รสรักกรุ่นหัวใจ (ดาริยา)

รสรักกรุ่นหัวใจ (ดาริยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165000369
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสียงกระดิ่งเล็กๆ ที่แขวนอยู่บนประตูกระจกดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่ม

ผมยาวละมือจากแจกันดอกไม้ที่กำลังจัดดอกปีบสีขาวใส่ลงไปเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง

ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดสีดำสกรีนลายน่าเวียนหัว คลุมทับด้วยเสื้อยืน

สีดำสีเดียวกับกางเกง มือหนาที่ใช้จับอาวุธอยู่เสมอจับอยู่ที่สายเป้สะพาย

ใบย่อม วงหน้าเข้มคล้ามแดดส่งยิ้มบางๆ ทักทายเจ้าของร้านหนุ่ม

“คุณเป้ สวัสดีครับ” คนมาใหม่เอ่ยทักพร้อมกับวางเป้ลงบนเก้าอี้

หน้าเคาน์เตอร์แล้วทรุดตัวลงนั่ง

คนถูกทักมองเป้ใบใหญ่ด้วยความแปลกใจ ก่อนมองไปด้านหลัง

เหมือนหาอะไรบางอย่าง แล้วเอ่ยถาม

“แล้วคุณปืนล่ะวศิน” คุณเป้ หรือปวินท์ เอ่ยถามเมื่อไม่เห็นเงาของ

ผู้เป็นน้องชาย

“ไอ้พี่ปืนไปเป็นครูสอนโดดร่ม คงอีกหลายวันกว่าจะกลับ คุณเป้ ผม

ขอกาแฟแก่ๆ ขมๆ สักแก้วนะครับ”

สีหน้าของคนพูดดูไม่สดใสต่างจากที่เคย แต่ปวินท์ก็ไม่ได้ถามอะไร

เดินไปยังเครื่องชงกาแฟ และลงมือชงกาแฟตามที่ลูกค้าต้องการเงียบๆ

ช่วงเวลาที่กาแฟส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านเป็นช่วงเวลา

ที่ปวินท์รักที่สุด เพราะบรรยากาศแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงบและคลาย

เรื่องกังวลที่มีลงไปได้

“คุณเป้...ผมต้องลงไปทำงานที่ภาคใต้ครับ”

วศินบอกอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ทำให้มือที่กำลังคนกาแฟในถ้วยชะงัก

ก่อนที่จะตวัดสายตาขึ้นมองเมื่อได้ยินประโยคต่อมาว่า “ผมทะเลาะกับยายหว้า”

ลูกหว้า หรือวาริศา เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของวศิน เขาไม่เคยพบ

แต่ได้ยินวศินกับปวีร์พูดถึงหญิงสาวคนนี้บ่อยๆ ว่าเป็นลูกแหง่ติดพี่ชายอย่างวศินเอามากๆ

“คำสั่งมาถึงแล้วหรือ”

“ครับ มีการลับเปลี่ยนกำลังพอดี แล้วอีกอย่าง...ผมเองตอนแรกที่ให้

เลือกก็เลือกไปแล้วว่าจะไปที่นั่น แม้'ว่ามัน'จะมีข่าวไม่สู้ดีก็เถอะ แต่ที่นั่นก็ยัง เป็นประเทศไทย และมีคนไทยต้องการความดูแล

ครูนักเรียนและประชาชน ต้องการความคุ้มครองจากพวกผมมากกว่าคนไทยที่อยู่ในภาคอื่น” วศินบอก

พลางรับถ้วยกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นมาถือไว้ก่อนบอกเสียงอ่อย “แต่หว้าไม่อยากให้ผมไป”

“นายกลัวหรือเปล่า”

ทันทีที่ปวินท์พูดจบ วศินก็เงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดด้วยดวงตาวาววับ

ไม่มีแววกังวลหรือหวั่นกลัวปรากฏอยู่ในดวงตานั้นลักนิด มันเป็นแววตา

แบบเดียวกันกับทหารที่ยืนอยู่กลางสมรภูมิซึ่งพร้อมจะสู้จนตัวตาย เป็น

แววตาที่เขาเคยเห็นมาแล้วในอดีต

“ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวก็คงโกหก คนเรากลัวตายกันทุกคนแหละคุณเป้

แต่เมื่อเราเลือกอาชีพนี้แล้วก็เท่ากับเรารู้แล้วว่าจะได้ตายแบบไหน และถ้า

ความตายของเราทำให้อีกหลายคนอยู่ดีมีสุข มันก็น่าภูมิใจนะคุณเป้”

“ได้ยินข่าวว่าทหารบางคนก็ไม่อยากไป หาทางดิ้นรนใช้เส้นสายเพื่อ ไม่ต้องไปที่นั่นกัน” ปวินท์พูดขึ้นลอยๆ

“เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึกนะคุณเป้ มันสอนกันไม่ได้หรอก โรงเรียน ไหนก็สอนไม่ได้ เรื่องความกลัวน่ะใครๆ ก็กลัวทั้งนั้นแหละ

ผมน่ะลงไปที่นั่น ครั้งแรกยังกลัวเลย พ่อแม่พี่น้องกังวลกันไปหมด แต่มันเป็นหน้าที่ของเรา

พออยู่ไปนานๆ มันก็ชิน ความกลัวมันก็หดหายไปเหมือนไส้ติ่งถูกตัดนั่น

แหละ อีกอย่างผมเป็นตำรวจ เตรียมใจไว้ตั้งแต่ผมเลือกเรียนทางนี้แล้ว ไม่ว่า

ที่ไหนที่จะสามารถปกป้องประเทศและคนในประเทศได้ผมไม่เคยหวั่น ถึงที่ที่ กำลังจะไปจะมีข่าวทหารตำรวจตายกันทุกวันก็เถอะ ผมถือว่าคนเราถ้าถึงฆาต

อยู่ที่ไหนก็ตายทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะตายเพื่ออะไรเท่านั้น...ผมว่าคุณเป้เองก็คง

รู้สึกไม่ต่างกับผม เพราะตระกูลคุณเป้ก็เป็นตระกูลทหารนี่ครับ”

คำพูดนั้นทำให้คนฟังอดยอกแสยงใจไม่ได้

อาจจะใช่ที่คนในตระกูลเป็นทหารมาทุกรุ่น คงจะมีแต่รุ่นเขากระมัง

ที่แหกคอกจนบิดาแทบจะตัดพ่อตัดลูกกันไปหมด เริ่มตั้งแต่พี่ชายคนโต

ปริเยศ หรือคุณปัน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่บิดาตั้งความหวังไว้ว่าจะ

ส่งเข้าโรงเรียนนายทหารที่สืบต่อกันมาเพื่อให้เดินตามรอยเท้าท่านและปู่ แต่ ปริเยศก็หนีไปสอบเช้าเรียนคณะนิติฯ จนกลายเป็นทนายความชื่อดัง ความ

หวังทั้งหมดของบิดาจึงเบนมาที่ปวินท์ ลูกชายคนที่สองของบ้าน

ปวินท์เช้าเรียนโรงเรียนนายทหารอย่างที่บิดาต้องการ แต่เช้าไปอยู่ใน หน่วยรบพิเศษของกองทัพได้ไม่กี่ปีก็มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาตัดสินใจ

ละทิ้งชีวิตอันรุ่งโรจน์ในฐานะทหารหนุ่มอนาคตไกลจนทุกคนพากันตกใจกับ

การกระทำของเขา โดยเฉพาะบิดานั้นถึงกับตัดเป็นตัดตายเมื่อรู้ว่าเขามาเปิดร้านกาแฟเล็กๆ แห่งนี้

ส่วนน้องชายฝาแฝดของเขา ปวีร์ หรือคุณปืน ที่แตกต่างกับเขา

ราวขาวกับดำ เหมือนกลางคืนกับกลางวัน ตั้งแต่เด็กแล้วที่บิดาไม่สามารถ

บังคับปวีร์ได้แม้แต่เรื่องเดียว ปวีร์มักจะหาทางไปยังจุดหมายที่เขาต้องการ

ได้เสมอ ไม่ว่าทางนั้นจะทำให้บิดาโกรธจนขู่จะตัดออกจากกองมรดก หรือจะ

ทำให้มารดาเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ปวีร์ก็ยังรั้นที่จะทำเพื่อให้ใดีในสิ่งที่ตนเอง ต้องการ จนเรื่องท้ายสุดคือการแหกคอกตระกูลทหารหลายชั่วคนไปเป็น

ตำรวจตระเวนชายแดนยศเล็กๆ โดยไม่ยอมรับความช่วยเหลือหรือเส้นสาย

ใดๆ ทั้งสิ้น นั่นให้บิดายิ่งโกรธมากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นตัดความช่วยเหลือทั้งหมด กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่คลายความโกรธต่อปวีร์ในเรื่องที่ผ่านมา

ปวินท์ถอนหายใจยาวเหยียดเมื่อหวนคิดถึงเรื่องเก่าในอดีตที่พันผูกเป็นลูกโซ่โยงใยมาจนทุกวันนี้

“ที่ผมกังวลก็เรื่องหว้านั่นแหละคุณเป้ รายนั้นน่ะไม่ยอมเข้าใจอะไร

เลย ทันทีที่ผมบอกว่าต้องลงใต้ เขาก็เริ่มโวยวาย งอแงไม่ยอมให้ผมไป” คนเล่าหน้าเครียด

“น้องสาวติดพี่ชายก็อย่างนี้แหละ คนไม่เคยแยกจากกัน แต่อีกหน่อยก็ชิน”

“ผมให้กลับบ้านก็ไม่ยอม บอกจะอยู่ที่นี่คนเดียว”

“น้องสาวนายทำงานแล้วไม่ใช่หรือ” ปวินท์เอ่ยถามแล้วหันไปส่งยิ้ม บางๆ ให้ลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้าร้านมา “สักครู่นะวศิน”

ปวินท์บอกพร้อมกับหยิบเมนูเดินตามนิสิตสาวสามสี่คนซึ่งเป็นลูกค้า ประจำไปยังโต๊ะประจำของเธอ แล้วเดินกลับมาหลังจากจดรายการที่ลูกค้า

แต่ละคนต้องการลงในสมุดเล็กๆ ที่พกเอาไวในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนเรียบร้อยแล้ว

“ผมมีเรื่องรบกวนคุณเป้”

วศินบอกเมื่อเจ้าของร้านหนุ่มกลับมายีนประจำที่อยู่หลังเคาน์เตอร์

“ว่ามาสิ”

“ผมขอล่งจดหมายมาที่นี่ได้ไหมครับ”

“ทำไมไม่ส่งไปที่บ้าน” แววตาแปลกใจฉายชัดในดวงตาเจ้าของร้าน

กาแฟชื่อแปลกเมื่อเงยขึ้นสบตาคนร้องขอ แล้วก้มหน้าก้มตาชงกาแฟต่อ

“เพราะถ้าวันไหนที่ผมเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ผมจะให้เขาโทรศัพท์มาที่นี่ คุณเป้จะรู้เป็นคนแรก และหลังจากนั้นผมฝากคุณเป้ดูหว้าให้ผมด้วย ถือว่า

ผมขอร้องนะคุณเป้นะ”

“ปากเป็นมงคลเสียจริงนะไอ้วศิน” นานๆ ที ปวินท์จึงจะใช้คำว่า ‘ไอ้’ นำหน้าชื่อของคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้แกมเห็นใจ

ปัญหาชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและเรื้อรังมานานเกินกว่า

ที่ทหารและตำรวจยศเล็กๆ เพียงไม่กี่คนจะแก้ปัญหาได้ ส่วนที่ตายเพราะ ผู้ก่อการร้ายก็ตายกันไป ส่วนที่ยังโชคดีมีชีวิตอยู่ก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะถึงคราว

ของตนก็ได้แต่ทำงานสู้รบรับมือกันต่อไป และสุดท้ายก็คงได้แต่ยืนมองศพ

ของเพื่อนร่วมรบมีผืนธงชาติคลุมร่างส่งคืนครอบครัวเท่านั้น แม้ว่าเขาจะ

ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบอีกแล้ว แต่อดีตทหารอย่างเขารู้ดี เพราะความรู้สึกเมื่อ

เพื่อนถูกฆ่าตายก็คงไม่แตกต่างกัน

“ก็พูดเผื่อๆ เอาไว้น่ะคุณเป้” คนพูดพูดไปหัวเราะไป “เราไม่ได้โชคดี

กันทุกรันหรอกครับ ทหารที่อาสาลงไปทางใต้น่ะเตรียมใจก้นไว้ทุกคน ผมเอง

ก็เผื่อๆ เอาไว้เท่านั้นเอง ตัวผมน่ะไม่คิดอะไรหรอก เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะ

ผมรู้ว่าผมท่าทุกวันนี้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว”

มือที่กำลังคนกาแฟในแก้วหยุดนิ่งทันที ปวินท์เงยหน้าขึ้นสบตาคนที่

เป็นเพื่อนสนิทของน้องชาย แววตาคู่นั้นแน่วแน่และจริงจังจนเขาไม่อาจเอ่ย

คำปฏิเสธออกมาได้ เพราะอย่างน้อย...

นี่อาจเป็นโอกาสชดเชยความผิดที่เขาเคยท่าพลาดในครั้งนั้นก็ได้

แค่คิดเขาก็รู้สึกถึงตะกอนขุ่นๆ ที่ฟังขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจแล้ว

“แล้วแฟนน้องสาวนายล่ะ” ปวินท์ย้อนถามเสียงเรียบพลางยกถ้วย

กาแฟที่ชงเสร็จเรียบร้อยวางลงในถาด และยกขึ้นส่งให้วศินที่มองตาปริบๆ

ด้วยความสงสัย เจ้าของร้านจึงต้องเอ่ยปากบอกว่า “เอาไปเสิร์ฟแขกโต๊ะสามให้ที”

 

วศินรับถาดกาแฟมาถืออย่างว่าง่าย แล้วเดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะตามที่

เจ้าของร้านหนุ่มสั่ง เมื่อเขาเดินกลับมาอีกที ปวินท์กำลังถือกระบอกฟ็อกกี้

ฉีดนํ้าตามกระถางดอกกล้วยไม้ที่แขวนประดับชายคาร้าน

“คุณเป้” วศินเรียกเสียงท้อ พร้อมกับเดินลากเท้าตาม “ตกลงใช่ไหมครับ”

“แล้วทำไมไม่ไปขอร้องเพื่อนชี้นายล่ะ” ปวินท์โยนกลองไปให้น้องชายที่เป็นรุ่นพี่ของวศินทันที

“ถ้าไอ้คุณพี่ปืนอยู่กับที่ผมก็คงจะรบกวนไปแล้ว แตนแรดไปโน่นมานี่ ไม่ได้หยุด สอนโดดร่มเสร็จ กลับเข้ากรม วิ่งไปดูเด็กใหม่ เดี๋ยวก็หนีไป

โดดร่มกับพวกที่มาแช่งบ้างละ ไม่เคยเห็นได้อยู่เป็นที่เป็นเรื่องเป็นราวสักที

นะคุณเป้ ถือว่าช่วยผมหน่อยเถอะ ยายหว้ามันก็ยิ่งไม่เหมือนใครอยู่แล้ว

รายนี้น่ะฟังใครเสียที่ไหน แล้วยิ่งกับไอ้คุณพี่ปืนยิ่งแล้วใหญ่ ไม้เบื่อไม้เมากันเชียวละ”

“แล้วนายรู้ได้ไงว่าน้องหว้าของนายจะฟังฉัน” ปวินท์หันกลับมาถามสีหน้าจริงจัง

“ก็ไม่แน่ใจหรอก แต่คิดว่ายายลูกหว้าคงฟังคุณเป้บ้าง ดีกว่าให้ไปฟัง

ไอ้คุณปืน ถึงหน้าตาจะเหมือนกัน แต่รัศมีความน่าเกรงขามมันต่างกัน พี่เป้

ใจเย็นในขณะที่ไอ้พี่ปืนชี้โวยวาย”

เหตุผลที่ได้ยินแม้จะไม่เข้าท่าเท่าไร แต่คนอย่างปวินท์ก็ไม่ใช่คนใจดำ

ที่จะไม่รับฟังคำขอร้องแบบนี้ อย่างน้อยนี่ก็เป็นทางหนึ่งที่อาจจะช่วยผ่อน ภาระในใจของวศิน จะได้ไปทำงานอย่างสบายใจ

“ตกลง”

“มีอีกเรื่องที่ผมต้องฝากคุณเป้ด้วย”

“อะไรอีก”

“เรื่องแฟนยายหว้า ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเลยที่ยายหว้าคบกับหมอนี่

ท่าทางมันแปลกๆ ผมไม่ค่อยไว้ใจ อีกอย่างวันนี้ผมจะฝากกุญแจบ้านไว้กับ

คุณเป้นะครับ เมื่อเช้าพอทะเลาะกันแล้วหว้ามันก็ออกไป กุญแจบ้านก็ไม่

เอาไป แต่ที่ทำงานมันก็อยู่แถวๆ นี้ ผมเลยโทร.ไปบอกให้มันแวะมา” วศิน

บอกพลางล้วงกุญแจบ้านออกมาส่งให้แล้วหยิบเป้ใบย่อมขึ้นมาสะพายบ่า

“แล้วจะไปวันนี้เลยหรือ”

“เปล่าครับ ไปพรุ่งนี้ แต่วันนี้ผมจะเช้าไปนอนที่กรมครับ วันนี้เป็น

รันสุดท้ายที่ผมลากลับบ้านไปดูพ่อที่ราชบุรี” เจ้าตัวบอกตรงๆ ก่อนหยิบเงิน

มาวางตรงหน้าเป็นค่ากาแฟ แต่อีกฝ่ายเลื่อนเงินนั้นคืนไป

“เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นเถอะ กาแฟแก้วเดียวฉันเลี้ยงได้” เจ้าของร้าน

หนุ่มบอก ก่อนเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ระวังตัวด้วยนะวศิน”

“ขอบคุณครับคุณเป้ ยังไงผมฝากยายหว้าด้วย แล้วฝากบอกไอ้คุณ

พี่ปืนด้วยว่าผมลงใต้” วศินบอกก่อนเดินออกจากร้านไป

ปวินท์มองตามด้วยแววตาห่วงใย แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องหันกลับไป

สนใจลูกค้าที่เรียกหาชาแอปเปิลแทน

 

อากาศยามบ่ายภายในร้าน Silver Fall’s เงียบสงัด หากอบอวล

ไปด้วยกลิ่นกาแฟที่เจ้าของร้านกำลังชงให้ตัวเอง เนื่องจากเวลาบ่ายอย่างนี้มัก

ไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไร เพราะเป็นเวลาทำงานของมนุษย์เงินเดือน

ชายหนุ่มเดินถือถ้วยกาแฟมาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวโปรดริมระเบียง

กวาดตามองไปรอบร้านดูความเรียบร้อยเพี่อเตรียมรอรับลูกค้าในช่วงเย็น

อีกครั้ง ก่อนจะยืดขายาวๆ ไปพาดไว้กับเก้าอี้อีกตัว ยกมือขึ้นแก้มวยผม

ที่มัดเอาไว้หลวมๆ

เขาเริ่มไว้ผมยาวอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่ทำให้เขา ตัดสินใจลาออกจากราชการ และจะไม่ตัดมันอีกจนกว่าเรื่องราวในครานั้น

จะเรียบร้อยกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องราวที่มีคนเพียงไม่กี่คนรู้ข้อเท็จจริงซึ่งไม่อาจ

พูดให้ใครฟังได้เพราะไร้ซึ่งพยานและหลักฐาน ที่สำคัญมันถูกปิดคดีไป

แล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ

                                      (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

นายทหารหนุ่มอนาคตไกลที่ชีวิตทางการทหารต้องมาดับวูบลงเพียงเพราะความทรงจำของการตายจากอุบัติเหตุของนักเรียนดำน้ำที่เขาไปเป็นครูสอนพิเศษ ทำให้เขาไม่สามารถดำน้ำได้อีกต่อไป คุณเป้ หรือ ปวินท์ ลูกชายคนที่สามของตระกูลนายทหารหลายชั่วอายุคน หลังจากลาออกจากราชการทหารแล้วเขามาเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีชื่อตามต้นไม้เล็ก ๆ ใบสีเงินจิ๋ว ๆ ว่า Silver Fall’s คุณเป้มีน้องชายฝาแฝดคือคุณปืน ที่เป็นนายตำรวจตระเวนชายแดน ซึ่งวาริศาน้องสาวเพื่อนสนิทของคุณปืนแอบหลงรักอยู่ แต่ทันทีที่คุณปืนปฏิเสธเธอก็ประชดโดยการหันไปคว้าครูศิลปะหนุ่ม สิปปภาค มาเป็นแฟนโดนไม่สนใจคำเตือนของพี่ชายและคุณปืนว่า สิปปภาคไม่ใช่ผู้ชายแท้ ๆ เหตุวุ่น ๆ เกิดขึ้นเมื่อวศินพี่ชายของวาริศาต้องลงไปประจำสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขานำปัญหาที่เกิดขึ้นกับวาริศา เรื่องที่เธอไม่ไต้องการให้เขาลงไปทางใต้มาปรึกษากับคุณเป้ เพราะระหว่างนั้นเพื่อนสนิทอย่างคุณปืนกำลังไปเป็นครูสอนโดดร่ม และฝากกุญแจบ้านไว้กับคุณเป้ จุดนั้นจึงทำให้วาริศาและคุณเป้มีโอกาสได้รู้จักกัน และร่วมถึงเหตุการณ์ที่หลายอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างคุณเป้และวาริศาทำให้เขาสนิทกันมายิ่งขึ้น ทว่าวันหนึ่งหญิงสาวได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ เป็นเวลาใกล้เคียงกับปวินท์ถูกปองร้าย โดยชนวนคือเหตุการณ์ในอดีต อันตรายย่างกลายเข้าหาคนทั้งคู่ ขณะที่หัวใจค่อยๆหลอมรวมเป็นดวงเดียวกันเขากับเธอต้องฝ่าฟันอันตรายไปให้ได้


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024