สายใยปรารถนา (บุรีวาด)

สายใยปรารถนา (บุรีวาด)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160014835
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 230.00 บาท 57.50 บาท
ประหยัด: 172.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

พ.ศ. ๒๕๓๖

เสียงเพลงสากลยอดนิยมแห่งยุคซึ่งอ่อนหวานละมุนละไมแว่วมา

ตามสายลม พาให้บรรยากาศยามค่ำคืนอันเงียบสงัดภายในชุมชนแออัด

ไม่เคว้งคว้างเปล่าดาย สายลมเย็นยามค่ำทำให้อากาศร้อนอบอ้าวในช่วงกลางฤดูร้อนคลายลง

ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องสว่าง ร่างผอมเกร็งของเด็กหนุ่ม

วัยสิบเจ็ดในชุดเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า กางเกงนักเรียนสีซีด เดินอย่างระมัด

ระวังไปตามสะพานไม้ เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าตรงสู่บ้านเช่าหลังเก่าที่อยู่เกือบ

สุดทางตัน เขาต้องหยุดเป็นระยะ เพราะน้ำหนักของตั้งหนังสือพิมพ์ที่ถือ

เมื่อรวมเข้ากับการทำงานหนักมาทั้งวันทำให้แขนทั้งสองข้างล้าจนต้อง

วางลงแล้วค่อยยกขึ้นใหม่เป็นระยะ แต่คราวนี้โชคไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อ

เชือกที่มัดตั้งหนังสือพิมพ์อยู่เลื่อนหลุดออกจากกัน ส่งผลให้หนังสือพิมพ์

ทั้งหมดที่ถือมาเทกองไปด้านหน้า บางฉบับไหลตกลงไปในคลองด้านข้าง

และถึงคว้าเก็บขึ้นมาได้ ก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะเอามาพับถุงกระดาษขาย

เด็กหนุ่มเลยเลือกเก็บแต่ฉบับที่ยังใช้ได้มัดรวมเป็นตั้งใหม่อีกครั้ง

ตรวจดูจนแน่ใจว่าเชือกที่มัดแน่นหนาพอ ร่างผอมจึงยืดตัวขึ้น เตรียมตัวกลับบ้าน

“อุ๊ย! บัว บัวใช่ไหม”

เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ปัทม์ต้องหันไปมอง พบหญิงสาว

ในชุดแซ็กรัดรูปสีดำ อวดส่วนเว้าส่วนโค้งของตัวเองเต็มที่ ผมยาวมัด

รวบสูงคล้ายหางม้า เผยให้เห็นดวงหน้างดงามที่โปะเครื่องสำอางจนเข้มจัด

หล่อนวิ่งผ่านสะพานไม้มาหา ปัทม์ยิ้มให้เพื่อนสนิทของมารดาที่คงเพิ่ง

‘เลิกงาน’ มาเหมือนกัน

“ทำไมวันนี้กลับเร็ว กลับเวลาเดียวกับน้าได้” สมพรถามอย่างสนใจ

กลิ่นน้ำหอมราคาถูกผสมกับกลิ่นบุหรี่และกลิ่นเหล้าฟุ้งไปทั่วตัวหล่อน

ปัทม์ยกตั้งหนังสือพิมพ์เดินเคียงไปกับสมพร ก่อนตอบคำถามว่า

“วันนี้เถ้าแก่จะพาเถ้าแก่เนี้ยไปดูลิเกท้ายตลาดน่ะครับ ก็เลยเลิก

เร็ว” เด็กหนุ่มเอ่ยถึงเถ้าแก่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ที่เมตตาให้งานเขาทำตั้งแต่

เขาอายุแค่สิบห้า มาตอนนี้ยังช่วยเก็บหนังสือพิมพ์ในร้านไว้ให้ปัทม์

พับถุงกระดาษขาย เรียกว่าช่วยอะไรได้เป็นช่วย ปัทม์เลยตอบแทนกลับ

คืนด้วยการทำงานให้มากขึ้น หนักขึ้น เพื่อตอบแทนบุญคุณอีกฝ่าย

“น่าสนใจนะ วันนี้น้าเองก็เลิกงานเร็ว คนเขากลัวเอดส์กันน่ะ

ไอ้ผู้หญิงขายตัวอย่างเราก็ต้องระวัง...ระวังกันไประวังกันมาเลยได้กลับ

บ้านเร็ว” น้ำเสียงสมพรไม่มีวี่แววประชดประชัน ตรงกันข้าม หญิงสาว

เอ่ยถึงงานที่ทำด้วยน้ำเสียงปลงเสียมากกว่า “นี่ถ้าแม่เราสบายดี น้า

คงลากไปดูด้วยกันจนได้”

ปัทม์ยิ้ม ไม่ตอบอะไร สมพรเองก็ไม่ได้หวังให้เด็กหนุ่มโต้ตอบ

เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่าไม่ใช่คนช่างพูด ยิ่งถ้าไม่ใช่คนสนิท ปัทม์ยิ่งเฉย

กับหล่อนเองก็เถอะ ถ้าไม่ใช่เพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของลินจง เด็กหนุ่ม

ก็คงพูดกับหล่อนแทบนับคำได้เหมือนกัน

“บัวกลับบ้านเร็วก็ดีนะ แม่เราเขาเป็นห่วง บ่นกับน้าตลอดว่าเรา

โหมงานหนักจนน่ากลัว” สมพรเปรยขึ้น ยังจำสีหน้าและคำพูดของลินจงได้

ฝ่ายนั้นโทษตัวเองเสมอยามที่ปรับทุกข์กัน บอกว่าเป็นภาระในชีวิตลูกชาย

นอกจากช่วยเหลืออะไรไม่ได้แล้วยังเจ็บป่วยออดๆ แอดๆ ให้ปัทม์ต้อง

เหนื่อยหนักวิ่งรอกคอยดูแล

แต่คนถูกท้วงว่าทำงานหนักกลับเก็บปากเก็บคำเงียบ สมพรเลยได้

แต่มองร่างสูงผอมข้างกายอย่างหนักใจ ปกติแล้วปัทม์มักเลิกงานหลัง

เที่ยงคืนเป็นต้นไป ยิ่งเสาร์อาทิตย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง กว่าเด็กหนุ่มจะกลับ

ถึงบ้านฟ้าก็เริ่มสว่างพอดี ลินจงมักตื่นเช้ามาคอยลูกชายอยู่หน้าบ้าน

ถ้าวันไหนสมพรเลิกงานบริการเร็วหน่อยก็จะมานั่งคอยเป็นเพื่อน แต่ถ้า

วันไหนเลิกช้า หรือติดพันอยู่กับแขก หญิงสาวก็จะพบเด็กหนุ่มที่เพิ่งกลับ

เข้าบ้านมาเช่นกัน อันที่จริงเด็กอายุขนาดปัทม์ไม่ควรใช้ชีวิตผิดเวลาเช่นนี้

แต่สภาพสังคมและวิถีชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำให้อีกฝ่ายไม่มีทางเลือกมากนัก

“ลองลดๆ งานที่ทำอยู่ลงดีไหมบัว เอาที่ต้องกลับบ้านดึกๆ ก็ได้

นี่ถ้าบัวล้มเจ็บไปอีกคน น้าว่าจะแย่กว่าเดิมนะ” สมพรแนะนำ ทั้งที่ไม่แน่ใจ

ว่าเด็กหนุ่มจะยอมทำตาม แต่หญิงสาวคิดว่าก็ยังดีกว่าอยู่เฉย ทนฟังคำ

ปรับทุกข์ของเพื่อนรุ่นพี่โดยไม่ช่วยอะไรเลย ทั้งที่ลินจงเคยมีบุญคุณ

กับหล่อน คอยดูแลช่วยเหลือมาตั้งแต่เริ่มต้นทำงานในซ่องใหม่ๆ คนสูงวัย

กว่าในฐานะรุ่นพี่ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนแทบจะประคบประหงมเด็กใหม่

อย่างหล่อนให้ผ่านช่วงระยะเวลาอันยากลำบากไปได้โดยไม่หนักหนาสาหัสเท่าไรนัก

“ผมจะลองพยายามดูครับ” ปัทม์ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เด็กหนุ่ม

ผ่อนฝีเท้าลงเพื่อกระชับตั้งหนังสือในมือ หลังจากแขนเริ่มล้า

“ให้น้าช่วยไหม” สมพรอาสา

ปัทม์ปฏิเสธทันทีพร้อมรอยยิ้มกว้าง แสงสว่างจากเสาไฟสาดจับ

เสี้ยวหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่ม เผยให้เห็นโครงหน้าเรียว จมูกโด่งเป็นสัน

ริมฝีปากหนาแต่ได้รูป ยามยิ้ม...ดวงตาคู่คมจะพราวระยับเหมือนดาว

บนฟ้า ดวงหน้าเข้มฉายแววอ่อนโยนชัดแจ้ง เพียงแต่เจ้าตัวมักทำหน้า

เฉยชาเป็นนิตย์ คนภายนอกเลยไม่กล้าเข้าใกล้ มองว่าอีกฝ่ายเย็นชา

เคร่งเครียดเกินวัย ทำอะไรต้องคิดทุกอย่าง ไม่สนุกสนานสดใส อยู่ใกล้

ล้วนอกจากจะรันทดหดหู่ยังพานให้รู้สึกอับเฉาตามไปด้วย

สมพรเคยไปโรงเรียนปัทม์ครั้งหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นตัวแทนลินจง

ที่ไม่สบาย ได้ฟังคำบอกเล่าจากครูประจำชั้นเลยยิ่งแน่ใจว่าทำไมอีกฝ่าย

ถึงมีเพื่อนน้อย ทั้งที่เรียนเก่ง เป็นถึงหัวหน้าห้อง เด็กรุ่นราวคราวเดียว

กันน่าจะอยากเข้าใกล้เพราะไว้ใจให้เป็นผู้นำ แต่คงเพราะปัทม์มีความคิด

โตเกินวัย แถมไม่ใช่คนช่างพูด ยิ่งไม่เคยยิ้มกว้างจนดวงหน้าขรึมเข้ม

กระจ่างใสแบบนี้ ด้านนี้ มุมนี้ของเด็กหนุ่มเลยไม่ค่อยมีใครได้เห็นนัก

น่าเสียดาย...

“ยิ้มบ่อยๆ ก็ดีนะบัว” สมพรตบไหล่เด็กหนุ่มเบาๆ พร้อมยิ้มเป็นนัย

ปัทม์ทำหน้างง ขยับปากจะถามว่าทำไม แต่เสียงกรีดร้องซึ่งดังมา

จากด้านหน้าทำให้เด็กหนุ่มชะงัก สมพรก็พลอยเงียบฟังไปด้วย

ทันใดนั้นปัทม์ก็ทิ้งของในมือ วิ่งตรงไปยังที่มาของเสียงทันที เพราะ

จำได้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของลินจง มารดาของเขาซึ่งอยู่บ้านเช่าคนเดียว

โดยมีอาการป่วยรุมเร้าเป็นเงาตามตัว

“บัว ระวังนะ” สมพรร้องเตือน ละล้าละลังระหว่างการวิ่งตามปัทม์

ไปกับการเก็บตั้งหนังสือพิมพ์ที่ถูกทิ้งไว้ สุดท้ายหญิงสาววัยยี่สิบเจ็ด

เลยตัดสินใจเก็บตั้งหนังสือพิมพ์ก่อน แล้วค่อยวิ่งตามเด็กหนุ่มไป สมพร

มาทันตอนปัทม์กำลังเอื้อมมือหมายกระชากประตูบ้านที่ปิดอยู่ให้เปิดออก

แต่ยังไม่ทันได้แตะ คนที่อยู่ภายในก็ผลักประตูเปิดออกอย่างแรง ชายหนุ่ม

ร่างสูงผอมโทรมก้าวพรวดออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด มีเสียงร้องไห้

กระซิกดังตามหลัง ทันทีที่เห็นปัทม์ยืนอยู่ ร่างนั้นก็ผงะถอย ดวงตา

เบิกกว้างด้วยความตกใจ เพียงเท่านั้นปัทม์ก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร

เด็กหนุ่มพุ่งพรวดเข้าไปในบ้าน ทิ้งสถิตให้เผชิญหน้ากับสมพรที่วิ่งตามหลังมาทัน

“ไอ้สถิต แกมาทำอะไรที่นี่ อย่าบอกนะว่า...” สมพรพูดได้แค่นั้น

ก็อ้าปากค้าง เมื่อเดาเรื่องทั้งหมดได้ หญิงสาวทิ้งตั้งหนังสือพิมพ์ในมือลง

แล้วหันมาใช้สองมือระดมฟาดตามเนื้อตัวสถิตไม่ยั้ง ชายหนุ่มปัดป้อง

เป็นพัลวัน พยายามหาจังหวะผลักหญิงสาวให้พ้นทาง แต่สมพรนั้นฤทธิ์

มาก ตัวเล็กแต่มือหนัก นอกจากตีเขาไม่หยุด ปากก็พ่นคำด่าไปด้วย

“ไอ้ชั่ว! แกเลิกกับพี่จงไปแล้วนะ แกจะกลับมาที่นี่อีกทำไม เลว...

ทำไมแกมันเลวยิ่งกว่าสัตว์อย่างนี้ ไอ้...”

การพบเจอระหว่างลินจงกับสถิตนั้นถือเป็นเรื่องผิดพลาดอย่าง

มหันต์ สำหรับสมพรแล้วนี่คือตราบาปในชีวิตที่หล่อนต้องรับผิดชอบ

เพราะหล่อนเองที่เป็นคนแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน หญิงสาวหวังให้ลินจงได้

พบกับคู่ชีวิตดีๆ คอยดูแลกันยามเจ็บไข้ แต่นอกจากสถิตจะเป็นให้ไม่ได้

แล้ว อีกฝ่ายยังกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ คอยทำร้ายทำลาย

สองแม่ลูกให้ต้องเจ็บช้ำอยู่ตลอดเวลา

เมื่อตอนคบหากับลินจงใหม่ๆ สถิตทำตัวดี คอยช่วยเหลือลินจง

อย่างคนที่พร้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว เขาละทิ้งงานก่อสร้างมา

คอยดูแลลินจง จนหญิงสาววางใจรับอีกฝ่ายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

สมพรในตอนนั้นก็พลอยปลื้มใจไปด้วย คิดว่าตัวเองทำให้คนสอง

คนที่ตนรักพบกับความสุขได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานสถิตก็เริ่มออกลาย

จากชายหนุ่มขยันขันแข็งตั้งใจทำมาหากิน ช่วยลินจงทำมาค้าขาย เปลี่ยน

เป็นยึดเงินที่ได้มาเป็นของตัวเองทั้งหมด เสพติดอบายมุข แถมยังยึด

บ้านเช่าหลังเล็กเป็นสถานที่เลี้ยงเหล้าเพื่อนฝูงในบ่อน ลินจงต้องเปลี่ยน

จากทำขนมถ้วยขายมาคอยทำกับแกล้มส่งให้สามีที่เพิ่งใช้ชีวิตร่วมกันได้

ไม่ถึงเดือน แถมสถิตยังหยิบยืมเงินมากมายจนมีหนี้มหาศาลให้ลินจง

คอยตามชดใช้ให้ไม่หยุดหย่อน

“เพราะฉันเอง...ฉันเองที่ทำให้พี่จงกับบัวต้องเป็นอย่างนี้” สมพร

เอ่ยเสียงเครือ ทั้งตบทั้งตีชายหนุ่มที่หล่อนชักนำให้ลินจงรู้จักไม่หยุดมือ

ยิ่งลินจงกับปัทม์ไม่เคยเอ่ยโทษว่าเป็นความผิดของหล่อน หญิงสาวยิ่งเสียใจ

“อีพร มึงนี่วอนซะแล้ว คิดมีเรื่องกับกูเหรอมึง”

สถิตจับสองมือของสมพรไว้ได้ ดวงตาชายหนุ่มแดงก่ำ ท่าทาง

โงนเงนทรงตัวไม่อยู่เหมือนคนเมาเหล้า ทั้งที่ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ อาการ

แบบนี้คนถูกจับไว้มองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งเสพยามา

“เออ! ฉันอยากมีเรื่องกับแก จะเอาเลือดชั่วๆ ในหัวแกออกมา

ให้ได้” สมพรไม่พูดเปล่า ถุยน้ำลายใส่หน้าชายหนุ่มเป็นการท้าทาย

“อีพร!” สถิตตะโกนก้อง เงื้อมือขึ้นตั้งท่าจะฟาดลงบนใบหน้าสมพร

แต่หญิงสาวหมดแล้วซึ่งความกลัว ก็อย่างที่ปัทม์เคยบอก เมื่อครั้งมีเรื่อง

กับสถิตแล้วหญิงสาวมาพบเข้า คนอ่อนวัยกว่าบอกหล่อนว่า ถ้าไม่กล้า

มัวแต่กลัว เขาคงปกป้องคนที่ตัวเองรักไว้ไม่ได้

“เอาเลยซี่ ตบเลย ฉันจะได้มีหลักฐานไปแจ้งตำรวจเรื่องทำร้าย

ร่างกาย พี่จงน่ะไม่กล้าทำอะไรแก เพราะกลัวทำให้บัวมันเดือดร้อน

แต่ฉันตัวคนเดียว ไม่ต้องกลัวอะไร เอาเลยสิ แกจะตบจะตีฉันก็เอาเลย

เพราะถ้าฉันไม่ตาย แกก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขเลย”

คำท้าของสมพรทำให้สถิตชะงัก แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่กล้าทำอะไร

หญิงสาวตรงหน้าก็เพราะสมพรไม่เคยทนไม้ทนมือเขาเหมือนอย่างลินจง

อีกฝ่ายมักสู้ยิบตาเช่นเดียวกับปัทม์ ไอ้เด็กเวรนั่นตอนแรกก็ยอมลงให้

ดีอยู่หรอก แต่ต่อมาไม่รู้ใครไปยุให้มันแข็งข้อ ถึงได้โต้ตอบเอาคืนจน

เขาต้องเจ็บตัว ซมซานหนีหายไปบ่อยๆ

“ไม่กล้าละสิ อย่างแกมันก็ทำร้ายได้แต่พี่จงเท่านั้นแหละ กับฉัน

กับบัวอย่าหวังเลยว่าจะยอม” สมพรเยาะหยัน มองท่าทางชะงักงัน ลดมือ

ลงเหมือนคนขี้ขลาดของสถิตอย่างสมเพช อีกฝ่ายก็ดีแต่ทำร้ายคนที่

อ่อนแอกว่า กับหล่อนที่สู้ยิบตาชายหนุ่มตรงหน้ากลับกลัวหงอ ไม่กล้าทำอะไร

“อย่าท้านะมึง” สถิตคำราม เงื้อมือขึ้นอีกครั้ง หน้าตาชายหนุ่ม

บิดเบี้ยวถมึงทึง ขณะที่สมพรเชิดหน้าตอบอย่างไม่กลัว แถมยังยั่วว่า

“ไม่ได้ท้า คนอย่างอีพรไม่เคยท้า แต่สั่งให้ทำเลยต่างหาก”

มันน่าเจ็บใจนัก...ทั้งที่ชายหนุ่มตรงหน้าเลิกกับลินจงไปนานมาก

แล้ว แต่กลับวนเวียนมาคอยไถเงินจากอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน ลินจงต้อง

เจียดเงินที่ปัทม์ให้เก็บไว้รวมกับเงินจากการขายขนมถ้วยให้สถิตไป เพราะ

ไม่อยากให้ลูกชายมีเรื่องมีราวกับอดีตสามี ถึงแม้ปัทม์จะเป็นฝ่ายชนะ

แต่คนแพ้ก็ไม่เคยเข็ดหลาบ ลินจงกลัวว่าสักวันปัทม์จะพลาดพลั้งถูก

สถิตวางแผนตลบหลัง สมพรเองก็กลัว เพราะตอนนี้สถิตเปลี่ยนไปมาก

เมื่อก่อนอีกฝ่ายติดแค่การพนัน แต่ตอนนี้เพิ่มเรื่องยาเสพติดเข้ามาด้วย

แถมยังมีคนคอยคุมอยู่ข้างหลัง จนอีกฝ่ายกล้ากร่างไปทั่ว ยิ่งตอนเมายา

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนตรงหน้าเปลี่ยนสภาพจากคนปกติกลายเป็นคนบ้าได้อย่างน่ากลัว

“ไอ้สถิต!”

เด็กหนุ่มออกจากบ้านมาตั้งแต่เมื่อไรสถิตไม่รู้ มารู้ตัวก็ตอนที่

อีกฝ่ายกระชากแขนเขาให้หันหลังกลับ ก่อนประเคนหมัดใส่ไม่ยั้ง ทำเอา

คนไม่ทันตั้งตัวล้มลงกับพื้น ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำทันที

                            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรื่องราวของ "ปัทม์" เด็กกำพร้า ที่ถูกทิ้งให้มดกัดอยู่ข้างกำแพงวัด ได้ถูก "ลินจง" อดีตหญิงขายบริการอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดเก็บมาเลี้ยงดู และดูแลเด็กน้อยด้วยความรักจนกระทั่งเติบโต ปัทม์ทำงานหนักทุกอย่างเพื่อดูแลลินจงที่ป่วยหนักจนกระทั่งลินจงเสียชีวิต เด็กหนุ่มรู้สึกเคว้งคว้างและไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่ครูอัญชัญขอให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปและมาเป็นพี่เลี้ยงดูแลลูกสาว "หนูตุ่น" เพราะอยากให้ปัทม์อยู่ห่างจาก "เสี่ยกั๊ว" ที่ยุให้เด็กหนุ่มเป็นคนส่งยาเสพติด ปัทม์ดูแลรับส่งหนูตุ่นแทน "ครูอัญชัญ" แม้จะทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกดีต่อกัน จากนั้นไม่นาน "สมพร" เพื่อนรุ่นน้องของลินจงไม่สบายและขอกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ปัทม์ขอตามไปดูแลเพราะสมพรมีบุญคุณกับเขามากเช่นกัน แต่ยังติดต่อกับครูอัญชัญและหนูตุ่นมาโดยตลอด สมพรเอาเงินเก็บทั้งหมดซื้อบริษัทยาที่ใกล้เจ๊งไว้และขอให้ปัทม์ดูแล ปัทม์ดูแลเรื่อยมาด้วยความอดทน และขยันขันแข็ง บวกกับมีหัวทางด้านธุรกิจ ร้านขายยาจึงประความสำเร็จ ต่อมาจึงทำเครื่องดื่มชูกำลังและกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก เขากลับไปหาครูอัญชัญและหนูตุ่น แต่หนูตุ่นแกล้งทำไม่รู้จักเขาเพราะเข้าใจผิด แต่เขาก็วางแผนให้เธอเป็นแฟนเขาเพื่อกลบข่าวฉาวที่อาจทำให้แบรนด์ของเขาเสียภาพลักษณ์ แล้วสุดท้าย ความรัก..จะสามารถเอาชนะทุกอย่างได้หรือไม่? แล้วเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร และมีบทสรุปเช่นใด !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "สายใยปรารถนา : ซีรีส์ลูกผู้ชาย" เล่มนี้
 

เขียนโดย "บุรีวาด"

 

360 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024