แก้วตาพี่ (นิตยา นาฎยะสุนทร)

แก้วตาพี่ (นิตยา นาฎยะสุนทร)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001595
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

Brown’s Hotel Dover Street. London, พ. 1

๖ เมษายน

กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ

ผมมาถึงลอนดอนแล้วโดยสวัสดิภาพตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว คุณณุ

ท่านเก่งมาก ไม่มีเมาเครื่องบินเลย แต่คนดีสองคนคือคุณนาถลดากับผม กลับ กลายเป็นคนเจ็บให้ท่านต้องช่วยแอรโฮสเตสดูแล คุณนาถลดาค่อยยังชั่วกว่าผม อีก คือเธอเมาเฉพาะเวลาเครื่องบินขึ้นลงเท่านั้น ส่วนผมรับเหมาตลอดเวลาแทบ ไม่ได้ห่างท้องน้ำก็ว่าได้

การเดินทางของเราเกือบจะเรียกได้ว่าเรียบร้อยตลอดทาง ถ้าไม่มีเรื่อง เครื่องบินเสียเวลาที่เบรุต หนึ่งคืน และผมจำเพาะได้ท้องพักในโฮเต็ลติดกับ

 

ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเกิดมาไม่สบายเอาในกลางดึก แกมีแรงเพียงลุกขึ้นมาเคาะ

ประตูเรียกเพื่อนข้างห้อง (คือผม) แล้วก็หมดสติลง ผมต้องไปเรียกเจ้าหน้าที่ โฮเต็ลให้เขาไปตามหมอ วุ่นวายกันใหญ่ กว่าจะรู้ว่าแกจะคลอดบุตรก็ทุลักทุเล พอใช้ ได้ความภายหลังว่า ทั้งๆ ที่เขามีกฏไม่ยอมรับผู้หญิงมีครรภ์เกิน ๗ เดือน โดยสารเครื่องบิน แต่อารามที่แกอยากเดินทาง ได้ปกปิดความข้อนี้ไวไม่ให้

บริษัทเครื่องบินรู้ ผมก็เลยตกที่นึ่งเคราะห์ร้าย เมาอากาศแทบแย่ พอได้พัก

บนบกสักคืน นึกว่าจะได้นอนเอาแรงบ้าง กลับต้องทำหน้าที่ตามหมอตำแย!

พอมาถึงลอนดอน คุณนาถลดาก็เร่งอยากจะพาคุณณุไปหาดอกเตอร์

มอรีซ ไวทิง ซึ่งเป็นหมอที่เชี่ยวชาญทางฝาตัดนัยน์ตาตั้งแต่น่ายรันนั้น แต่คุณณุ ไม่ยอม ค้านเสียงแข็ง บอกว่าอยากจะรอให้พวกเมาเครื่องบิน - ซึ่งท่านคง หมายถึงเมียของท่านมากกว่าผมเป็นแน่ - พักผ่อนให้หายเหนื่อยเสียก่อน ตกลง เราจึงไม่ได้ไปหาหมอในทันที รออยู่จนวันจันทร์จึงไปที่คลินิกของดอกเตอร์

ไวทิง แต่เคราะห์ร้ายหมอไม่อยู่ เจ้าหน้าที่ที่นั่นบอก'ว่า แกเพิ่งไปเอดินบะระเสีย เมื่อคืนนั้นเอง ได้รับโทรเลขจากทางบ้านกรรยาว่า คุณพ่อของมิสซิสไวทิงถึงแก่ กรรม ภรรยาแกเป็นคนสกอต บ้านเดิมอยู่เอดินบะระ ทั้งสองคนจึงรีบเดินทาง

ไป เข้าใจว่ากว่าจะกลับคงอีกหลายวัน แต่เดิมหมอผู้ช่วยเขารับจะตรวจให้ แต่

พอทราบว่าเป็นกรณีที่คุณหมอสมัยเขียนผ่ากผ่งมาจากเมืองไทยให้ดอกเตอร์

ไวทิงทำโดยเฉพาะ เขาก็เลยขอให้รอ เขาจดตำบลที่พักของเราไว้เรียบร้อย ว่า

ถ้าดอกเตอร์ไวทีงกลับมาจะโทรศัพท์มานัดคุณณุทันที ดังนั้นระหว่างนี้เราจึง

ออกเที่ยวชมเมืองไปพลางๆ

เวลานี้แม้เขาจะว่ากันว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิของลอนดอนแล้ว แต่สำหรับเรา ยังรู้สึกหนาวเย็นอยู่มาก เห็นจะเป็นเพราะเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ ที่กำลังร้อน

ระอุนั่นเอง คุณพฤกษ์เพื่อนของคุณณุไปรับเราที่สนามบิน พอได้ยินคุณนาถลดา บ่นหนาวๆ ก็พาออกตระเวนซื้อเสื้อผ้าชนิดหนาๆ เป็นการใหญ่ แต่โชคไม่ดี

เสื้อผ้าอย่างที่เราต้องการนั้น เขาเก็บเข้าตู้กันเกือบหมดแล้ว ส่วนมากมีแต่ชนิด ขนสัตว์ เนื้อพอปานกลางสำหรับใช้ในฤดูใบไม้ผลิ บางแห่งโดยเฉพาะของผู้หญิง ถึงกับเอาผ้าผ่ายบางๆ เบาๆ สำหรับหน้าร้อนมาโชว์กันเกลื่อนกลาด ล้วนแต่

สีสดสวยอย่างที่ผู้หญิงกรุงเทพฯ ใช้กันตอนหน้าร้อนทั้งนั้น

คุณนาถลดาทั้งที่ยังไม่ต้องการใช้เสื้อผ้าพวกนั้น เห็นเข้าก็อดแตะต้อง

ลูบคลำไม่ได้ พวกคนขายหน้าสวยๆ ในร้านก็เชียร์กันใหญ่ให้เธอลอง

ที่ใครว่าเสื้อผ้าทางยุโรปมักจะมีขนาดไม่เหมาะกับผู้หญิงไทยเรานั้น ข้อนี้ เห็นจะเป็นช้อยกเร้นลำหรับคุณนาถลดา เพราะเธอลองชุดไหนเป็นพอเหมาะ

พอเจาะทั้งนั้น ยังกับตัดเตรียมไวให้เธอใช้ คุณพฤกษ์ยังชมเปาะว่าพาผู้หญิง

ไทยมาซื้อเสื้อผ้ามากแล้ว มักจะต้องให้แก้ที่โน่นที่นี่ ถ้าไม่ช่วงตัวยาวไป - ก็แขน ยาวไป ที่รูปร่างโปร่งเพรียวขนาดนางแบบฝรั่งอย่างนี้ยังไม่เคยพบ คุณณุไปดูซื้อ ด้วย ถึงแม้ท่านจะมองไม่เห็นว่า เมียของท่านแต่งตัวสวยอย่างไร แต่ได้ยินเพื่อน และพวกแหม่มคนขายชมคุณนาถลดา ท่านเลยยิ้มแก้มแทบปริ สั่งซื้อให้หมด

ทุกชุดที่ลอง คุณนาถลดาด้านว่าเปลืองเงิน และเวลานี้เธอก็ยังหนาวอยู่

ใช้ยัง ไม่ได้ ท่านก็ว่าอีกเดือนสองเดือนอากาศก็จะร้อนเข้าไต้ใช้เอง ตกลงวันนั้นผม เลยต้องหอบของกลับมารถถึงสามเที่ยว คิดถึงคุณแม่และพี่มิตต์มาก ของ ผู้หญิงสวยๆ น่าวักทั้งนั้น มาเห็นเข้าคงเซ็นเช็คจ่ายเงินมือเป็นระวิง ผมเองเป็น ผู้ชายไม่ค่อยรู้เรื่องราวอะไรยังอยากได้เลย มีกระโปรงตัวหนึ่งเป็นรูปวงกลม ใช้แพรลายและสีต่างๆ ต่อกันทั้งตัว คล้ายกับเอาเศษผ้าเหลือที่โน่นนิดที่นี่หน่อย ตัดขนาดเท่าๆ กันมาต่อเข้า แต่กลายเป็นของที่เก๋ที่สุดและแพงที่สุด คุณนาถลดา ให้แยกห่อออกเป็นพิเศษต่างหาก ว่าจะส่งมาให้พี่มิตต์เป็นของขวัญวันเกิดปลาย เดือนนี้

เธอใจดีและช่างจ่าเหลือเกิน วันก่อนเห็นผมเลือกตุ้มหูอยู่ก็ถามล้อๆ

ว่าจะให้แฟนหรือ ผมบอกว่าเปล่า จะให้พี่มิตต์ เพราะจะถึงวันเกิดเขาในเร็วๆ นี้ เธอถามวันที่แล้วก็เฉยไป ผมนึกว่า คุณนาถลดาถามไปอย่างนั้นเอง แต่ที่ไหนได้ เธอไม่ยักลืม มีโอกาสก็ซื้อของให้เลย ผมเองมักจะได้โน่นได้นี่นิดๆ หน่อยๆ

แทบทุกครั้งที่เธอซื้ออะไร

ผมรู้สึกผิดหวังที่มาเห็นลอนดอน เสียแรงเดิมเคยตื่นเต้น คุยไว้มากที่จะ ได้มากับคุณณุ ลอนดอนไม่สวยหรือสนุกอย่างที่เคยคิดไร้เลย ตึกรามบ้านเมือง มืดๆ ทึมๆ (ขนาดที่เขาว่าสดใสขึ้นมากในเวลาสปริง!) เวลานี้ค่อยยังชั่วหน่อยที่มี ดอกไม้กำลังบานสะพรั่ง ทั้งทิวลิปและแดฟโฟดิล แดฟโฟดิลมีสีเหลืองสีเดียว

แม้จะอ่อนแก่ผิดกันบ้าง แต่เมื่อปลูกรวมกันเป็นทุ่งก็ดูเหลืองอร่ามกันไปหมด

 

ส่วนทิวลิบ่มีหลายสี เขามักจะปลูกเป็นล็อกๆ ที่แดงก็แดงทั้งหมด ที่สีชมพู

ก็ชมพูไปทั้งแถบ ที่เหลือง...ที่ม่วง... ก็เป็นไปทั้งตอน สวยดีหรอกครับ ช่วยแก้

หน้าเมืองลอนดอนให้ดีขึ้นบ้าง ม่ายงั้นผมอยากจะ'ว่าทีเดียวว่าเป็นเมืองซึ่ง

เงียบเหงาน่าเบื่อที่สุดในโลก

นั่นเป็นลักษณะทั่วๆ ไป คราวนี้...แม้แต่โฮเต็ลที่พักก็เป็นไปด้วย แต่แรก ผมเข้าใจว่า คุณณุท่านก็เป็นเศรษฐี ท่านคงจะเลือกที่พักหรูๆ อย่างที่โฮเต็ล

ซาวอยหรือโฮเต็ลริตซ์ ที่เราเคยย่านหรือดูภาพยนตร์ มิฉะนั้นก็เลือกขนาด

ชั้นเยี่ยมยอดของโลกเอาเสียเลย อย่างโฮเต็ลแคลริดเจส ซึ่งถึงแม้เขาว่ากันว่า

คนพักที่นั่นจะต้องมีท่าสำรวมเป็นผู้ดี เวลาพูดกันก็ต้องกระซิบกระซาบอะไร เหล่านี้ ผมก็จะอดทนยอมท่าตัวเป็นผู้ดีอังกฤษกับเขาลักพัก ถึงอึดอัดใจหน่อย

ก็ไม่เป็นไร เผื่อทีหน้าทีหลังจะได้เอาไปโม้กับเพื่อนๆ ได้ว่าเคยนั่งย่านหนังลือ

พิมพ์ใกล้ๆ กับกษัตริย์นอกราชบัลลังก์ของยุโรป หรือดื่มกาแฟข้างประธานาธิบดี อะไรลักคนหนึ่ง หรือม่ายก็เคยกินอาหารโต๊ะติดๆ กับดาราภาพยนตร์ออลลีวูด

แต่เปล่าเลยครับ! คุณพฤกษ์กลับมาจองโฮเต็ลบราวนส์บ้าบออะไรนี่ให้

ก็ไม่ทราบ เก่าแก่ยังกับยกมาจากพิพิธภัณฑ์ เขาว่าโฮเต็ลนี้เริ่มตั้งหลังจาก

สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ไม่เท่าไร จึงได้ดูโบราณไม่ก้าวหน้า ตามสมัยนิยมเสียเลย ไม่เห็นสมเกียรติคุณผู้ชายของบ้านดอนเจดีย์ลักนิด แต่ แทนที่ท่านกับคุณนาถลดาจะปน กลับชมคุณพฤกษ์ใหญ่ว่าเข้าใจเลือกที่พักให้!

เรื่องเที่ยวก็เช่นเดียวกัน ผมภาวนาอยากให้คุณพฤกษ์พาเราไปไนต์คลับ ครึ้มๆ อย่าง Pigalle ที่เขาว่าจำลองมาจากปารีส หรือมิฉะนั้นก็ไปตามภัตตาคาร โก้ๆ หรูๆ ซึ่งเจ้าฟ้าหญิงมาร์กาเร็ตโปรดเสด็จบ่อยๆ ตรงกันข้ามคุณนาถลดา

ไม่ยักชอบชีวิตของลอนดอนราตรีเท่าไร อย่างมากเราก็ไปดูโอเปราหรือบัลเลต์ นอกนั้นก็นอนพักเอาแรง เพื่อกลางรันจะได้ไปดูพิพิธภัณฑ์ ดูปราสาทเก่าๆ ซึ่ง

มีหลายแท่งที่เป็นทั้งพระราชรังและคุกส่าหรับขังกษัตริย์และขุนนางอังกฤษ

สมัยโบราณ ไปไหนมาไหนดูมีประวัติศาสตร์แทรกเสียร่ำไป คุณณุน่ะท่านไม่เห็น หนอะไร เป็นผมคงนอนพักเขลงอยู่ในโฮเต็ล สบายกว่าจะลากสังขารตระเวน

ไปด้วย ปล่อยให้คุณพฤกษ์ท่าหน้าที่ไกด์น่าเที่ยวคนเดียวก็พอ แต่ท่านกลับ

พยักหน้าหงึกๆ ตามใจเมีย ท่านไปด้วยเกือบทุกหนทุกแห่ง ข้างคุณนาถลดานั้น ไม่ทราบว่าเธอไปสรรรู้เรื่องเก่าๆ น่าเบื่อเหล่านี้มาแต่ไหน ไม่ว่าคุณพฤกษ์จะเล่า ถึงใคร-ที่ไหน-ประวัติศาสตร์สมัยใด ดูเธอรู้เรื่องและอือออไปด้วยทุกครั้ง

ส่วนผมไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย แต่ก็ต้องตามขบวนท่านไปทุกที เพราะยัง ดีกว่าจะให้จับเจ่าอยู่ในโฮเต็ลบราวนส์โบราณนั้น แต่นั่นแหละครับ...ดังที่ผม

เรียนคุณพ่อคุณแม่แล้วว่า ลอนดอนเป็นเมืองโบราณ ฉะนั้นถึงจะหลบจากที่ โบราณแห่งหนึ่งไปได้ก็ใช่ว่าจะหลีกพ้น กลับต้องไปพบที่โบราณอีกแห่งหนึ่งเข้า จนได้ บางที่โบราณมากขึ้นไปอีกด้วยซํ้า อย่างเป็นต้นว่า ร้านอาหารที่คุณพฤกษ์ ชอบพาเราไปรับประทานอาหารกลางวันเป็นประจ่านั้น เป็นโรงเหล้าเก่าๆ โต๊ะ เก้าอี้ดูไม่ได้เลย ซอมซ่อจนผมไม่ทราบจะพรรณนาให้คุณพ่อคุณแม่เห็นภาพได้ อย่างไรถูก

ร้านนั้นไม่ได้ตั้งอยู่ข้างถนนใหญ่ ต้องเข้าซอกเล็กออกซอยน้อยสลับ ซับซ้อน พื้นภัตตาคารแทนที่จะปูพรมอย่างดีบดีแบบที่ร้านอาหารหรูๆ ในเมืองนี้ เขาทำกัน กลับเป็นพื้นไม้เก่าๆ ปล่อยให้ขี้เลื่อยตกเกลื่อนไปทั้งห้อง วันแรกที่

เห็นผมนึกว่า เจ้าปอยคงขี้เกียจบรม ถือโอกาสที่ผู้'จัดการไม่อยู่ (หรือเจ็บ)

ไม่ยอมทำความสะอาด ยกยอดเอาสบายไปรันหนึ่ง แต่เราไปกินอีกกี่ครั้ง อ้าย

ขี้เลื่อยเหล่านั้นก็ยังเกลื่อนพื้นอยู่นั่นเอง ข้างพวกลูกค้าก็บ้า เข้าไปกินกันแน่นๆ ทุกวัน ไม่รู้จักรำคาญความสกปรกขวางหูขวางตาเหล่านี้บ้างเลย เดิมผมนึกว่า คุณพฤกษ์อยากจะช่วยคุณณุประหยัดค่าครองชีพ รันหนึ่งไปเมียงๆ ดูบิลที่

คุณนาถลดาจ่าย ผมต้องสะดุ้งโหยง ทั้งอาหารและเครื่องดื่มนิดหน่อยมื้อหนึ่ง

เรากินกันเพียงสี่คน ห่านโดนไปถึงเกือบสิบปอนด์ คิดเป็นเงินไทยก็ห้าร้อยกว่า บาท ผมอดปากไม่ได้ต้องถามคุณพฤกษ์ ได้ความว่า คนชอบมาหายใจอากาศ เดียวกับที่ดอกเตอร์แซมมวล จอนสั้น* เคยมา “ก๊ง” ที่ร้านเหล่านั้นแทบทุกเย็น

เมื่อสองสามร้อยปีที่ล่วงมาแล้ว! และขี้เลื่อยซึ่งต้องโปรยไปตามพื้นห้องก็เพื่อ รักษาบรรยากาศเก่าสมัยบรมบุราณนั้นไว้ โดยคนสมัยนั้นเมื่อ “ก๊ง” ไปคุยไป อาจจะบ้วนน้ำลาย สาดเหล้าลงไปบนพื้นได้ตามสบาย! ผมสงสัยคันปากอยาก จะซักต่อเหลือเกินว่า อีตาดอกเตอร์คนนั้นแกสำคัญอย่างไร จนถึงกับว่าแกจะ

ไว้จอนสั้นหรือจอนยาว พวกเราเกิดทีหลังแกตั้งหลายร้อยปียังจะต้องอยาก

มากินข้าวกินเหล้าร้านเดียวกับแก อยากจะมาดูขี้เลื่อยเกลื่อนพื้นให้เหมือน

สมัยแกอีก แต่ผมก็ยังไม'กล้าแห้ กลัวคุณพฤกษ์จะหาว่าผมนี่ไม่มีความรู้

รอบตัวเอาเสียเลย เห็นจะต้องรอโอกาสดีๆ แอบถามคุณนาถลดา หรือไม่ก็ให้ สนิทกับคุณพฤกษ์กว่านี้สักหน่อย

ผมเขียนมากราบเรียนคุณพ่อคุณแม่มากแล้ว เห็นจะต้องยุติเสียที พรุ่งนี้ เช้าถ้าเรายังไม่ได้รับโทรศัพท์นัดจากทางดอกเตอร์ไวทิง เราจะไปลงเรือล่อง

แม่น้ำเทมส์ไปพระราชวังแฮมปีต้นคอร์ต คุณนาถลดาเธอรํ่าร้องอยากจะไป

ตั้งแต่ร้นแรกที่มาถึง แต่คุณพฤกษ์ว่าให้รออีกสองสามวัน ให้ดอกไม้บานเต็มที่ เสียก่อน แฮมปีตันคอร์ตจะสวยที่สุดเวลากุหลาบและดอกไม้ทุกอย่างกำลัง

ออกดอกไสว เมื่อกี้นี้แกโทรศัพท์มาบอกว่า เราควรจะไปได้แล้ว

เพราะ หนังสือพิมพ์เขาลงข่าวแล้วว่ากุหลาบและดอกไม้ที่นั้นกำลังงามจับตา

ผมจะล่งข่าวมาบ่อยๆ ด้งที่คุณแม่กำชับ หวังว่าคุณพ่อคุณแม่และพี่

ทุกคนคงสบายดี

พระเนติวิทย์คุณารักษ์ค่อยๆ ลดจดหมายที่อ่านแล้วลงจากระดับตา พลางบรรจงเก็บแว่นตาคู่ใจเข้าที่อย่างเชื่องข้า กิริยาที่ดำเนินไปนั้นเป็นไปอย่าง สุขุม เงียบสงบ จนฝ่ายภรรยาซึ่งพยายามอดใจสงบปากคออยู่ตลอดเวลาที่รอ

ให้สามีอ่านจดหมายฉบับนั้นจบออกจะไม่ทันใจ

“เป็นยังไงคะ” นางเนติวิทย์ฯ กล่าวเร็ว “อ่านแล้วไม่รู้สึกหมั่นไล้บ้าง

หรือ - เที่ยวตะลอนๆ!”

“เจ้ามัจจ์น่ะ?” ผู้เป็นสามีเลิกคิ้ว “ก็ธรรมดาของเด็กผู้ชายนี่น้า แม่น้อมก็ ได้ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาอย่างนั้นมันก็สนุกสนานคุยโอ่อวดพ่ออวดแม่ตามเรื่อง

ของมัน ถ้าไปห้ามมันไม่ให้คุยว่าไปไหนเที่ยวที่ไหนบ้าง มันจะเอาเรื่องอะไร

ที่ไหนมาเขียนถึงพ่อแม่เล่า เธอก็จะปนอีกละนา ว่าลูกชายไม่เขียนจดหมาย

 

มาเล่าสารทุกข์สุกดิบ”

“เปล่า ดิฉันไม่ได้หมายถึงเจ้ามัจจ์” นางเนติวิทย์คุณารักษ์กระแทกเสียง “ดิฉันว่าถึงคุณชิษณุต่างหาก”

“อ้าว!”

“ก็จริงๆ นี่คะ หมั่นไส้เหลือเกิน หลงเมียจนไม่สีมหูลืมตา ตาบอดแล้ว

ยังไม่เจียมตัว ยังจะเห่อพาเมียไปเมืองนอกเมืองนากับเขามั่ง”

“ก็คุณณุแกจะไปรักษาตัวต่างหาก” คุณพระติง

“รักษาตัวแล้วทำไมจะต้องพาเมียไปโชว์ด้วยล่ะคะ?” ภรรยาขึ้นเสียงสูง

“คนเพิ่งแต่งงานกัน ใครจะอยากพรากจากกัน เออ ถ้าไม่มีเงินมีทองมัน

ก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง นี่สมบัติของแกล้นเหลือ พอที่จะพาเมียไปอีกสักสิบหน แล้ว ทำไมจะไมให้พาคุณนาถลดาไป” คุณพระหัวเราะหึๆ เกลื่อนต่อไปอย่างอารมณ์ดีว่า “จำตัวเราเองไม่ได้หรือ แต่งงานกันจนครบปีแล้ว ฉันต้องตามเสด็จเสด็จในกรม ไปเมืองสุพรรณ เธอยังร้องไห้ขี้มูกโป่ง คราวนั้นถ้าไม่ติดว่าการคมนาคมลำบาก แล้ว เธอก็คงตามไปด้วยเหมือนกันแหละ”

“โอ๊ย-นั่นผิดกันนี่คะ!” นางล่งเสียงแหลมปรี๊ดขึ้นมาทันที

ทุกครั้งเวลาที่ภรรยาอารมณ์ไม่ดีทำทำจะบ่นพาโลให้มากเรื่องมากบุคคล ต่อไป ถ้าคุณพระแกล้งกลบเกลื่อนชวนเสเท้าความถึงความหลัง ภรรยาของท่าน จะมีอารมณ์กระตุ้งกระติ้งขึ้นมาทันที และค่อยบรรเทาอาการ “พื้นเสีย” นั้นไป

ได้บ้าง บางทีปะเหมาะก็จะลืมเรื่องขุ่นใจเสียสนิท กลับคุยต่อเรื่องอันถูกใจต่อไป เป็นคุ้งเป็นแคว แต่วันนี้ตรงกันข้าม! สีหน้าของนางเนติวิทย์คุณารักษ์มีได้ดีขึ้น

“ที่เราแต่งงานกันน่ะ เพราะเรารักกันชอบกันต่างหากล่ะคะ”

“แล้วใครบอกว่าเขาแต่งงานกันโดยไม่รักกันชอบกัน” คุณพระขัดคอ

อย่างนึกขันมากกว่าจะตั้งใจ

“จะรักกันชอบกันได้ยังไง คุณชิษณุเคยหลงเสน่ห์แม่คุณหญิงลักษมี

ใครๆ ก็รู้ พาเขาเที่ยว พะนอเขาต่างๆ นานา พอตัวเกิดรถควํ่าตาบอด ซึ่งที่จริง

ก็เพราะแม่คนนี้แหละเป็นคนขับรถ เป็นคนออเซาะ พอตาบอดผู้หญิงเขาก็

สลัดรัก คุณชิษณุจะเป็นจะตายอยู่ทีเดียว คุณพระเองน่ะแหละเป็นคนแนะ

ให้แกไปตากอากาศลักพัก หายไปอยู่บ่อฝ่ายไม่เท่าไร จู่ๆ กลับมา อ้าว! พาเมีย

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)



 

 

รายละเอียด

สุภาพบุรุษสูงสง่าผู้เพียบพร้อมด้วยรูปสมบัติ ชาติสมบัติ และทรัพย์สมบัติ หญิงสาวสวยสดใสผุดผาด ผู้มีเสียงหัวเราะไพเราะแจ่มใสปานนกกระจาบระเริงฝน มาพบกันด้วยเหตุบังเอิญและความบังเอิญแสนพิเศษนี้เปลี่ยนหญิงสาวให้กลายเป็น "แก้วตาและดวงใจ" ของสุภาพบุรุษนั้น แก้วตาพี่ เรื่องราวรักอันอ่อนหวาน ละเมียดละไมที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจไปนานเท่านาน


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024