ในฝั่งฝัน (กุลธิดา)

ในฝั่งฝัน (กุลธิดา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160005604
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                        ๑

พุทธศักราช ๒๔๘๔

อำเภอชะอำแต่ก่อนเคยเป็นหมู่บ้านขึ้นกับอำเภอนายาง ตัวบ้าน ชะอำนั้นจริงๆ แล้วอยู่หลังสถานีรถไฟ ใกล้กับวัดเขาชะอำ มีที่ทำการ

อำเภอตั้งอยู่ที่นี่มาแต่แรกเพราะเป็นบริเวณ'ทื่อยู่ในเส้นทางรถไฟผ่าน

ตัวบ้านชะอำเป็นชุมชนซึ่งอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ฝั่งหนึ่งเป็น ชายทะเล มีหมู่บ้านประมงเล็กๆ อยู่สองแห่ง สองหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ห่างกัน เรียกว่าบ้านปากคลองชะอำแห่งหนึ่ง และบ้านหนองแจงอีกแห่ง มีผู้คน อาศัยอยู่รวมกันทั้งหมดเพียงไม่กี่หลังคาเรือน

อีกฝั่งเป็นป่าสะแก ป่าเสลา และป่าตะแบก มีต้นไผ่ขึ้นหนาแน่นรวม อยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นชะอำยังมีสัตว์ปาชุกชุมจนเป็นที่เลื่องลือ

กริชมาเป็นธรรมการอำเภอคนแรกของที่นี่ ตำแหน่งนี้มีขึ้นเพราะ สมุหเทศาภิบาลมณฑลต้องการสร้างชะอำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสมบูรณ์ แบบอีกแห่ง เหมือนหัวหินซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงยี่สิบห้ากิโลเมตร พระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงมาบุกเบิกบริเวณนี้ไว้ก่อน หน้า หลังจากนั้นก็มีการตัดถนนจากสถานีรถไฟมาชายทะเลและที่ทำการ อำเภอ และตัดถนนเลียบชายทะเลในเวลาต่อมา ในช่วงปีหลังๆ เริ่มมี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาสร้างบ้านพักร้อนกันบ้างแล้ว แตกยังไม่มากเท่า

หัวหิน ชะอำจึงยังคงความสงบเงียบอยู่ได้โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

สมุหเทศาภิบาลท่านนี้เล็งเห็นว่าการสร้างความเจริญให้ชะอำนั้น ต้องควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบการศึกษาชองที่นี่ด้วย โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเมื่อมีฐานะเป็นอำ๓อแล้วอย่างนี้ จึงเห็นความจำเป็นว่าควรมีธรรมการ อำ๓อเพื่อมาบริหารการศึกษา

เมื่อมารับตำแหน่งนี้เป็นคนแรก กริชจึงไม่มีใครช่วยชี้นำว่าควรทำ อะไรและอย่างไรในเมื่อไม่มีใครเคยท่าหน้าที่นี้มาก่อนหน้า ยิ่งเมื่อเรียนมา ทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ซึ่งไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องชองการศึกษา ก็

ยิ่งให้หนักใจเมื่อมาเห็นสภาพชองโรงเรียน

โรงเรียนบ้านชะอำเป็นเรือนแถวชำรุดทรุดโทรม มีชั้นเรียนรวมกัน หมดนับตั้งแต่ประถมเรื่อยไปจนถึงมัธยม มีครูเพียงสองคน คนหนึ่งสอน ชั้นประถมทั้งหมด อีกคนสอนชั้นมัธยมทั้งหมด ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำ

คือเข้ามาช่วยสอนด้วยอีกคน ดีอยู่หน่อยที่นักเรียนมีไม่มาก บางชั้นมี นักเรียนเพียงสองหรือสามคน จึงเอาไปเรียนรวมกับชั้นอื่นได้

นับแต่มาถึงและเห็นสภาพชองระบบการศึกษาที่นี่ งานแรกที่กริช มอบหมายให้ตัวเองคือขยายตัวอาคารเรียนออกไปอีกเพื่อเพิ่มจำนวน ห้องเรียน และหาครูมาเพิ่มอีกอย่างน้อยก็สองคน

เมื่อทุกส่วนชองอาคารโรงเรียนใช้เป็นห้องเรียนทั้งหมด จึงไม่มีที่ ว่างเหลือให้เป็นที่ท่างานชองธรรมการอำ๓อ นายอำเภออรุณจึงยกห้อง

ว่างบนที่ท่าการอำเภอให้ และเมื่อเห็นว่าเขาเป็นชายโสด เดินทางมารับงาน พร้อมเด็กหนุ่มซึ่งเขาแนะน่าว่าเป็นน้อง จึงบอกให้เข้าอยู่อาศัยในบ้านพัก ข้าราชการหลังติดชายปาซึ่งในเวลานั้นมีสรรพากรอำ๓ออาศัยอยู่เพียงคน เดียว สรรพากรอุดมเป็นชายโสดด้วยเช่นกัน แต่ก็กำลังจะย้ายออกไปอยู่

 

กินกับแม่ม่ายเจ้าของร้านขายของข้างสถานีรถไฟ

ที่ทำการอำเภอซึ่งกริชยึดเป็นที่ทำงานนั้นเป็นอาคารไม้สร้างแบบ บังกะโล ยกพื้นไว้สูง หลังคามุงกระเบื้อง ฝากั้นไม้กระดาน มีมุขแคบๆ

มีบันไดขึ้นทางเดียวคือด้านหน้า ชั้นล่างโล่งตลอด มีเพียงห้องเล็กๆ ห้อง หนึ่งซึ่งกั้นไว้เป็นที่เก็บพัสดุ

ชั้นบนนอกจากโถงตอนหน้าแล้วยังแบ่งซอยเป็นห้องทำงานเล็กๆ

อีกสามห้อง ห้องใหญ่ที่สุดเป็นห้องทำงานชองนายอำเภออรุณและปลัด

อำเภอ ทั้งคู่แทบอยู่ไม่ติดที่ จึงมักว่างอยู่เสมอ อีกห้องเป็นชองสรรพากร

อำเภอ กริชจึงยึดห้องในสุดเป็นห้องทำงานชองตัวเอง

ด้านหน้าชองที่ทำการอำ๓อมีถนนดินสายเล็กๆ ตัดผ่าน ฝังตรง

ข้าม เยื้องไปจนสุดถนนเป็นเรือนพักข้าราชการสามหลังปลูกไว้ติดกัน

หลังแรกซึ่งเป็นหลังใหญ่ที่สุดเป็นบ้านพักชองนายอำเภออรุณและ ครอบครัวซึ่งประกอบด้วยภรรยาและลูกสาวสองคน คนโตนั้นออกเรือน

ไปแล้ว หลังกลางทิ้งไว้ว่างๆ ไม่เคยมีใครเข้าไปอยู่อาศัยนับแต่กริชมาถึง หลังสุดท้ายเป็นที่อยู่ของกริชและสุชัย ยิ่งเมื่อสรรพากรอุดมย้ายออกไป

อยู่กับภรรยา จึงเหลือกันเพียงสองคน สุดถนนอีกด้านเป็นชายหาดซึ่ง

แทบไม่เคยมีผู้คนให้เห็น

ปกติที่ทำการอำ๓อจะเงียบเหงาในเมื่อทั้งนายอำเภอและปลัดไม่ค่อยจะอยู่เป็นที่ลักเท่าไรนัก ตัวนายอำเภออรุณเองนั้นบางวันก็นั่งทำงาน

อยู่กับบ้าน มีอะไรที่ต้องให้เซ็นชื่อก็เอาไปให้เซ็นกันที่นั่น ในเมื่อบ้านพักก็

อยู่ตรงข้ามที่ทำการอำเภอนี่เอง

หากวันนี้ต่างจากทุกวันเมื่อมีข่าวว่าผู้เคยเป็นสมุหเทศาภิบาลของ มณฑลนี้จะมาเยี่ยมเยียน การเตรียมการต้อนรับจึงเป็นไปอย่างโกลาหล อลหม่าน เหตุก็เพราะนานๆ จะมีคนใหญ่คนโตระดับนั้นมาถึงที่ทำการ อำเภอนี้สักครั้ง แม้รัฐบาลจะยกเลิกระบบการปกครองแบบมณฑลไปแล้ว และตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ใครๆ ก็ยังถือว่า

ท่านมีบุญคุณกับที่นี่ล้นเหลือ จึงจัดเตรียมการต้อนรับอย่างสมเกียรติ

นายอำเภออรุณนั้นมาทำงานแต่เข้าในชุดเสื้อผ้าปานคอตั้ง กลัด กระดุมนาก นุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงินซึ่งอัดกลีบเลียโง้ง รองเท้าหนังลีดำขัดจนขึ้น เงา แต่ไม่ได้สวมถุงเท้า

‘มันร้อน’ แกบอกกริชว่าอย่างนั้น

นั่นเป็นลักษณะการแต่งตัวของนายอำ๓อสูงวัยซึ่งกริชไม่ค่อยได้ เห็นบ่อยนัก

ปลัดอำเภอเองก็สวมเสื้อกางเกงเครื่องแบบรีดเรียบกริบไม่ต่างกัน ส่วนกริชได้รับค่าลังว่าควรอยู่พบสมุหเทคาด้วย ในเมื่อจะว่าไปแล้ว ตำแหน่งของเขามีขึ้นได้ก็เพราะท่านนั่นแหละ เขาจึงไปไหนไม่ได้โดยเฉพาะ อย่างยิ่งไปช่วยสอนหนังสือที่โรงเรียนก็ไม่ได้

กริชยังไม่เคยเห็นผู้เคยเป็นสมุหเทศาภิบาลของมณฑลนี้มาก่อน

แม้ทำงานที่นี่มาได้ร่วมสองปี แล้วก็ตาม ที'จริงเขาไม่เคยพบสมุห- เทศาภิบาลคนไหนมาก่อนเลยลักคน เคยก็แต่พบเจ้าเมืองเมื่อครั้งไป รายงานตัวที่จังหวัดเพื่อเข้ารับตำแหน่งงาน ครั้งนั้นเป็นทางการเสียจน

ทำให้คิดว่าเมื่อสมุหเทศาภิบาลเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเจ้าเมือง ในเมื่อเป็น ผู้ปกครองทั้งมณฑล ทุกสิ่งทุกอย่างคงเป็นงานเป็นการเสียยิ่งกว่า

หากก็ผิดคาด พระยาพิชัยบุรีนั้นมิได้ถือยศถือศักดิ์อย่างเจ้าเมืองที่ เขาแทบจะต้องคลานเข่าเข้าไปหาเมื่อวันไปรายงานตัวเลยแม้แต่น้อย ท่าน เดินตึงๆ ขึ้นมาบนที่ทำการอำ๓ออย่างไม่มีพิธีรีตองใดๆ ทั้งสิ้น และที่

สำคัญ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวกันเลียอีกด้วย จึงไม่มีโอกาสได้ต้อนรับตามที่ เตรียมการกันไว้ก่อนหน้า เท่าที่เข้าใจกัน ท่านจะมาถึงในเวลาบ่าย นี่ยังไม่ เที่ยงเลยด้วยซํ้า ท่านก็มาถึงแล้ว

ชายสูงวัยในชุดผ้าม่วง เสื้อราชปะแตน รองเท้าหนัง ถุงเท้าขาว ครบถ้วนนั้นมาถึงโดยไม่มีบริวารติดตามมาด้วยแม้แต่คนเดียว มีก็แต่ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งเดินตามหลังขึ้นมา ฝ่ายชายนั้นยังหนุ่มแน่น แต่งตัว เรียบร้อยค่อนไปทางหรูผิดที่ผิดทางด้วยกางเกงขายาวสีอ่อน เสื้อเชิ้ต

สีขาว ผิวที่ลอดพ้นร่มผ้าออกมาขาวจัดจนออกชมพูอ่อนจาง เหมือนคน

เพิ่งผ่านประเทศหนาวมาไม่นาน

ฝ่ายผู้หญิงยังอยู่ในวัยแรกรุ่น หล่อนแต่งตัวแบบสาวสมัยด้วย

เสื้อปกบัวสีนวล แขนจีบพอง กระโปรงปลายบานสีใกล้เคียงกัน ผมทรง

ซิงเกิลกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะก้าวเดิน

กริชเห็นทั้งสามคนก่อนใครหมดเพราะกำลังจะลงบันไดเพื่อไป สถานีรถไฟ ที่ทำการไปรษณีย์ตั้งอยู่ในห้องทำงานนายสถานี โทรเลขและ จดหมายทั้งหมดจึงถึงที่นั่นก่อน มีจดหมายสำคัญซึ่งนายธรรมการหนุ่ม กำลังเผ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เผ้ารอจนต้องไปดูทุกวันว่ามาถึงหรือยัง

แม้แต่วันนี้ก็ตาม หลังจากที่ช่วยจัดสถานที่ต้อนรับคนใหญ่คนโตแล้วก็คิด

ว่าจะแวบหายไปดูจดหมายเสียก่อน ยังมีเวลาอีกมาก กว่าสมุหเทศาภิบาล จะมาถึง

แต่แล้วก็จำต้องถอยหลังกลับขึ้นข้างบนเพื่อหลีกทางให้เมื่อเห็นว่า ใครกำลังขึ้นบันไดมา ร่างใหญ่อวบอ้วนนั้นแทบคับบันได พิจารณาดูทั้ง รูปร่างหน้าตา การแต่งกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมีสง่าราศีของชาย

สูงวัยซึ่งเดินนำหน้าก็แน่ใจว่าต้องไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้อย่างแน่นอน ทว่า

ยังคิดไปไม่ถึงในทันทีว่าเป็นคนสำคัญซึ่งทุกคนกำลังรอคอย ในเมื่อ นายอำเภออรุณยืนยันขันแข็งว่ากว่าท่านจะมาถึงก็บ่ายไปแล้วเพราะ

ท่านเดินทางมาจากพระนคร

“ขุนแม้นอยู่รึ”

นั่นเป็นราชทินนามของนายอำเภออรุณ...ขุนแม้นรัตนบรรจง ชื่อนั้น ฟังดูแปลกหูเพราะกริชไม่เคยได้ยินใครเรียกแกว่าอย่างนั้น

“อยู่ครับ เชิญท่านนั่งก่อน ผมจะไปตาม”

คนอ่อนวัยกว่ายังคงสงวนท่าที ยังคัดสินใจไม่ได้ว่าควรแสดงความ เคารพดีหรือไม่ หรือควรแสดงความเคารพอย่างไร ในเมื่อไม่รู้ว่าเป็นใคร

 

เหลือบดูรถโอเปิลเปิดประทุนคันหรูซึ่งมาจอดเทียบจนเกือบถึงเชิงบันได

ก็แน่ใจว่าทั้งสามคนมากับรถคัน,นั้น

ชั้นบนของอาคารที,ทำการอำเภอนั้นปกติมีม้ายาวให้ราษฎรผู้มา ติดต่องานได้นั่งอยู่เพียงตัวเดียว นายอำเภออรุณจึงไปขอยืมเก้าอี้บุนวม จากเรือนพักร้อนของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาจัดเตรียมไว้ต้อนรับ

แต่แล้วการต้อนรับก็บกพร่องจนได้เมื่อคนอื่นหลบไปรับประทาน อาหารกลางวันกันที่บ้านพักหมด ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภออรุณเอง หรือ ปลัดอำเภอ ส่วนสรรพากรอุดมบอกไว้ว่าจะกลับมาในเวลาบ่ายเพราะ

จริงๆ แล้วตัวเขาไม่มีหน้าที่ต้องคอยต้อนรับใดๆ เวลานี้ที่ทำการอำเภอ

จึงมีเหลืออยู่ก็แต่กริชและสุชัย

“กระผมจะไปตามขอรับ” ชายหนุ่มบอกยํ้าอีกครั้ง ในเวลานี้เมื่อ ประมวลทั้งหมดที่เห็นก็พอจะเดาได้บ้างแล้วว่าชายวัยปลายผู้นี้คือใคร

ท่านรีบโบกมือห้าม

“ไม่ต้อง ไม่ต้อง คงไปกินข้าวกลางวันละซี ช่างเถอะ ไม่ได้มา ราชการดอก มาเรื่องส่วนตัว”

ประโยคหลังเป็นกันเองยิ่งนัก ลากคำสุดท้ายยาวเหยียดเป็นเชิงเน้น พร้อมกับตบไหล่ลํ่าสันของคนอ่อนวัยกว่าอย่างกันเอง

“ไง..โรงเรียนเป็นไงบ้าง พอไหวไหม”

ธรรมการหนุ่มงุนงงไปชั่วขณะ แต่ก็เพียงครู่เดียวเมื่อเดาได้ว่าคง บอกได้จากเครื่องแบบที่สวมอยู่นั่นเอง และตอนนี้ยิ่งแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้

เป็นคนซึ่งทุกคนกำลังรอคอย

“ไหวขอรับ”

ร่างอวบท้วมก้าวผ่านชายหนุ่มน่าเข้าไปภายในแล้วหัวเราะร่วน

“ขุนแม้นไปขอยืมเก้าอี้มาจากบ้านเจ้าคุณบุรีอีกแล้วรึ”

กริชได้แต่อํ้าๆ อึ้งๆ ตอบ ก็จริงนั่นแหละ ชุดเก้าอี้บุนวมชุดนั้น

นายอำเภออรุณขอยืมมาจากเรือนพักร้อนของพระยาบุรีฯ จริงๆ

“ขอรับ”

เสียงหัวเราะยังคงอยู่

“บอกกี่หนแล้วว่าไม่ต้องต้อนรับกันให้เอิกเกริกแบบนี้”

ความเป็นกันเองนั้นช่วยให้นายธรรมการหนุ่มใจชื้นขึ้นมิใช่น้อย

มองตามร่างท้วมที่เดินเอาสองมือไพล1หลังดูโน่นดูนี่ จนไปหยุดยืนหน้า

แผนที่ของอำเภอซึ่งติดอยู่กับฝาผนัง

กริชฉวยโอกาสสบตาสุชัยซึ่งรีบลุกยืนเก้ๆ กังๆ แล้วประนมมือขึ้น ไหว้อย่างนอบน้อม

“แล้วนี่ใครล่ะ” อดีตผู้เป็นใหญ่ในมณฑลยกมือโบกไปมาเพื่อรับ

ไหว้

“น้องชายของกระผมขอรับ สุชัยหูหนวก เป็นใบ้ กระผมให้มาช่วย งานที่นี่เพราะลายมือสวยขอรับ”

“อย่างนั้นรึ” ชายสูงวัยมองดูเด็กหนุ่มอย่างเห็นอกเห็นใจ

สุชัยเป็นฝ่ายหลบสายตา เสไปมองหญิงสาวซึ่งตามเข้ามาด้วยแทน ยิ้มอายๆ เมื่อหล่อนล่งยิ้มให้ก่อน

“อยากทำราชการไหมล่ะ”

กริชตอบแทนน้องชายเมื่อเห็นว่าคนถามเจาะจงถามเขา

“ตอนนี้ยังไม่มีตำแหน่งเสมียนขอรับ”

“อย่างนั้นรึ เออ...แล้วจะดูๆ ให้”

กริชแทบเข้าไปกราบท่านอีกรอบเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกวันนี้ไม่มีอะไร ที่เขาอยากเห็นมากไปกว่าสุชัยมีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน พยักพเยิดไปทาง ประตูเพื่อเป็นสัญญาณให้ไปตามนายอำเภออรุณที่บ้าน รู้ว่าตัวเองคงเลี่ยง ไปไหนไม่ได้เพราะจะไม่มีใครอยู่รับข้าราชการบำนาญสูงทั้งวัยและยศศักดิ์

ผู้นี้

เมื่อคนเป็นแขกไม่ยอมนั่ง นายธรรมการหนุ่มเองก็เลยเก้กังไม่ต่าง อะไรกัน ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ก็นายอำเภออรุณไม่ได้สั่งอะไร

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

รักแท้ของคุณหญิงผู้สูงส่งกับชายหนุ่มต่ำศักดิ์ผู้ภักดี ที่ธรรมเนียมประเพณีหรือความถูกต้องเหมาะสมใดๆ มิอาจขวางกั้น ?คุณหญิงครับ ตลอดชีวิตผมมีคุณหญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ในใจผมตลอดเวลา ใครก็มาแทนที่ไม่ได้? ในวันที่ไอรีนตกพุ่มม่าย คำสารภาพจากปาก กริช นายอำเภอหนุ่มฉกรรจ์ ทำให้เธอเพิ่งเข้าใจว่าเธอกับเขามีความผูกพันกันมาเนิ่นนานเพียงใด กริชอยู่ข้างกายเสมอในช่วงเวลาที่เธอเป็นคุณหญิงศรีสิทธิศักดิ์เสนา เขารับรู้ความสุข ความทุกข์ และความเจ็บปวดจากความรักครั้งแรกของเธออยู่เงียบๆ มานานแสนนาน จวบจนคุณรามผู้สามีของเธอวายชนม์ ไอรีนอยากจะหยุดความรู้สึกที่งอกงามในหัวใจ ด้วยรู้สึกผิดว่ากำลังทรยศต่อความรักของคุณราม ทั้งเกรงผู้คนจะนินทาว่าร้าย ลึกลงไปกว่านั้นคือความกลัวที่ว่า เขาอายุน้อยกว่าถึงห้าปี เป็นหนุ่มโสดรูปงามที่มีหญิงสาวมากมายหมายปอง แต่ความรักที่กริชมีให้คุณหญิงนั้นมั่นคงเสมอมา...เป็นความรักที่ต้องเก็บไว้กับตัวบอกใครไม่ได้ เพราะเธออยู่ในฐานะที่สูงกว่า เป็นผู้มีพระคุณล้นเหลือ เป็นภรรยาของคนที่เลี้ยงเขามาแต่เล็กๆ ...แม้รักนั้นจะเป็นได้แค่ความฝัน แต่เขาก็หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งจะก้าวไปอยู่ในฝั่งของความฝันนั้นได้ในที่สุด


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

สายลม | 1 รีวิว
28/11/2014

เรื่องราวความรักแท้ของคุณหญิงไอรีนผู้สูงศักดิ์ กับกริชนายอำเภอหนุ่มที่มีความเจริญและเติบโตในหน้าที่การงาน กริชหลงรักคุณหญิงไอรีนมาตั้งนานแต่ทว่าด้วยฐานะของคุณหญิงไอรีนที่เทียบได้ว่าอาจจะเป็นผู้ปกครองกลายๆของเขาด้วยซ้ำเพราะท่านเจ้าคุณราม สามีของคุณหญิงไอรีนที่เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูจนกริชได้ดีเช่นทุกวันนี้ กริช รักคุณหญิงอรีนอย่างสุดหัวใจรักโดยที่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนกลับมาทั้งนั้น อ่านแล้วซึ้งจังเลย และคุณหญิงไอรีนเองก็รักกริชเช่นกันแต่เธอไม่อาจที่จะให้ความรักเป็นไปเช่นปกติได้ เนื่องจากสามีของเธออย่างคุณรามจะเสียชีวิตไปแล้วก็จริงแต่ว่าจะให้เธอลุกมาแต่งงานใหม่กับชายที่ได้ช่อว่าเป็นคนในปกครองแถมมีอายุน้อยกว่าเธอถึง 5 ปี เป็นนิยายที่เรื่องค่อนข้างจะมีความนุ่มนวล เนิบๆ แต่ไม่ได้ถึงกับทำให้น่าเบื่อความเนิบความช้ามันอาจจะมาจากความที่เนื้อและพล๊อตของนิยายอยู่ในยุคนั้น ยุคโบราณที่เราอาจจะไม่ค่อยที่จะคุ้นชินแต่มันดูมีเสน่ มีความโดดเด่นทำให้ไม่น่าเบื่อ คอนิยายดราม่าอย่างเราก็อินอยู่นะ อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกของคุณหญิงเลย ซึ้ง เศร้าไปกับเธอเลย อีกอย่างคือบรรยากาสในเรื่องอบอุ่นละมุนละไม ไม่ใช่เรื่องที่ให้ลุ้นหรือมีปมให้เราเดินไปหา แต่สิ่งที่ทำให้เราต้องอ่านอย่างต่อเนื่องคือเพื่อลุ้นให้ความรักของคุณหญิงและกริชไปให้ถึงฝั่ง ปกติไม่ชอบนะนิยายที่นางเอกแก่ แต่เรื่องนี้ชอบแบบบอกไม่ถูกประทับใจและ

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024