ร่างนางรำ (อรุโณชา)

ร่างนางรำ (อรุโณชา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160018451
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 210.00 บาท 52.50 บาท
ประหยัด: 157.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

กรุงเทพพระมหานคร

สามปีหลังกึ่งพุทธกาล

วันนี้อากาศไม่เป็นใจ ฟ้าครึ้มแดด เมฆฝนปกคลุมหนาตา ตั้งแต่เช้า

จนกระทั่งบ่ายนี้ยังไม่มีวี่แววว่าท้องฟ้าจะกระจ่างแจ้ง

งานใหญ่ที่ท่านจอมพลผู้นำรัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้อนุภรรยาสุดที่รัก

ช่วงกลางคืนคงไม่เท่าไร เพราะจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูหรา แต่ช่วงบ่ายถึงเย็นนี้สิจะเป็นอย่างไร

“อย่าห่วงเลยค่ะ งานที่สวนลุมพินี เราไม่ไปก็ไม่น่าเกลียด” หญิงสาว

หน้าตาหมดจด มีฐานะเป็นผู้รับใช้ใกล้ชิด ออกความเห็น ขณะบรรจง

จัดแต่งทรงผมให้ผู้เป็นนาย

“หล่อนจะรู้อะไร คนอย่างท่านจอมพล ต่อให้ฟ้าให้ฝนก็ขัดใจท่าน

ไม่ได้” ผู้พูดคือธิดาคนเดียวของนายศักดิ์ชาย หนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่มีท่านจอมพลเป็นผู้นำ

“นั่นละค่ะ เดือนถึงว่า วันนี้พวกคุณหญิงคุณนายเขาต้องเตรียมไป

 

ประชันกันในงานกลางคืน น้ำเพชรมันล้อแสงไฟได้สวยกว่าแสงแดดอยู่แล้วนะคะ”

สาวใช้ชื่อเดือน สบตากับคนที่มองค้อนผ่านกระจกมา

“คุณศิน่ะสวยคมเป็นทุนเดิม แต่เดือนว่าเติมริมฝีปากให้เข้มอีกนิดก็ข่มพวกนั้นได้อยู่แล้ว”

ศศิประภายิ้มออกมาได้ พอใจทั้งคำชม และวิธีพูดจาของหญิงสาวคนสนิท

“คนที่ต้องดูดีที่สุดในงานคือคุณน้าพรสุรางค์เจ้าของวันเกิด คนเรา

จะทำอะไรต้องรู้กาลเทศะ เรารู้จักว่าตัวเรามีดีอย่างไร แค่นั้นไม่พอ จะทำ

อะไรต้องรู้จักพอสถานประมาณ”

“อ๋อ... ค่ะ...ขอบคุณที่คุณศิสอนค่ะ”

เดือนยังอารมณ์ดี ยิ้มให้แก่คำสั่งสอน ไม่สนใจว่าน้ำเสียงของผู้พูด

จะแฝงความหมิ่นแคลนในสติปัญญาไว้อย่างไร เพราะศศิประภาถูกสอนให้

ไว้ตัว จึงแบ่งชั้นนายบ่าวไว้ชัดเจนเสมอ พอทรงผมเข้าที่ตามต้องการ ก็ทำท่า

แค่ปรายตามอง เห็นเดือนยังยิ้มเฉยอยู่ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ

“ยังไง! ไหนล่ะหวีนกยูง” หล่อนหมายถึงหวีประดับผมรูปนกยูง

แพนหางฝังอัญมณี แต่หญิงรับใช้กลับส่งหวีทองเกลี้ยงขนาดย่อมแบบเรียบ

ประดับมุกชมพูแถวเล็กๆ ให้แทน ศศิประภารับมาพิจารณา แล้วก็นึกขึ้นได้

“นี่ ที่คุณน้าให้ไว้ตั้งแต่ได้เป็นอนุท่านจอมพลใหม่ๆ”

“ใช่แล้วค่ะ เดือนว่าใช้อันนี้ดีกว่า คุณทางโน้นเห็นแล้วจะได้นึกถึง

ความสนิทสนมที่มีกันมาแต่ก่อน ในงานอย่างนี้ ถ้าใครได้รับความสนใจ

เป็นพิเศษ คนอื่นก็ต้องคอยจับตา ผลพลอยได้จะตกมาอยู่กับเรา...”

‘เด็กคนนี้ฉลาด ช่างคิดช่างสรร หน้าตาก็สะสวย จริตจะก้านก็

หมดจดงดงาม ทั้งยังแจ่มใสช่างเจรจา ไม่น่าเบื่อหน่ายเลยสักนิด’ ศศิประภา

คิด ขณะส่งยิ้มอย่างพอใจให้เดือนอีกครั้ง ปากก็ว่า “หล่อนมันเจ้าเล่ห์นัก”

หญิงสาวรู้ว่าเจ้านายไม่ได้จริงจัง จึงยังตอบคำ “คุณศิไม่เห็นด้วยหรือคะ”

ผู้เป็นนายกลับพูดว่า “อย่างนั้นก็ใช้อันนี้แล้วกัน”

“ค่ะ” เดือนรีบรับมาบรรจงเหน็บไว้ในตำแหน่งที่คิดว่านายสาวจะ

พอใจที่สุด ศศิประภาหันซ้ายขวา มองดูจนพอใจ กระนั้นยังแกล้งขยับหวี

ทองประดับมุกอีกนิด เป็นทีว่าที่เดือนจัดเหน็บให้นั้น ยังไม่เรียบร้อยดีนัก

หญิงชราอีกคนเคาะประตูห้อง แล้วรีบเดินเข้ามาโดยไม่รอให้คนข้างในขานรับ

“คุณศิเจ้าขา คุณท่านกับคุณหญิงให้หาแล้วค่ะ” นางหมายเป็น

แม่บ้านเก่าแก่ กล่าวเร่งด้วยท่าทางรีบร้อน

ศศิประภาเหลือบมองนาฬิกา แล้วก็หันมาถาม

“คุณสัตยาล่ะ ทำไมยังไม่มา ให้คนไปตามแล้วไม่ใช่หรือ” สัตยาเป็น

สามีสุดที่รัก ที่กำลังมีอนาคตสดใสกับรัฐบาลชุดนี้

“คุณศิขอรับ คุณสัตยาไม่อยู่ในห้องหนังสือ อาจไปที่เรือนจันทร์นะ

ขอรับ” บ่าวอีกคนเป็นชายหนุ่ม รีบเข้ามารายงาน

“อะไรกัน! ไม่รู้เวลาเลยหรือไง นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว จะไปทำไมที่เรือนจันทร์”

พอคุณหนูคนสำคัญของบ้านมีท่าทีไม่พอใจ บรรดาคนรับใช้ก็พากัน

กลัวไปหมด มีแต่เดือนที่ยังกล้าออกความเห็น

“ให้เดือนไปตามที่เรือนจันทร์ไหมคะ”

ผู้เป็นนายหันมาค้อนตาขวาง ไม่มีเสียละที่จะปล่อยให้หล่อนมีโอกาส

อยู่กับเขาตามลำพัง ไม่ทันจะปฏิเสธ บ่าวอีกคนก็เข้ามา

“คุณศิขอรับ คุณสัตยาให้บอกว่า ยังไม่เสร็จธุระทางโน้น คงไปงาน

พร้อมคุณศิไม่ได้ ยังไงก็ให้คุณศิกับคุณท่านไปก่อน แล้วคุณสัตยาจะตามไปทีหลังขอรับ”

เป็นข้อความที่ทำให้ไม่พอใจหนัก คนฟังลุกพรวดขึ้น ตวาดเอากับผู้ที่อยู่รับหน้า

“อะไรกัน! รู้ทั้งรู้ว่าวันสำคัญ ดันไปตั้งไกล แสดงว่าจงใจไม่ไปงาน

งั้นสินะ!” แล้วหล่อนก็กระแทกตัวลงนั่ง จนคนที่เหลือต่างพากันสะดุ้ง ใจคอไม่ดี

“คุณศิขา...” มีแต่เดือนที่กล้าเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “อย่าโกรธเลยค่ะ คุณ

สัตยาคงติดธุระจริงๆ อีกอย่างคุณเขาไม่ใช่คนไม่มีระเบียบวินัย ถ้าไม่จำเป็น

จริงๆ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้หรอกค่ะ คุณศิน่าจะวางใจ นี่คุณท่านเรียกหา

นานแล้ว เดือนว่ารีบไปที่งานกันก่อนก็ได้นะคะ”

ระหว่างพูดก็ส่งสายตาให้นางหมายแม่บ้าน

“ใช่ค่ะคุณหนู รีบไปกันก่อนดีกว่านะคะ”

“นะคะ เราไปกันก่อนเถอะค่ะ” เดือนย้ำ จนศศิประภาต้องตัดใจยอมตาม

คนกล่อมเจ้านายสำเร็จ ยังไม่ทันได้ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

สายฝนก็เทกระหน่ำลงมา เสียงนางหมายก็ดังขึ้น ประจบประแจงคุณหนูของบ้านเต็มที่

“นังเดือน กางร่มให้คุณศิซิ ระวังอย่าให้น้ำกระเซ็นเปื้อนกระโปรง”

 

ฝนหลงฤดูสาดสายไปทั่วฟ้า ไม่มีลมพายุแต่ฝนก็เทลงมาไม่ขาดสาย

จากคฤหาสน์ของรัฐมนตรีศักดิ์ชายบิดาของศศิประภา ที่อยู่แถวปากคลอง

บางกอกน้อย จนถึงย่านที่ลึกเข้ามาแถวบางระมาด อันมีบ้านสวนร่มรื่น

สำหรับบุตรเขยของท่านรัฐมนตรีใช้เป็นที่ทำงานและพักผ่อนหย่อนใจส่วนตัว

สัตยาเป็นคนออกแบบตกแต่งเองทั้งหมด ทั้งเรือนจันทร์อันเป็น

เรือนไทยชายน้ำหลังย่อม และอาณาบริเวณที่ปลูกต้นไม้ใหญ่น้อยไว้มากมาย

โดยเฉพาะพืชพรรณอันมีชื่อคล้าย คล้อง หรือพ้องกับ ‘จันทร์’ ล้วนถูกหา

มาปลูกประดับ ทั้งไม้ดอก ไม้ใบ และไม้หอม ด้วยเหตุผลที่ให้แก่ภรรยาไว้

ว่า เขาจะได้รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ชิดกับนาม ‘ศศิประภา’ อันมีความหมายถึงแสงจันทราได้ตลอดเวลา

ตอนนี้เจ้าของเรือนกำลังมุ่งมั่นประดิษฐ์ผลงานชิ้นเลิศแข่งกับเวลา

ท่ามกลางสายฝนจนพลบค่ำจึงเสร็จเรียบร้อย รีบขึ้นรถที่ให้คนรับใช้หา

เตรียมไว้ เลาะออกตามแนวถนนเจิ่งนอง เลยกรมอู่ทหารเรือไปข้ามสะพาน

พระพุทธยอดฟ้าเพื่อตรงไปยังโรงแรมที่จัดงาน

รถยนต์ทะเบียนไม่คุ้นตา ทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่ให้

ผ่านเข้าง่ายๆ คนขับต้องลดกระจกลง ตะโกนใส่หน้า

“นี่รถลูกเขยท่านรัฐมนตรีศักดิ์ชาย วอนตกงานเสียแล้วพวกเอ็ง”

พนักงานผู้นั้นมีสีหน้าลำบากใจ แต่ยังยืนเฉยอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

จนสัตยาต้องเลื่อนกระจกหลังลงบ้าง

“ผมสัตยา กรมศิลปากร นำของขวัญชิ้นสำคัญมา เดี๋ยวไม่ทันใจท่าน

จอมพล” เขาพูดพร้อมยื่นบัตรให้ตรวจ

พนักงานพยักหน้าอย่างโล่งอก ก่อนเปิดทางให้เข้าไปยังลานจอด

ในงานครึกครื้นรื่นเริง ชาวสังคมชั้นผู้นำประเทศต่างได้รับเชิญพร้อม

หน้า และมาดื่มกินพูดคุยกันตั้งแต่ก่อนค่ำจนใกล้เวลายี่สิบนาฬิกา จึงมีเสียง

พลทหารประกาศนำการมาของท่านจอมพลและผู้ติดตาม แขกเหรื่อเปิดทาง

ให้พ้นพรมแดง เรียงแถวต้อนรับโดยอัตโนมัติ หลังฉากกั้นด้านใน คุณ

พรสุรางค์อนุภรรยาคนโปรด ค่อยเผยประตูจากอีกห้องเข้ามายืนคอย

ต้อนรับ ตรงใกล้ที่นั่งพิเศษสำหรับท่านจอมพล

ผู้เป็นใหญ่ก้าวเท้าผ่านพรมที่ลาดรอไว้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ทักทาย

ผู้ใด ตรงไปที่สุภาพสตรีคนสำคัญที่สุดในงาน คุณพรสุรางค์ย่อตัวคำนับ

แสดงการต้อนรับเต็มที่ตามพิธีการสำหรับผู้มียศยิ่งใหญ่ ท่านจอมพลรีบ

ประคองให้ยืนตรง หันไปพยักหน้าให้ผู้ติดตามนิดหนึ่ง นายผู้นั้นก็เปิดกล่องของขวัญสำคัญยื่นรอ

“นี้เป็นประคำมุกดำจากปัตตานี พี่ส่งไปให้หลวงปู่ทางนั้นปลุกเสกล่วงหน้าสามเดือนมาแล้ว”

คำพูดแสดงความเอาใจใส่เต็มที่ต่อสตรีที่กำลังโปรดปราน ทำให้

ทุกคนในงานต่างส่งเสียงฮือฮา

“เป็นบุญตัวของดิฉันเหลือเกินค่ะท่าน”

“พี่เห็นน้องฝักใฝ่ธรรมะ พี่ก็หวังว่าส่วนบุญกุศลจะหนุนส่งให้เรา

ทั้งสองได้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน”

“อนุโมทนาเถิดค่ะ ขอให้คุณพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ปกปักรักษา”

จบคำ คุณพรสุรางค์ก็พนมมือไหว้ซบลงกับอก นำเสียงปรบมือที่ดัง

ขึ้นเกรียวกราว ด้วยพากันชื่นชมกับภาพความรักความโชคดีของเจ้าของงานวันเกิด

“คุณพ่อคะ แต่ว่าวันนี้ฟ้าฝนไม่เป็นใจ จะจุดพลุฉลองยังไงล่ะคะ”

หญิงสาวร่างน้อย ดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ถึงจะมีศักดิ์เป็นธิดา

นอกสมรสระหว่างท่านจอมพลกับคุณพรสุรางค์ แต่ก็ถือว่าเป็นลูกสาวที่ท่าน

ผู้นำประเทศรัก และโปรดปรานเป็นที่สุด

“นั่นสินะ” คนตอบรับกวาดสายตาไปทั่วงาน ทำให้บรรยากาศอึดอัด

ขึ้นมาทันที “...น่าเสียดายจริง”

ยิ่งได้ยินคำนี้ผู้รับผิดชอบยิ่งรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

“ขอประทานโทษที่มาช้าขอรับ ฯพณฯ” เสียงหนึ่งทำลายความเงียบขึ้นมา

“ใคร ที่กล้ามาช้ากว่าผม”

“เป็นกระผมเองขอรับ สัตยา ดำรงฤทธิ์... ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ทั้งหลายในสากลโลก โปรดดลบันดาลให้ท่านจอมพลกับคุณน้าผู้หญิงมี

ความสุข สมหวังในทุกสิ่งทุกประการ...” สัตยาโค้งตัวอย่างนอบน้อม มี

ผู้ติดตามหอบกล่องยาวๆ ตามมา

“แหม พี่สัตยา มาช้ายังจะกล้าทำปากหวาน” เป็นเสียงธิดาของท่าน

จอมพลที่หยอกล้อ สายตาที่จ้องมองชายหนุ่มนั้นแพรวพราวจริงจัง

“วันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของคุณน้าผู้หญิง กระผมไม่กล้ามาสาย

เพียงแต่ต้องเตรียมของขวัญสำคัญ...”

ผู้เป็นภรรยาของคนพูดคือศศิประภาซึ่งยืนอยู่แถวหน้า ถึงกับลอบ

อมยิ้มชื่นชมผู้เป็นสามี

“...ขอท่านจอมพลและคุณน้าผู้หญิงให้อภัย”

“อย่างนั้นคงต้องขอดูสักหน่อย ของขวัญอะไรที่สำคัญกว่าการมาให้ทันงานนี้”

“ของขวัญของกระผมต้องเตรียมการนิดหน่อย ขอท่านจอมพลกรุณาอนุญาต”

“มีลับลมคมในอะไรนัก อย่ามาเล่นตลกกับผมเชียวนา”

ท่านจอมพลเสียงเข้ม จนคนอื่นๆ ไม่กล้าส่งเสียง

“ของขวัญชิ้นนี้ ต้องอยู่ในความมืด ถึงจะได้เห็นความสวยงาม”

“เอา! ถ้าคุณกล้าพูดอย่างนี้ ผมก็กล้าอนุญาต จะเอายังไงก็เอา”

ศศิประภาใจคอไม่ดี รู้อยู่แก่ใจว่าท่านจอมพลเป็นคนเด็ดขาดขนาด

ไหน ใครจะมาล้อเล่น หรือทำให้ไม่ถูกใจ อาจถูกสั่งขังหรือจับไปยิงเป้าได้

ง่ายๆ หล่อนได้แต่หันรีหันขวาง หน้าซีดฝ่ามือชุ่มเหงื่อ

“อย่างนั้นขอความกรุณาท่านจอมพลสั่งการ ให้ดับไฟในห้องนี้และ

ด้านนอกทั้งหมดก่อนขอรับ”

“ต้องขนาดนั้นเชียวรึ” ท่านนายพลชักไม่มั่นใจ เพราะห่วงความ

ปลอดภัยของตนอยู่ไม่น้อย

“คุณคะ เถอะค่ะ มาดูกันว่าสัตยาจะเล่นตลกอะไร” เป็นคุณพรสุรางค์ที่ช่วยสนับสนุน

“เอาก็เอา เด็กๆ ไปทำตามสั่งของนายสัตยาซิ”

ศศิประภาถึงกับตัวสั่น ไม่มั่นใจเลยว่าสามีจะมีสิ่งไรมาทำให้ท่าน

จอมพลและอนุภรรยาคนโปรดพอใจ พอสบตากับสัตยา เขาก็ขยิบตาเป็นสัญญาให้สบายใจได้

                                             (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

รีวิวจากบรรณาธิการ batorastore.com

ร่างนางรำ

ผู้เขียน – อรุโณชา

ร่างนางรำ เมื่อสัตยาผู้ตกยากหลงรักรอมเปญ นางรำแห่งกัมพูชา ตัวเขากลับไม่มีอะไรควรค่าเธอผู้เลื่องชื่อ ชายหนุ่มหมายกลับเมืองไทยเพื่อสร้างตัวให้สมรัก แต่โชคชะตาพลิกผัน เมื่อศศิประภาผู้เพียบพร้อมวางแผนแยบยลกำจัดนางรำและลูกน้อยเพื่อให้ได้เคียงคู่เขา ครั้นจะสมหวัง ปราโมทย์ญาติผู้พี่กลับนำหนังมนุษย์มาให้สัตยาวาดภาพ ก่อเกิดร่างรอมเปญผู้เคืองแค้นเพราะคิดว่าสัตยาสั่งฆ่าตน ผีสาวทำให้เขาหลงมนตร์เสน่ห์ แต่เธอกลับหวั่นไหวไปด้วย แม้สัตยารักฝังใจแต่ก็สำนึกว่าตนมีพันธะแล้ว ส่วนศศิประภากลับหวงรักสามีจนยากแยกแยะดีชั่ว เรื่องราวสุดแสนชอกช้ำระกำใจจะลงเอยเช่นไร เมื่อนางมนุษย์และผีสาวต่างก็ทำเพื่อความรักเพียงเท่านั้น (คำโปรยปกหลัง)

เรื่องนี้แอดมินเคยอ่านเป็นตัวอย่างในเว็บไซต์ค่ะ พอดีสะดุดกับชื่อเรื่องนี้เข้าก็เลยตามอ่าน จำได้ว่าอ่านแล้วชอบมาก ติดหนึบเป็นตังเม รอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะเอามาลงอีก แต่อ่านได้ไม่นานนัก คนเขียนก็หยุดลงแล้วบอกว่าตีพิมพ์เป็นหนังสือแล้ว แต่ว่าคนเขียนออกมาไม่กี่ตอนพอเป็นน้ำจิ้มเท่านั้น แอดมินก็เลยต้องลอยคอรอคอยอย่างแห้งเหี่ยวอยู่พักหนึ่ง พอออกปั๊บ ก็แทบจะถลาไปหาตอนต่ออ่านตอนต่อทันทีค่ะ หน้าปกนั้นไม่ต้องพูดถึง หลอนดีค่ะ เอาเป็นว่าเปิดผ่านเร็วๆไปอ่านเนื้อในดีกว่าจะจ้องหน้าปก เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในช่วงสมัยน่าจะประมาณสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยที่บ้านเรามีจอมพล ป. พิบูลสงครามนั่นล่ะค่ะ ในเรื่องพระเอกยอมเข้ากรุงมาเพื่อหวังจะสร้างความสุขสบายให้กับครอบครัว ซึ่งก็คือ ลูกกับเมียที่เป็นนางรำกัมพูชาที่ชื่อ รอมเปญ ของเขา แต่เมื่อลูกสาวนายพลต้องการพระเอกเป็นสามี ก็เลยวางแผนกำจัด โดยทำให้รอมเปญเข้าใจว่าพระเอกสั่งฆ่า ด้วยความแค้นที่ติดตัวไปแม้ยามตาย ทำให้วิญญาณของเธอไปสิงอยู่ในรูปวาดหนังมนุษย์ที่พี่เขยของพระเอกเป็นผู้วานให้พระเอกวาด จากนั้นเรื่องสยองผสมอิโรติกเล็กๆ พอให้วาบหวามได้จึงเกิดขึ้น อ่านแล้วสนุกมากค่ะ เป็นความสนุกที่ได้คอยดูผีแก้แค้นนะคะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่ผีจะรู้ความจริง และลุ้นว่าคนที่ก่อกรรมทำเข็ญจะได้รับโทษยังไง แล้วอีกอย่างที่ชอบเรื่องนี้คือ ฉาก อิโรติคไม่โจ่งแจ้งค่ะ คล้ายกับอ่านบทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย สวยงามไพเราะ และไม่ลงรายละเอียดตรงๆอย่างน่าเกลียดด้วย เรื่องที่เคยอ่านแล้วฉากเลิฟซีนสวยๆแบบนี้ก็มาจากเรื่อง นางมาร ของคุณเพไนย เพียงศูนย์ ค่ะก็เลยทำให้อ่านเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจ ชอบใจ และอิ่มใจด้วยค่ะ ถ้าใครชอบนิยายแลวลึกลับสยองขวัญล่ะก็ แนะนำเรื่องนี้นะคะ แม้จะไม่สำนวนดิบแรงเหมือนของภาคินัย แต่ก็ทำให้หลอนและระทึกตามได้ค่ะ


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

renren | 1 รีวิว
27/02/2015

เรื่องนี้อ่านเป็นตัวอย่างในเด็กดีเช่นเคยค่ะ แต่ว่าคนเขียนออกมาไม่กี่ตอนพอเป็นน้ำจิ้มเท่านั้น เราก็เลยต้องลงแดงอยู่พักหนึ่ง พอออกปั๊บ ก็เลยไม่พลาดที่จะมาสอยอ่านตอนต่อทันทีค่ะ หน้าปกนั้นไม่ต้องพูดถึง หลอนมากกก เอาเป็นว่าขออ่านเนื้อในดีกว่าจะจ้องหน้าปก กลัวนางรำรำไปรำมาจะกระโดดมาจากหนังสือมาบีบคอคนอ่านซะก่อน เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในช่วงสมัยน่าจะประมาณสงครามโลกครั้งที่ 2 สมัยที่บ้านเรามีจอมพล...นั่นล่ะค่ะ ในเรื่องพระเอกยอมเข้ากรุงมาเพื่อหวังจะสร้างความสุขสบายให้กับครอบครัว ซึ่งก็คือ ลูกกับเมียที่เป็นนางรำกัมพูชาที่ชื่อ รอมเปญ ของเขา แต่เมื่อลูกสาวนายพลต้องการพระเอกเป็นสามี ก็เลยวางแผนกำจัด โดยทำให้รอมเปญเข้าใจว่าพระเอกสั่งฆ่า ด้วยความแค้นที่ติดตัวไปแม้ยามตาย ทำให้วิญญาณของเธอไปสิงอยู่ในรูปวาดหนังมนุษย์ที่พี่เขยของพระเอกเป็นผู้วานให้พระเอกวาด จากนั้นเรื่องสยองผสมอิโรติกเล็กๆ พอให้วาบหวามได้จึงเกิดขึ้น อ่านแล้วสนุกมากค่ะ เป็นความสนุกที่ได้คอยดูผีแก้แค้นนะคะ ลุ้นว่าเมื่อไหร่ผีจะรู้ความจริง และลุ้นว่าคนที่ก่อกรรมทำเข็ญจะได้รับโทษยังไง แล้วอีกอย่างที่ชอบเรื่องนี้คือ ฉาก อิโรติคไม่โจ่งแจ้งค่ะ คล้ายกับอ่านบทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทย สวยงามไพเราะ และไม่ลงรายละเอียดตรงๆอย่างน่าเกลียดด้วย ก็เลยทำให้อ่านเรื่องนี้ได้อย่างสบายใจและอิ่มใจด้วยค่ะ ถ้าใครชอบนิยายแลวลึกลับสยองขวัญล่ะก็ แนะนำเรื่องนี้นะคะ แม้จะไม่สำนวนดิบแรงเหมือนของภาคินัย แต่ก็ทำให้หลอนและระทึกตามได้ค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024