บุพเพกำนัลรัก

บุพเพกำนัลรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160008865
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังสนทนากันในร้านอาหาร

“ตอนนี้นิดเปิดร้านจิวเอลรี ทำกับเพื่อนน่ะค่ะ เปิดมาได้สักครึ่งปี แล้ว ภาคสนใจบ้างไหม” ปณิศราพูดเสียงหวาน

ชายหนุ่มเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “ผมไม1ถนัดเรื่องเพชรเรื่องพลอย เท่าไหร่ แต่จะลองคิดดูแล้วกัน” เขาตอบ

ปณิศราไม่ติดใจ เธอเหลือบมองหน้าคู่สนทนา ไม่เจอภาคีมาร่วม สิบปี แม้เขาจะกลับจากต่างประเทศเมื่อสามปีที่แล้ว แต่ไม่มีเหตุให้ต้อง ติดต่อกัน เพราะต่างก็วุ่นวายเรื่องงาน กระทั่งเธอเห็นบทสัมภาษณ์เขา ในหนังสือเกี่ยวกับการตลาดเล่มหนึ่ง ว่าด้วยผู้บริหารรุ่นใหม่ที่น่าจับตา มอง จึงหาทางมาวนเวียนแถวที่ทำงานเขาจนได้เจอกันในที่สุด

ภาคีดูไม1เปลี่ยนไปนัก แม้ปีนี้เขาจะมีอายุสามสิบแปดปีเต็ม แต่ ชายหนุ่มดูไม่เหมือนคนวัยใกล้สี่สิบ ส่วนสูงตามมาตรฐานชายไทย รูปร่าง สันทัด ตัดผมสั้น นัยน์ตาฉายแววฉลาดเฉลียว และจมูกโด่ง ทำให้ใบหน้า

ยิ่งหล่อเหลา ผิวชาวเหลืองดูสะอาดด้วยเชื้อสายจีนจากบรรพบุรุษ

เมื่อได้พบแล้วชวนให้เธอรำลึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน ตอนนั้น เขาดูจะช่างพูดกว่านี้ อาจด้วยอายุและหน้าที่การงาน หรือประสบการณ์ ในต่างประเทศทำให้เคร่งขรึมมากขึ้นก็ได้

“แล้วบริษัทภาคเป็นยัง'ไงบ้างคะ ได้ยินว่าโตเร็วน่าดู”

ภาคีแย้มยิ้มเล็กน้อย แต่เท่านั้นหัวใจปณิศราก็ไหววูบ “โตน่ะใช่อยู่ แต่คงไม่เร็วขนาดนั้น”

“ขนาดว่ามีหนังสือไปสัมภาษณ์เนี่ยนะคะ” เธอแซว

ภาคีได้แต่ยิ้มนิดๆ เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับระบบซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ เริ่มกิจการเมื่อสามปีก่อน และเติบโตอย่างรวดเร็วจนถูกจับตามอง

ชายหนุ่มให้เครดิตหุ้นส่วนชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียที่เจอกันเมือเขาไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ

ชายหนุ่มยกข้อมือขึ้นดูนานิ[กา ปณิศราชิงพูดก่อน

“ภาคคงต้องกลับแล้ว”

เขาเรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหาร ปณิศราเสนอว่าจะจ่ายครึ่งหนึ่ง แต่ชายหนุ่มบอกว่าไม่เป็นไร แม้เขาจะทำตามมารยาท แต่หญิงสาวอดดีใจ

ไม่ได้

“นิดไปไหนต่อล่ะ”

“ว่าจะเข้าไปที่ร้านสักหน่อยน่ะค่ะ”

ภาคีพยักหน้า เดินน่าออกมาที่หน้าร้าน “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ”

“ค่ะ” เธอตอบ ความดีใจเมื่อครู่หายวับ คิดว่าชายหนุ่มจะไปส่งที่ร้านแต่เขาก็ไม่พูดอะไร

ชายหนุ่มเดินไปยังที่จอดรถ ปณิศรายืนมองจนร่างนั้นสับสายตา

การได้เจอภาคีอีกครั้งในวันนี้ทำให้รู้เธอว่าเขามีบางอย่างไม่เหมือน เดิม แต่อีกหลายอย่างก็ยังชวนให้เชื่อว่า เธอสามารถกลับเข้าไปในพื้นที่

เดิมได้ ตำแหน่งซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเขา

ภาพปณิศรากับภาคีอยู่ในร้านอาหารกระทั่งเดินออกมา หรือแม้แต่ หญิงสาวยืนมองชายหนุ่มด้วยความอาวรณ์ อยู่ในสายตาของชายอีกคน

หลายวันต่อมา ขณะที่ภาคีกำลังขับรถกลับบ้าน ก็ได้รับโทรศัพท์

จากปณิศรา เธอขอความช่วยเหลือเรื่องรถเสีย เขาดูสถานที่แล้วไม่ไกลนัก

จึงขับรถไปรับ ติดต่อหาช่างมาลากรถให้ และไปส่งเธอที่บ้าน เขาได้รับ

คำชอบคุณพร้อมยิ้มหวาน แต่ไม่มีการชวนให้เช้าบ้าน ทำให้โล่งใจเพราะไม่ต้องปฏิเสธ

กว่าภาคีจะกลับถึงบ้านก็เมื่อนาที[กาบอกเวลาว่าอีกห้านาทีจะสามทุ่ม เขาชะลอผีเท้าเมื่อเห็นไพบูลย์ผู้เป็นบิดานั่งอยู่ในห้องรับแขก ชายวัยหกสิบห้า สวมชุดนอนนั่งดูโทรทัศน์ “ยังไม่นอนเหรอครับ”

“ว่าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” อีกฝ่ายตอบพลางถอดแว่น “วันนี้กลับดึกจัง” “นิดรถเสีย ผมเลยไปส่งที่บ้าน”

“ทำไมถึงมาตามภาคล่ะ น่าจะรู้จักช่างนะ”

เป็นคำถามที่ถูกในหลักเหตุผล แต่ภาคีก็พยายามตอบกลางๆ “คงไม่ทันคิดมั้งครับ”

“ภาคจะกลับไปคบกับนิดเหรอ” นํ้าเสียงบิดาดูเหมือนไม่สนใจนัก

แต่มีประกายในดวงตา

ภาคีเช้าใจว่าบิดาไม่สบอารมณ์สักเท่าไร ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ “เปล่าครับ ผมกับนิดเป็นแค่เพื่อนกัน ผมขอตัวก่อนนะครับ” ภาคี

ตอบด้วยนํ้าเสียงราบเรียบแล้วเดินขึ้นชั้นสอง

แม้จะสับร่างลูกชายไปแล้ว แต่ไพบูลย์ไม1สนใจเนื้อหาในโทรทัศน์ เขานั่งนิ่งและใช้ความคิด

วันนี้เป็นวันเสาร์การจราจรจึงหนาแน่น แม้ว่าเวลาจะล่วงเข้าสองทุ่ม

เพราะแท้จริงแล้วเวลานี้คือการเริ่มต้นชองนักท่องราตรี ภาคีขับรถกลับบ้าน ผู้โดยสารคือบิดาเขา

พอรถแล่นออกจากบ้านเพื่อนของบิดาได้ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็คิดว่าควรมีคำถามเสียที

“พ่อมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่า”

ไพบูลย์เลิกคิ้วแล้วยิ้ม การกระทำของเขาคงสร้างความสงสัยให้ ลูกชายมาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่การชวนมากินข้าวบ้านเพื่อนรุ่นน้อง รวมถึง บทสนทนา แต่เสือกถามเมื่อทุกอย่างจบลง

“ในเมื่อภาคถาม พ่อก็ไม่มีอะไรจะบิดบัง คุยเลยก็ได้ ถ้าพ่ออยาก ให้ภาคแต่งงาน ภาคจะว่ายังไง”

ภาคีนึ่ง คำว่าแต่งงานเหมือนคมมีดที่เคยทิ้งรอยแผลไวในใจ แม้จะ เนิ่นนานแล้วแต่เขายังเจ็บ ความคิดนี้ถูกฝังกลบและลืมเลือนไปด้วย

การงาน บางครั้งอาจสร้างสัมพันธ์ครั้งใหม่ได้ แต่ไม่ใกล้เคียงคำว่าแต่งงาน แม้แต่น้อย เขาใช้ชีวิตกับงานและครอบครัวซึ่งมีบิดา พี่สาว พี่เขย และ หลานสาวอย่างมีความสุข จวบจนวินาทีที่บิดาพูดคำนี้ออกมา

“ผมไม1ได้ต่อต้านหรือเข็ดขยาด แต่ไม่ได้คิดเรื่องนี้นานแล้ว” เขา ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว

ไพบูลย์ใจชื้นขึ้น “ถ้าพ่ออยากให้คิดอีกครั้งล่ะ”

รถแล่นไปได้ระยะหนึ่งแต่ยังไม่พันสัญญาณไพ่แดง ภาคีประหลาดใจ ทำไมเรื่องแต่งงานมักถูกหยิบยกมาพูดในรถ ในอดีตเขาก็ไม่ต่างกัน แต่ ครั้งนั้นผู้โดยสารเป็นคนรัก

บิดาพูดกับเขาเช่นนี้ ย่อมแสดงให้เห็นวัตถุประสงค์ตรงๆ เขาควร ตอบอย่างชัดเจนเช่นกัน

“ถ้าให้แต่งก็ได้ครับ แต่ผมยังไม่มีใคร คงต้องหาเจ้าสาวสักพัก” เขาตอบติดตลก

“แล้วถ้าพ่อบอกว่า พ่อเสือกไว้ให้แล้วล่ะ ภาคคิดยังไง รังเกียจการ แต่งงานแบบจับคู่หรือ เปล่า”

คราวนี้ชายหนุ่มสบตาบิดา ล่งผ่านความสงสัยทางแววตา เขาสามารถสรุปวัตถุประสงค์ของการมากินข้าวที่บ้านเพื่อนบิดาได้แล้ว

“ลูกสาวบ้านนั้นใช่ไหมครับ”

“ฮึม...” ไพบูลย์ตอบเบาๆ แต่หัวใจเต้นแรงด้วยความดีใจ “พ่อ

เจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ภาคอาจไม่ชอบ แต่พ่ออยากเห็นภาคเริ่มต้นชีวิตใหม่

อยากให้เชื่อสายตาฝ้าฟางของคนอย่างพ่อสักครั้ง”

จริงดังบิดาเขาพูด หากเป็นบ้านอื่นคงไม่สั่งลูกชายวัยสามสิบแปด ที่ผ่านการใช้ชีวิตคู่มาแล้วเช่นนี้ หนำซํ้ายังแทบเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของ

ครอบครัวฮึก แต่สำหรับภาคี ความหมายในคำขอของบิดามีมากกว่านั้น

บิดาเสียสละมากมายในช่วงที่เขาไปอยู่ต่างประเทศ คงไม่ตำหนิการตัดสินใจ

ครั้งก่อนของเขา ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่โกรธเคือง บิดาให้เขามากเกินกว่าจะตอบแทนได้

“ที่จริงแสงชัยก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าเสียทีเดียว เขาเช่าที่เราทำโชว์รุมรถไง”

ภาคีรู้เรื่องนี้ ในที่สุดที่ดินผืนนั้นก็ต้องถูกขายให้แก่ผู้เช่ารายนี้ไป

เป็นหนึ่งในเรื่องที่บิดาเขาต้องอดทน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขาขวาเขาก็ปวดหนึบ

“ลูกคุณอาแสงชัยที่ว่าเนี่ย อายุเท่าไหร่ครับ”

“เห็นบอกว่าเพิ่งเรียนจบ นำจะสักยี่สิบสองยี่สิบสามละมั้ง”

คราวนี้ภาคีหัวเราะเบาๆ สีหน้าเรียบเฉยเปลี่ยนเป็นฉาบความขบชัน “เด็กขนาดนั้นจะสนใจคนแก่อย่างผมเหรอครับ เรื่องแต่งงานคง ไม่อยู่ในหัวด้วยซํ้าไป”

“ไม่รู้นะ แต่พ่อถูกชะตาเด็กคนนี้ เดี๋ยวแสงชัยคงไปเกริ่นกับลูกสาว ถึงตอนนั้นภาคคงได้เจอ” ไพบูลย์พูดเรื่อยๆ “ถ้าภาคยังไม1มีใครก็ดี เป็นอันว่าตกลงนะ” เขาพูดขณะที่ไพ่จราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว

“ถ้าพ่อต้องการแบบนั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเกียร์ เหยียบ คันเร่ง “แต่ผมขอว่า...อย่าให้เป็นการบังคับฝ่ายหญิงได้ไหมครับ ล้าเธอจะ

ตกลงก็ขอให้เป็นความสมัครใจเท่านั้น”

ไพบูลย์ฉีกยิ้มกว้างอย่างสมใจ “แน่นอน”

ในร้านคาราโอเกะมีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานเฮฮาผสานกับเสียง ร้องเพลงดังให้โต้ยินทุกห้อง เช่นเดียวกับบรรดาสี่สาวที่เพิ่งร้องเพลงจบ สองคนตบมือเสียงดัง

“ต่อๆ อย่าให้ขาดตอน” อรดา สาวร่างสูง ทำสีผมเป็นประกายทอง ถือไมค์หันไปทางสองสาวที่กดรีโมตเสือกเพลงอยู่

“กังนัมสไตล์เลย” รุจี สาวที่ถือไมล์อีกคนบอกเชิงสั่ง ส่วนสูงเธอ น้อยกว่าอรดา แต่รูปร่างดีกว่า หน้าอก เอว และสะโพกได้สัดส่วน เธอไว้ ผมยาวเช่นกัน แต่ทำสีนํ้าตาลแดงม้วนลอนใหญ่ ดูน่ารักผสมโฉบเฉี่ยว แบบตุ๊กตาฝรั่ง แม้โบหน้าจะออกหมวยชัดเจน

“โอ๊ย! เบื่อแล้ว จะกังน้มอะไรนักหนา ร้องก็ไม่เป็น” อรดาค้าน

“ร้องไม่เป็น แต่ฉันอยากเต้นนี่”

“อยากควบว่างั้นเถอะ” อรดาหัวเราะอย่างรู้ทัน รุจีหันไปแยกเขี้ยว “ไอ้บ้าออ”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่พอเพลงขึ้นอรดาก็ดำน้ำ และเต้นอย่าง สนุกสนานกับอีกสองสาวคือไพรวรินทร์และวลีรักษ์ ทั้งสี่คนเป็นเพื่อน สนิทกันตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยจนถึงวันนี้ ทุกคนตกลงกันว่าทำเรื่องจบ เมื่อไรจะมาฉลอง หลังจากฉลองกันไปสองรอบแล้วตั้งแต่สอบและส่งงาน เสร็จ และคาดว่าจะฉลองกันอีกหลายรอบ ตราบใดที่ยังมีข้ออ้างให้มาเจอ กัน จนกว่าพิธีรับปริญญาจะสิ้นสุด

เมื่อเพลงหมด ทุกคนก็พักดื่มนํ้าและจัดการอาหารที่เหลือ เวลา เกือบเที่ยงคืนแล้ว

“ตกลงใบชาจะทำงานที่กรุงเทพฯ ใช่ไหม” อรดาถาม

ไพรวรินทร์หรือใบชา เป็น'หญิงสาว'ชาวเหนือ ตากลม ปากนิด จมูก หน่อย คิ้วเข้ม เรือนผมสีดำขลับขับผิวขาวผ่องให้โดดเด่น

“แน่นอน ฉันไม1กลับไปทำไร่กับคุณนายแม่หรอก ปล่อยลูกชาย สุดที่รักเขาทำไปคนเดียวเถอะ” ไพรวรินทร์ตอบพลางกระดกแก้วเครื่องดื่ม ที่บ้านเธอทำไร่ชา แต่ครอบครัวชองบิดาที่กรุงเทพฯ มีกิจการล่งออก เครื่องเบญจรงค์ หญิงสาวจึงวางแผนอนาคตว่าจะทำงานบริษัท ซึ่งทวด กับย่ายินดีอยู่แล้ว

“แต่คุณนายแม่เธอคงวางกำหนดการกลับบ้านไว้ล่วงหน้าแล้วละ ใบชา” วลีรักษ์พูดยิ้มๆ

หญิงสาวค่อนช้างรู้ใจเพื่อนเพราะมีนิสัยคล้ายกัน ขณะที่รุจีกับอรดา เป็นแนวหน้า เป็นสาวมั่น พูดเก่ง กล้าแสดงออก ผี!ปากคม แต่วลีรักษ์กับ ไพรวรินทร์ออกแนวเสนาธิการ เป็นติวเตอร์ แต่นานทีก็ออกหมัดได้หนัก หน่วงตรงเป้าเช่นกัน

“วาวก็คงทำงานกับพ่อ” รุจีพูด แก้มแดงนิดๆ เพราะดื่มเครื่องดื่ม

ที่มีส่วนผสมชองแอลกอฮอล์ “เรียนจบแล้วออก็คงแต่งงานใช่ไหม วาวก็มี

พี่ธนุสแล้ว ใบชาคงไม่สนใจเท่าไหร่ เหลือแค่ฉัน”

“รจนาเริ่มอีกแล้ว” ไพรวรินทร์แทรก คนที่เหลือจึงหัวเราะ

“ไม่ต้องมาครวญเลยรุ ลูกสาวเจ้าชองกิจการชายรถอย่างแก อนาคต ไม่ตีบตันเลยนะยะ แล้วเรื่องที่พร่ำเพ้ออยู่เนี่ย แกไม่เลือกเอง พ่ออุตส่าห์ หาหนุ่มมาให้โยนพวงมาลัยตลอด นางวันทิพย์สิบใจ”

“ไอ้ออ” รุจีตาขวาง

อรดาเหมือนไพรวรินทร์กับวลีรักษ์ คือรู้ใจเพื่อนเป็นอย่างดี

“ก็พี่'โต'ไง จงรักภักดีขนาดนั้น ยอมๆ ไปเถอะ”

รุจีทำคอย่น ความจริงแล้วโตมรเป็นรุ่นพี่ที่ตามจีบเธอมาตั้งแต่เธอ เรียนปีหนึ่ง จนเขาเรียนจบก่อนและทำงานในบริษัทไอทีแล้วก็ยังไม่เลิก

หวัง ถือว่าเป็นหนุ่มคนเดียวที่ทนความป่วนและความเจ้าชู้ชองรุจีได้นาน ที่สุด

เสียงโทรศัพท์ดัง ทุกคนต่างควานหาโดยอัตโนมัติ ในที่สุดก็พบว่า 

                                                  (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

นาทีนี้คงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์เท่าการวิวาห์สายฟ้าแลบ ระหว่างนักธุรกิจหนุ่มใหญ่มาดนิ่งกับหญิงสาวเปรี้ยวซ่าที่ต่างโคจรเข้ามาเพื่อเขย่าหัวใจของกันและกันตามความประสงค์ของบุพเพ ถ้ามีคนบอกให้คุณแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก คุณคงค้านหัวชนฝา สาวสวยอย่าง รุจี ก็เช่นกัน สตรียุคออนไลน์ ความมั่นใจเต็มอินสตราแกรมต้องเป็นฝ่ายเลือกเอง สเปกผู้ชายในฝัน ต้องอายุห่างกันไม่เกินห้าปี เป็นคนโรแมนติกและน่ารัก ไม่หล่อ ไม่ขาว ไม่รับแอดเป็นเฟรนด์เด็ดขาด แต่เมื่อมีคำขอแต่งงานสายตรงมาจากนักธุรกิจนาม ภาคี ภารกิจดูตัวก็เริ่มขึ้น เขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท รูปร่างหน้าตาผ่าน แต่อายุ...เกือบสี่สิบ! คิดยังไงถึงมาขอบัณฑิตหมาดๆ อย่างเธอไปเป็นคู่ เธออยากได้ผะ...เอ๊ย สามีนะ ไม่อยากได้พ่อ และเธอไม่อยากเป็นหญ้าอ่อน ไม่ชอบคนแก่ แต่ทำไมถึงใจอ่อนยอมตกลงแต่งงานไปแล้ว...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024