ดาวลิขิตรัก (อุธิยา)

ดาวลิขิตรัก (อุธิยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160012978
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตะลึง จับยาบ้า-ยาไอซ์แม่จันสองแสนเม็ด คาดเข้าไทยราคาร่วม ๖๐ ล้าน ยาบ้าลอตใหญ่ เบื้องหลัง ‘คนใหญ่’ มีสี

หลักฐานชัด พล.ต. ธีระ เบื้องหลังยาบ้าแม่จัน

นายทหารหนุ่มใหญ่ไล่สายตาไปตามหัวข้อข่าวซึ่งตัดมาจากหนังสือ-

พิมพ์แล้วใส่ในแฟ้ม วันเวลาผ่านไปราวกับฝัน ถึงแม้จะไม่นาน แต่เขารู้สึก

เหมือนอดีตอันไกลโพ้น บางครั้งดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องของตัว

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร โผไม่พลิก พ.อ. อรรณพ เป็นพันเอก

(พิเศษ)...

เว้นเสียแต่ว่าชื่อที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกฉบับเป็นชื่อเดียว

กับป้ายชื่อบนเครื่องแบบ เขาผ่อนลมหายใจ ในห้องทำงานศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ภาพพระมหากษัตริย์ โล่ประกาศกิตติคุณ ประกาศนียบัตร และภาพการ

รับรางวัลต่างๆ ทำให้เขาหวนรำลึกภาพในอดีตของการได้มา

บทสนทนานั้นเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันหนึ่ง

‘คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เรื่องนี้ร้ายแรงมากนะ อย่ามาพูดซี้ซั้วไม่มี

หลักฐาน คุณจะโดนฟ้องได้ง่ายๆ’ คนปลายสายตอบกลับโดยไม่มีน้ำเสียง

ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

‘ผมรู้ดีนะผู้พัน ว่าผมกำลังพูดถึงอะไรและพูดถึงใคร ถ้าไม่มั่นใจจริง

ผมไม่พูดพล่อยๆ หรอก ผมทำธุรกิจเข้าๆ ออกๆ แถบนั้น ผมก็มีคนรู้จัก

ของผม แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่ผู้พันก็แล้วกัน ผมถือว่าผมทำหน้าที่พลเมืองดี’

นายทหารใหญ่ตัดสินใจอย่างหนักอยู่นาน เพราะชื่อที่ได้รับมาไม่ใช่

คนอื่นที่เขาจะจัดการได้อย่างใจ

เมื่อคนคนนั้นเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาเอง

แต่ในที่สุด เมื่อได้ลงมือทำก็ย้อนกลับมาไม่ได้ ทุกอย่างดำเนินไป

กลายเป็นข่าวระดับประเทศและยาวนานร่วมหลายเดือนตั้งแต่มีการจับกุม

ขบวนการค้ายาบ้าลอตใหญ่ที่มีนายทหารระดับสูงอยู่เบื้องหลัง ตามมาด้วย

การจับกุมผู้บงการ และสืบสวนบุคคลที่ถูกซัดทอด

นายทหารหนุ่มใหญ่เปิดลิ้นชัก หยิบหนังสือพิมพ์อีกฉบับออกมา

มีหัวข้อข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์อีกฉบับซึ่งเขาไม่ได้ตัดรวมในแฟ้ม

อุบัติเหตุคร่าครอบครัว พล.ต. ธีระ ลูกชายคนโต-เมียดับ ลูก

คนเล็กอาการสาหัส...

อีกฉบับเป็นข่าวในกรอบเล็กๆ

สอบเครียดลูกชายอดีตพลตรี ปฏิเสธทุกข้อหา...

เมื่อถึงตรงนี้ ชายกลางคนมีแววตาเป็นประกาย ทุกอย่างถูกคิดไว้

แล้วเพียงแค่รอเวลา จังหวะนั้นประตูถูกเคาะและเปิดออก นายทหารหนุ่ม

วัยสามสิบเดินเข้ามา ยืดตัวตรงทำความเคารพ

ท่านครับ ได้เวลาแล้วครับ”

ผู้เป็นนายซึ่งสวมเครื่องแบบ บนอกติดยศดูองอาจและน่าเกรงขาม

พยักหน้าเล็กน้อย เก็บเอกสารทุกอย่างเข้าที่ ลุกจากโต๊ะทำงาน แล้วหันหน้า

มาทางผู้ใต้บังคับบัญชา

“เรื่องที่ให้จัดการไปถึงไหนแล้ว”

“ทางนั้นแจ้งว่า ผู้กองยื่นหนังสือลาออกแล้วครับ” เขาตอบน้ำเสียง

ราบเรียบด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยน

คนฟังมีรอยยิ้มในแววตา “ดีมาก” เขาชมและตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

“ขอบพระคุณครับท่าน”

จากนั้นทนายทหารใหญ่ก็เดินออกไปจากห้อง เพื่อรับการแต่งตั้งยศ

ใหม่อย่างเป็นทางการ

 

หลายเดือนผ่านไป

ธนุสนั่งรอเพื่อนอยู่ที่ล็อบบีของสนามยิงปืน กาแฟเย็นที่สั่งมาละลาย

จนมีหยดน้ำเกาะอยู่ข้างแก้วและซึมลงกระดาษรองจนชุ่ม เขาไม่รู้สึกกระหาย

น้ำเท่าคำตอบที่เพื่อนซึ่งทำงานเป็นครูฝึกอยู่สถานที่แห่งนี้กำลังจะมาบอก

หวนรำลึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สี่เดือนมาแล้วที่เขายื่นใบลาออกจาก

หน่วยงานที่สังกัดอยู่ เป็นการลาออกในอาชีพทหารที่รักยิ่งอย่างไม่เต็มใจ

ชีวิตของเขาพลิกเปลี่ยนไปเพียงเวลาไม่ถึงปีเมื่อพ่อถูกจับ หลังจากนั้นไม่ถึง

เดือน พี่ชาย แม่ และน้องชายก็ประสบอุบัติเหตุ คนรอดชีวิตเหลือแค่

ธนกฤต น้องชายวัยเก้าขวบ แต่ก็ต้องเสียขาทั้งสองข้างไป ทุกวันนี้ยังต้อง

เข้าออกโรงพยาบาล โดยมีป้านวล แม่นมเก่าแก่คอยเป็นธุระให้

พ่อไม่ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดลอตใหญ่ที่

จับได้ที่แม่จัน จังหวัดเชียงราย นำโดยกองกำลังผาเมือง ซึ่งเป็นข้อหาที่

ร้ายแรงที่สุดเท่าที่ธนุสจะรับรู้ว่าพ่อทำอะไรลงไป หน่วยงานของเขาอยู่ถึง

ประจวบคีรีขันธ์ อยากจะเข้ามาหาพ่อก็ไม่สามารถทำได้ปุบปับ หนำซ้ำยังถูก

คุมตัวมาสอบสวนหนักจนไม่ได้นอนติดๆ กันอยู่สามคืน

เมื่อไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ มาเชื่อมโยงความผิดระหว่างเขากับ

พ่อได้ ธนุสก็ได้พักผ่อนเป็นเวลาสั้นๆ และตื่นมาอีกครั้งก็พบกับข่าวร้าย

ยิ่งกว่า

พ่อฆ่าตัวตายในคุกเสียแล้ว

สิ่งเดียวที่เหลือมาถึงเขาคือจดหมายลายมือพ่อที่เขียนเพียงประโยค

สั้นๆ ว่า ‘ขอโทษและรักลูกสุดหัวใจ’

น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยปรากฏมาตลอดตั้งแต่อายุสิบขวบรินไหล

ธนุสไม่เข้าใจถึงเหตุผลนั้น ขณะเดียวกันเขาก็คิดว่าพ่อคงไม่ต้องการ

ให้เข้าใจ พ่อไม่เรียกร้อง ไม่ปฏิเสธ ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง เมื่อจัดการ

พิธีศพเสร็จไปเรียบร้อย ก็เหลือแค่เขาที่จำเป็นต้องมองหาทางเดินชีวิต

ระหว่างที่แรงกดดันจากในหน่วยงานถาโถมเข้ามา ทหารหนุ่มซึ่งมี

ตำแหน่งเป็นหัวหน้าชุดโจมตียังคงทำงานต่อเพื่อพิสูจน์ตน และเพื่อสองชีวิต

ที่เหลืออยู่ แต่ล้วนเป็นไปได้ยากยิ่ง ในบรรดาเรื่องราวที่พุ่งเข้าใส่ กระสุน

นัดหนึ่งซึ่งเขารู้ว่าเป็นนัดเดียวที่สำคัญนั่นคือพันเอกอรรณพ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของ

ผลงานจับผู้บังคับบัญชาหรือพ่อของเขานั่นเอง

เขารู้สึกว่าตนเองถูกบีบให้ลาออก

ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไร แต่คนคนนั้นทำได้ หัวหน้าเขาเรียกไป

พบและพูดเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และในที่สุดคนคนนั้นก็ทำสำเร็จ

ความโกรธเคืองปะทุอยู่ในอกเมื่อเดินสะพายเป้ออกมาจากหน่วย

สิบปีที่เป็นทหารตั้งแต่เริ่มเรียนและเข้ารับราชการไม่เคยมีสักครั้งที่เขาทำผิด

แต่ครั้งนี้ต้องยอมรับความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ ทุกอย่างเป็นเพราะใคร

ธนุสเฝ้าถามตัวเอง เมื่อเดินออกมา รถหรูคันหนึ่งจอดรออยู่แล้ว

นายทหารคนขับรถเดินเข้ามาส่งสัญญาณว่าต้องการให้นั่งรถไปด้วยกัน เมื่อ

เปิดประตู พบว่าคนที่รออยู่คือพันเอกอรรณพ หรือในยศใหม่ พันเอก

(พิเศษ) อรรณพ

เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำแต่ไม่ทำให้เขาสบาย กลับกัน ใจนั้นเต้นเร่า

จนแทบทะลุอก คนที่นั่งอยู่ข้างๆ คือผู้ชายที่เจริญก้าวหน้าบนความล้มเหลว

และความตายของพ่อ ขณะที่เขาสูญสิ้นทุกอย่าง บุพการี พี่ชาย ทรัพย์สิน

ของครอบครัวก็ถูกยึด รถยนต์ก็ขายไปแล้วเพื่อนำเงินมารักษาน้อง

‘ลาออกแล้วใช่ไหม’ ประโยคแรกถูกเอ่ยขึ้นมา ธนุสกำหมัดแน่นแทน

คำตอบ อรรณพพูดต่อ ‘แล้วจะทำอะไรต่อ’

ชายหนุ่มยังเงียบ เขาพยายามระงับตนเอง เกรงว่าคำพูดคำเดียว

จะหลุดไปพร้อมอารมณ์ที่ระเบิด

‘ถ้ายังไม่คิด ฉันอยากให้เธอมาทำงานกับฉัน’

‘ไม่ครับ’

เพียงประโยคที่บอกความต้องการของคนอายุมากกว่าถูกเอ่ยออกมา

ธนุสก็สามารถกล่าวคำปฏิเสธได้ทันควัน แปลกใจตัวเองที่น้ำเสียงนั้น

ไม่แข็งกร้าวอย่างที่คิด แต่หนักแน่นพอ

‘ตอบแบบนั้นไม่ดีหรอก คิดก่อนก็ได้’

‘ผมไม่จำเป็นต้องคิด ไม่ว่าจะตอบตอนไหน คำตอบมีแบบเดียว’

‘มีอะไรอีกมากมายที่เธอควรจะเรียนรู้’

เขาทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ใจพุ่งเป้าไปเรื่องเดียวคือ

น้องชายที่กลายเป็นคนพิการ เขาเหลืออยู่แค่นั้นเอง

‘ผมอยู่ในโลกนี้ได้โดยไม่ต้องรับความเมตตาจากใคร ช่วยจอดด้วย

ครับ ผมจะลง’

ใบหน้าของอรรณพกระตุก แต่ธนุสไม่เห็น เขาสบตากับคนขับรถผ่าน

กระจกมองหลัง พยักหน้านิดๆ เท่านั้นอีกฝ่ายก็ขับรถไปจอดเทียบทางเท้า

ชายหนุ่มเปิดประตูออกไปโดยไม่มีคำลา และไม่หันกลับมามอง

อรรณพหลับตา ผ่อนลมหายใจ ชายรุ่นลูกคนนั้นคงไม่รู้ว่าเขาก็ต้อง

สงบสติอารมณ์เพียงไร กิริยานั้นไม่ก้าวร้าว แต่เต็มไปด้วยหนามแหลม

ธนุสเหมือนสัตว์ป่าบาดเจ็บ แผลยังใหม่ ดุร้าย ระแวง และไม่ไว้ใจใคร

รออีกสักพัก คงไม่นานเกิน เมื่อท้องหิว ล้า จับไข้ พิษนั้นจะเตือน

ให้รู้เองว่าควรจะทำอย่างไร

อานนท์เดินออกมา ธนุสขยับตัว แต่พอเห็นแววตาเพื่อนสนิท

ความหวังของเขาก็ดับวูบ อีกฝ่ายนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้กัน แล้วก็เป่าปาก เกา

ศีรษะ

“ขอโทษว่ะ ธนุส”

เท่านั้นธนุสก็พอเดาได้แล้ว คราวนี้ชายหนุ่มรู้สึกกระหายขึ้นมาจริงๆ

เขาละสายตาจากคนเป็นเพื่อนแล้วมองไปทางอื่น นี่ไม่ใช่หนแรกที่ถูกปฏิเสธ

จากการไปสมัครงาน แต่เป็นครั้งแรกที่ผิดหวังจริงจัง หลังจากลาออกจาก

การเป็นทหาร ชายหนุ่มยื่นใบสมัครไปที่ต่างๆ ถึงเขาจะเป็นทหารแต่ก็มี

อาชีพใกล้เคียงที่สามารถใช้ความสามารถจากการเป็นหัวหน้าชุดโจมตีได้

เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ แต่ดูเหมือนว่าเพราะ

นามสกุลของเขาที่ทำให้ถูกปฏิเสธ

เพราะเขาเป็นลูกชายนายทหารที่ค้ายาเสพติด

หลายที่ก็เข้าใจว่าเขาไม่เกี่ยวข้อง เกือบจะตอบรับ แต่แล้วก็ปฏิเสธ

ธนุสกรุ่นโกรธเมื่อได้ยินคำพูดเป็นนัยว่า ‘ผู้ใหญ่’ ไม่อนุญาต เขารู้ดีว่าคน

คนนั้นคือใคร

แต่ชายหนุ่มก็ยังดิ้นรน ที่หมายสุดท้ายคือโรงเรียนสอนยิงปืนซึ่ง

อานนท์เพื่อนสนิทเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนอยู่ที่นี่ อานนท์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัย

เรียน สนิทชนิดล้อชื่อพ่อและแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาแล้ว อานนท์รับปาก

เป็นมั่นเป็นเหมาะจะให้ธนุสทำงานเป็นครูสอนที่นี่เพราะเขามีหุ้นส่วน อำนาจ

การตัดสินใจอยู่ที่เขา

ทว่าก็ไม่ใช่ทั้งหมด ทำให้ชายหนุ่มต้องมาแสดงความเสียใจกับเพื่อน

ที่รับปากแล้วทำไม่ได้

“จริงๆ แล้วก็โอเคอยู่นะ แต่มีคน...”

ธนุสยกมือห้าม สมองสั่งการว่าไม่อยากได้ยินคำปฏิเสธซ้ำๆ ที่

เกี่ยวข้องกับคนเดิมซ้ำๆ เขาพยักหน้า

               

“ไม่เป็นไร ขอบใจมึงมากนนท์ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน อานนท์ลุกตาม

“แล้วมึงจะทำยังไงต่อ” ทั้งที่รู้ แต่อานนท์ก็หลุดปากไป เขาอยากต่อย

ตัวเองที่ถามคำถามนี้

ธนุสนิ่งเล็กน้อย เงินงวดสุดท้ายที่เก็บเอาไว้สำหรับดำรงชีวิตถูก

ไล่ตามโดยการรักษาพยาบาลธนกฤตใกล้เข้ามาทุกที

“ยังไม่รู้ หาต่อไป”

อานนท์เห็นใจเพื่อนจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปลอบใจ ปกติธนุส

ไม่ใช่คนนิ่งขรึมมากมาย แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าถูกล้อมรอบด้วยสีเทาขนาดนี้

มรสุมชีวิตของธนุสเป็นพายุลูกใหญ่เหลือเกิน หากเป็นเขาเองไม่รู้จะรับได้

หรือเปล่า ชายหนุ่มก็จนปัญญา เขาตบบ่าเพื่อนรัก

“กูเอาใจช่วย มีอะไรก็คุยกันได้เสมอนะเพื่อน”

อดีตหัวหน้าชุดโจมตีพยักหน้า “ขอบใจเพื่อน” ก่อนจะเดินออกไป

อานนท์มองตาม พอจะรู้เรื่องเลาๆ ว่าเพื่อนรักไม่สิ้นไร้หนทางเสียทีเดียว

ทว่าทางเลือกนั้นเมื่อพูดขึ้นมาก็ต้องเก็บพับเพราะเจ้าตัวไม่ต้องการ

‘กูรู้ว่าศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ แต่ก็ต้องมีไว้ พ่อกูสอนแบบนี้’ ธนุส

ตอบเขาเมื่อวันที่เขาไปร่วมงานศพพ่อชายหนุ่ม ถึงแม้ดวงตาจะแดงก่ำแต่

ไร้หยดน้ำ ถึงแม้เสียงจะเบาแต่หนักแน่น อานนท์ไม่อาจเข้าไปถึงหัวใจของ

ธนุส แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าเพื่อนรักจะผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้

เมื่อเห็นรถคันนั้นจอดอยู่ เขารู้ว่าจะต้องเจอกับอรรณพเป็นครั้ง

ที่สามในรอบสี่เดือน เป็นครั้งที่ธนุสถามตัวเองอย่างจริงจังว่าเขาบาดเจ็บเกิน

กว่าที่จะไปต่อได้แล้วใช่ไหม ชายหนุ่มถอนใจ เดินไปขึ้นรถที่นายทหารคนขับ

เดินมาเปิดประตูไว้ให้

“ฉันบอกเธอแล้ว คนอย่างเธอเป็นทหารมาตลอดชีวิต จะไปทำอะไรได้”

ธนุสเงียบ อยากโต้กลับแรงๆ ว่าเขาสามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้หาก

                          (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ทุกย่างก้าวของชีวิตคนหนึ่งคนถูกกำหนดจากอะไร ด้วยสองมือหรือโชคชะตา... ชายชาติทหารอย่างธนุสจำต้องลดเกียรติและศักดิ์ศรีเหลือเพียงคนขับรถ เพื่อดูแลสองสิ่งที่เหลือในชีวิต คือน้องชายพิการกับแม่นมผู้มีพระคุณ เก็บกดทุกความชอกช้ำ ยอมให้อีกฝ่ายกำหนดชีวิต สิ่งเดียวที่ทำให้การตื่นเช้ามาของเขามีความหมายคือเธอ หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เป็นเหมือนดาวทอแสงในใจ แม้เขาจะไร้ความหมาย แต่เธอก็มอบความสำคัญให้และไม่เคยมองข้าม เธอพยายามจะลิขิตดวงใจและชีวิตของตนเองไม่ให้อยู่ในกรอบของผู้เป็นพ่อด้วยการมอบหัวใจรักให้เขา เขาควรจะรู้สึกอย่างไร ในเมื่อเธอ...วลีรักษ์ เป็นลูกสาวของนายจ้าง คนที่ทำให้ครอบครัวเขาล่มสลาย เขาควรจะตอบแทนความรักมั่นคงของเธอ หรือใช้เธอเป็นเครื่องมือในการปลดบ่วงพันธนาการ 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024