ด้านบนทำให้คนมองเผลอจินตนาการถึงตอนที่มันสะบัดลงมา คงสวยสง่าสมชื่อแบล็กสวอน

อันดา กษมานันท์ หญิงสาวลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่สวมชุดมินิเดรส สีขาวมองเรือยอชต์ล่านั้นด้วยความชื่นชมไม่น้อยไปกว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ ข้างๆ

“ไปดูข้างในกันดีกว่า” เขาชักชวนพร้อมรอยยิ้ม”

อันดาเดินตามเขาขึ้นไปบนเรืออย่างว่าง่าย หล่อนพบว่าภายในเคบิน ตกแต่งแบบย้อนยุค ทั่วพื้นห้องปูพรมตุรกีสวยสด ผนังแทบทุกด้านเป็น กำมะหยี่ ส่วนเฟอร์นิเจอร์เน้นหนักไปทางโทนสีเลือดหมูกับสีทอง ให้ความ รู้สึกร้อนแรงทว่าหรูหรา หญิงสาวมองสำรวจไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ “โห. ..นี่ถ้าบุลินไม่เคยบอกว่าอาก้องได้แรงบันดาลใจมาจากเรือ โจรสลัดในคริสต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด เราคงนึกว่าหลุดเข้ามาอยู่ในเรือพระที่นั่ง ของพระราชาแน่ๆ” หญิงสาวพูดติดตลก เพราะทุกอย่างรอบกายดูฟู่ฟ่า ราวกับยืนอยู่กลางห้องพระโรงของราชวงศ์อังกฤษอย่างไรอย่างนั้น

“เรานึกว่าอันดาชินกับรสนิยมของพ่อ เรา แล้ว เสียอีก”

อันดาไหวไหล่ ก่อนหน้านี้หล่อนเคยไปเที่ยวบ้านบุลินบ่อยครั้ง เห็น เฟอร์นิเจอร์หรูหราในคฤหาสน์หลังใหญ่จนชินตา ทำให้รู้ว่าคนที่หล่อน เรียกว่าอาก้อง หรือ ก้องเกียรติ มอร์สัน บิดาของบุสินค่อนข้างติดหรู ทุกอย่างรอบตัวเขาต้องเพอร์เฟกต์ แต่กระนั้นเขาก็หลงใหลการผจญภัยของ พวกโจรสลัด ถึงขั้นสร้างเรือแบล็กสวอนเลียนแบบของจริง

บุสินบอกว่าบิดาเขาได้แบบแปลนเรือโบราณลำนี้มาตอนไปเยี่ยม ย่าทวดที่พอร์ตสมัท โครงสร้างทั้งหมดจึงเหมือนกับในแบบ แต่ใช้วัสดุที่ ทันสมัยขึ้น และภายในเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่าสมัย นั้น

“พ่อบุลินรวย จะใช้เงินเยี่ยงพระราชาก็ไม1ใช่เรื่องผิดกฎหมาย” อันดายิ้ม ไม่น้อยใจที่บิดาตนมีฐานะปานกลาง สำหรับอันดาแล้ว การมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนที่ดีอย่างบุสินกับบิดาของเขา แม้จะไม่มีเพื่อนมาก

" พอร์ตสมัท (Portsmouth) เป็นเมืองใหญ่อันดับ ๒ ของแฮมป์เชอร์เคาน์ตีทางชายฝั่ง ตอนใต้ของอังกฤษ และเป็นเมืองบนเกาะเพียงแห่งเดียวในสหราชอาณาจักร อยู่ห่าง จากกรุงลอนดอนไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว ๑๐๓ กิโลเมตร มีฐานทัพเรือสำคัญ ที่สร้างมานานหลายศตวรรษ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ได้รับความเสียหายอย่าง มากจากการทิ้งระเบิดของเยอรมนี

 

หล่อนก็ถือว่าตัวเองได้ลาภอันประเสริฐสุด

“ถ้าพ่อเราเป็นพระราชาจริงๆ เราก็คงกลายเป็นเจ้าชาย”

หญิงสาวหันไปมอง 'เจ้าชาย’ อย่างมันเขี้ยว หล่อนยอมรับว่าเขามี ฐานะรํ่ารวย หน้าตาหล่อเหลาราวรูปสลักเทพบุตรกรีก แต่รสนิยมในการ แต่งกายถือว่าห่วยมากถึงมากที่สุด หากเขาไม่ใช่เพื่อนสนิทที่มีจุดยืนในด้าน แฟชั่นเป็นของตัวเองอย่างแน่วแน่แล้ว หล่อนสาบานได้ว่าตนคงจับเขา เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวมากกว่าจะบอกตัวเองให้ 'ชิน’ กับการมิกซ์แอนด์ แมตช์แย่ๆ ชองเขามาตลอดห้าปีเต็ม อันดาคิดแล้วหัวเราะคิกคัก

'‘เจ้าชายต้นคริสต์มาสน่ะเหรอ” หล่อนมองเสื้อกับกางเกงโทนสี ต่างกันแบบสุดโต่งด้วยแววตาหยอกเย้า ทำให้บุลินหัวเราะตาม

“ยังไงต้นคริสต์มาสก็ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความสุขนะ”

“เพคะ หม่อมฉันเห็นด้วยกับพระองค์” อันดาแกล้งยกกระโปรงสีขาว ที่แต่งชายด้วยลูกไม้ขึ้นถอนสายบัวให้เขา เนื่องจากทั้งสองมักต่อมุกกัน อย่างนี้เสมอ

“แล้วอันดาอยากเป็นเจ้าหญิงไหมล่ะ”

อันดาเงยหน้าขึ้นเห็นตาหวานฉํ่าฃองเขาแล้วก็รู้สึกว่าการต่อมุกของ บุลินครั้งนี้ใม่ชวนขำเอาเสียเลย หรือความจริง...อาจไม่ใช่การต่อมุกอีกแล้ว

“เอ่อ...ข้างนอกน่าจะอากาศดีเนอะ’’ อันดาหัวเราะแห้งๆ และเดินตรง ไปเปิดดประตูทางกราบเรือด้านซ้าย

หญิงสาวรูปร่างบอบบางก้าวออกไปยืนชิดชอบเรือ สูดเอากลิ่นเกลือ ที่ลอยมากับสายลมเข้าปอด บุลินตามไปยืนเคียงข้างหล่อน

“ตอนนี้อันดาเรียนจบแล้ว แถมยังเป็นดีไซเนอร์เจ้าของห้องเสื้อที่มี ลูกค้าประจำมากมาย อันดาประสบความสำเร็จด้านการเรียน การงาน และ มีทุกอย่างสมบูรณ์ เราก็เหมือนกัน เราจบโทมาได้ปีกว่า ตอนนี้ก็ช่วยงานใน อู่ต่อเรือพ่อ จนอะไรๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง อีกหน่อย...เราก็จะเป็นประธาน บริษัทต่อจากพ่อ”

เมื่ออันดาฟังเขาพูดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็แน่ใจทันทีว่าสิ่งที่เขาถามใน เคบินไม่ใช่การต่อมุก

ให้ตายสิ! หล่อนนึกว่าเขาชวนมาล่องเรือกับเพื่อนๆ เพราะอยากให้ รู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานเสียอีก

“ถึงตอนนั้นเราก็อยากมีใครสักคนเคียงข้าง เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์” บุลินยังคงพูดต่อ

อันดารู้ดีว่าตลอดหลายปีมานี้เขารู้สึกกับหล่อนแบบไหน หล่อนเอง ก็รู้สึกดีๆ ต่อเขา เขาเป็นคนง่ายๆ สบายๆ แถมยังคุยสนุก อันดาไม่รังเกียจ ถ้าจะคบหาเขาในฐานะเพื่อน แต่พอเขาเริ่มพูดเรื่องทำนองนี้ทีไร หล่อนมัก อึดอัดอย่างหาสาเหตุไม่ได้ รู้แค่ว่าหล่อนไม่พร้อมจะคบเขาในฐานะอื่น

ที่ผ่านมาหล่อนมักจะบ่ายเบี่ยงว่าอยากตั้งใจเรียนให้จบ อยากช่วย งานในห้องเสื้อของมารดาให้กิจการเป็นที่รู้จักมากกว่านี้ และตอนนี้หล่อน ก็ได้ตามต้องการแล้ว ส่วนมารดาก็จากไปพร้อมบิดาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหกเดือนก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้หล่อนสะเทือนใจมาก

ทุกวันนี้อันดายังแอบร้องไห้คนเดียวอยู่บ่อยครั้ง หล่อนไม่เคยชินกับ การอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นหกเดือนที่ผ่านมาหล่อนจึงทุ่มเทเวลาให้งานมาก จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน

“เราว่ามันถึง เวลา แล้วนะ อันดาควรมีใครสักคนดูแลแทนพ่อกับแม่

เสียที”

อันดาไม่กล้าหันไปหาบุลิน เพราะกลัวว่าถ้าเห็นแววตาที่เต็มไปด้วย ความรู้สึกมากมายของเขาแล้ว จะไม่กล้าปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้... เขาพูดถูก

“ใช่...มันอาจถึงเวลาแล้ว” อันดาคิดว่าหล่อนควรเริ่มพูดกับเขาตรงๆ เกี่ยวกับความรู้สึกที่หล่อนมีให้เขาในฐานะเพื่อน “แต่งงานกับ เรานะอันดา”

ค่าขอนั้นทำเอาหญิงสาวทันขวับไปมองบุลินอย่างเหนือความคาดหมาย

ติดตามต่อในเล่ม...

 

 

 

 

 

รายละเอียด

ขณะที่กำลังล่องเรือยอชต์สุดหรูอยู่กับคู่หมั้นหนุ่ม เหตุไม่คาดฝันก็ทำให้ #@*อันดา#@* มาโผล่บนเรือโจรสลัดในยุคโบราณ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือเขาคิดว่าหล่อนเป็น #@*เจ้าสาว#@* ที่หายสาบสูญไป! หญิงสาวจากคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ พลัดหลงมาติดอยู่บนเรือโจรสลัดในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ ต้องเป็นเพราะนาฬิกาเก่าคร่ำครึที่คู่หมั้นหล่อนมอบให้แน่ๆ มอร์แกน ริช...เขาทั้งดิบ เถื่อน หยาบคาย และบอกว่าหล่อนเป็น #@*ว่าที่เมีย#@* ที่เคยรักเขาแบบสุดสวาทขาดดิ้น แต่จะเป็นไปได้อย่างไร... ทางเดียวที่จะกลับบ้านได้คือต้องขโมยนาฬิกาลึกลับมาจากเขา ทว่าการขโมยของโจรสลัดไม่ใช่เรื่องง่าย ความลับที่ซุกซ่อนอยู่กับกาลเวลาค่อยๆ เปิดเผย พร้อมอันตรายที่คืบคลานเข้ามา แล้วใครอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดกันล่ะ...


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร_07 | 1 รีวิว
31/08/2014

“เจ้าสาวแคริบเบียน” เป็นหนึ่งในนิยายในเซต “A MOMENT IN TIME ณ เวลารัก” ค่ะ ถ้าบอกแบบไม่อวยผู้เขียน ดิฉันต้องสารภาพตามตรงว่าชอบเล่มนี้มากสุดในเซตนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะดิฉันชื่นชอบภาพยนต์ the pirate of the Caribbean เป็นทุนเดิม จึงทำให้อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วคิดถึงโจรสลัดในภาพยนต์ก็เป็นได้ พล็อตเรื่องนี้จะว่าย้อนอดีตมาพบรักก็บอกได้ไม่เต็มบอกค่ะ แต่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามผ่านกาลเวลา โดยมีนาฬิกาเป็นสื่อ นางเอกนั้น ความจริงเธอเป็นคนของยุคอดีต แต่มีเหตุทำให้เธอหลงไปอยู่ในยุคปัจจุบัน ผู้เขียนได้ทำการผูกเรื่องให้นางเอกมีตัวตนในยุคปัจจุบันด้วยค่ะ เพราะมีคนหน้าเหมือน เสียงเหมือน เอาง่ายๆ เหมือนนางเอกทุกอย่าง ผู้หญิงคนนั้นหายตัวไป แล้วพอนางเอกที่ย้อนมาจากอดีตมาโผล่ในยุคปัจจุบัน ครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นจึงคิดว่านางเอกเป็นลูกสาวที่หายไป ประกอบกับนางเอกความจำเสื่อม ทำให้เธอจำเรื่องราวต่างๆไม่ได้ เธอจึงเข้าใจว่าเธอเป็นคนในยุคปัจจุบันจริงๆ นางเอกเป็นคนสวยนิเนอะ ก็มีชายหนุ่มมาหมายปอง เป็นคู่หมั้นด้วยนะเออ แต่ลึกๆแล้วนางเอกรู้สึกว่าเธอไม่ได้รักเขาค่ะ ในใจเธอจะมีผู้ชายคนหนึ่งที่เธอคิดว่าเธอรักเขา แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฝ่ายพระเอก เป็นโจรสลัด เขาไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด ผู้หญิงที่เขารักอย่างนางเอกจึงได้ทิ้งเขาไปและทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นด้วยการไปเข้าข้างศัตรู แต่เขาก็ยังรักเธอเสมอ ตลอดเวลาพระเอกเฝ้าตามหานางเอก แต่ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เป็นหลายปีเลยค่ะ จนในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจ เมื่อนางเอกที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ทำบางอย่างกับนาฬิกา เธอจึงมาโผล่บนเรือของพระเอก และเข้าใจว่าเขาเป็นโจรสลัดเที่ยวฆ่าปล้นไร้มนุษยธรรม คือนางเอกยังจำพระเอกไม่ได้ แต่นั่นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพระเอก เพราะเขาตั้งใจว่าต้องทำให้เธอกลับมาจำเขาและรักเขาให้ได้อีกครั้ง วิธีการของพระเอก ต้องไปติดตามอ่านในเล่มเองนะคะ คือมันบับบบว่า น่าร๊อคคอ่า หื่นนิดๆ หวานหน่อยๆ แต่นางเอกก็ไม่ใช่จะง่ายๆนะคะ เธอไปอยู่โลกยุคปัจจุบันมานาน ผู้หญิงปัจจุบันเก่งและร้ายจะตาย ฮี่ๆๆๆ ความสนุกของเรื่องนี้สำหรับดิฉัน อยู่ที่ปมที่ทำไมอยุ่ๆนางเอกถึงโดนส่งไปยุคปัจจุบันและความจำเสื่อม ลืมอดีตทุกอย่าง และผู้หญิงที่นางเอกไปแทนที่ เธอคนนั้นคือใคร ข้อนี้ดิฉันสงสัยมากค่ะ สงสารคู่หมั้นนางเอกในยุคปัจจุบันเล็กๆเพราะเขาก็รักนางเอก แต่แค่สงสารนะคะ เพราะยังไงก็เชียร์พระเอกอยู่แล้ว ยิ่งเห็นความรักที่พระเอกมีต่อนางเอกยิ่งซาบซึ้งค่ะ อดทนจนนางเอกความจำกลับคืนมา ลองหามาอ่านกันดูนะคะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024