ราชินีพันหนึ่งราตรี (จฑารัตน์)

ราชินีพันหนึ่งราตรี (จฑารัตน์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165002233
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

พระทาชาห์เรียร์กับนางชาห์ราซาด

 

เสียงสายลมยามดึกสงัดโชยแผ่วเบาราวเสียงกระซิบบอกเล่า เรื่องราวเก่าก่อนแก่กัน เรื่องราวของอาณาจักรแห่งหนึ่งซึ่งเจริญรุ่งโรจน์ เมื่อพันปีก่อน โดยมีพระเจ้าบานูซาซานเป็นผู้ปกครอง มีอาณาเขตกัดจากจีน และอินเดียไปทางทิศตะวันตก

พระเจ้าบานูซาซานมีพระโอรสสองพระองค์...พระองค์โตคือ ชาห์เรียร์ ส่วนพระองค์น้องคือ ชาห์ซามาน

เมื่อเจ้าชายชาห์เรียร์มีพระชันษาสิบห้าปี และเจ้าชายชาห์ซามานมี พระชันษาสิบสามปีนั้น พระเจ้าบานูซาซานก็สิ้นพระชนม์

เจ้าชายชาห์เรียร์ได้ครองราชสมบัติในเปอร์เซียสืบต่อจากพระบิดา แม้ พระองค์จะทรงพระเยาว์ แต่ทรงเป็นนักขี่ม้าที่ชำนาญ เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง

ทรงปกครองบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม จึงทรงเป็นที่รักของประชาชน

พระเจ้าชาห์เรียร์ได้ทรงมอบเมืองซามาร์แคนด์ ซึ่งอยู่ชายแดนอาณาจักร

ของพระองค์ให้พระอนุชาชาห์ซามานปกครอง
ทั้งสองพระองค์จึงต้องจากกัน

ยี่สิบปีผ่านไป...

พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงคิดถึงพระอนุชายิ่งนัก มีพระดำริจะไปเยือน พระอนุชาที่ซามาร์แคนด์ด้วยพระองค์เอง จึงทรงหารือกับมหาอำมาตย์

แต่มหาอำมาตย์ผู้มากประสบการณ์กราบทูลทัดทานว่า “ช้าพระพุทธเจ้า มีความเห็นว่าใต้ฝ่าพระบาทเสด็จไปเยือนพระอนุชาด้วยพระองค์เองนั้นอาจ

จะไม่เหมาะสมนัก”

“แล้วท่านมีความเห็นอย่างไร?” พระองค์มีรับสั่งถาม

“ใต้ฝ่าพระบาทควรมีพระราชสาส์นถึงพระอนุชา เชื้อเชิญให้พระอนุชา เสด็จมาเยี่ยมเยือนโดยให้ช้าพระพุทธเจ้าเป็นคนถือไปพ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงเห็นด้วยกับวิธีที่มหาอำมาตย์เสนอ จึงทรง

พระอักษรพระราชสาส์นถึงพระอนุชา พร้อมมีรับสั่งให้จัดชองกำนัลมีค่า เช่น

ม้าพร้อมด้วยอานม้าทองคำประดับอัญมณี ทาสสาวผิวชาวผู้งดงามและ

บริสุทธิ์ แล้วให้มหาอำมาตย์นำไปมอบแด่พระอนุชาที่เมืองซามาร์แคนด์

มหาอำมาตย์น้อมรับรับสั่งแล้วกราบทูลลา ออกมาจัดไพร่พลและ

เสบียงอาหารเตรียมพร้อมเพื่อเดินทางไปเมืองซามาร์แคนด์

เมื่อไพร่พลและพาหนะ (ม้าและอร) พร้อม...มหาอำมาตย์ก็สั่งให้ออก เดินทาง...ผ่านทะเลทราย ชุนเขา เส้นทางที่เต็มไปด้วยกรวดหิน และทุ่งหญ้า เชียวชอุ่ม โดยแทบจะไม่ได้หยุดพัก (มีการพักบ้างเมื่อจำเป็น เช่น พักนอน พักกินอาหาร ไม่เช่นนั้นไพร่พลคงอ่อนแรงล้มตายหมด)

แต่เมื่อเดินทางผ่านเมืองที่เจ้าเมืองสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าชาห์เรียร์

ขบวนเดินทางชองมหาอำมาตย์จะถูกเชื้อเชิญให้พักที่เมืองนั้น โดยมีพิธีการ ต้อนรับแขกเป็นเวลาสามราตรี (คืน) คือ วันพักผ่อน วันชำระล้างร่างกาย

และวันออกเดินทาง และมหาอำมาตย์จะได้รับชองกำนัลเป็นทองคำและเงินแท้ รวมทั้งชองขวัญลํ้าค่าอื่นๆ

ในที่สุดขบวนเดินทางของมหาอำมาตย์ก็มาถึงเมืองซามาร์แคนด์...

มหาอำมาตย์รีบรุดเช้าเฝ้าพระเจ้าชาห์ซามาน โดยถวายบังคมก้มลงจูบพื้น

 

ระหว่างฝ่ามือทั้งสอง พร้อมกล่าวถวายพระพร “ขอจงทรงพระเจริญยิ่ง

ยืนนาน” แล้วถวายพระราชสาส์นแด่พระองค์

พระอนุชาทรงเปิดพระราชสาส์นออกอ่าน ข้อความในนั้นแสดงถึง ความคิดถึงอันมากล้นที่พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงมืต่อพระอนุชา และทรงปรารถนา

ให้พระอนุชาเสด็จมาเยือนพระองค์สักครั้ง ก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์

มหาอำมาตย์กราบทูลเสริมว่า “พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงระลึกถึงใต้ฝ่า

พระบาทยิ่งนัก และทรงปรารถนาให้ใต้ฝ่าพระบาทเสด็จไปเยือนเมืองหลวง

พร้อมข้าพระพุทธเจ้า”

“เราเชื่อฟังในรับสั่งแห่งพระเชษฐาที่รักยิ่งของเรา” พระเจ้าชาห์ซามาน ตรัส “แต่เราจะยังไม่เดินทางจนกว่าพิธีการต้อนรับแขกสามราตรีจะเสร็จสิ้น เสียก่อน”

และในเวลาสามวันนั้น พระเจ้าชาห์ซามานมีรับสั่งให้ตระเตรียมไพร่พล และเครื่องราชบรรณาการลํ้าค่าไปถวายพระเชษฐา แล้วแต่งตั้งให้มหาอำมาตย์ แห่งเมืองซามาร์แคนด์ดูแลราชการแทนพระองค์ ในระหว่างที่พระองค์เสด็จ

ไปเยือนพระเชษฐา

ครั้นวันที่สี่ พระเจ้าชาห์ซามานพร้อมด้วยมหาอำมาตย์ของพระเชษฐา

ก็ออกเดินทางจากเมืองซามาร์แคนด์

แต่เมื่อขบวนเดินทางได้เคลื่อนขบวนพ้นกำแพงเมืองแล้ว พระเจ้าชาห์- ซามานทรงระลึกได้ว่า พระองค์ทรงลืมของขวัญชิ้นหนึ่งที่ตั้งพระทัยว่าจะ ถวายพระเชษฐาไว้ที่พระราชวัง จึงมีรับสั่งให้ขบวนเดินทางตั้งกระโจมพักแรมรอที่นอกกำแพงเมือง

พระเจ้าชาห์ซามานทรงม้ากลับพระราชวัง จากนั้นทรงพระดำเนินไปยัง

ห้องบรรทม ทรงหวังว่า...จะได้พบพระชายา และทำให้นางตื่นเต้นที่ได้เห็น พระองค์อีกครั้ง

แต่พอเปิดประตูห้องบรรทมอย่างแผ่วเบา สิ่งที่เห็นกลับทำให้พระเจ้า

 

ชาห์ซามานทรงอึ้ง เพราะ...บนแท่นบรรทม ชายาของพระองค์กำลังนอนหลับ อยู่ข้างกายทาสแขกดำคนครัวที่แสนอัปลักษณ์ ร่างดำมะเมื่อมเต็มไปด้วย คราบไคลและคราบนามัน

พระเจ้าชาห์ซามานทั้งกริ้วทั้งเจ็บพระทัย ทรงชักพระแสงดาบออกฟัน

ร่างที่กอดก่ายกันนั้นขาดเป็นสี่ท่อน! แล้วเสด็จออกจากห้องบรรทม หวนกลับ

 ไปยังขบวนเดินทางโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

พอถึงขบวนเดินทาง...พระเจ้าชาห์ซามานก็มีรับสั่งให้ออกเดินทางทันที แต่ระหว่างการเดินทาง พระเจ้าชาห์ซามานไม่อาจสลัดความคิดถึงเรื่อง

ที่พระชายาทรยศต่อพระองค์ลงได้

พระองค์เฝ้าถามตนเองว่า “นางท่าเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้กับเราได้อย่างไร?” ด้วยความตรอมพระทัย ท่าให้พระเจ้าชาห์ซามานเสวยไม่ใคร่ได้

บรรทมไม่ใคร่หลับ พระวรกายซูบซีดอิดโรยจนเหมือนประชวร

มหาอำมาตย์ของพระเจ้าชาห์เรียร์จึงจำต้องหยุดพักขบวนเดินทางเป็น ระยะๆ เพื่อให้พระอนุชาได้พักผ่อนตามแหล1งนั้า (โอเอซิส) ต่างๆ ที่ขบวน

เดินทางผ่านและพยายามกราบทูลปลุกปลอบพระทัยพระอนุชา

ครั้นขบวนเดินทางใกล้ถึงเมืองหลวง มหาอำมาตย์ก็ส่งม้าเร็วมา

กราบทูลพระราชาแห่งตนถึงการมาถึงของพระอนุชา

พระเจ้า'ชาห์เรียร์ดีพระทัยต่อ'ข่าวที่ได้รับมาก มีรับสั่งให้ประดับประดา บ้านเมืองถนนหนทางด้วยธงทิวริ้วดอกไม้หลากลีเพื่อต้อนรับพระอนุชาอย่าง สมเกียรติ

 

เมื่อทั้งสองพระองค์ได้พบพระพักตร์กันหลังจากกันไปนานยี่สิบปี

พระเจ้าชาห์ซามานก็น้อมพระวรกายถวายความเคารพพระเชษฐา พระเจ้า

ชาห์เรียร์ทรงเข้ามาสวมกอดพระอนุชาอย่างยินดี แล้วทรงรู้สึกผิดสังเกตจึงมีรับสั่งถาม

“น้องพี่...เจ้าไม่สบายเป็นอะไรไปหรือ เหตุใดจึงดูซูบซีดอิดโรยเช่นนี้?”

พระเจ้าชาห์ซามานไม่พร้อมที่จะบอกความจริง จึงทรงตอบเลี่ยงๆ “หม่อมฉันคงเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลพ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้าชาห์เรียร์จึงมีรับสั่งให้จัดห้องบรรทมที่สามารถมองเห็นอุทยาน

ได้ชัดเจน เพื่อให้ธรรมชาติอันสวยงามทำให้พระอนุชามีความแช่มชื่นขึ้น

เวลาผ่านไประยะหนึ่ง พระอนุชาก็ทรงไม่ร่าเริงขึ้นเลย พระเจ้าชาห์เรียร์จึงมีรับสั่งถามอีกครั้งว่า

“น้องพี่...อะไรทำให้เจ้าซูบซีดลงทุกวัน?”

“เสด็จพี่...หม่อมฉันมีบาดแผลในใจพ่ะย่ะค่ะ” พระอนุชากราบทูล

“มีเรื่องอะไรหรือ” พระเจ้าชาห์เรียร์มีรับสั่งถาม

“หม่อมฉันยังไม่พร้อมจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” พระอนุชาตรัสตอบ

พระเจ้าชาห์เรียร์จึงไม่รับสั่งถามต่อ แต่ก็ทรงห่วงใยพระอนุชายิ่งนัก

จึงมีรับสั่งให้แพทย์หลวงมาทำการรักษา

คณะแพทย์หลวงถวายการรักษาพระอนุชาอยู่หนึ่งเดือนเต็ม ก็ไม่อาจ รักษาพระอาการป่วยทางใจชองพระอนุชาให้ดีขึ้นแต่อย่างไร

วันหนึ่ง...พระเจ้าชาห์เรียร์จึงตรัสชวนพระอนุชาไปล่าสัตว์

“พี่จะออกไปล่าสัตว์ เจ้าน่าจะไปด้วย เราจะได้ล่าสัตว์หาความสำราญ ด้วยกัน อาจจะช่วยให้เจ้าสบายใจขึ้น” แต่พระอนุชาทรงปฏิเสธ

“เสด็จพี่เสด็จไปส่าสัตว์เถิด หม่อมฉันขอพักอยู่ในวังเงียบๆ ดีกว่า

ขอเสด็จพี่พระราชทานพระอนุญาตด้วย”

พระเจ้าชาห์เรียร์ก็พระราชทานพระอนุญาตตามพระทัยพระอนุชา

เช้าวันรุ่งขึ้น...พระเจ้าชาห์เรียร์พร้อมขบวนเสนาอำมาตย์ช้าราชบริพาร คนสนิทจึงออกไปล่าสัตว์

ฝ่ายพระชายาชองพระเจ้าชาห์เรียร์เห็นพระสวามีเสด็จไปแล้ว ก็ทรง

คิดว่าพระอนุชาคงเสด็จไปด้วย จึงไม่ระมัดระวังองค์

 

พระเจ้าชาห์ซามานทรงเก็บพระองค์ในห้องบรรทมเงียบๆ ทรงยืน

ตรงพระแกล (หน้าต่าง) ทอดพระเนตรอุทยาน พลางนึกถึงความทรยศของ

พระชายาอย่างร้าวรานพระทัย

ระหว่างนั้น...ประตูท้ายวังที่ติดต่อกับอุทยานก็เปิดออก ทาสหญิงยี่สิบ นางที่รายล้อมพระชายาของพระเจ้าชาห์เรียร์ พากันเดินเข้ามาในอุทยาน

พระอนุชาจึงถอยห่างจากพระแกลมาทรงยืนในตำแหน่งที่สามารถมอง เห็นพวกนาง แต่พวกนางไม่สามารถมองเห็นพระองค์

คนทั้งหมดเดินไปที่กลางอุทยานซึ่งมีน้ำพุสวยงาม จากนั้นทั้งยี่สิบคน

ก็เปลื้องเสื้อผ้าออก เป็นนางสนมของพระเจ้าชาห์เรียร์สิบคน แต่อีกสิบคน ที่เหลือนั้นเป็นทาสชายผิวขาวปลอมตัวมา แล้วพวกเขาก็จับคู่สมสู่กัน

พระชายายืนอยู่เพียงลำพัง ก่อนเปล่งพระวาจาว่า “ออกมาเถิด ซาอิดที่รักแห่งข้า”

พอสิ้นเสียง ทาสแขกดำร่างใหญ่กำยำหน้าตาขี้เหร่ก็กระโจนลงมาจาก ต้นไม้ใหญ่พลางขานรับ “ข้ามาแล้ว” แล้วตรงเข้ากอดรัดพระชายาโฉมงาม

จากนั้นทั้งคู่ก็สมสู่กันในอุทยาน!

พระเจ้าชาห์ซามานทรงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ทรงรำพึงกับพระองค์ว่า

“โอ้พระเป็นเจ้า ความอัปยศของเรานับว่าเล็กน้อยนักเมื่อเทียบกับ พระเชษฐา พระเชษฐาของเราเป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่เหนือพระราชาใดๆ แต่

พระชายากลับลักลอบเล่นชู้กับทาสแขกดำอัปลักษณ์ นี่หมายความว่าไม่มีสตรี ใดที่ไร้วางใจได้ ด้งนั้นขอพระองค์ทรงสาปแช่งพวกนางด้วยเถิด”

หลังจากได้เห็นเหตุการณ์นั้นแล้ว พระเจ้าชาห์ซามานก็ตัดพระทัยจาก ความหมองเศร้าได้ ครั้นถึงเวลาเสวย เมื่อนางพนักงานนำพระกระยาหาร

มาถวาย ก็สามารถเสวยได้เป็นปกติ เมื่อถึงเวลาบรรทม ก็สามารถบรรทมได้

พระวรกายที่ซูบซีดฝายผอมเริ่มกลับฟื้นคืนกำลัง

หลังจากเสด็จประพาสปาสิบวัน พระเจ้าชาห์เรียร์ก็เสด็จกลับ'พระราชวัง

โดยพระอนุชาสามารถทรงม้าออกไปต้อนรับถึงนอกพระนครหลวง

พระเจ้าชาห์เรียร์อดแปลกพระทัยไม่ได้ที่เห็นพระอนุชาดูแจ่มใสกว่า เดิมมาก เมื่อเช้าไปถึงพระราชวังและเสวยพระกระยาหารด้วยกันแล้ว จึงมีรับสั่งถามพระอนุชาตรงๆ

“น้องพี่...ระหว่างที่พี่ไปล่าสัตว์ พี่อดกังวลถึงเจ้าไม่ได้ แต่พอกสับ มาดูเจ้าดีขึ้นมาก จนพี่อดสงสัยไม่ได้ เจ้าจงบอกพี่ตามตรง ว่าอะไรทำให้ เจ้าเศร้าหมอง และอะไรทำให้เจ้าดีขึ้น...อย่าได้ปิดบังพี่เลย”

พระอนุชาจึงกราบทูลว่า

“หม่อมฉันจะเล่าสาเหตุที่ทำให้หม่อมฉันเศร้าหมอง กินไม่ได้ นอน ไม่หลับ ให้เสด็จพี่ทรงทราบตามตรง แต่เรื่องที่ทำให้หม่อมฉันกลับมาแข็งแรง ด้งเดิมนั้น หม่อมฉันจะยังไม่ขอเล่า เสด็จพี่อย่าเพิ่งทรงคาดคั้นหม่อมฉันเลย พ่ะย่ะค่ะ”

พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงฟังแล้วก็ยิ่งแปลกพระทัย แต่ก็ยอมโอนอ่อนตาม พระทัยพระอนุชา

“ก็ได้...งั้นเจ้าจงเล่าสาเหตุที่ทำให้เจ้าเศร้าหมองให้พี่รู้เถิด”

“เมื่อครั้งที่เสด็จพี่ล่งมหาอำมาตย์ไปเชิญหม่อมฉันมาที่นี่ หม่อมฉันได้เดินทางออกจากเมืองซามาร์แคนด์มาพร้อมมหาอำมาตย์ แต่พอออกนอกตัวเมือง หม่อมฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมชองขวัญที่จะนำมาถวายเสด็จพี่ชิ้นหนึ่งไว้

ในวัง จึงย้อนกลับไปเอาเพียงลำพัง หม่อมฉันกลับเช้าวังอย่างเงียบๆ แล้วก็ได้เห็นชายาชองหม่อมฉันกอดเจ้าทาสแขกดำคนครัวอยู่บนที่นอนของ

หม่อมฉันเอง หม่อมฉันจึงฟันคนทั้งสองชาดเป็นสี่ท่อนในดาบเดียว แล้วออก เดินทางมาหาเสด็จพี่ แต่หม่อมฉันก็ไม่อาจสลัดความอัปยศอดสูออกจากใจได้ ทำให้หม่อมฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องทนทุกข์ตรอมใจตลอดการเดินทางจนเมื่อสิบวันที่แล้ว”

พระเจ้าชาห์เรียร์ทรงฟังแล้วก็ส่ายพระพักตร์ ก่อนตรัสอย่างกริ้วๆ

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

เมื่อพระเจ้าชาห์เรียร์ทรงมีความแค้นต่อสตรีเพราะถูกพระชายานอกใจ ชาห์ราซาด หญิงสาวผู้เพียบพร้อมทั้งความงามและสติปัญญาจึงใช้ความฉลาดหากลวิธียุติความแค้นได้อย่างแยบยล โดยวางเดิมพันด้วยชีวิตตนเอง . . . ราชินีพันหนึ่งราตรี นำเค้าโครงของนิทานพันหนึ่งราตรี มาสร้างความประทับใจให้คุณอีกครั้งในรูปแบบนิยาย. . . เรื่องเล่ามากมายที่นางชาห์ราซาดสรรหามาเล่าให้พระเจ้าซาห์เรียร์ฟังเป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่นางใช้เพื่อยุติความแค้นและทัศนคติอันเลวร้ายที่พระเจ้าซาห์เรียร์ทรงมีต่อผู้หญิง . . . ความสนุกและตื่นเต้นของนิทานของนางซาห์ราซาดที่ถ่ายทอดผ่านตัวละครอันหลากหลายอาจทำให้ช่วงเวลาในค่ำคืนนี้ของคุณผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยคุณแทบไม่รู้ตัว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024