หนังสือชุด เลือดทรนง : เพลิงพยัคฆ์ (ณารา)

หนังสือชุด เลือดทรนง : เพลิงพยัคฆ์ (ณารา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160007523
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 390.00 บาท 97.50 บาท
ประหยัด: 292.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสียงปี่และวงมโหรีจีนบรรเลงไปพร้อมกับเสียงพระสวดเป็น

ภาษาจีนดังโหยหวนลอยมาตามลม พยัคฆ์ซ่อนตัวอยู่ในตรอกแคบๆ

ด้านหลังศาลเจ้าจีนเล็กๆ ใกล้บ้านของเพื่อนบิดาซึ่งตั้งอยู่หลังตลาดอันเป็น

สถานที่ประกอบพิธีศพของบุ่งป้ออย่างเรียบง่าย โดยอากังเป็นตัวตั้งตัว

ตีลงขันกับเพื่อนบ้านในแถบนั้นจัดพิธีทางศาสนาของจีน และตลอดสามวัน

ที่ผ่านมา ตำรวจคอยวนเวียนอยู่รอบๆ ด้วยคิดว่าผู้ต้องหาฆ่าคนตาย

จะกลับมาไหว้ศพบิดา แต่ไม่มีใครเห็นวี่แววของพยัคฆ์โผล่มาให้เห็นสักวัน

จนกระทั่งแขกคนสุดท้ายลากลับไปแล้วนั้น เขาถึงค่อยๆ โผล่ออกมา

เงามืดในตรอกหลังศาลเจ้า และปีนข้ามกำแพงบ้านเข้ามาด้านใน

พยัคฆ์รอจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครอยู่ในห้องโถง ท่ามกลางความ

มืดมิด เขาย่องเข้าไปคุกเข่าหน้าโลงศพเป็นคืนที่สาม และในคืนนี้ก็ไม่มี

น้ำตาให้ไหลรินอีกต่อไปแล้ว

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาคิดสับสนและวกวน มุ่งแต่จะล้างแค้น

ท่าเดียว หากเขารู้ว่าลำพังตัวคนเดียวไม่มีทางเข้าถึงตัวไกรศรีได้แน่ นอกจาก

รอเวลาว่าโอกาสคงมาถึงสักวันหนึ่ง ดังนั้น จากนี้ไป เขาควรคิดถึงความ

อยู่รอดของตนก่อน แล้วค่อยกลับมาล้างแค้นภายหลัง

“เตี่ย...” เขากระซิบเสียงสั่นเครือหลังจากจุดธูปไหว้และคำนับศพ

แล้ว “อั๊วขอโทษ...อั๊วเป็นลูกอกตัญญู ทำให้เตี่ยต้องตาย”

อีกครั้งที่ภาพสุดท้ายของบิดาผุดเข้ามาในหัว แล้วน้ำตาแห่งความ

คับแค้นใจที่คิดว่าไม่มีหลงเหลือก็หยดลงมาอีกครั้ง

“แต่อั๊วขอสาบานว่าต้องแก้แค้นแทนเตี่ยให้ได้ วิญญาณเตี่ยจะ

ได้พักผ่อนอย่างสงบสุขบนสวรรค์”

พยัคฆ์ปาดน้ำตาออกจากแก้ม มองโลงศพบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

วันพรุ่งนี้ก็จะทำพิธีเผาศพแล้ว ด้วยเงินจำนวนน้อยนิดที่ชาวจีนในละแวกนั้น

รวบรวมกันขึ้นมา ก็ไม่มากพอจะซื้อโลงจำปาและที่ดินเพื่อประกอบพิธี

ฝังตามธรรมเนียมได้ จึงต้องเผาแล้วเก็บอัฐิฝังในสุสานแทน และเวลานี้

แม้แต่เรื่องเล็กๆ เช่นนี้ เขายังดูแลให้บิดาไม่ได้ นอกจากปล่อยให้อากัง

เพื่อนสนิทบิดาช่วยเป็นธุระต่ออีกครั้ง

“อาโฮ่วใช่ไหม...” เสียงกระซิบดังขึ้นในความมืด พยัคฆ์รีบหมุนตัว

กลับไป กำด้ามมีดสั้นที่เหน็บเอว พร้อมจะป้องกันตัวทันทีหากเป็นศัตรู

“ไม่ต้องกลัว อั๊วเอง กังแปะ”

“กังแปะ” พยัคฆ์ทักทายผู้อาวุโสตามธรรมเนียม หากสายตาระแวด

ระวังภัยมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครอื่นอีก ก็ค่อยเบาใจ

“แปะมาคนเดียวอาโฮ่ว พวกเราเป็นห่วงลื้อมากรู้ไหม”

“ขอบคุณอาแปะมากครับ อั๊วไม่รู้จะขอบคุณอาแปะยังไงที่ช่วยเป็น

ธุระงานศพเตี่ย วันหน้าอั๊วคงได้ตอบแทนอาแปะบ้าง” เขาก้มศีรษะคำนับผู้อาวุโส

“โอ๊ย ไม่ต้องห่วง แปะกับเตี่ยลื้อเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องคิดมาก”

อากังโบกไม้โบกมือ เวลานี้อากังคงไม่ต้องการเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานระหว่าง

พยัคฆ์กับเง็กจูอีกแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้า ยังให้บิดาของเขารับปากว่าจะให้

ทั้งสองแต่งงานกันหลังเรียนจบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะคงไม่มีใคร

อยากให้บุตรสาวแต่งงานกับนักโทษหนีคดีอย่างเขาแน่

“อั๊วอยากรู้ว่าอาแปะรู้ไหมว่าแม่กับอาแบ้หนีไปไหน อั๊วคอยดูมา

หลายวันแล้ว แต่ไม่เห็นพวกเขาเลย”

“อ้อ มุ่ยแชกับอาแบ้หนีไปก่อนที่ไฟจะไหม้กระท่อม อั๊ววิ่งไปบอก

พวกเขาเอง พอพวกเขาไปไม่นาน เจ้าคุณก็ไปถึง แต่พวกอีจะหนีไปไหนนั้น

อั๊วไม่รู้ ลื้อต้องตามหาจากพวกญาติๆ เองว่าพวกเขาไปซ่อนตัวที่ไหนบ้าง”

เขาพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ พอรู้ว่ามารดาหนีไปได้พร้อมกับน้องชาย

ก็หมดห่วง เพราะสินธพโตเป็นหนุ่มแล้ว แม้อายุแค่สิบสี่แต่มีรูปร่างใหญ่โต

เกินตัวอันเป็นผลจากการทำงานในสวนผักอย่างหนักตั้งแต่เด็กๆ เช่นเดียว

กับเขา คงดูแลแม่ไปจนถึงบ้านญาติได้ดี เขาคิดว่าทั้งสองคนคงมุ่งหน้า

ไปหาญาติของบิดาที่เพชรบุรีเป็นแน่ และเขาควรตามไปที่นั่น

“แล้วคุณแพรล่ะครับอาแปะ เธอถูกลงโทษหรือเปล่า” เขาถามถึง

หญิงผู้เป็นที่รักทันทีด้วยความห่วงใย ป่านนี้ อาจถูกบิดาเฆี่ยนจนหลังลายไปแล้วก็เป็นได้

“ไม่นี่ ไม่เห็นอาเง็กว่าอะไรนะ แค่บอกว่าเธอเปลี่ยนใจไม่ไปตามนัด

เพราะเจ้าคุณไปเจอจดหมายลื้อเข้า คงกลัวว่าพ่อจะลงโทษ ถึงได้บอกว่า

ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับลื้อด้วย...และบอกอีกว่าแผนการทั้งหมดเป็นของลื้อคนเดียว”

“อะไรนะ!” พยัคฆ์ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ คุณแพรต้องไม่พูดแบบนั้น”

“มันเป็นไปแล้วอาโฮ่ว ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมด แกก็รู้ว่าคุณแพร

กลัวเจ้าคุณแค่ไหน ถึงเรื่องจริงจะเป็นยังไง เธอก็ไม่มีวันสารภาพให้พ่อฟังหรอก”

“แต่เธอ...ทั้งหมดนี้...” เขาสะอื้นในอก ไม่คิดว่าคนรักจะขี้ขลาด

ถึงเพียงนี้ ด้วยทั้งหมดนี้เธอเป็นต้นคิดแท้ๆ

ทั้งสองแต่งงานกันหลังเรียนจบ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะคงไม่มีใคร

อยากให้บุตรสาวแต่งงานกับนักโทษหนีคดีอย่างเขาแน่

“อั๊วอยากรู้ว่าอาแปะรู้ไหมว่าแม่กับอาแบ้หนีไปไหน อั๊วคอยดูมา

หลายวันแล้ว แต่ไม่เห็นพวกเขาเลย”

“อ้อ มุ่ยแชกับอาแบ้หนีไปก่อนที่ไฟจะไหม้กระท่อม อั๊ววิ่งไปบอก

พวกเขาเอง พอพวกเขาไปไม่นาน เจ้าคุณก็ไปถึง แต่พวกอีจะหนีไปไหนนั้น

อั๊วไม่รู้ ลื้อต้องตามหาจากพวกญาติๆ เองว่าพวกเขาไปซ่อนตัวที่ไหนบ้าง”

เขาพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ พอรู้ว่ามารดาหนีไปได้พร้อมกับน้องชาย

ก็หมดห่วง เพราะสินธพโตเป็นหนุ่มแล้ว แม้อายุแค่สิบสี่แต่มีรูปร่างใหญ่โต

เกินตัวอันเป็นผลจากการทำงานในสวนผักอย่างหนักตั้งแต่เด็กๆ เช่นเดียว

กับเขา คงดูแลแม่ไปจนถึงบ้านญาติได้ดี เขาคิดว่าทั้งสองคนคงมุ่งหน้า

ไปหาญาติของบิดาที่เพชรบุรีเป็นแน่ และเขาควรตามไปที่นั่น

“แล้วคุณแพรล่ะครับอาแปะ เธอถูกลงโทษหรือเปล่า” เขาถามถึง

หญิงผู้เป็นที่รักทันทีด้วยความห่วงใย ป่านนี้ อาจถูกบิดาเฆี่ยนจนหลังลายไปแล้วก็เป็นได้

“ไม่นี่ ไม่เห็นอาเง็กว่าอะไรนะ แค่บอกว่าเธอเปลี่ยนใจไม่ไปตามนัด

เพราะเจ้าคุณไปเจอจดหมายลื้อเข้า คงกลัวว่าพ่อจะลงโทษ ถึงได้บอกว่า

ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับลื้อด้วย...และบอกอีกว่าแผนการทั้งหมดเป็นของลื้อคนเดียว”

“อะไรนะ!” พยัคฆ์ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เป็นไปไม่ได้ คุณแพรต้องไม่พูดแบบนั้น”

“มันเป็นไปแล้วอาโฮ่ว ทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมด แกก็รู้ว่าคุณแพร

กลัวเจ้าคุณแค่ไหน ถึงเรื่องจริงจะเป็นยังไง เธอก็ไม่มีวันสารภาพให้พ่อฟังหรอก”

“แต่เธอ...ทั้งหมดนี้...” เขาสะอื้นในอก ไม่คิดว่าคนรักจะขี้ขลาด

ถึงเพียงนี้ ด้วยทั้งหมดนี้เธอเป็นต้นคิดแท้ๆ

“แปะพูดจริงนะอาโฮ่ว เมื่อวานคุณแพรกับคุณหญิงยังยกขบวน

คนรับใช้ไปทำบุญที่วัดอยู่เลย ไม่เห็นจะเป็นอะไร มีแต่ลื้อกับครอบครัวเท่านั้นที่เดือดร้อน”

“คุณแพร...” พยัคฆ์เจ็บปวดจนแทบกลั่นคำพูดออกจากลำคอ

ไม่ได้...หัวใจที่ถูกทำลายลงย่อยยับมากอยู่แล้ว เวลานี้เหมือนถูกฉีกทึ้ง

เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และบดขยี้จนเป็นผุยผงด้วยมือน้อยๆ ของเธอ

“ตัดใจเสียเถอะอาโฮ่ว คุณแพรเธอสูงส่ง ไม่เหมาะสมกับลื้อหรอก

ที่ผ่านมา อาป้อก็กลุ้มใจมาตลอดว่าลื้อจะต้องเสียใจภายหลัง แล้ววันนี้

เป็นยังไงล่ะ ลื้อต้องบ้านแตกสาแหรกขาดก็เพราะผู้หญิงคนเดียว”

คนฟังขบกรามแน่น อารมณ์พลุ่งพล่านสุดระงับ มือทั้งสองกำแน่น

จนต้องชกพื้นระบายอารมณ์อัดอั้นภายใน

“แปะพูดถูก ทั้งหมดเป็นเพราะคุณแพร...เพียงคนเดียว” หากครั้งนี้

เสียงที่ลอดจากริมฝีปากบวมช้ำที่มีแผลและเลือดเกรอะกรัง เต็มไปด้วย

ความแค้นสุดขีด น้ำตาเอ่อท้นและเต้นระริกที่ขอบตาจนแทบหยด

“ก็เพราะจดหมายลื้อที่ส่งไปให้คุณแพรนั่นแหละ ท่านเจ้าคุณถึงได้ตามไปถูก”

พยัคฆ์เบือนหน้าไปทางที่ตั้งศพบิดา น้ำตาแห่งความแค้นร่วงเผาะ

เมื่อบิดาต้องมาตายเพราะความโง่เง่าของเขาและผู้หญิงขี้ขลาดคนหนึ่ง

ความแค้นทำให้เขากระแทกหน้าผากลงกับพื้นแล้วคำรามออกมาจาก

ส่วนลึกอันเจ็บปวดที่สุดของหัวใจ

อากังขยับเข้ามาใกล้ แล้ววางมือบนไหล่อันสั่นสะท้านของผู้อ่อนวัย

กว่า “แล้วลื้อจะทำยังไงต่อไปวะอาโฮ่ว ตอนนี้ตำรวจตามหาตัวลื้อกันให้ควั่ก”

พยัคฆ์กลั้นสะอื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็รีบปาดน้ำตาออกจากแก้ม

ไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาลูกผู้ชาย

“อั๊วยังไม่รู้เลยครับอาแปะ อั๊วอยากไปตามหาไอ๊”

“เฮ้ย อย่าเพิ่งไปเลย แปะว่าป่านนี้ตำรวจคงเฝ้าอยู่แล้ว ถ้าลื้อกลับไป

หาไอ๊เมื่อไหร่ ลื้อถูกจับแน่”

ดวงตาพยัคฆ์กลอกไปมาเพราะกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก จริง

ของอากังว่า ตำรวจคงป้วนเปี้ยนใกล้ญาติของเขาทั้งหมด ดังนั้นทางที่ดีเขาควรหนีไปที่อื่น

“อั๊วคิดอยู่นานนะอาโฮ่ว เมื่อตอนเย็น อั๊วคุยกับย้งเฮีย อีรู้จักกับ

ซัวเฮีย เจ้าของคณะงิ้วเล่าซัวบ่วงเฮงที่มาแสดงที่ตลาด คืนนี้ก็นอนที่ศาลเจ้า

นี่เอง ลื้อไปซ่อนตัวอยู่กับซัวเฮียก่อนไหม อยู่ในโรงงิ้วที่เดินทางขึ้นเหนือ

ล่องใต้ ตำรวจไม่มีวันตามหาลื้อเจอแน่”

ดวงตาชั้นเดียวใต้คิ้วหนาที่ตวัดเฉียงขยายขึ้น

“แปะว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุด พอเรื่องมันเงียบไปสักพักแล้วค่อย

ตามหามุ่ยแชกับอาแบ้ ถ้าลื้อตกลง ย้งเฮียจะช่วยฝากฝังให้” แล้วอากัง

ก็ลดเสียงลงอีก แม้รู้ว่าบริเวณนั้นมีเพียงทั้งสองและร่างไร้วิญญาณใน

โลงศพก็ตาม “คณะงิ้วของซัวเฮีย มีพรรคอั้งทิมึ้งคุ้มครองอยู่ เป็นสายเดียว

กับสมาคมฟ้าดิน จากเมืองจีน เพื่อคุ้มครองคนของเรา ถ้าซัวเฮียรู้ว่าลื้อ

หนีการกดขี่ข่มเหงของเจ้าคุณละก็ เขาต้องรับลื้อไว้แน่”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับทันที

“ตกลงครับอาแปะ ผมจะตามคณะงิ้วไป ผมทำงานได้ทุกอย่าง

ขอเพียงมีที่ซุกหัวนอน และที่ซ่อนตัวเท่านั้น”

“ดี” อากังพยักหน้า “ถ้างั้นตามแปะมา เราจะไปหาซัวเฮียด้วยกัน”

พยัคฆ์พึมพำรับ ก่อนจะคำนับลาศพบิดาเป็นครั้งสุดท้าย

“เตี่ย อั๊วจะไปอยู่กับคณะงิ้ว ขอให้เตี่ยคุ้มครองอั๊วด้วย ถ้าปลอดภัยดี

แล้วอั๊วจะตามไปหาไอ๊ให้เร็วที่สุด และจะไม่ลืมคำสาบาน ขอให้เตี่ย

ปกป้องพวกเราทุกคนด้วย จนกว่าจะถึงวันนั้น...อั๊วจะกลับมารับอัฐิเตี่ย

ไปกราบไหว้และทำพิธีให้สมศักดิ์ศรี”

พยัคฆ์ก้มศีรษะนิ่งบนพื้น...น้ำตาหยดสุดท้ายรินไหลต้องพื้นแทน

เหล้าสาบาน นับแต่นี้ไป เขาจะมีชีวิตเพื่อการแก้แค้นเท่านั้น ทั้งหญิงร้าย

และชายชั่ว ขอให้ดวงวิญญาณบิดาเป็นพยาน

 

ผ้าห่มและหมอนถูกยัดใส่มือพยัคฆ์อย่างไร้พิธีรีตอง เพียงแค่

เพื่อนบ้านของบิดาทั้งสองเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เฮ้งซัวฟัง หัวหน้า

คณะงิ้วใบหน้าดุดันก็รับเขาเข้ามาทำงานด้วยทันที แล้วเสื้อผ้าก็ถูกยื่นมาให้

สองชุด เขาล่ำลาเพื่อนบ้านทั้งสองไม่กี่คำ แล้วเดินตามหลังเด็กหนุ่มผู้มีรูปร่าง

หนากว่าวัยรุ่นทั่วไป ซึ่งอากังกระซิบว่าเป็นพระเอกบู๊ ของคณะชื่อว่ามังกร

หรืออาเล้งเข้าไปยังที่พักคณะงิ้วชั่วคราว อันมีสมาชิกหลายสิบคนนอน

เรียงรายอยู่บนพื้นเสื่อ แต่ละคนมีข้าวของกองอยู่ข้างที่นอนส่วนตัวและ

เตรียมตัวนอนพักผ่อนหลังจากการแสดงในตอนค่ำ

สายตาแห่งความสงสัยมองตามเขาไปจนถึงที่ว่างข้างที่นอนของ

มังกร แต่ไม่มีใครพูดออกมา แล้วเสื่อผืนใหม่ก็ถูกกางออก

“นอนตรงนี้แหละ ที่นี่เป็นส่วนของผู้ชาย ผู้หญิงนอนในห้องโน่น”

ชายหนุ่มเจ้าบ้านบอกง่ายๆ

เขาพยักหน้ารับ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนชั่วคราว

“เราต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อเรียนกังฟู การออกท่าบู๊ ร่ายรำอาวุธ

พวกหอก ง้าว ทวน กระบี่ พอสายหลังกินข้าวต้มเสร็จ ก็เรียนท่าทาง

ตัวละครฝ่ายบุ๋น บ่ายแสดงงิ้วกลางวัน งิ้วเลิกก็กินข้าว เตรียมแสดงงิ้ว

รอบค่ำ" มังกรร่ายกิจวัตรประจำวันให้ฟัง พยัคฆ์สังเกตว่าพระเอกบู๊

ของคณะงิ้วเล่าซัวบ่วงเฮงไม่ได้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายสะโอดสะอง

อย่างพระเอกบุ๋น กลับมีใบหน้าออกจะดุดันมากกว่า กรามหนาแข็งแกร่ง

คางหนาบึกบึน คิ้วหนาเป็นปื้นพาดเหนือดวงตาที่จริงจังยิ่ง สมกับเป็นผู้มี

วิทยายุทธ์บนเวทีแสดงงิ้ว ดูท่าทางเป็นมิตร แต่คงเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน

พอพูดจบ ก็ทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้ทันที เรียกว่าตัดบทเพียงเท่านั้น

ซึ่งเขาก็ยิ่งกว่ายินดี ด้วยเวลานี้ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์จะผูกมิตรกับใครเช่นกัน

พยัคฆ์จึงหยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำตรงที่มังกรชี้ให้ดูเมื่อครู่ เงินก้อนเดียว

ของเขาถูกมัดไว้แน่นในเสื้อถังจวง๕ ที่แสนสกปรกสีมอซอซึ่งใส่มาหลายวัน

สมบัติทั้งเนื้อทั้งตัวถูกเก็บไว้ที่นั่น จึงไม่คิดถอดวางบนที่นอนใหม่ สบู่ก้อน

เล็กๆ มังกรปันมาให้ เขาได้อาบน้ำสระผม และซักเสื้อสกปรกไปพร้อมกัน

พอร่างกายสะอาดสะอ้านดีแล้ว เขาก็กลับมานอนท่ามกลางผู้คนซึ่งบัดนี้

หลับใหลไปเรียบร้อย แสงตะเกียงถูกหรี่ลง ด้านนอกปิดไฟไร้เสียง แม้จะ

อยู่ในเมือง ไฟฟ้าก็ยังมีราคาแพง จึงต้องประหยัดกันอย่างหนัก ถ้า

ไม่จำเป็นก็จะใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดทดแทน อย่างเช่นที่บ้านของเขา

                        (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

พยัคฆ์ หนุ่มชาวจีนผู้แสนซื่อและเจียมเนื้อเจียมตน ได้ใกล้ชิดกับแพรพรรณราย สาวสวยผู้มีชาติตระกูล ทั้งคู่ต่างก็แอบมีใจให้กันเงียบๆ จนกระทั่งเจ้าคุณพ่อของแพรพรรณรายต้องการให้เธอหมั้นหมายและแต่งงานกับเสริม นายตำรวจผู้มีอนาคตไกล เธอคิดจะหนีการแต่งงานไปกับเขา แต่ถูกเจ้าคุณขัดขวาง ฆ่าพ่อพยัคฆ์ตายและทำร้ายเขาจนบอบช้ำเจียนตาย เขาเก็บความแค้นฝังใจรอวันชำระคืน และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมอยู่ภายใต้ร่มเงาของเจ้าพ่อแห่งเยาวราช พยัคฆ์ตั้งใจใช้แพรพรรณรายเป็นครื่องมือในการแก้แค้น แต่กลับต้องพ่ายหัวใจตนเอง ส่วนเธอก็เต็มใจยอมให้เขาทำร้ายตามใจต้องการ หวังชดเชยความผิดของพ่อและพี่ชาย สุดท้ายทั้งคู่ต่างก็ยอมแพ้ ยอมทำตามปรารถนาแห่งรัก


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
17/06/2014

“เพลิงพยัคฆ์” เป็นนิยายเล่มแรกในซีรี่ส์เซต “เลือดทระนง” ค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องราวความแค้นของ “พยัคฆ์” ที่กลับมาแก้แค้นพ่อและพี่ชายของหญิงคนรักที่ทำให้ครอบครัวเขาต้องตาย โดยคิดว่าสาเหตุเกิดจากความขี้ขลาดของ “แพรวพรรณราย” คนรักของเขา นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องในสมัยช่วงสงคราวโลกครั้งที่2 ซึ่งผู้เขียนพยายามสอดแทรกวิถีชีวิตในยุคสมัยนั้นไว้ด้วย เรื่องนี้เปิดมาด้วยความรักของพระ-นาง แต่ดันเป็นรักต้องห้าม ทั้งคู่ต้องเก็บงำไว้เพราะตัวพระเอกนั้นเป็นคนจีนที่อพยพเข้ามาบนแผ่นดินไทย ซึ่งในสมัยนั้นไม่เป็นที่ยอมรับเท่าไหร่นักของคนไทยผู้มียศฐาบรรดาศักดิ์อย่างครอบครัวของนางเอก วันหนึ่งเมื่อทางบ้านนางเอกต้องการให้เธอหมั้นกับเพื่อนของพี่ชายเธอ หญิงสาวไม่ต้องการแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักจึงไปขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่ม แต่กลับทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเมื่อพ่อและพี่ชายของเธอไม่ยอมให้ทั้งคู่ทำตามแผนได้สำเร็จจึงฆ่าครอบครัวของชายหนุ่มและใส่ร้ายว่าเขาเป็นคนฆ่าล้างครอบครัวตัวเอง จุดนี้เองถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความแค้นของ “พยัคฆ์” พระเอกเรา “พยัคฆ์” ตัดสินใจเข้าวงการมืดลบตัวตนในอดีตทั้งหมดทิ้งเป็นคนใหม่ แต่สิ่งที่เขาไม่เคยลืมคือความแค้นที่มีต่อครอบครัวของ “แพรวพรรณราย” แล้ววันที่เขารอคอยก็มาถึง ทั้งคู่มีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับครอบครัวของแพรวพรรณรายเริ่มตกอับ ชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอบางอย่างที่ร้ายกาจให้กับเธอเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือครอบครัวของหญิงสาว โดยที่เขาไม่ยอมเปิดเผยตัวตนในอดีตให้เธอได้รู้ว่าเขาคือ ไอ้หนุ่มหน้าโง่ที่ถูกเธอหลอกจนไม่เหลืออะไรเลย จนในที่สุดเมื่อเธอยอมรับเสนอ ชายหนุ่มซึ่งคิดว่าจะแก้แค้นเธอให้สมกับสิ่งีท่ครอบครัวของเธอทำ กลับลังเล เพราะใจนึงก็ยังรักเธออยู่ แต่เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆแค่นั้นค่ะเมื่อพี่ชายของนางเอกเราเกิดรู้ขึ้นมาว่าพระเอกยังไม่ตาย ความแค้นครั้งนี้จะจบอย่างไรต้องไปอ่านต่อเองในเล่มนะคะ ความรู้สึกเมื่ออ่านคือ โอ๊ยยยยย อยากจะให้พี่ชายนางเอกตายไปตั้งแต่ฉากแรก555 จะได้ไม่มีคนมาขัดขวางความรักของทั้งคู่ แต่ต้องยอมรับค่ะว่าพี่ชายนางเอกเป็นตัวร้ายที่สำคัญไม่น้อยของเรื่องนี้ หากไม่นับตัวร้ายในวงการมืดที่พระเอกเราเข้าไปอยู่นะคะ กล่าวถึงแต่ตัวร้ายฝ่ายชาย ตัวร้ายฝ่ายหญิงก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้พ่อและพี่ชายนางเอกถูกฆ่าตาย แต่เธอทำอะไรนั้น ต้องติดตามในเล่มค่ะ อ่านแล้วจะอยากตบนางเบาๆ เหมือนที่ดิฉันรู้สึก กว่าจะจบเรื่องได้นิเหนื่อยเอาการ ไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมหนังสือถึงหนาหนัก เพราะต้องคลี่คลายปมหลายปม ไม่ว่าจะเป็น ความเข้าใจผิดของพระ-นาง , ผลลัพธ์สุดท้ายที่ตัวละครแต่ละตัวจะได้รับ ดิฉันลุ้นมากค่ะ บอกเลยว่าพี่ชายนางเอกจะเป็นอย่างไรตอนจบ และที่ประเด็นที่ขาดไม่ได้คือบทสรุปของความรัก “พยัคฆ์” กับ “แพรวพรรณราย” ซึ่งผู้เขียนปิดเล่มได้อย่างสวยงามค่ะ นับเป็นนิยายที่อ่านแล้ววางไม่ลงเล่มหนึ่งเลยก็ว่าได้

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024