บัลลังก์ริษยา (ไปรยา)

บัลลังก์ริษยา (ไปรยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786115000142
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 180.00 บาท 45.00 บาท
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

พระตำหนักอันเก่าแก่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวบริเวณด้านหลังพระราชวังแห่ง นครเมมซิส ในอดีตเคยเป็นที่ประทับขององค์ฟาโรห์ทาร์คัสและราชินีเซญ่า พระ ราชบิดาพระราชมารดาของฟาโรห์ฮัสมีน หากแต่ปัจจุบัน กลายเป็นที่ประทับของ เจ้าหญิงเรนุส พระขนิษฐาฃองอดีตราชินีเรติ เจ้าชายคามินและเจ้าหญิงฮันน่า สองรัชทายาทผู้ถือกำเนิดจากฟาโรห์ฮัสมีนและราชินีเรติผู้ล่วงลับ

ทั้งฟาโรห์ฮัสมีนกับราชินีเรติ ถูกพระญาติวางแผนปลงพระชนม์เมื่อสิบปี ที่แล้ว ในงานเฉลิมฉลองรันคล้ายวันประสูติครบรอบปีที่เก้าของพระราชธิดาฮันน่า

ไม่มีลางบอกเหตุใดที่บ่งบอกให้รู้ว่าจะเกิดเหตุเลวร้ายในบ้านเมืองอัน สงบสุขอย่างเมมซิส เพราะหลังจากผ่านพ้นรัชสมัยของฟาโรห์ทาร์คัสกับราชินี เซญิา องค์ฮัสมีนทรงปกครองนครต่อจากพระราชบิดาด้วยพระเมตตา ประชาชน ต่างใช้ชีวิตอย่างผาสุก ท่ามกลางความเจริญทางด้านวัตถุและวัฒนธรรม ครานั้น เมมซิสถือว่าเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองใดในผืนแผ่นดินอียิปต์ บรรดาพลเมือง เมมซิสต่างจงรักภักดีต่อองค์ฟาโรห์ฮัสมีนและราชินีเรติ ในขณะที่พระราชโอรส คามีนและพระราชธิดาอันน่าทรงได้รับความรักจากผู้คนอย่างท่วมท้น

แต่พระญาติผู้ใกล้ชิดพระองศ์หาได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ เจ้าชายฮัสซาร์กับมเหสีลาเนียทรงร่วมกันวางแผนโค่นล้มราชวงศ์ของฟาโรห์ ฮัสมีนอย่างแยบยล เวลานั้นชุนนางส่วนใหญ่ต่างหลงอยู่กับอำนาจ ทรัพย์สมบัติ จึงยอมชายวิญญาณให้แก1เจ้าชายฮัสซาร์ มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับ แผนการนี้ แต่ไม่มีผู้ใดสามารถทัดทานแผนการชั่วร้ายนั้นได้ ต่างจำต้องก้มหน้า ยอมรับการสถาปนาราชวงศ์ใหม่ชองเจ้าชายฮัสซาร์ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง การปกครอบ้านเมือง

พระวรกายบอบบางในฉลองพระองค์สีดำของเจ้าหญิงอันน่าสั่นสะท้าน ด้วยแรงสะอื้น ดวงพระเนตรสีน้ำตาลเข้มที่เผยพ้นจากผ้าคลุมพระพักตร์คลอ ด้วยน้ำพระเนตร ดวงพระทัยอ่อนล้าจนไม่อาจก้าวพระบาทต่อไปได้ นางทรุด พระวรกายลงกับผืนทราย ยกพระหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ ปล่อยน้ำ พระเนตรไหลรินให้สา แก่พระทัย

เวลาสิบปีที่ผ่าน'โป ไม่อาจลบเลือนความทรงจำและความสูญเสียที่เกิด ขึ้นได้ ภาพเหตุการณ์ร้ายในคืนวิปโยคยังคงแจ่มชัดทุกลมหายใจเข้าออก

เมื่อครบรอบรันคล้ายวันประสูติชองทุกปี เจ้าหญิงจะเสด็จมายังหลุมฝัง พระศพตรงบริเวณที่ราบเชิงเขา สถานที่อันปราศจากสิ่งปลูกสร้างหรือสัญลักษณ์ ใดบ่งบอกว่าที่แห่งนี้ คือสุสานฝังพระศพชองอดีตผู้ครองนครเมมซิส นอกจาก แผ่นหินที่จารึกพระนามไร้เท่านั้น ‘ฮัสมีน & เรติ’

สุสานแห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับสถานที่ฝังศพชองสามัญชนชาวนครเมมซิส อีกทั้งถูกแยกให้ห่างไกลจากพระราชรัง ราวกับต้องการเนรเทศร่างอันไร้ วิญญาณชองทั้งสองพระองค์ให้พันผืนแผ่นดินเมมซิส

เสียงฝีเท้าม้ากระทบกับพื้นทรายด้งใกล้เข้ามายังบริเวณที่เจ้าหญิงอันน่า ประทับอยู่ ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อผ้าแบบสามัญชนพลิกตัวลงจากหลัง พาหนะมีชีวิต ก้าวเท้ายาว ๆ มาหยุดตรงหน้าแผ่นหินจารึกหน้าสุสาน

“พี่คิดแล้วว่าเจ้าต้องมาที่นี่”

พระสูรเสียงชอง ‘เจ้าชายคามิน’ พระเชษฐาร่วมสายพระโลหิต เรียกพระสติของเจ้าหญิงกลับคืนนางรีบยกพระหัตถ์ขึ้นปาดนํ้าพระเนตร

“เจ้ามารํ่าไห้ต่อหน้าหลุมฝังพระศพของท่านพ่อท่านแม่แบบนี้ทุกปี เจ้าไม่ คิดบ้างหรือว่า หากวิญญาณสองพระองค์ยังประทับอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จะทรงรู้สึก เช่นไร”

“หม่อมฉันประสงค์ให้สองพระองค์ทรงรับรู้ว่า หม่อมฉันทุกข์ทรมาน เพียงใดเพคะ”

“แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่า ท่านพ่อท่านแม่ต้องทรงทุกข์ทรมานมากเพียงใด ที่ ต้องมาประทับอย่างไร้พระเกียรติเช่นนี้” พระเชษฐารับสั่งพร้อมกับทรุดพระ วรกายลงประทับเคียงข้างพระขนิษฐา ดวงพระเนตรสีดำสนิทฉายแววเจ็บปวด เพียงชั่วครู่กลับแปรเปลี่ยนเป็นเฉยชา

“ด้วยเหตุนี้ หม่อมฉันถึงต้องมาที่นี่ เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดชองหม่อมฉัน เพื่อยํ้าว่าวันนี้เป็นวันสิ้นพระชนม์ของสองพระองค์ ถ้าหากหม่อมฉันไม่สามารถ นำพระศพของทั้งสองพระองค์กลับไปเมมซิสได้หม่อมฉันก็จะมาที่นี่ทุกปีเพคะ” เจ้าชายคามินทอดถอนพระทัย พระพักตร์ไร้สีฝาดพระโลหิต ดวง พระเนตรทั้งสองเหม่อมองไปยังฟากฟ้า

“ข้าแต่องค์สุริยเทพ โปรดจงบันดาลให้ข้ามีร่างกายแข็งแรง มีพละกำลัง ช่วยน้องสาวของข้าได้สมปรารถนาในสิ่งที่หวังด้วยเถิด...”

“พอเถอะเพคะ” เจ้าหญิงรับสั่งห้าม

“เหตุใดพี่จึงอ่อนแอถึงเพียงนี้” พระพักตร์คมคายเจือด้วยความหมองหม่น

“ท่านพี่อย่าทรงคิดมากไปเลยเพคะ ท่าพระทัยให้ทรงพระสำราญ พระ วรกายจะได้แข็งแรง ท่านพี่อย่าทรงลืมว่า นอกเหนือจากท่านน้าเรนุสแล้ว เวลานี้ เรามีกันเพียงแค่สองคนพี่น้องเท่านั้นนะเพคะ”

“หากพี่ไม่มีเจ้า พี่คงตามไปเข้าเฝ้าท่านพ่อท่านแม่นานแล้ว”

“อย่าได้รับสั่งเช่นนั้น ท่านพี่ต้องอยู่เคียงข้างหม่อมฉัน ทรงเป็นกำลังใจ ให้หม่อมฉันชำระแค้นผู้ที่ท่ากับท่านพ่อท่านแม่ของเราให้สำเร็จนะเพคะ”

“เวลานี้เราไม่สามารถที่จะท่าอะไรได้ นอกจากยอมรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น”

“ชะตากรรมหรือเพคะ” นางผู้เป็นพระขนิษฐาตรัสถามด้วยพระสุรเสียง แข็ง “ไม่มีรันที่หม่อมฉันจะยอมรับชะตากรรมที่ศัตรูหยิบยื่นให้ หากจะยอมรับ หม่อมฉันต้องเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตชองหม่อมฉันเองเพคะ”

สายลมพัดพลิ้วทั่วบริเวณราวกับรับรู้ถ้อยคำที่ออกจากพระโอษฐ์ชอง เจ้าหญิงไร้บัลลังก์ หมู่เมฆสีชาวบนฟากฟ้ากระจัดกระจายเคลื่อนไหวดั่งมีชีวิต เจ้าหญิงทรงยืน ปลดผ้าคลุมพระพักตร์ น้อมพระเศียรถวายความเคารพต่อหน้า หลุมฝังพระศพ

“หม่อมฉันขอสัญญาต่อพระพักตร์ท่านพ่อท่านแม่ หม่อมฉันจะท่าทุกวิถี- ทางเพื่อตอบแทนผู้ที่ท่าร้ายพระองค์ หม่อมฉันจะแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็น ชองเรากลับคืนมาให้ได้เพคะ” เจ้าหญิงแย้มพระโอษฐ์ด้วยรู้สึกสุขพระทัยเหมือน เช่นทุกครั้งที่ได้เติมเชื้อไฟแห่งความแค้น

ต่างกับผู้เป็นเชษฐา พระองค์ทรงตั้งมั่นอยู่ในความดี ให้อภัยแก่ทุก สรรพสิ่ง ทุกความชั่วร้ายที่ผ่านเช้ามา เหตุเพราะเจ้าชายคามีนไม่มีพระประสงค์ สร้างเวรสร้างกรรมให้เป็นบาปติดพระองค์ไปยังภพหน้า ลำพังโรคภัยที่พระองค์ ต้องทรงเผชิญอยู่เวลานี้ ถือเป็นเคราะห์กรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พระองค์จึง ทรงเลือกที่จะมีพระชนม์อยู่อย่างยอมรับและอดทนด้วยน้ำพระทัยดีงาม ไม่ทรง ยึดติดหรือเคืองแค้นต่อสิ่งใดที่ผ่านไปแล้ว

‘ภพที่แล้วท่านพ่ออาจทรงเคยท่าร้ายท่านลุงมาก่อน พระองค์จึงต้องทรง มาชดใช้กรรมในภพนี้’ เจ้าชายรับสั่งเสมอ เพื่อยับยั้งไม่ให้พระมาตุจฉาเรนุสทรง เติมเชื้อเพลิงลงในกองเพลิงแห่งความแค้นที่โหมกระหน่ำในพระทัยของ พระ'ขนิษฐา

‘จะมีประโยชน์อันใดในการรื้อฟืนเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว’ หรือ ‘ต่างคน ต่างอยู่ไม่เบียดเบียนกันและกัน แค่นี้ถือว่าเพียงพอแล้ว’ หลายเหตุผลเพื่อยุติ ความชัดแย้ง แต่ก็หาได้มีผลในการตัดสินพระทัยเลือกเส้นทางชองเจ้าหญิงผู้ น้อง เพราะภาพที่องค์ฟาโรห์ฮัสมีนและราชินีเรติกระอักพระโลหิต ทรงทุรนทุราย ก่อนจะลิ้นพระทัยเกือบพร้อมกัน ยังคงตราตรึงอยู่ในพระทัย ยากจะลบเลือนไป เพียงเพราะเหตุผลที่พระเชษฐาทรงนำมาเตือน

เจ้าหญิงอันน่ากับเจ้าชายคามีนกลายเป็นองค์รัชทายาทไร้บัลลังก์ ถูก เนรเทศให้ไปประทับยังพระตำหนักท้ายวังและอยู่ในความดูแลของพระมาตุจฉา เจ้าหญิงเรนุสทรงโกรธแค้นฮัสซาร์กับลาเนีย แทบจะกระอักพระโลหิตสิ้นพระ- ชนม์ตามพระเชษฐภคินี หากยังเป็นห่วงพระภาคิไนยทั้งสองพระองค์ นางจำต้อง กล้ำกลืนความแค้นเพื่อรอวันชำระไว้ภายในพระอุระ

สามน้าหลานถูกจำกัดบริเวณให้ประทับภายในพระตำหนักท้ายวัง ปราศ- จากทหารราชองครักษ์และนางกำนัลคอยดูแลรับใช้ มีเพียงทาสรับใช้นำเครื่อง อุปโภคบริโภคเท่าที่จำเป็นมาถวายเป็นครั้งคราวเท่านั้น

‘ทำไมคนพวกนั้นไม่ฆ่าพวกเราให้หมดเรื่องหมดราวไปเสีย จะมาทรมาน ให้เราอยู่อย่างตายทั้งเป็นเช่นนี้ทำไมกัน’ เจ้าหญิงอันน่าทรงตั้งข้อสังเกต หลัง จากสูญเสียพระราชบิดาพระราชมารดาไปไค้ไม่นาน ซึ่งเวลานั้น พระองค์มีพระ- ชันษาเพียงเก้าปีเศษ

‘คนพวกนั้น’ ปฏิบัติต่อพระองค์เหมือนเป็นคนอื่น เจ้าหญิงจึงไม่อาจทำ

พระทัยให้ยอมรับว่า ผู้ครองนครเมมซิสในปัจจุบันคือพระญาติแท้ ๆ ของพระองค์

‘หากเขาไม่เคยเห็นพวกเราเป็นญาติพี่น้อง เหตุใดเราต้องคิดว่าเขาเป็น ญาติกับเรา’

ไม่เพียงแต่ไม่นับญาติกันเท่านั้น ราชวงศ์ของฮัสซาร์ยังถือเป็นศัตรูของ เจ้าหญิงอันน่าและเจ้าหญิงเรนุส ทั้งสองพระองค์ต่างรอจังหวะเวลา เพื่อทวง บัลลังก์กลับคืนด้วยพระทัยจดจ่อ

“เย็นมากแล้ว พี่ว่าเรารีบกลับตำหนักกันเถอะนะ อันน่า”

เจ้าหญิงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา ยื่น พระหัตถ์ช้างหนึ่งทาบลงกับแผ่นจารึกพระนามชองผู้ให้กำเนิดทั้งสอง

“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

เมื่อเจ้าชายคามินกับเจ้าหญิงอันน่าเสด็จกลับถึงพระตำหนัก ทั้งสองต้อง

แปลกพระทัยเมื่อทรงเห็นราชินีลาเนียประทับรออยู่ก่อนแล้ว

“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายคามินถวายความเคารพต่อผู้ที่อยู่เบื้อง พระพักตร์อย่างนอบน้อม

เจ้าหญิงอันน่าทรงท่าตามพระเชษฐาอย่างเสียมิได้ นางผู้เป็นราชินีเชิดพระพักตร์ ดวงพระเนตรวาวจับจ้องพระพักตร์เจ้าหญิงผู้มีศักดิ์เป็นพระราชนัดดา คล้ายมีพระประสงค์ให้พระวรกายของนางมอดไหม้ไป

“พระองค์ทรงมีเรื่องอันใดให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ช้าไม่รบกวนคนป่วยอย่างเจ้าหรอก คามีน” พระโอษฐ์บางเอ่ยด้วยพระ

สุรเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความดูแคลน

เจ้าหญิงอันน่าทอดพระเนตรหญิงสูงวัยตรงเบื้องพระพักตร์ หากอีกฝ่าย กลับส่งสายพระเนตรประสานนิ่งอย่างผู้ที่อยู่ในฐานะเหนือกว่า

“มีธุระเรื่องใดก็จงรีบบอกมา” พระสูรเสียงราบเรียบของเจ้าหญิงเรนุส ดังขึ้นขัดจังหวะ ก่อนจะทรงก้าวเช้ามายืนต่อเบื้องพระพักตร์นางผู้ดำรงฐานะราชินี “อ้าว ! เรนุส เจ้าอยู่หรอกหรือ ช้านึกว่าเจ้าออกไปเก็บผักเก็บหญ้า หาอาหาร อยู่เสียอีก”

“หากช้ารู้ว่าเจ้าจะมาเหยียบที่นี่ ช้าคงเตรียมหญ้าเตรียมฟางไจ้ให้เจ้า อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง”

“เจ้าว่าช้าเป็นกระบืออย่างนั้นหรือ” ราชินีลาเนืยทรงร้องเสียงด้งอย่างลืม พระองค์

เจ้าหญิงเรนุสทรงไม่โต้ตอบ แต่สายพระเนตรที่ทอดพระเนตรองค์ราชินี ตั้งแต่พระเศียรไล่ลงมาถึงพระบาท สามารถจุดประกายให้อีกฝ่ายเกิดโทสะได้ เป็นอย่างดี

“เจ้า...”

“บอกธุระของเจ้ามาได้แล้วลาเนีย หรืออยากจะทำหน้าบูดหน้าเบี้ยวอยู่ อย่างนี้ก็ตามใจ ช้ากับหลานจะได้ไปทำอย่างอื่น”

‘‘ตํ่า ช้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นสามัญชนเต็มตัวแบบนี้”

“ในเมื่อเจ้ากับสวามีของเจ้าอุปโลกน์ให้ช้ากับหลานอยู่ในฐานะสามัญชน ช้าทั้งสามก็พร้อมที่จะเป็นไปตามนั้น”

“พวกเจ้ารู้จักฐานะตัวเองก็ดีแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อมาบอกพวกเจ้าว่า ฟาโรห์

มีพระบัญชาให้อันน่าไปเป็นนางกำนัลของลูกสาวช้า”

“มันจะไม่มากไปหน่อยหรือลาเนีย” เจ้าหญิงเรนุสทรงย้อนถามด้วยพระ สูรเสียงแข็งกร้าว

“เจ้าน่าจะดีใจ ที่ฮันน่าได้รับเกียรตินี้”

“คามินกับฮันน่าถือเป็นองค์'รัชทายาท เหตุใดต้องไปคอยรับใช้ลูกสาว ของเจ้า”

“เมื่อครู่เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่า พวกเจ้าสำนึกในฐานะสามัญชนเป็น อย่างดี เหตุใดเวลานี้มากล่าวอ้างว่าคามินกับฮันน่าเป็นองค์รัชทายาท”

“เจ้าย่อมรู้แก่ใจดีอยู่แล้ว ว่าหลานของช้าควรอยู่ในฐานะใด”

“ไม่เป็นไรเพคะท่านน้า หากราชินีทรงเห็นว่าหม่อมฉันเหมาะสมที่จะไป เป็นช้ารับใช้พระราชธิดาของพระองค์ หม่อมฉันก็พร้อมจะท่าหน้าที่นั้นเพคะ” เจ้าหญิงนอกบัลลังก์รับสั่ง เพื่อยุติสงครามที่เกิดขึ้น

ราชินีแห่งเมมซิสแย้มพระสรวล พลางหันพระพักตร์มาสบสายพระเนตร กับเจ้าหญิงเรนุสอย่างผู้ชนะ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องยอมท่าตามคำสั่งของฟาโรห์” เจ้าหญิงเรนุสรับสั่งยับยั้ง

“องค์ฟาโรห์เป็นเจ้าชีวิตของผู้คนบนผืนแผ่นดินนี้ หม่อมฉันไม่อาจชัด พระบัญชาชองพระองค์ได้เพคะ”

เจ้าชายคามินทอดพระเนตรพระขนิษฐาเพียงชั่วครู่ จึงหันพระพักตร์มา สบสายพระเนตรกับพระมาตุจฉาเรนุส

“กระหม่อมเห็นด้วยกับฮันน่าพ่ะย่ะค่ะ”

“ฮันน่าเป็นน้องสาวของเจ้านะคามิน เหตุใดจึงเสือกไสไล่ส่งให้น้องของ เจ้าไปรับใช้คนอื่น”

“ฟิลล่ากับลัสเชียหาใช่เป็นคนอื่น ลูกสาวทั้งสองของช้าคือองค์รัชทายาท ผู้สืบทอดบัลลังก์นี้ต่อจากองค์ฟาโรห์”

เจ้าหญิงเรนุสทอดพระเนตรนางผู้อยู่ในฐานะราชินี ความเกลียดชัง ปรากฏในแววพระเนตรยากจะทรงปิดบังไร้ได้

“เจ้าแน่ใจหรือว่าเมื่อสิ้นฟาโรห์ฮัสซาร์ ลูกชองเจ้าจะได้ครอบครองบัลลังก์”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เรนุส”

“ผู้ใดท่าบาปท่ากรรมต่อผู้อื่น ฟ้าดินย่อมไม่เช้าช้าง บัลลังก์แห่งเมมซิส หาได้เป็นของพวกเจ้าอย่างแท้จริง ลักวันต้องคืนกลับสู่ผู้เป็นเจ้าของโดยชอบธรรม”

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ภาพที่พระราชบิดาพระราชมารดาล้มลง ทุรนทุรายสิ้นใจ เพราะฝีมือของพระปิตุลาที่ทำได้แม้กระทั่งทำลายสายเลือดเดียวกันเพื่อหวังจะได้ขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งเมมซิส ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของ เจ้าหญิงฮันน่า ยากยิ่งนักที่จักลืมเลือน หม่อมฉันขอสัญญา หม่อมฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อตอบแทนผู้ที่ทำกับพระองค์ หม่อมฉันจะแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเรากลับคืนมา คำมั่นสัญญาสลักฝังลึกอยู่ในหัวใจที่สุมไปด้วยเพลิงแห่งแค้นของเจ้าหญิงไร้บัลลังก์ ไม่นาน เจ้าชายเมนัท ว่าที่พระสวามีของราชธิดาของศัตรู ผู้ที่เปรียบเสมือนหมากตัวสำคัญก็ปรากฏขึ้น นางจึงไม่ปล่อยโอกาสที่จะเล่นเกมบนกระดานแห่งการแก้แค้นนั้นให้หลุดลอยไป ทุกวิถีทาง เพื่อทวงราชบัลลังก์กลับคืน แม้ต้องแลกมันมาด้วย กาย และ ใจ นางก็จักทำ...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024