มาสคอตสื่อรัก (ธาราส)

มาสคอตสื่อรัก (ธาราส)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160003426
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 230.00 บาท 57.50 บาท
ประหยัด: 172.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ดวงตากลมโตสีแดงขนาดใหญ่ยักษ์เกือบเท่าหัวเด็กจ้องมอง

มาทางหญิงสาวเขม็ง ถ้าหากในดวงตาของมันไม่มีประกายสีขาววิบวับ

เธอต้องคิดว่ามันเป็นตุ๊กตาสยองขวัญโดยไม่ลังเลเลย คิดแล้วปิณฑิรา

ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ละสายตาจากเจ้าตุ๊กตาตัวปัญหามาพูดกับ

ช่างตัดเย็บคนสนิท

“พี่หนิม ปิ่นว่าไอ้ตัวนี้มันไม่ค่อยน่ารักบ้องแบ๊วอย่างที่ลูกค้าต้องการ

เท่าไหร่นะคะ มันเหมือน...กำลังจ้องอาฆาตเราอยู่ยังไงก็ไม่รู้สิ”

“ไหนดูซิ พี่ก็ทำตามลูกค้าบอกทุกอย่างแล้วนะ เปี๊ยบเลย”

หนิม สาวประเภทสองร่างใหญ่ ขนาดตัวเล็กกว่าตุ๊กตามาสคอต

ที่เจ้าหล่อนกำลังขะมักเขม้นทำอยู่เพียงนิดเดียว ผมดัดสั้นย้อมสีน้ำตาล

ฟูฟ่องหวีรวบไว้กลางหน้าผาก ประดับด้วยกิ๊บสีสดร้องถาม แล้วปราด

เข้ามายืนขนาบข้าง ในมือยังถือผ้าขนฟูหลากสี สายวัดพาดรอบคอ เอียงคอ

สำรวจ ก่อนยอมรับเสียงอ่อย

“จริงด้วย หน้าตามันน่ากลัวเนอะ”

“แก้ได้ไหมคะ” ปิณฑิราถามอย่างหนักใจ ต่อให้แก้ไม่ได้ก็ต้อง

ตัดใจรื้อใหม่นั่นละ จะปล่อยงานอย่างนี้ออกไปไม่ได้เด็ดขาด ลูกค้าได้

โวยวายตาย แถมหลอนอีกต่างหาก

“คงต้องใช้เวลาหน่อย ปิ่นช่วยเลื่อนกำหนดลูกค้าหน่อยได้ไหม

พี่ขอเวลาสองวัน” ช่างตัดเย็บทำเสียงอ้อน ยกมือขึ้นนวดไหล่เบาๆ เป็นการเอาใจ

“ค่ะ ปิ่นจัดการเอง แต่พี่หนิมอย่าพลาดบ่อยๆ นะคะ เดี๋ยวลูกค้า

จะบ่นเอาได้ว่าร้านเราทำงานช้า”

“ขอบใจจ้ะ พี่จะเร่งงานนี้ให้ทั้งวันทั้งคืนเลย ไม่เสร็จไม่นอน”

หนิมรับรองหนักแน่น ทำให้ปิณฑิราพอวางใจได้บ้าง ครั้งนี้เธอยอมยกให้

เป็นกรณีพิเศษ แต่ไม่วายต้องกำชับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่งานผิดพลาด

ปิณฑิราเป็นเจ้าของร้าน ‘แฟนตาซีมาสคอต’ ย่านใจกลางเมือง

นำเข้าตุ๊กตาน่ารักจากต่างประเทศมาจำหน่ายโดยเฉพาะตุ๊กตาและของเล่น

แปลกๆ ที่ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย แต่สิ่งที่ทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ

มากกว่าคือรับผลิตมาสคอตประเภทออกแบบตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่ง

ทำให้มูลค่ากิจการของเธอไม่เล็กเหมือนขนาดร้าน มันกำลังไปได้สวย

ทีเดียว แม้ว่าจะเปิดมาได้เพียงหนึ่งปีเท่านั้น

ร้านแฟนตาซีมาสคอตเป็นทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดย่อม อยู่ในซอย

ใหญ่กลางเมือง ถึงไม่ติดถนนสายหลัก แต่ก็มีผู้คนพลุกพล่านเหมาะ

สำหรับประกอบธุรกิจ แถมรถไฟฟ้าก็อยู่ไม่ไกล เดินทางได้สะดวกสบาย

พื้นที่หน้าร้านถูกแบ่งไว้ให้จอดรถได้หนึ่งคัน ซึ่งหมายถึงเจ้ารถอีโคคาร์

สีเขียวอ่อนสะท้อนแสงคันโปรดของเธอ ส่วนพื้นที่ที่เหลือจัดเป็นสวน

หย่อมตามสไตล์อังกฤษให้ดูร่มรื่นและน่าสนใจ ดึงดูดให้คนเข้าร้านมากขึ้น

ด้วยความที่เป็นร้านไม่ใหญ่นัก เลยมีลูกจ้างเพียงแค่สองคนเท่านั้น

หนึ่งในนั้นคือหนิม สาวประเภทสองผู้มีฝีมือเย็บปักยอดเยี่ยม ต้องยอมรับ

ว่าที่ลูกค้าสั่งงานเข้ามาเรื่อยๆ แถมยังบอกปากต่อปากให้คนมาใช้บริการร้าน

เธอ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะหนิมนี่เอง เสียอย่างคือพักนี้หนิมมักใจลอย

อยู่บ่อยๆ และทำงานตามออร์เดอร์พลาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน

หญิงสาวไม่เคยถามสาเหตุ แต่เจ้าตัวก็มักโพล่งมาเองอยู่เป็นประจำ

หนิมมักมีเรื่องปวดหัวอยู่เสมอ บางทีก็รักหนุ่มแล้วเขาไม่แล หรือไม่ก็

อกหัก วนเวียนอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ ทว่าก็ไม่เห็นเคยเข็ดกับความรักสักที

เขาว่ามนุษย์มักไขว่คว้าหาสิ่งที่ตัวเองไม่อาจครอบครอง หนิม

อาจเป็นเช่นนั้นละมั้ง

ส่วนเธอน่ะหรือ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งหลายปี อายุก็ย่างเข้า

ใกล้เลขสามเข้าไปทุกที ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลงจากคานทองนิเวศน์

ปิณฑิราไม่เคยมีคนรัก เธอมักบอกคนอื่นว่าไม่เคยมีโอกาสสักที

สมัยเรียนก็คร่ำเคร่งกับตำรามากเกินไป พอเรียนจบ แล้วค้นหาตัวเอง

จนรู้ว่าชอบงานประเภทไหนก็ต้องเริ่มทำธุรกิจของตัวเองให้มั่นคง จน

แทบไม่เหลือเวลาพบปะทำความรู้จักกับใคร

เห็นทีเธอคงต้องแต่งกับงานเสียละมัง...

ใช่ว่าหญิงสาวหน้าตาดูไม่ได้ ตรงกันข้าม ปิณฑิรามีผิวขาวเนียน

ละเอียด รูปหน้าเรียว คิ้วโก่งได้รูป รับกับดวงตามีแววกระตือรือร้น ช่าง

สงสัย จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อโดยไม่ต้องพึ่งลิปสติก ทาเพียง

ลิปกลอสบางๆ เล็กน้อยก็ดูสดใส ผมตรงยาวถึงกลางหลัง ด้านหน้า

ตัดหน้าม้าตรงเท่าคิ้วสีดำสนิท มองดูคล้ายเด็กสาวมากกว่าหญิงทำงาน

วัยยี่สิบปลายๆ

เรื่องไร้คู่ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเธอหรอก ยกเว้นยามต้องนั่ง

รับฟังพร้อมทำหน้าที่ศิราณีเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้หนิมนั่นละ เธอ

เป็นต้องย้อนคิดถึงตัวเองทุกครั้งไป ด้วยเหตุนี้เลยสมัครใจขออยู่ห่างๆ

จากเรื่องส่วนตัวของฝ่ายนั้น เพราะไม่อยากให้ย้อนเข้าตัว

บอกตัวเองว่าหญิงโสดออกทั่วบ้านทั่วเมือง จะมีเธออีกสักคน

เข้าชมรมคนโสดจะเป็นไรไปล่ะ

แต่ทำไม...พอคิดแล้วต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยนะ...

“ถอนหายใจทำไมคะพี่ปิ่น” เสียงร้องทักใสๆ ดังขึ้น ทำเอาคน

ใจลอยไปถึงไหนต่อไหนสะดุ้งโหยง รีบดึงตัวเองออกจากความคิดฟุ้งซ่าน

หันมายิ้มให้คนทัก

“เปล่าจ้ะ” เธอปฏิเสธ

“เกี่ยวกับเรื่องมาสคอตตัวนั้นหรือเปล่าคะ พี่หนิมฝากบอกว่า

ไม่ต้องห่วง รับรองเสร็จทันตามที่บอกแน่”

“พี่ไม่ห่วงเรื่องนั้นแล้วละ ว่าแต่มินท์เถอะ กินข้าวมาหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ซื้อเส้นเล็กน้ำตกมาฝากพี่ปิ่นด้วย วางไว้ใน

ห้องทำงาน พี่ปิ่นรีบกินเถอะ นี่ก็เลยเที่ยงมาแล้ว เดี๋ยวจะปวดกระเพาะ”

“ขอบใจนะ”

มินตราเป็นรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัย และปัจจุบันยังเป็นหุ้นส่วน

ร้านแฟนตาซีมาสคอตด้วย จุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองเจอกันคือห้องสมุด

เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้เธอถูกใจรุ่นน้องคนนี้ เลยคบหากันเรื่อยมา

ถึงขนาดชวนร่วมหุ้นตั้งร้าน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย

เธอมักเปรียบมินตราเหมือนตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวน้อยราคาแพง

น่าทะนุถนอม รูปลักษณ์ของหล่อนทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้น ตัวเล็ก ผิวขาว

ดวงหน้ากลม น่ามองไปทุกอิริยาบถ นิสัยก็อ่อนโยน เป็นห่วงเป็นใยคนอื่นเสมอ

ขนาดเธอเคยปวดท้องอย่างหนักเพราะโรคกระเพาะเมื่อครึ่งปีก่อน

เพราะมัวแต่คร่ำเคร่งกับการทำงาน มินตรายังจำได้ ตั้งแต่นั้นมาก็คอย

เป็นธุระเตือนให้เธอกินข้าวตรงเวลาเสมอ อันเป็นสิ่งที่เธอซาบซึ้งในน้ำใจ

รุ่นน้องมาโดยตลอด เธอเสียอีกยังดูแลตัวเองน้อยกว่าที่มินตราคอยดูแล

ปิณฑิราเหลือบมองออกไปหน้าร้าน ตัวทาวน์เฮาส์นั้นแบ่งเป็น

ด้านในและด้านนอก ส่วนด้านใน ชั้นล่างทำเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเธอ

กับมินตราคนละครึ่ง ส่วนชั้นบนมีห้องครัวและห้องตัดเย็บ หน้าร้านแต่ง

ด้วยสีขาวสะอาดตา แซมด้วยลวดลายดอกไม้หวานใส สมกับเป็นร้าน

ในฝันของเด็กผู้หญิง ชั้นวางสีขาวติดผนังประดับด้วยตุ๊กตาน่ารักที่เธอ

เลือกหามาเองกับมือทุกชิ้น แม้กระทั่งของกระจุกกระจิกก็ล้วนแล้วแต่

มีความหมายกับเธอทั้งสิ้น มาสคอตที่ลูกค้าสั่งทำนั้นไม่เคยนำออกมาโชว์

แต่หญิงสาวมักให้ช่างทำมาสคอตเหล่านั้นด้วยขนาดจำลองเพื่อเป็นแบบ

ให้ลูกค้าที่เข้ามาสั่งทำได้เห็นผลงานก่อนตัดสินใจ ชุดหนึ่งเธอตั้งไว้หน้า

ร้าน ส่วนอีกชุดติดกระเป๋าไว้เป็นประจำ

หญิงสาวหันหลังเดินเข้าห้องทำงาน ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวม

สีครีม เส้นเล็กน้ำตกของโปรดวางรออยู่แล้วอย่างที่หุ้นส่วนสาวบอก

พร้อมวางชามไว้ข้างๆ จัดเตรียมไว้พร้อมจริงๆ ทำให้เธอไม่ต้องเดินขึ้น

ไปห้องครัวอีกรอบ...สมกับเป็นมินตรา

ยังไม่ทันได้จัดการอาหารกลางวันอย่างตั้งใจ เสียงเคาะประตูก็

ดังขึ้น เบา...แต่ค่อนข้างถี่

“ใครคะ” เจ้าของห้องร้องถาม

“พี่หนิมเองฮ่ะ น้องปิ่น”

โดยไม่รอคำตอบ คนเรียกก็เดินเข้ามาในห้อง หน้าตาไม่ค่อยสู้ดีนัก

“มีอะไรหรือคะ เกิดปัญหาอะไร ลูกค้าเหรอ”

“เปล่าฮ่ะ น้องปิ่น คือ...เมื่อกี้พี่เดินไปหน้าร้าน กำลังจะออกไปซื้อ

มะม่วงจิ้มกะปิกินให้หายง่วง แล้วบังเอิญเจอน้องมินท์กำลังคุยอยู่กับ...

เอ่อ...เอาเป็นว่าน้องมินท์ให้พี่มาตามน้องปิ่นฮ่ะ”

หญิงสาวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่หนิมพูดสักนิด เหมือนจับต้นชนปลาย

ไม่ถูกอย่างไรก็ไม่รู้ ซึ่งมักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอีกฝ่ายตกใจ เธอเลย

รีบลุกเดินออกไป

พอเดินออกไปหน้าร้าน ปิณฑิราก็ได้เห็นว่าต้นเหตุที่ทำให้หนิม

เลิ่กลั่กนักหนาคือตำรวจนายหนึ่ง เขากำลังยืนคุยกับมินตราด้วยสีหน้า

เคร่งเครียด พอเห็นเธอเข้าก็ยืดตัวตรง แล้วถาม

“นั่นใช่ไหมครับ”

“ค่ะ” มินตราตอบ แล้วเดินผละมาหาปิณฑิรา พูดเบาๆ ว่า

“มินท์ให้พี่หนิมไปตามพี่ปิ่น คุณตำรวจคนนี้อยากพบพี่น่ะค่ะ”

“มีอะไรหรือคะ”

“คุณปิณฑิราใช่ไหมครับ” ตำรวจถาม เธอพยักหน้า เขาจึงพูดต่อ

“ผมขอเชิญคุณไปที่สถานีตำรวจ ไม่ทราบมีเวลาหรือเปล่า”

เธอมองหน้าเขา แอบคิดว่าหากเธอตอบว่าไม่มีเวลาจะเป็นอะไร

หรือเปล่า แต่ไม่อยู่ในอารมณ์ล้อเล่นขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องตกใจ อยู่ๆ

มีตำรวจมาขอให้ไปโรงพัก เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

“ฉันถูกจับหรือคะ ข้อหาอะไร” โพล่งถามออกไปแล้วก็นึกได้ว่า

ช่างเป็นคำถามที่ตลกจริงๆ

นายตำรวจทำหน้าปั้นยาก คงไม่คาดคิดว่าจะเจอคำถามอย่างนี้

เช่นกัน เขากระแอม ก่อนตอบว่า

“เปล่าครับ ผมต้องการเชิญคุณไปให้ปากคำเกี่ยวกับ...คดี”

ไม่มีการอธิบายว่าเป็นคดีอะไร แต่ปิณฑิราก็ตอบตกลง เพราะ

อยากรู้...และอยากเป็นพลเมืองดี

เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร

 

ภายในสถานีตำรวจค่อนข้างเงียบ ปิณฑิราไม่เคยมาสถานที่แบบนี้

มาก่อนเลยค่อนข้างตื่นตา ไม่มีผู้ร้ายโดนใส่กุญแจมือนั่งอยู่ในห้องขัง

หรือผู้เสียหายนั่งร้องไห้คร่ำครวญแจ้งความกับร้อยเวร ตรงกันข้าม

มันกลับสงบราวกับเป็นออฟฟิซแห่งหนึ่ง ไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนปฏิเสธจะ

เข้ามา ยกเว้นยามเดือดร้อน

 

ตำรวจคนที่มาด้วยพาเธอเข้าไปในห้องว่างๆ ห้องหนึ่ง ปิณฑิรา

นั่งลงอย่างว่าง่าย จนบัดนี้เธอยังไม่รู้เลยว่ามาทำไม เพื่อนร่วมทางของ

เธอไม่พูดอะไรเลย บอกแต่ว่าไม่ได้รับอนุญาตให้บอก เธอก็เลยไม่เซ้าซี้

คิดว่าเดี๋ยวก็รู้เอง

ระหว่างทางเธอคิดไปร้อยแปด เจ้าของร้านผลิตมาสคอตอย่างเธอ

จะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องผิดกฎหมายได้ หรือว่าจะเป็นกฎหมายลิขสิทธิ์

เคยได้ยินมาอยู่เหมือนกันว่ามีการส่งคนไปสำรวจแล้วเรียกปรับเงิน

ไม่นะ ร้านของเธอนำเข้าสินค้าอย่างถูกต้อง ส่วนพวกตุ๊กตาที่วางโชว์เอา

ไว้บางตัวเธอก็เช็กจนแน่ใจแล้วว่า ไม่มีเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศ เพราะ

ฉะนั้นตำรวจไม่อาจจับเธอด้วยเรื่องนี้ได้

หญิงสาวท่องในใจ พอมีตำรวจเดินเข้ามาเมื่อไร เธอจะแก้ตัวด้วยเหตุผลนี้

คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ทันทีที่

สบตากัน ปิณฑิราถึงกับตกตะลึง เขาหน้าตาดี...ไม่สิ ต้องเรียกว่า

หล่อเหลาสุดๆ ต่างหาก หน้าตาคมเข้ม ผิวสีแทนอย่างนักกีฬากลางแจ้ง

รูปร่างสูงสง่าผ่าเผย อกกว้าง ไหล่ผาย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนจัดทรง

อย่างดี ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบมีทั้งแววฉลาดและรู้เท่าทันคน ซึ่งเหลือบ

มองเธอแวบเดียวก่อนหันกลับไปคุยกับตำรวจในเครื่องแบบที่เดินตามมา

“ไหนบอกว่าสารวัตรต้องการคุยกับผมไง” น้ำเสียงออกคำสั่งอยู่ในที

“เชิญคุณธาริตรอในห้องก่อนครับ สารวัตรกำลังจะมาครับ” ฝ่ายนั้นตอบ

ธาริต! เธอจำเขาได้แล้ว ผู้ชายคนนี้คือ ธาริต ฤกษ์ธนบดินทร์

หนุ่มโสดในฝันติดอันดับสองปีซ้อน และตอนนี้ก็ยังครองตัวเป็นโสดอย่างเหนียวแน่น

แต่ก็เพียงแค่โดยนิตินัยเท่านั้น...

                              (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ปิณฑิรากับธาริตถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมสุดโหด ซึ่งร่างไร้วิญญาณของเหยื่อทุกรายจะถูกสวมทับด้วยมาสคอต สองหนุ่มสาวจำต้องร่วมมือกันหาตัวคนร้าย แต่ยิ่งเข้าใกล้ความจริง ชีวิตยิ่งไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อเธออยู่ใกล้เขา ระหว่างสองนักสืบจำเป็นกับคนร้ายในเงามืด ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ เพราะมาสคอตที่บริษัทเขาซื้อมาจากร้านของเธอเป็นของกลางในคดีฆาตกรรม ปิณฑิรากับธาริตจึงทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง ความไม่ลงรอยกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจ คดีร้ายทำท่าจะกลายเป็นคดีรัก ระหว่างค้นหาตัวฆาตกร เขากับเธอต่างค้นใจกันและกันโดยไม่รู้ตัว อยู่ที่ว่าจะเจอสิ่งไหนก่อน เพราะมาสคอตที่บริษัทของธาริตใช้ในการโฆษณาสินค้า ซึ่งผลิตจากร้านของปิณฑิราเป็นของกลางในคดีฆาตกรรมสุดโหด ทั้งคู่จึงได้พบกันเมื่อต้องไปให้ปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย ครั้งแรกสองหนุ่มสาวปะทะคารมกันอย่างร้อนแรง แต่เหตุการณ์บังคับให้ทั้งสองต้องร่วมมือกัน ใครที่อยู่ใกล้ธาริตมีอันต้องตายไปทีละคนๆ ขณะที่ปิณฑิราก็ทนไม่ไหวเพราะร้านของเธอได้รับผลกระทบจากคดีนี้ แถมสังคมยังมองว่าเธอเป็นคนร้าย หญิงสาวจึงลงทุนเป็นนักสืบจำเป็น ตามสืบเรื่องราวจนใกล้จะค้นพบความจริง และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธาริตก็พัฒนาขึ้นไปจนกลายเป็นความห่วงใยและดูแลซึ่งกันและกัน ท่ามกลางอันตราย หัวใจสองดวงเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน และร่วมกันฝ่าอุปสรรคไปด้วยหัวใจกล้าแกร่ง คนร้ายนั้นอยู่ไม่ไกล แต่ไม่เคยมีใครคาดถึง จึงมองข้ามไป ฆาตกรเป็นใคร คำตอบอยู่ใน มาสคอตสื่อรัก


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024