ปลาไหลป้ายแดง ( พิมพ์ซ้ำเปลี่ยนปก ) (ณารา)

ปลาไหลป้ายแดง ( พิมพ์ซ้ำเปลี่ยนปก ) (ณารา)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789741091294
ผู้แต่ง: ณารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                                                        ๑

                                                    ล้วงลูก

ดร. พริษฐ์ คอนซัลแทนต์หนุ่มมองแผนที่ในมือเมื่อขับรถใกล้จะ

ถึงโรงงานที่ตนจะต้องเป็นผู้ดูแลในโครงการใหม่ คุณศุภชัยได้เป็นผู้มอบหมาย

งานนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แถมเยินยอเสียจนเลิศคอยว่าเขาเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด

ที่จะช่วยผลักด้นบริษัท ไทย แลงชรี จำกัด (Thai Lingerie Co.,Ltd.-TLC) ให้

ได้รับมาตรฐานไอเอสโอทั้งหลายแหล่ เพื่อจะได้ขยายตลาดชุดชั้นในออกไปขายยัง

แถบประเทศยุโรปได้หลังจากถูกกีดกันทางการค้า ทำให้ยอดขายตกไปปีละหลาย

สิบล้านบาท

เขาอ่านประวัติบริษัทคร่าว ๆ แล้ว ก็รู้ทันทีว่าเป็นบริษัทครอบครัวคนจีน

ขนานแห้ ซึ่งผู้บริหารนามสกุลเดียวกันเป็นตับ และยังไม่มีการจ้างผู้เชี่ยวชาญมา

ดูแลด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษแต่อย่างใด นอกจากสมาชิกในครอบครัวที่ต่างไป

เรียนจบจากต่างประเทศกันทุกคน

บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งมาร่วมสี่สิบปีแล้ว แรกเริ่มเดิมทีเป็นโรงงานตัดผ้าขนาด

เล็กที่ขายอยู่ในสำเพ็ง ใช้สัญลักษณ์ตรานกพิราบคู่ ที่แช่งชันกันมาสูสีกับอีกยี่ห้อ

หนึ่งที่เก่าแก่พอกัน แต่ต่อมาได้กู้เงินจากธนาคารเพื่อตั้งบริษัทใหม่ ได้ซื้อโรงงาน

และขยายตลาดไปทั่วประเทศ ยี่ห้อนกพิราบคู่จึงเปลี่ยนมาเป็น ทีแอลซี เพื่อความ

เป็นสากลยิ่งขึ้น หากยังใช้นกพิราบคู่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทมาจนถึงปัจจุบัน

พอถึงรุ่นลูก บริษัทก็เริ่มขยายตลาดไปประเทศในแถบเอเชีย และก็ทำได้

เป็นอย่างดีจนกระทั่งสร้างชื่อเสียงไปยังแถบประเทศยุโรป หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี

ก็ถูกมาตรฐานสากลสกัดดาวรุ่งให้ร่วงเสียก่อน แต่ยังดีที่มีตลาดในประเทศและ

แถบเอเชียรองรับ จึงทำให้บริษัทยังคงประคับประคองตัวเองต่อมาได้ดีพอควร

ดังนั้นผู้บริหารจึงตั้งใจจะฝ่าด่านมาตรฐานสากลนี้ไปให้ได้ เพื่อจะได้ตีตลาดทั้งใน

ยุโรปและอเมริกาต่อไป

ประตูรั้วสเตนเลสขนาดใหญ่ขวางอยู่เบื้องหน้า หลังจากพริษฐ์เลี้ยวเข้า

ซอยที่แยกจากถนนพระรามสองไปไม่ไกล โรงงานแห่งน้ำมีเนื้อที่กว่ายี่สิบไร่ แบ่ง

เป็นเขตโรงงานและที่พักอาศัยซึ่งมีบ้าน หรือควรจะเรียกว่าคฤหาสน์ถึงห้าหลังด้วยกัน

คอนซัลแทนต์หนุ่มยกบัตรแสดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้า

และรออยู่ชั่วอึดใจ เจ้าหน้าที่ในชุดสีน้ำตาลก็กดเปิดประตูรั้วที่เคลื่อนออกช้าๆ ด้วย

รีโมตคอนโทรล ก่อนจะมาก้มบอกเขาที่กระจกข้าง

“คุณเพ่ยรอคุณอยู่ที่ห้องประชุม ชั้นสาม ตึกสำนักงานครับ”

พริษฐ์พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันไปทางรุ่งนภา เลขาฯส่วนตัวสาวโสด

วัยเกือบสี่สิบ อย่างเป็นงานเป็นการ

“เอกสารเตรียมให้พร้อมและอย่าลืมอัดเทปการประชุมทุกครั้งด้วยนะ”

“ไม่ลืมหรอกค่ะ ทำงานจนเขี้ยว แทบทำแทนคุณฤทธิ์ได้แล้วมั้ง” หล่อน

ประชดเข้าให้ และเรียกชื่อเล่นของเขาอย่างสนิทสนมเพราะทำงานด้วยกันมานาน

พริษฐ์อดปรายตามองหญิงข้างตัวนิดหนึ่งไม่ได้ และแอบค่อนในใจเป็น

ครั้งที่เท่าไรเขาก็ขี้เกียจจะนับแล้วว่า เพราะฝีปากอย่างนี้ถึงทำให้รุ่งนภาต้องเกาะ

อยู่บนคานนานขนาดนี้ และไม่มีวี่แววว่าจะมีคนอัญเชิญลงมา

หากด้วยความที่หล่อนเป็นคนที่คล่องแคล่วและทำงานตามที่เขามอบหมาย

อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รุ่งนภาที่ทำงานกับเขามาห้าปี นับตั้งแต่เข้ามาทำงานเป็น

คอนซัลแทนต์ที่นี่ จึงยังเป็นเลขาฯ ส่วนตัวเขาต่อไป แม้จะปากจัดและตรงไป

ตรงมา เขาก็ให้อภัย บางครั้งก็ทำหูทวนลมเสีย ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ลมแทง

เข้าไปในหูบ่อย ๆ อาจทำให้หน้ามีดฆ่าสาวใหญ่หมกพงหญ้าแถวโรงงานแถบ

พระประแดงไปตั้งแต่เริ่มทำงานแรกด้วยกันแล้ว

ดอกเตอร์หนุ่มขับรถที่บริษัทมอบให้เป็นรถประจำตำแหน่ง ไปจอดยัง

โรงจอดรถที่ตั้งอยู่ใกล้ตึกสำนักงานซึ่งเป็นอาคารกระจกฉาบปรอทสูงห้าชั้น แล้วก็

เดินน้าหน้ารุ่งนภาฝ่าแดดร้อนเข้าไปในบริษัทที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉํ่า ก็พบ

 

หญิงสาวหน้าแฉล้มมายืนต้อนรับ และแนะน้าตัว

“ดิฉันปานวาดค่ะ เลขาฯ ของคุณเพ่ย เอ๊ย คุณปัณฑารีย์”

“สวัสดีครับ นี่ก็ใกล้เวลาเข้าประชุมแล้ว” พริษฐ์ยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา เขามา

ก่อนเวลาเกือบสามสิบนาที ตามมารยาทที่ดิของคอนซัลแทนต์

“เจ้าสิวยังไม่ข้ามมาเลยค่ะ มีแต่คุณปัณฑารีย์และคุณปิยะมาศ รออยู่ที่ห้องประชุม”

พริษฐ์'พยายามนึก คนหนึ่งน่าจะเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และ

อีกคนน่าจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน เขาจึงพยักหน้ารับ

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเราก็ขึ้นไปกันเลยดิกว่า” เขาเอ่ยชวน ปานวาดจึงพาเขา

ขึ้นบันไดที่อยู่ด้านข้างประตูทางเข้าไปยังชั้นสามซึ่งแบ่งเป็นห้องประชุมเล็กสามสี่ห้อง

และห้องประชุมใหญ่ด้านใน แต่ละห้องกั้นด้วยกระจกใสที่ไม่ได้ปล่อยมู่ลี่ลงมา

พริษฐ์จึงมองเห็นหญิงสองคนกำลังนึ่งคุยกันอยู่ในห้องใหญ่ หากทันทีที่ปานวาด เคาะประตูกระจก หญิงสาวผมดัดหยิกก็หันมา...

โครม !

เสียงแฟ้มในมือของพริษฐ์ร่วงลงบนพื้น เมื่อสายตาของเขาเห็นหญิงสาว ผู้นั้นเต็มตา

สาวสวยที่หลิ่วตาให้เขาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี่นา

พริษฐ์แทบ'ช็อก ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมดัดสั้น ขาว หมวย สวย เอกซ์ อย่างนี้ ใช่จะลืมกันได้ง่าย ๆ อีกทั้งเธอยังเป็นฝ่ายทอดสะพานให้เขาก่อนเสียอีก รับรองชาตินี้เขาไม่มีวันลืม

เขายังยืนตกตะลึงเช่นนั้น จนเลขาฯ สาวใหญ่ที่ทำตัวเหมือนเจ้านาย ใช้ ปลายเล็บแหลมๆ สะกิดแขนเขาแรงๆ และกระซิบ

“คุณฤทธิ์...คุณฤทธิ์...คูนรี้ด” ท้ายประโยคเสียงสูงขึ้น หล่อนแถมด้วยการ

หยิกจนดอกเตอร์หนุ่มสะดุ้งโหยง รีบก้มเก็บเอกสารที่กระจัดกระจายบนพื้นอย่าง รวดเร็ว พร้อมๆ กับที่ประตูเปิดออก สาวสวยยืนส่งยิ้มให้เขาเบื้องหน้า พริษฐ์เงย หน้าขึ้นมองและยิ้มหวานตอบ หัวอกหัวใจเต้นโครมครามจนหูอื้อตาลายไปหมด มองไม1เห็นสิ่งใดนอกจากใบหน้าและรูปร่างสวยของเธอเท่านั้น

“เอ่อ...คุณฤทธิ์รีบมา ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน ฉันว่า เขาคงเป็นลมแดด

แน่ๆ เลยค่ะ” คู่ๆ แฟ้มหนาในมือของรุ่งนภาก็มาปิดกั้นวิวสวยงามเบื้องหน้า

พร้อม ๆ กับคำชี้แจงของสาวใหญ่ ก่อนที่เล็บแหลมนั้นจะจิกต้นแขนเขาอีกครั้ง

พริษฐ์จึงรีบกวาดกระดาษเข้าไปในแฟ้ม ก่อนจะก้าวตามร่างบางเข้าไปด้านใน

“เช็ดน้ำลายเสียด้วยนะ” รุ่งนภาเหน็บให้ได้ยินกันสองคน พริษฐ์ยกเนกไท

ขึ้นเช็ดปลายคางพร้อมกับสูดปากโดยอัตโนมัติ และทันทีที่รู้ว่าถูกหลอก เขาก็หัน

ขวับไปส่งสายตาเขียวปัดให้กับเลขาฯ สาวใหญ่ เขารีบปล่อยเนกไทและแสร้งขยับ

ปมให้แน่นพร้อมกระแอมติด ๆ กันหลายครั้ง ปันหน้าเคร่งขรึมทันที และเรียก

วิญญาณที่ปรึกษาผู้ชำนาญงานกลับเข้าร่างโดยด่วนที่สุด

“สวัสดีค่ะ ดิฉันปัณฑารีย์ เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนี่คุณ

อาปียะมาศ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน”

“สวัสดีครับ” พริษฐ์ยกมือไหว้ผู้อาวุโส และหันไปก้มศีรษะให้หญิงสาว

เพียงเล็กน้อย

“ผมพริษฐ์ครับ และนี่คุณรุ่งนภา เลขาฯ ของผม”

“สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อน” ปัณฑารีย์ตอบ และผายมือให้ทั้งสองนั่งปลายโต๊ะ

รูปไข่ขนาดใหญ่ ก่อนจะนั่งลงข้างตัวชายหนุ่ม และส่

งยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ยินดีที่

ได้รู้จักค่ะ คุณศุภชัยบอกว่า ดอกเตอร์เป็นคอนซัลแทนต์มือดีที่สุดของบีซีที ซึ่ง

เรากำลังต้องการสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ”

“คุณคิดไม่ผิดแล้วที่เสือกผม เอ๊ย เสือกบริษัทของเราครับ เพราะเรา

ทำงานเพื่อมุ่งหวังผลลัพธ์ที่ดีที่สุดครับ” พ'รีษฐ์กระแอมอีกครั้ง รีบกางเอกสารที่

สลับกันมั่วไปหมดออกมา รุ่งนภาเห็นเจ้านายตัวเองทำโก๊ะต่อหน้าเจ้าของบริษัท

หลายครั้งแล้ว จึงดึงมาช่วยจัดให้ และยื่นเอกสารชุดของตัวเองให้แทน

“ผมเห็นแล้วว่าคุณตั้งใจจะส่งกางเกงใน เอ๊ย ชุดชั้นในไปบุกตลาดยุโรปให้ได้”

ปัณฑารีย์มองชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ดู จากภาพลักษณ์ภายนอกก็น่าเชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการให้ค่าปรึกษาดีอยู่หรอก แต่ไม่นึกว่าเขาจะเป็นพวกพูดจาผิดๆ ถูกๆ เช่นนี้...คะแนนที่ให้เต็มร้อยในตอนแรก ถูกตัดไปเกือบครึ่ง...

เธอหันไปสบตาอาหญิงและลอบทำตาโต ก่อนจะหันกลับมาตอบชายหนุ่ม

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ นั่นเป็นเป้าหมายแรก แต่การมีมาตรฐานก็หมายก่ง

จะช่วยรับรองให้เราขายสินค้าไปได้ทั่วโลก และยังควบคุมระบบภายในองค์กรได้

อย่างรัดกุมอีกด้วย”

“ถูกต้องแล้วครับ ผมมีทีมงานมือฉมัง จะมาช่วยดูแลระบบภายในบริษัท

ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการส่งสินค้า จะไม่มีขั้นตอนไหนที่เราจะไม่ดูแลมาตรฐาน

ให้เป็นไปตามระบบสากลเลยครับ” วิญญาณที่ปรึกษาผีเมือดีประทับร่างแล้ว พริษฐ์

พูดจาได้คล่องแคล้วยิ่งขึ้น หากยิ่งเห็นใบหน้านวลคลี่ยิ้มบางๆ วิญญาณที่ประทับ

อยู่ก็ทำท่าจะหลุดลอยจากร่างไปได้ง่ายๆ อีกครั้ง

“ดีค่ะ วันนี้จะเป็นการประชุมของบริษัทเพื่อตั้งยอดขายในปีหน้า และ

วิเคราะห์ปัญหาหลักของบริษัทเราในปีนี้” เธอชี้แจง ขณะนั้นเองปานวาดก็ยก

พายไก่ชิ้นเล็กๆ น่ารับประทานมาวางเบื้องหน้า พร้อมกับกาแฟให้แขกทั้งสอง

เธอ จึงกระตุ้น “ดอกเตอร์ทานของว่างก่อนลิคะ เมื่อกี้ได้ยินว่ายังไม่ได้ทานกลางวัน”

“เอ่อ...ครับ” พริษฐ์รับสมอ้าง อดหันไปขึงตาใส่เลขาฯ ไม่ได้ที่มาว่าเขาเป็น

ลมแดด จึงยกล้อมจิ้มพายเข้าปากสองสามชิ้นตามมารยาท

ปัณฑารีย์ลอบสังเกตชายหนุ่มระหว่างที่เขากำลังรับประทานพายและกาแฟ

หากไม่นับแว่นตาที่แสนเชยและทรงผมที่บิดาของเธอเรียกว่าทรง “มดแดงชะเง้อ” ที่

นิยมกันในสมัยสามลิบปีก่อนแล้วละก็นับว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีบุคลิกดีคนหนึ่งทีเดียว

ผิวของเขาคลํ้า และคางเหลี่ยมแข็งแรง บ่งบอกถึงเชื้อสายไทยแห้ คิ้วหนา

เป็นปีนเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นบอกให้รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ดี หากถูกบดบัง

ด้วยกรอบแว่นตาลี่เหลี่ยมสีน้ำตาลกระเต่า และกระจกหนาเตอะจนมองแทบไม่

เห็นแววตาแจ่มใส ซึ่งหากเธอไม่นั่งใกล้เช่นนี้ก็คงจะมองไม่เห็น

สันจมูกโด่งของเขาถูกแว่นหนาหนักกดเสียจมลึกลงไป มิหนำซํ้ายังปิด

โหนกแก้มสูงได้รูปอย่างน่าเสียดาย เรียกว่าหากโยนแว่นตานี้ทั้งไป ดอกเตอร์หนุ่ม

ผู้นี้ก็จะนับ'ว่าเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว นั่นยังไม่รวมร่างกายที่สูง

ราวกับนักรบไทยโบราณ หากเขานุ่งโจงและสะพายดาบออกมาจากละครเรื่อง

บางระจัน เธอก็คงจะไม่แปลกใจ เพราะมองเห็นเงามัดกล้ามภายใต้เสื้อเชิ้ตสีพื้น

เนื้อนิ่ม หากนักรบผู้นี้ควรจะต้องไปทำเลิกเสียก่อน มิฉะนั้นหากนุ่งโจง ถือดาบ

และสวมแว่นตา...ก็คงจะดูไม่จืดเลยทีเดียว

ปัณฑารีย์ยกมือปิดปาก และริบหันไปทางอื่น ก่อนจะเผลอปล่อยเสียง

หัวเราะออกมาเมื่อแอบคิดอะไรเพลินๆ

รุ่งนภาจัดเอกสารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยื่นคืนให้ชายหนุ่ม ก่อนจะเปิด

บันทึกเล่มโตของเจ้านายซึ่งจดรายละเอียดขั้นตอนการทำงานบริการให้เสร็จสรรพ

เพื่อเขาจะได้เริ่มงานอย่างมืออาชีพเสียที

 

พริษฐ์จิบกาแฟไล่พายลงคอ ก่อนจะบอกหญิงสาว

“อย่าเรียกผมดอกเตอร์เลยครับ เรียกฤทธิ์เฉยๆ ดีกว่า อีกอย่าง เราจะ

ต้องทำงานด้วยกันอีกหลายเดือน จะได้เป็นกันเองครับ” เขาอดส่งยิ้มหวานให้เธอ

อีกครั้งไม่ได้...วันนี้เธออยู่ในชุดสูทสีฟ้าสดใส กระโปรงสั้นกว่าวันก่อนเล็กน้อย

ใบหน้านวลที่ไปปรากฏในความฝืนของเขาบ่อย ๆ ยังสวยสด หรืออาจจะสวยกว่า

เดิมด้วยซํ้าเมื่อได้มองใกล้ๆ เช่นนี้

“ยินดีค่ะคุณฤทธิ์ ฉันเพ่ยเพ่ยค่ะ ที่บริษัทเรียกกันว่าเพ่ยเฉยๆ เป็นชื่อเล่น

ที่อากงตั้งให้น่ะค่ะ”

“ครับคุณเพ่ย” เขารับค่าเสียงหวานฉํ่า รู้สึกได้กระเถิบใกล้ชิดเธออีกขั้น ที่

ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่อเล่นเช่นนี้

เขายกมือแตะคางอีกครั้งเพื่อเซ็กดูให้มั่นใจว่าน้ำลายไม่ไหลออกจากมุมปาก

“ที่บ้านของเรา ส่วนใหญ่จะมีชื่อจีนกันหมด อากงหรือเจ้าสัว เป็นชาวจีน แผ่นดินใหญ่ ชื่อผิงเทียน หรือเจ้าสัวปิติ ท่านดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการ

ผู้จัดการ คุณท่อของดีฉันซึ่งเป็นลูกชายคนโตชื่อปิยะวัฒน์ หรือคุณปิง ซึ่งเป็น

ประธานกรรมการฝายบริหาร คุณอาปิยะพงษ์หรือคุณปอ ลูกชายคนรอง เป็น

กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณอาปิยะมาศ หรือคุณไป่หนิง” เธอผายมือไปข้างๆ

อันที่จริงครอบครัวของเธอเป็นชาวจีนแต้จิ๋ว หากเจ้าสัวปิตินิยมตั้งชื่อลูก

หลานเป็นภาษาจีนกลางซึ่งฟังเพราะและมีความเป็นสากลมากกว่า จุดประสงค์ก็ เพื่อเมื่อลูกหลานไปเรียนต่อที่จีนแผ่นดินใหญ่จะมีชื่อจีนที่ถูกต้องกันทุกคน

“ครับ” พริษฐ์พยายามจดจำชื่อญาติของเธอทั้งหมด ราวกับมันเป็นชื่อญาติ ของตัวเอง และเพื่อป้องกันการลืม มือยังจดยิกลงในสมุดบันทึกประจำตัว

“ฉันมีพี่ชายชื่อ ปุริม หรือเป้าเป่า เราเรียกแกว่า คุณเปา เป็นผู้อำนวยการ

ฝ่ายการตลาด ส่วนสกของคุณอาปอชื่อ คุณเปียวและคุณปั้น สองคนนั้นเป็น

ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อและโรงงานค่ะ”                             

โอ้...ตระกูล ป. ยกเว้นหญิงสาวที่อยู่ข้างตัวที่เพี้ยนเสียงไปเป็น พ. ที่แสน

จะน่ารักสมตัว... พริษฐ์คิดในใจและอมยิ้มแก้มตุ่ย มือทั้งจดไปหน้าก็ยิ้มไปจน

รุ่งนภาทำหน้าปูเลี่ยน ๆ มองเจ้านายตัวเองด้วยความประหลาดใจราวกับเห็นเขา

งอกออกมาจากหัวของพริษฐ์

หล่อนทำงานกับ ดร. พริษฐ์มาห้าปี นับตั้งแต่เขาถูกซื้อตัวมาจากบริษัท

ใหญ่ด้วยเงินเดือนและสวัสดีการสูงลิบลิ่ว ดอกเตอร์แสนเชยในสายตาของสาวๆ ใน บริษัท ซึ่งในชีวิตของเขาไม่มีอะไรน่าสนใจมากไปกว่าการมาทำงาน ไปกลับตรง

เวลาเสียยิ่งกว่านาฬิกาปลุก และผลงานของเขาก็แสนจะยอดเยี่ยม เมื่อฉีกบริษัท

ลูกค้าออกชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อมองหาจุดบกพร่องและเริ่มแกไขอย่างเอาจริงเอาจัง

จากนั้นก็วางกลยุทธ์ให้กับบริษัทภายใต้การดูแลอย่างมีประสิทธิภาพให้เหมาะสม

กับสภาพการเงินและสถานการณ์ของบริษัทนั้น ๆ ทำให้ผลงานในทีมที่เขาเป็น

หัวหน้าโดดเด่นกว่าทีมงานอื่น หากสาว ๆ ทุกคนรู้ว่าเขาไม่เคยมีสายตามองเห็น

สิ่งใดสวยงาม นอกจากบริษัทที่เขาต้องดูแล พวกสาวๆ ถึงพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า

ดร. พริษฐ์นั่นสมควรที่จะแต่งกับงานจริงๆ

แต่มาวันนี้...หล่อนคิดว่าสาว ๆ ในบริษัททุกคนอาจจะคิดผิด...นับตั้งแต่

เขาเห็นรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของที่นี่ เขาก็มี'ทำทีเงอะๆ งะๆ ทำอะไร

ผิดๆ ถูกๆ จนเสียภาพพจน์ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิไปหมด กลายเป็นอีตาดอก-

เตอร์หน้าหม้อไปทันที มีหนำซํ้ายังบ้าจี้เช็ดน้ำลายตามที่หล่อนเหน็บเสียอีกแน่ะ...

อากัปกิริยาที่กระดี๊กระด๊า มือก็เขียน'ไป แก้มก็อมยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ไม่มี

สิ่งใดหลุดรอดไปจากสายตาอันคมกริบของรุ่งนภาได้...หล่อนแทบจะมองเห็น

เปลวไฟในกายของพริษฐ์ลุกโชน สายตาของเขายามมองหญิงสาวข้างตัวช่าง

แพรวพราวระยิบระยับคล้ายกับมีแสงเลเซอร์อ่อนๆ ทุ่งออกไป หล่อนห่อไหล่ ตะครั่นตะครอตัวแทนผู้บริหารสาว หากหล่อนเป็นฝ่ายถูก ดร. พริษฐ์มองด้วย

สายตาเช่นนี้ คืนนี้คง'จะกลับไปนอนหลับฝืนร้ายอย่างแน่นอน

ใกล้ถึงเวลาประชุม ดอกเตอร์หนุ่มก็ได้รายละเอียดของผู้บริหารและ ประวัติการทำงานของทีมงานอย่างคร่าว ๆ เมื่อประตูห้องประชุมเปิดขึ้นอีกครั้ง

ชายผมขาวโพลนร่างเล็กท่าทางภูมิฐาน ใบหน้าสดใส แก้มอูมแดงอย่างมีสุขภาพดี

เดินน่าหน้าชายห้าคนที่มีรอยยิ้มประดับใบหน้ากันทุกคนเดินเข้ามาด้านใน พร้อม

กับหญิงสูงวัย อายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าสัวเดินตามเข้ามา จากนั้นหญิง

วัยกลางคนในมาดคุณนายสองคน และหญิงสาวในวัยกลางสามสิบอีกสองคนก็

เดินเข้ามาประจำที่

“นั่นอากง คุณพ่อ คุณอาปอ คุณเปา คุณเปียว คุณปัน อาม่า คุณแม่

คุณอาอรวรรณ คุณบุษกร ภรรยาของเฮียเป่า และคุณพิสินี ภรรยาของเฮียเปียว

ทั้งสองดูแลฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทค่ะ”

พริษฐ์ทำความเคารพครอบครัวผู้บริหารด้วยความมีนงง คณะกรรมการ ทุกคนนามสกุลเดียวกัน หากแบ่งหน้าที่กันดูแลรับผิดชอบแตกต่างกันไป แต่

กระนั้นเขาก็ยังจดชื่อบุคคลที่ดูแลงานด้านต่างๆลงไปในชาร์ตผู้บริหารอย่างเรียบร้อย จากนั้นการประชุมก็ได้เริ่มต้นชื้นโดยปิยะวัฒน์ บิดาชองปัณฑาริย์เป็นผู้เปิดการ ประชุม

“ขอโทษค่ะ” เสียงแหบห้าวด้งชื้นช้างตัว

แล้วพริษฐ์ก็ต้องเอียงตัวหลบวูบเมื่อเห็นแขนซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามยื่น

แทรกเข้ามาระหว่างเขากับรุ่งนภา เขากับเลขาฯ สาวใหญ่หันขวับไปมองผู้เป็น

เจ้าของแขนทันที แล้วก็เห็นหญิงร่างใหญ่ในชุดแส็กแขนกุด ทันทีที่เห็นกราม

แข็งแรงของหล่อน พริษฐ์ก็ตัองรีบหุบปากฉับ เมื่อรู้ว่าเป็นสาวประ๓ทสองหน้าตา

น่าเกรงขาม มีหน้าที่ดูแลเอกสารที่แจกภายในห้อง สาวใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งดูอ้วน

กว่ารุ่งนภาเป็นผู้บันทึกการประชุม และหญิงสาวอีกคนที่มีสิวเขรอะเต็มแก้มเป็นผู้ ควบคุมสไลด์แผนภูมิต่าง ๆ บนหน้าจอ

ดอกเตอร์หนุ่มอดเหลียวมองรอบกายไม่ได้ เขาสังเกตเห็นว่าหญิงสาวที่

ทำงานเป็นเลขาฯ ของผู้บริหารที่นี่ ดูแล้วเรียกว่างามน้อยกว่ามาตรฐานหญิงไทย

ทั่วไป...ขนาดอ้วนกลมปุ๊กลุกอย่างรุ่งนภา เขายังคิดว่าดูสวยกว่าหญิงทั้งสาม ยกเว้น

ปานวาด เลขาฯ ของปัณฑารีย์ที่ดูหน้าตาน่ารัก บุคลิกดีต่างจากคนอื่น

และระหว่างประชุมพริษฐ์ก็ลอบมองผู้บริหารแต่ละคนนับตั้งแต่เจ้าสัวใหญ่

ซึ่งดูแล้วคงจะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการเพียงในนามเท่านั้น เพราะ

นั่งฟังเฉยๆโดยมีบุตรชายคนโตและคนรองเป็นผู้อธิบายงานเสียเป็นส่วนใหญ่ หนุ่ม

ใหญ่ทั้งสอง. ..พริษฐ์เดาว่าคงจะอายุราวกลางห้าสิบ ทั้งสองแต่งตัวภูมิฐาน ท้วม

และลงพุงดั่งเช่นผู้มีอ้นเกินจะกินทั้งหลาย ใบหน้าเชื้อสายจีนของทั้งคู่คล้ายคลึง

กันและยังคงความหล่อเหลาแบบตี๋หน้าหยกเอาไว้ เขาเดาว่าในอดีตทั้งสองคงจะ

เป็นที่หมายปองของสาวๆ พอดู เมื่อทั้งหล่อและร่ำรวยปานนี้

กัดมาถึงรุ่นหลานของเจ้าสัวปุริม พี่ชายของปัณฑารีย์ ปัญจพล และ

ปิยพัทธ์บุตรชายของปิยะพงษ์ ก็นับว่าถ่ายทอดความหล่อมาจากบิดามาได้ไม่ผิด

เพี้ยน ทั้งสามแต่งตัวโก้หรู และทันสมัยอย่างยิ่ง นิ้วใหญ่สวมแหวนพลอยล้อม

เพชรเม็ดเป้งจนเกือบเท่าไข่นกกระทา และสวมนาฬิกาโรเล็กซ์เหมือนกัน เป็น

เรือนทองค่าขาวล้อมเพชรสองชั้นบ้าง เรือนทองที่หน้าปัดเต็มไปด้วยเพชรบ้าง ดู

รสนิยมเลิศหรูยิ่งนัก

ทรงผมของหนุ่มใหญ่ทั้งสามตัดตามสมัยนิยม สวมเสื้อเชิ้ตแบบพอดีตัว หรือ

ที่ เรียกกันว่ารุ่นมัสเซิล และกางเกงสแล็กส์ไม่มีจีบหน้า ทั้งการแต่งตัวและทรงผม กระชากวัยจนดู เหมือนเป็นเด็กหนุ่มอายุราวปลายยี่สิบ โชคดีที่ทั้งสาม ยังไม่ลง

พุงพลุ้ยเหมือนคุณพ่อ จึงดูไม่น่าเกลียดที่แต่งตัวราวกับวัยรุ่นเช่นนี้ หากเพียงแต่

เป็นวัยรุ่นที่มีรอยตีนกายับย่นตรงหางตามากเกินไปสักหน่อยเท่านั้นเอง

หันมามองฝังฝ่ายหญิงชองครอบครัว แน่นอนทั้งหญิงสูงวัยและสาวใหญ่

ต่างสวมใส่ประดับประดาเพชรพลอยกันทุกคน พริษฐ์ลองนั่งคิด เล่นๆ ว่าหากมี

โจรบุก เช้ามาในเวลานี้ พวกเขาจะได้ทองคำ และเพชรพลอยกลับไปเต็มกระเป๋า

อย่างแน่นอน นี่ขนาดเช้าประชุมในครอบครัว ยังชนมาใส่อวดกันขนาดนี้ และหาก

ไปงานปาร์ตี้สุดหรูเลิศ พวกหล่อนจะชนมาใส่กันอีกสักเท่าไร

แล้วเขาก็หันมองหญิงสาวช้างตัวที่กำลังนั่งฟังโครงการปีหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ หญิงสาว ผู้นี้ไม่สวม เพชรพลอยวูบวาบราวร้านเพชรเคลื่อนที่ เหมือนคนอื่น หาก

สวมนาฬิกาแทกฮอยเออร์ล้อมเพชรซึ่งดูแข็งแรง กระฉับกระเฉงและทันสมัย มือ

ชาว ยาว เรียวว่างเปล่า หากมีจี้เพชรที่วางทาบบนเนินอกสล้าง

เนินอกสล้าง !

พริษฐ์บอกตัวเองด้วยความตกใจ เสื้อสูทตัวนี้คอแบะออกกว้างเมื่อเจ้าตัว

ก้มลงจดในสมุดบันทึก เสื้อกล้ามตัวจิ๋วสิชาวช้างในถ่วงลงมาแทบจะปิดบังเนินอก

ไม่มิด ท่าให้คนนั่งช้างกายมองเห็นลึกเช้าไปถึงไหนต่อไหน โอ๊ย...สร้อยเพชร

แสนสวยไม่อยู่ในสายตาอีกต่อไป เมื่อเขาพยายามยืดตัวจนสุดเพื่อจะได้ล้วงลูก

อย่างเต็มที่

“โอ๊ย !” พริษฐ์อุทานเสียงด้ง แล้วปิยะวัฒน์ก็หยุดพูด ทุกสายตาหันมองเขา

เป็นตาเดียว รวมถึงหญิงสาวช้างกายก็เงยหน้าขึ้น เขาหน้าเหวอสุดขีด หันไปมอง

รุ่งนภาที่มองเขาด้วยดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์ ทั้งที่หล่อนนั่นแหละที่เป็นคนจิกเล็บ

แหลมๆ ลงบนต้นชาชองเขา

“เอ้อ...” เขาหัวเราะแหะๆ เหงื่อกาฬแตกพลั่กเมื่อตกเป็นเป้าสายตา

“ตะคริวกำเริบหรือคะคุณฤทธิ์” รุ่งนภาถามเสียงหวาน “รุ่งบอกแล้วว่าให้

ทานวิตามินก่อนมา ขอโทษนะคะทุกท่าน ดอกเตอร์พริษฐ์เขามีโรคประจำตัวค่ะ เวลา เครียดมากๆ ก็มักจะเป็นตะคริวที่ขาบ่อยๆ” หล่อนหันไปขอโทษขอโพยทุกคน

“ไม่เป็นไรครับ จะพักก่อนก็ได้นะครับ” ปิยะวัฒน์เอ่ยอย่างมีน้ำใจ

“มะ มะ ไม่เป็นไรครับ” พริษฐ์รีบบอก ก่อนบ่นอุบอิบ “จู่ ๆ มันก็กำเริบขึ้นมา”

“เหน็กชาเหรอ ม่ายเปงราย อาม่ามียาสมุงไพ รอเหลียวน้า จะไปชงมาห้าย”

โสภา ภรรยาเจ้าสัวปิติ ลุกชื้นอย่างกระฉับกระเฉง ร่างเล็กๆ ชองหล่อนก้าวผ่าน

ประตูไปอย่างคล่องแคล่วโดยพริษฐ์ท้วงไว้ไม่ทัน จึงได้แต่หันมาส่งสายตาราวกับ

จะกินเลือดกินเนื้อให้เลขาฯ สาวใหญ่ซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่กี่นาทีต่อมา หญิงชรา

ก็เดินกลับมาพร้อมถ้วยกระเบื้องสีชาวเนื้อดี มายื่นให้ เขารีบลุกชื้นรับ และกล่าว

ชอบคุณ หล่อนจึงสาธยายสรรพคุณ

“โสมตังกุย หยิ่นเซียมขัก ฉ่งย้ง ตังเชียม ปาเก็ก ฮกเหล็ง บดพาสงกัง

กิงเลี้ยวหายเหน็กชา”

พริษฐ์ทำหน้าเหยเก ฟังชื่อแล้วไม่น่าดื่มเลยลักนิด แต่ด้วยน้ำใจชองหญิง

ชราจึงปฏิเสธไม่ลง เขายกถ้วยชื้นจิบ หากหล่อนยังบรรยายสรรพคุณยังไม่หมด...

“ไม่เพียงแต่หายเหน็กชาน้า คืงนี้คุงดอกเตอร์จาคึกคัก คึกคัก โด่ม่ายรู้ล้ง

จนเมียต้องแปลกจายเลย”

“อึก...แค็ก ๆ ๆ” เสียงไอปะปนไปกับเลียงน้ำที่ยังตกค้างในล่าคอและจมูก

ของพริษฐ์ เขายกผ้าเช็ดหน้าชื้นปิดปากอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันน้ำไหลออกจมูก

ชารสจืด ๆ ที่กลืนเช้าไปแทบจะไหลย้อนออกจากกระเพาะ เขาพยายามกลืนคำ

สุดท้ายลงคอ และกลั้นอาการสำลักหน้าด่าหน้าแดง อาการของเขาถึงกับทำให้

ทุกคนภายในห้องประชุมปล่อยเสียงหัวเราะออกมาครืนใหญ่...รวมถึงตัวต้นเหตุที่

ทำให้เขาต้องมากินยาชื่อประหลาดแก้วนี้ด้วย

การประชุมในช่วงที่สองผ่านไปอย่างราบรื่น พริษฐ์พยายามดึงสติกลับ

มาจากสร้อยเพชรเจ้าปัญหาเมื่อครู่ใหญ่ แล้วเขาก็เริ่มทำงานอย่างจริงจัง และ

ค่อย ๆ มองเห็นปัญหาของบริษัทหลายจุดที่เขาจะต้องเช้าไปวิเคราะห์ ก่อนจะ

ลงมือแก้ไข

หลังการประชุม ดอกเตอร์หนุ่มก็ขับรถกลับบริษัท โดยมีเลขาฯ สาวใหญ่

นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเหมือนเช่นเคย ทันทีที่ประตูสเตนเลสของโรงงานปิดตามหลัง

เขาก็หันขวับมาทางรุ่งนภาทันที

“คุณหยิกผมทำไม มีอะไรบอกกันดีๆ ก็ได้นี่ หยิกเอา หยิกเอา กลับไปถึง

บริษัทจะจับถอดเล็บให้กุด” พริษฐ์โพล่งอย่างหงุดหงิดเต็มที่...อารมณ์เสียที่เขา

เกือบจะมองเห็น...โนตม...อยู่รอมร่อ

“นี่คุณดอกเตอร์” รุ่ง'นภา'ไม่สนใจคำขู่ และแหวอย่างเหลืออด “วันนี้คุณ

                             (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ความรัก...ไม่ได้จบลงด้วยการแต่งงานอย่างมีความสุขเหมือนอย่างในเทพนิยาย หากแต่เป็นการเริ่มต้นชีวิตของคนคู่หนึ่ง...ซึ่งตามมาด้วยเรื่องราวมากมาย ดั่งเช่นพริษฐ์ ดอกเตอร์แสนเชยผู้ฝักใฝ่ธรรมะ ที่ได้พบรักและแต่งงานกับปัณฑารีย์ สาวสวย ผู้เป็นหลานเจ้าของบริษัทผลิตชุดชั้นในระดับประเทศ ก็ดูเหมือนว่าความรักของทั้งคู่จะจบลงอย่างสวยงามและมีความสุข แต่ชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กลับต้องเผชิญกับขวากหนามที่ญาติฝ่ายชายของปัณฑารีย์เป็นผู้โปรยไว้ พ่อมหาที่เก่งแต่เรื่องงาน หากไม่ประสากับเรื่องผู้หญิง เมื่อต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกับผู้ชายที่กะล่อนเจ้าชู้กันทั้งบ้าน ก็เหมือนงูดินในกลุ่มปลาไหล จนงูดินชักจะติดใจ กลายร่างเป็นปลาไหลมือใหม่ป้ายแดงซะนี่…


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
27/07/2014

“ปลาไหยป้ายแดง” เป็ดนนิยายผลงานอีกเล่มผลงานของ “ณารา” เล่มนี้ไม่มีบู๊ เลือดสาดกรายหรือพวกตามสืบคดีมาเกี่ยวข้องค่ะ ไทม์ไลน์เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อคนสองคน คือพระเอก “พริษฐ์” และ นางเอก “ปัณฑารีย์” รักกัน จึงตัดสินใจแต่งงานเพื่อใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกัน สาเหตุหลักที่นางเอกตัดสินใจเลือกพระเอกมาเป็นสามีเพราะ เธอไม่อยากได้ผู้ชายที่ทางบ้านหามาให้ เนื่องจากกลัวว่าผู้ชายพวกนั้นจะเป็นประเภทเดียวกับผู้ชายในครอบครัวเธอ คือเจ้าชู้ แอบมีกิ๊ก ชอบเที่ยวกลางคืน แต่พระเอกไม่เป็นเช่นนั้นค่ะ เพราะเขาแทบจะมีฉายาว่า “มหา”กันเลยทีเดียว พอแต่งงานกันไปได้สักพัก บรรดาผู้ชายในครอบครัวนางเอกก็เริ่มออกลายค่ะ และเพราะพระเอกแตกต่างจากคนพวกนี้ จึงสร้างปัญหาให้พวกเขาเป็นอย่างมาก เพราะพระเอกนอกจากไม่เที่ยวไม่ปาร์ตี้แล้วยังแฉพวกเขาโดยที่พระเอกไมได้ตั้งใจด้วย บรรดาพ่อและพี่ชาย (เอิ่มมม แทบทั้งบ้านนางเอกหละค่ะ)เลยวางแผนเพื่อจะให้พระเอกมาเป็นพวกดียวกับตน เพราะจะได้ไม่ต้องกลัวความลับแตกเวลาหนีเที่ยว และใสๆซื่อๆอย่างพระเอกจะตามทันได้อย่างไรล่ะคะ ก็เสร็จนะสิ เจอทีมชายโฉดผนึกกำลังสรรหาสารพัดวิธีทำให้พระเอกติดกลับ พระเอกก็มีเผลอใจให้ผู้อีกอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาไปวูบหนึ่งค่ะ ดิฉันก็พยายามเข้าใจเนอะ เพราะเขาไม่เคยคบหาจากใครนอกจากนางเอกซึ่งเป็นภรรยา พอเจอสาวๆสวยๆมาเอาใจเลยหวั่นไหว จนแอบอยากมีบ้านน้อยกับเขาด้วย ฉากตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระเอกเริ่มทำตัวกากไม่น่ารักเหมือนต้นเรื่อง หาทางปกปิดนางเอกว่าคบผู้หญิงอีกคน กลัวนางเอกจับว่ามีกิ๊ก แต่ของแบบนี้ปิดกันไม่มิด เมื่อตอนหลังนางเอกก็รู้จนได้ ครั้งแรกเธอยังให้อภัยนะคะ เพราะนางเอกเติบโตมาในครอบครัวที่บรรดาเพศหญิงตามล่าสามีกันเป็นว่าเล่น เพราะสามีตัวเองมีกิ๊ก งานนี้นางเอกเลยได้คำแนะนำจากบรรดาแม่ๆ ถึงมาตรการจัดการกับพระเอก โชคดีที่ลึกๆแล้วพระเอกเป็นคนดี นางเอกจึงไม่ต้องเหนื่อยมากนัก ผู้หญิงคนนั้นก็โดนเขี่ยตกขอบไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะโดนนางเอกตอกซะยับ เรื่องยังไม่จบเมื่อ ครอบครัวนางเอกฝ่ายชายยังไม่เลิกเจ้าชู้และยังไม่หยุดแผนการที่จะให้พระเอกมาเป็นพวก ผู้หญิงคนเดมที่เคยเป็นกิ๊กของพระเอกเนี่ยแหละค่ะ จึงเข้ามาสร้างสถานการณ์ทำให้พระเอกกับนางเอกผิดใจกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ร้ายแรงจนนางเอกทนไม่ได้ เพราะเธอเคยบอกเขาตั้งแต่ก่อนแต่งงานกันแล้ว ว่าเธอรับไม่ได้แน่ๆถ้าสามีนอกใจ นางเอกจึงขอหย่า แต่พระเอกยังไม่ยอมค่ะ ทั้งสองก็แยกกันอยู่ชั่วคราว ตอนจบจะเป็นอย่างไรต้องมาติดตามกันต่อในเล่มนะคะ ช่วยกันลุ้นว่าพ่อมหาจะง้อเมียยังไง เป็นนิยายแนวครอบครัว ที่แอบแฝงแง่คิดเบาๆค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024