จอมโจรแดนเถื่อน (ซ่อนกลิ่น)

จอมโจรแดนเถื่อน (ซ่อนกลิ่น)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001038
ผู้แต่ง: ซ่อนกลิ่น
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 300.00 บาท 75.00 บาท
ประหยัด: 225.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เมื่อชายชราผู้มีใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลาแหวกม่าน ของกระโจมหลังใหญ่ที่สุดในหมู่กระโจมนับร้อยนับพันที่กระจายอยู่ทั่วโอเอซิส

                มาห์วาออกมา อับดุลอะซีซซึ่งกำลังเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวาย จึงรีบปรี่เข้าไปหาด้วยความร้อนใจอันจะหามาตรใดๆ มาวัดมิได้

                “ฮะซารเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอ”

ผู้ถูกถามยิ้ม “นางมิได้เป็นอะไรเลยท่านชีค”

“ไม่เป็นอะไร?” เขาทวนคำ คิ้วหนาขมวดมุ่น นัยน์ตาสีเหล็กฉายแวว แห่งความสงสัยออกมา “ไม่เป็นอะไร แล้วทำไมถึงได้เป็นลมเป็นแล้งไปแบบนั้น”

“เรื่องนี้เห็นทีท่านชีคคงจะต้องไปถามนางเอาเองแล้วละครับ”

“เอ ทำไมหมอพูดแบบนี้ล่ะ เป็นหมอก็ต้องรู้สิว่าคนไข้เป็นอะไร”

“รู้สิครับท่านชีค” ผู้เป็นหมอพยักหน้า “และข้าก็บอกท่านฮะซารไปแล้ว นางจึงกำชับกับข้าว่าอย่าได้บอกท่านชีคก่อนเพราะนางจะเป็นผู้บอกกับท่านเอง”

“พิลึก” ชายหนุ่มบ่นอุบ

ชายชราผู้ทรงภูมิยิ้มรับอย่างยินดีแล้วเดินผละจากไป

อับดุลอะซีชงุนงงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจสลัดความสงสัยนั้นทิ้งแล้วแหวกม่านเข้าไปภายในกระโจม

กลิ่นกำยานหอมกรุ่นอบอวลเย้ายวนใจราวกับหลุดมาอีกโลกหนึ่งนั้นโชยมาเตะจมูก แต่อับดุลอะซีซไม่มีเวลาจะมาดื่มดํ่ากับมัน เขาเดินตรงไปที่หมู่หญิงสาว พวกหล่อนกระจายตัวออกเมื่อเห็นเขา เผยให้เห็นหญิงสาวสะคราญนางหนึ่งทอดกายอยู่บนเบาะกำมะหยี่สีแดงขลิบชอบด้วยด้ายทองหรูหรา

“ฮะซาร เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หล่อน ดึงมือน้อยๆ ซีดเซียวของหล่อนมากุมเอาไว้แนบอกด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

เหล่าสาวๆ ที่ยืนรายล้อมอยู่นั้นเมื่อได้ยินคำถามของเขาก็กลับหัวเราะ คิกคัก แม้แต่ใบหน้าของภรรยาของเขาเองก็ยังแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับว่าหล่อนมิได้มีอาการเจ็บป่วยอะไรเลย อากัปกิริยาเหล่านี้ของพวกหล่อนจึงทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้

“พวกเจ้าขำอะไรกันนักหนา” อับดุลอะซีซเอ่ยถามเสียงขุ่น จนเมื่อเหลือบไปเห็นชามใบหนึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะเตี้ย ในชามเหลือน้ำสีขุ่นคลั่กอยู่เป็นแอ่งน้อยๆ ก็เปลี่ยนคำถามไปในบัดดล “ไหนหมอบอกว่าเจ้าไม่เป็นอะไร แล้วทำไมถึงต้องกินยาด้วย”

ฮะซารยิ้ม ใบหน้าชองหล่อนดูสดใสเปล่งปลั่งเกินกว่าจะเป็นคนเจ็บไข้ ได้ป่วยมากมายนัก หล่อนเอื้อมมือขึ้นมาประคองแก้มของเขาแล้วลูบไล้อย่าง แผ่วเบา ก่อนจะเปล่งเสียงหวานราวนกไนติงเกสสมกับชื่อของหล่อน

“มันเป็นยาบำรุงครรภ์ค่ะ ท่านชีค”

“ยาบำรุงครรภ์?” เขาขมวดคิ้ว ทวนคำพูดชองภรรยาอย่างงุนงง

“คนท้องต้องกินยาบำรุงครรภ์ค่ะ” ฮะซารเอ่ยยิ้มๆ พาให้พวกสาวๆ หัวเราะกันครึกครื้นขึ้นมาอีก

“ท้อง?” อับดุลอะซีซเลิกคิ้ว ดวงตาเบิกกว้าง สมองมึนชาไปชั่วขณะหนึ่ง หล่อนยกมืออีกข้างขึ้นมาประคองแก้มของเขา จุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากเขา “เรากำลังจะมีลูกกันค่ะ ท่านชีค”

ความปีติแผ่ซ่านกระจายไปทั่วโพรงอก อับดุลอะซีซยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยกว้างเท่านี้มาก่อน ร่างของเขาเบาคล้ายปุยนุ่น เขากระโดดตัวลอยขึ้นร้องไชโยออกมาดังลั่นกระโจม แขนขาราวกับมีชีวิตได้เอง มันพาให้เขาเต้นเหยงๆ จนเมียสาวของเขาและพวกสาวใช้ถึงกับหัวเราะคิกคักออกมา

ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นดูจะมากเกินกว่าที่ร่างใหญ่โตของอับดุลอะซีซจะทานทนเก็บกดมันเอาไว้ได้ มันขับเคลื่อนให้เขาตลบม่านวิ่งออกไปข้างนอก ยกแขนทั้งสองขึ้นเหนือศีรษะ แล้วตะโกนออกมาด้วย เสียงอันดังราวกับกำลังจะประกาศให้โลกทั้งโลกได้รับรู้ว่า...เขากำลังจะมีลูกแล้ว

เหมือนเสียงของเขาจะดังไปทั่วโอเอซิส พาให้ผู้คนที่หลบรังสีร้อนแรง แห่งดวงอาทิตย์อยู่ในหมู่กระโจมน้อยใหญ่ซึ่งกระจายตัวกันอยู่คล้ายเป็นเมือง เล็กๆ ต้องแหวกม่านออกมามอง ส่วนชาวบ้านที่กำลังท่ากิจกรรมต่างๆ เมื่อได้ยินก็ยกไม้ยกมือโห่ร้องยินดีไปกับเขาด้วย

อับดุลอะซีซวิ่งเข้ากระโจมนี้ที วิ่งออกกระโจมนั้นที เมื่อพบใครก็จะร้องบอกว่า ‘ท่านลุง ท่านป้า ข้าจะมีลูกแล้ว ท่านน้า ท่านอา ข้าจะมีลูกแล้ว’ ก่อนจะผลุบเข้าไปในกระโจมหลังหนึ่ง ซึ่งหญิงชรากำลังถักเปียให้เด็กสาวสะพรั่งคนหนึ่ง อับคุลอะซีซโผเข้าไปกอดหล่อนเอาไว้แน่น

“อะไรกันเจ้าลูกคนนี้ ตัวเราไม่ใช่เล็กๆ อย่างแต่ก่อนแล้วนะ โถมเข้ามาแบบนี้ ประเดี๋ยวแม่ได้ตายกันพอดี”

“ข้าดีใจน่ะแม1

“ดีใจอะไรกันนักหนา เป็นถึงเจ้าคนนายคนแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้” ผู้เป็นมารดาค่อน

แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจทำให้รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าแจ่มใส ของชีคหนุ่มได้ อับดุลอะซีซกลับกอดมารดาของเขาแน่นขึ้น แล้วหอมแก้มนางดังฟอดใหญ่ “ข้ามีข่าวดีที่สุดในรอบปีมาบอก”

“หน้าบานแบบนี้ สงสัยต้องเป็นข่าวดีจริงๆ” เด็กสาวหันมาเอ่ยยิ้มแย้ม ชายหนุ่มยักคิ้วให้น้องสาวที่มีอายุห่างกันถึงสิบสามปี หล่อนเพิ่งจะ อายุครบสิบเจ็ดเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เอง เขาหยิกแก้มหล่อนเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันกลับไปหามารดาอีกครั้ง

“ข้าจะมีลูกแล้วจ้ะแม่”

“ลูกหรือ” หญิงชราเลิกคิ้วก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา จนความสุขเริ่มกระจายไปทั่วใบหน้า “จริงหรือ นี่ฮะซารท้องแล้วจริงๆ หรือ”

“จริงจ้ะแม่” อับดุลอะซีซหัวเราะร่วน

“น้องดีใจด้วยนะจ๊ะพี่” เด็กสาวร้องบอก

“ขอบใจมากจ้ะ” เขาขยี้ผมหล่อนเบาๆ จนเปียที่กักยังไม่เสร็จหลุดลุ่ยก่อนจะลุกพรวดขึ้น “ข้าจะไปบอกท่านอาจารย์ด้วย”

ยังไม่ทันขาดคำ คนตัวโตก็รีบวิ่งออกจากกระโจมของมารดา ไม่วายที่จะมีเสียงลอยมาตามหลังว่า “เจ้าเด็กไม่รู้จักโต”

ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชายหนุ่มผู้มีท่อนขายาวแข็งแกร่งก็วิ่งรวดเดียวมาถึงกระโจมหลังเล็กซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวระหว่างรอยต่อของโอเอซิสมาห์วากับทะเลทรายสะฮาราอันกว้างใหญ่ เขาแหวกม่านเข้าไปด้วยอาการลิงโลดแต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าภายในนั้นมิได้มีแต่อาจารย์ของเขาเพียงคนเดียว แต่ท่านกำลังนั่งอยู่บนพรมผืนใหญ่ โดยมีชายฉกรรจ์อีกห้าคนที่ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดรายล้อม

“เกิดอะไรขึ้นหรือครับท่านอาจารย์”

“อับดุลอะซีช” เสียงของชายชราเคราขาวนั้นดูเป็นกังวล ก่อนจะกวักมือ เรียกเขา “เจ้ามาก็ดีแล้ว มานั่งตรงนี้สิ ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาเจ้าพอดี”

ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ลืมข่าวดีที่จะมาบอกกล่าวเสียสนิท เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งกระโจมอันสันโดษหลังนี้

“พวกเขาทั้งห้าคน” ชายชราพยักพเยิดไปที่เหล่าชายฉกรรจ์ “คือ ตัวแทนของเผ่าต่างๆ ในเขตทะเลทรายสะฮาราของเรา”

“อัสลามมุอะลัยกุม” อับดุลอะซีซค้อมศีรษะอย่างสุภาพ แต่แฝงเอาไว้ด้วยความน่าเกรงขามของชีคหัวหน้าเผ่าผู้ทรงอำนาจ อาการลิงโลดราวกับเด็กเมื่อสักครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง

ทั้งห้าต่างค้อมคำนับแล้วสลามตอบเขา “วะอะลัยกุมุสละลาม ท่านชีค อับดุลอะซีช”

จากนั้นแต่ละคนจึงผลัดกันแนะนำตัวเอง จนกระทั่งคนสุดท้ายซึ่งมีรอยแผลเป็นบากอยู่บนใบหน้า “ข้ามาจากเผ่าบุลบุล เมื่อสามคืนก่อนเผ่าของข้าถูกเผาราบโดยฝีมือของเผ่าชาดินเช่นเดียวกับอีกสี่เผ่า”

“ผีมือของพวกชาดินทั้งห้าเผ่าเลยหรือ” กับดุลอะซีซเอ่ยถามด้วยความ

ฉงน

“นั่นเป็นจำนวนที่เรารู้” อาจารย์เฒ่าเอ่ยเสริมขึ้น “ข้ารู้มาว่าชีคกอเซ็ม หัวหน้าเผ่าชาดิน มันสมคบกับพวกนอกศาสนา หวังจะใช้กำลังของพวกคนขาวยึดครองทะเลทรายสะฮาราและเส้นทางคาราวานเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว”

“และมันกำลังจะมุ่งหน้ามาทางเผ่ามาห์วาของท่าน” ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง แทรกขึ้น

“พวกเราจึงรวบรวมกำลังที่หลงเหลืออยู่มาสมทบกับท่าน” ชายหน้า บากบอก “ทั้งห้าเผ่ารวมแล้วก็สองพันกว่าคน หากรวมกับคนของท่าน ก็มีกำลังเกือบเจ็ดแปดพัน”

“แต่เท่าที่ข้ารู้ พวกคนรัสเซียมีทหารถึงสองหมื่น” ชีคกับดุลอะซีซ เอ่ยเสียงเครียด

“ถ้าปักหลักสู้ก็คงจะเสียเปรียบ” ผู้เป็นอาจารย์บอก “ต้องรบแบบ กองโจร”

‘ข้าเห็นด้วย” ชีคหนุ่มแห่งมาห์วาสนับสนุน “แต่เพื่อความไม่ประมาทเราควรอพยพชาวบ้าน ผู้หญิง เด็ก และคนชราหลบไปที่ปลอดภัยก่อน”

“ข้อนั้นข้าก็ เห็นด้วยนะ”

อับดุลอะซีซพยักหน้ากับอาจารย์ของตน ก่อนจะหันไปหาชายฉกรรจ์ ทั้งห้า “พวกเจ้าคิดว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่เมื่อไร”

“คงไม่เกินคืนพรุ่งนี้” ตัวแทนเผ่าบุลบุลตอบเสียงเข้ม

“รวดเร็วมาก” สีหน้าของชายหนุ่มเจ้าบ้านดูเป็นกังวลขึ้นมาทันที เพราะการอพยพผู้คนมากมายไปยังที่ปลอดภัยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำให้เสร็จภายในวันเดียวได้

ความเป็นห่วงเมียรักและลูกน้อยในครรภ์ของหล่อนเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจของเขา แต่เขาไม่มีเวลามาอ้อยอิ่ง อับดุลอะซีซจึงรีบลุกพรวดขึ้นด้วย ท่าทางขึงขัง “พวกท่านนำคนทั้งห้าเผ่าไปรอข้าอยู่ที่เนินทรายทางตะวันออก ข้าจะรวบรวมคนแล้วตามไปสมทบทันที”

กลุ่มชายฉกรรจ์ต่างน้อมรับคำสั่งของเขา อับดุลอะซีชรู้ดีว่า คนพวกนี้เป็นเพียงคนไร้แผ่นดินที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น จึงยินดีที่จะต่อสู้ไปพร้อมๆ กับเขา โดยยกให้เขาเป็นผู้นำ เพื่อที่จะช่วงชิงมาตุภูมิคืนกลับมา

เมื่อตัวแทนทั้งห้าเผ่าออกไปแล้ว อับดุลอะซีซจึงหันกลับไปหาชายชรา     “ท่านอาจารย์ ข้าอยากจะขอร้องให้ท่านทำอะไรให้สักอย่างหนึ่ง”

“อะไรหรือ” ชายชราเลิกคิ้ว

“ข้าอยากจะให้ท่านช่วยพาพวกชาวบ้านลงไปทางทิศใต้ ไปหลบที่หุบเขาซัมซุน ที่นั่นมีภูเขาหินสูงใหญ่รายล้อมหุบเขาอันเป็นที่สับ เป็นที่หลบภัยได้อย่างดีทีเดียว”

“แต่ข้าอาจช่วยเจ้าต่อสู้กับพวกชาดินได้นะ”

“การต่อสู้นับว่าเป็นหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่ง แต่การคุ้มครองดูแลชาวบ้านให้อยู่รอดปลอดภัยนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ข้าไม่เห็นใครอีกแล้วที่จะทำเรื่องนี้ได้ ยกเว้นก็แต่ท่านอาจารย์”

ชายชราคลี่ยิ้ม “ไม่เสียแรงที่ข้าเฝ้าสอนเจ้ามาเป็นแรมปี เจ้าช่างเก่งกล้า

ไม่ต่างกับพ่อของเจ้าเลย”

“ข้าขอขอบใจท่านอาจารย์” ชายหนุ่มค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม             “และข้าก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากขอร้องท่านเป็นประการสำคัญ”

“ข้ายินดี ไม่ว่ามันคือเรื่องอะไร”

อับดุลอะซีซถอนใจ ทั้งที่เรื่องที่กำลังจะพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก แต่สถานการณ์นั้นช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย “ฮะซารกำลังอุ้มท้องลูกของข้า”

อาจารย์มองหน้าเขา ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างปีติ

“ในที่สุด เจ้าก็ทำได้เสียที”

“ไม่ใช่ข้าหรอก” ชายหนุ่มส่ายหน้า “เป็นฮะซารต่างหากที่ต่อสู้จนทำได้ ท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่านางมีร่างกายที่อ่อนแอเพียงไร ข้านับถือน้ำใจนางจริงๆ ที่ไม่ระย่อจนสามารถตั้งครรภ์ให้ลูกแก่ข้าได้”

“แต่ข้ากลับนับถือเจ้า” อาจารย์เฒ่าตบไหล่ชายหนุ่มแรงๆ “ถึงแม้ ฮะซารจะอ่อนแอ แต่เจ้าก็ไม่มีเมียใหม่ แม้นางจะยินยอม และแม้เจ้าจะมีสิทธิ์ก็ตาม”

“ข้าคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ถึงแม้ฮะซารจะมีลูกให้ข้าไม่ได้มันก็ไม่ใช่ความผิดของนางจนข้าจะใช้เป็นข้ออ้างมีคนอื่น”

“เจ้าเป็นคนดี” อาจารย์เฒ่าหัวเราะเบาๆ “แต่ตอนนี้ก็คงไม่ต้องคิดเรื่องพวกนั้นแล้วกระมัง”

“ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเครียด “ลูกของข้าจะเป็นชีคเหมือนข้าในอนาคต กว่าจะถึงวันนั้น ข้าคงต้องพึ่งท่านอีกมาก รวมทั้งการปกป้องเขาให้พ้นจากอันตรายในวันนี้ด้วย”

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด”

อับดุลอะซีซพยักหน้า “รีบไปเถอะครับ บอกทุกคนว่าให้เอาเฉพาะสิ่งของจำเป็นติดตัวไปก็พอ จะได้เดินทางได้รวดเร็วขึ้น คืนนี้หลังจากละหมาด.ติดตามต่อในฉบับ.

 

 

 

 

รายละเอียด

ด้วยความแค้นที่ครอบครัวและชนเผ่าถูกกองทัพของพระราชาธิบดีกอเซ็มสังหารอย่างโหดเหี้ยม ชีคอับดุลอะซีซจึงจับเจ้าหญิงนิสรีนกับเจ้าชายมาอิซมาเป็นเชลย ทว่าการลงทัณฑ์เจ้าหญิงกลับก่อให้เกิดพันธนาการร้อยรัดหัวใจจอมโจรหนุ่มจะเลือกสิ่งใดระหว่างเชลยผู้สั่นคลอนหัวใจกับความแค้นที่ยากจะลืม จอมโจรหนุ่มผู้มีลมหายใจเป็นความแค้นลงทัณฑ์เชลยผู้สูงศักดิ์อย่างป่าเถื่อนเพื่อเรียกคืนสิ่งที่สูญเสียไปในอดีตแต่ไยเขาไม่เคยมีความสุขเลยเมื่อทำนางเจ็บ ใจเขาเจ็บยิ่งกว่าและทุกคราที่โทสจริตเกาะกุมหัวใจถ้อยสั่งเสียของภรรยาผู้ล่วงลับจะผุดขึ้นในมโนสำนึก "สัญญากับข้าได้ไหมว่าท่านจะมีลูกที่น่ารักกับผู้หญิงที่ท่านรักสักคนหนึ่ง"


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024