เกมดอกงิ้ว (มุกเรียง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160015771
ผู้แต่ง: มุกเรียง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 330.00 บาท 82.50 บาท
ประหยัด: 247.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

แสงสว่างที่เกิดขึ้นในบ้านสองชั้นขนาดกลางบอกให้รู้ว่ามีคนเข้า

พักอาศัย หลังจากที่มืดมิดมาเกือบสองเดือน เพราะคนเช่าคนเก่าซึ่งเป็น

ชาวต่างชาติย้ายกลับประเทศบ้านเกิดไปแล้ว

นภนต์ บริบาล จอดรถหน้าบ้านหลังติดกัน แล้วมองไปยังบ้านเช่า

ราคาค่อนข้างสูงอย่างสนใจ...บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเดี่ยว มีบริเวณและพื้นที่

ใช้สอยรอบบ้าน เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวและมีรายได้

พอสมควรถึงจะสู้ค่าเช่าไหว

เขาลงไปเปิดประตูรั้วสเตนเลสแวววาวเพื่อนำรถเข้าไปจอดด้านใน

แต่มิวายมองเข้าไปในบ้านเช่าที่มีแสงสว่างอย่างสนใจ...แม่บอกเขาเมื่อ

สองวันก่อนว่ามีคนมาเช่าบ้านแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าย้ายเข้ามาวันไหน

นภนต์ขับรถเข้าไปจอดแล้วเดินกลับไปปิดประตู แต่ยังสนใจแสงสว่าง

ในบ้านเช่าของมารดา เขากวาดตามองเผื่อจะเห็นผู้เช่ารายใหม่จะได้ทักทาย

ทำความรู้จัก แต่ก็ไม่เห็นใคร เมื่อเดินเข้ามาในบ้าน กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ

ตลบอบอวลไปทั่ว จากที่เคยเดินขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อนำกระเป๋าเอกสาร

ไปเก็บ วันนี้เขากลับวางกระเป๋าลงบนโต๊ะใกล้บันได แล้วเดินตามกลิ่นหอมเข้าไปในครัวแทน

บนเตาแก๊สมีหม้อขนาดใหญ่วางอยู่ เปลวไฟด้านล่างแผดเผาก้นหม้อ

อย่างเมามัน เหนือปากหม้อมีควันโขมงหอมตลบไปทั้งครัว หญิงบั้นท้าย

ใหญ่สวมชุดกระโปรงยาวถึงข้อเท้ามีลวดลายเป็นดอกดวงสดใสซึ่งกำลัง

ขะมักเขม้นอยู่หน้าเตาทำเสียงจึ๊กจั๊กเหมือนไม่ได้ดั่งใจอะไรสักอย่าง

“ทำกับข้าวหรือทำสงครามครับแม่” นภนต์ทักขึ้น ยิ้มขัน แล้วเข้าไป

สวมกอดเจ้าของบั้นท้ายใหญ่ทรงเสน่ห์ ที่เวลาผ่านไปกี่ปีก็ทำร้ายเรือนร่าง

สวยงามไม่ได้ ก่อนจะหอมแก้มอีกฟอด

“โอย...ตาย เหงื่อทั้งนั้นนะลูก”

“เหงื่อก็เช็ด” เขาล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้มารดา แล้วก้มลง

หอมอีกฟอดใหญ่ “แล้วก็หอมอีกที กลิ่นไม่แตกต่าง กลิ่นแก้มแม่หอมชื่นใจ”

หทัยหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ดันร่างใหญ่ของลูกชายออกห่าง “รุจี

มาได้ยินเข้างอนตายเลย แก้มแม่หรือจะสู้แก้มเมีย”

“มันหอมคนละแบบ คนละกลิ่นกัน แม่อย่าเอาไปเปรียบกันสิ แต่

ถึงเทียบกันจริงๆ แก้มแม่ก็ต้องหอมกว่าสำหรับลูกอยู่แล้ว”

“ปากหวาน” นางลูบแก้มลูกชายอย่างแสนรัก...นภนต์ยิ่งโตยิ่ง

เหมือนพ่อ ทั้งหน้าตาที่ละม้าย นิสัยใจคอ โดยเฉพาะมธุรสวาจา สองพ่อลูก

ไม่เคยเอ่ยคำน้อยให้นางเสียใจ แต่น่าเสียดายที่คนเป็นพ่อเสียชีวิตไปด้วย

โรคร้ายเมื่อสามปีก่อน

“อุ๊ย! เกือบไปแล้ว” นางอุทานตกใจเมื่อกลิ่นอาหารติดก้นหม้อเตะจมูก

ดันบุตรชายออกห่างแล้วหันไปคนอาหารในหม้อ “ถ้าไหม้ละเสียดายแย่เลย”

“ทำไปไหนเยอะแยะครับ หรือร้านกาแฟจะเปลี่ยนเป็นร้านอาหาร”

เขาถาม ใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ก็สงสัยจริงๆ เพราะมันมากเกินกว่าครอบครัว

เล็กๆ จะรับประทานหมด

ครอบครัวเล็กๆ ของเขาประกอบด้วย มารดา รุจิรา...ภรรยาเขา

และตัวเขา นอกจากมีบ้านหลังติดกันไว้ให้เช่าซึ่งเพิ่งมีคนย้ายเข้ามาอยู่แล้ว

ยังมีร้านกาแฟเล็กๆ หน้าหมู่บ้านซึ่งภรรยาเขาดูแลอยู่ ส่วนเขาเป็นพนักงาน

บริษัทแห่งหนึ่ง รายได้รวมกันทั้งครอบครัวแม้ไม่มากมายแต่ก็ไม่น้อย

ใช้จ่ายได้อย่างสบาย รวมถึงมีสะสมไว้รอสมาชิกใหม่ที่กำลังจะลืมตาดูโลก

ในอีกหกเจ็ดเดือนข้างหน้า บ้านเขาไม่มีเด็กรับใช้หรือคนช่วยทำงานเพราะ

มารดาอยากประหยัดและชอบทำเอง ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว

ด้วยเหตุนี้เองรูปร่างจึงสวยสมส่วนไม่เปลี่ยนแปลง

เขาเคยได้ยินคนในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้เอ่ยชมว่ามารดาหุ่นดีจน

สาวๆ ยังต้องอาย ซึ่งเขาก็เห็นพ้องด้วย ตั้งแต่จำความและจำหน้าผู้หญิง

คนนี้ได้ แม้หน้าตาผิวพรรณจะเปลี่ยนแปลงบ้างตามกาลเวลา แต่รูปร่าง

ไม่เคยเปลี่ยน...แม่ไม่ใช่คนผอมเพรียวแต่เป็นคนสมส่วนค่อนไปทางอวบ

เอวเล็กสะโพกผายใหญ่จึงเป็นจุดสนใจทำให้รูปร่างชวนมอง พ่อที่เสียชีวิต

ไปแล้วรักแม่มาก ในวันที่อ่อนแอที่สุดก่อนจะสิ้นใจ พ่อกำชับให้เขาดูแล

แม่ให้ดี อย่าทำให้แม่เสียใจ ซึ่งเขาก็ทำเช่นนั้นมาตลอด เขาไม่เคยทำให้แม่

เสียใจและเชื่อฟังแม่ทุกเรื่องจริงๆ แม้กระทั่งการเลือกคู่ครอง

รุจิราเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่ซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อผู้ใหญ่

เห็นสมควร รุจิราไม่มีความคิดเห็น เธอบอกว่าตามใจผู้ใหญ่ คนตัดสินใจ

ก็คือเขา และเขาก็ทำตามที่แม่อยากให้เป็น เขายอมให้คลุมถุงชนโดยไม่

คัดค้านหรือปริปาก แต่เขากับรุจิราก็อยู่กันมาจนย่างเข้าปีที่สามและกำลัง

จะมีสมาชิกใหม่เพิ่ม เพราะเวลานี้เธอตั้งครรภ์ได้สองเดือนกว่าแล้ว

“เห็นบ้านเช่าไหมล่ะ คนเช่าย้ายเข้ามาแล้ว แม่เลยจะทำแกงไปเผื่อ

ทักทายกันอย่างเป็นทางการ” หทัยบุ้ยใบ้ไปทางบ้านเช่าหลังติดกัน

“อ๋อ ครับ อย่างนั้นผมไปล้างหน้าล้างตาก่อน แล้วจะไปพร้อมแม่

นะครับ จะได้ไปทำความรู้จักกันเอาไว้”

“ดีจ้ะ ถ้าเราดีกับเขา คนเช่าก็จะอยู่กับเรานานๆ ไม่ต้องร้อนหาคนมาเช่าใหม่บ่อยๆ”

นภนต์ขยับเข้าไปหอมแก้มมารดาอีกฟอด พร้อมชมว่าหอมที่สุด

ในสามโลก แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีออกไปจากครัว

หทัยมองตามบุตรชาย ยิ้มภูมิใจ...ลูกไม่ดื้อ ว่าง่ายมาแต่เล็ก และคง

เป็นเช่นนี้ตลอดไป ถือว่าเป็นบุญของคนเป็นพ่อเป็นแม่

หญิงชราผมขาวโพลนนั่งบนเก้าอี้โยกในห้องโถงหน้าโทรทัศน์ โยก

ตามจังหวะช้าๆ อย่างเพลิดเพลิน จับจ้องจอโทรทัศน์ผ่านแว่นสายตา

อย่างสนอกสนใจ ถัดไปยังโต๊ะกินข้าวซึ่งกั้นแบ่งด้วยชั้นวางของกระจุก-

กระจิก หญิงสาวรูปร่างแบบบางจัดสำรับวางบนโต๊ะ แล้วเดินเข้ามาหา

หญิงชราที่กำลังชมละครก่อนข่าวอย่างเพลิดเพลิน

“ย่า ไปทานข้าวค่ะ”

“ให้ละครจบก่อนไม่ได้หรือขม” หญิงชราเหลือบตาขึ้นสบ แล้วหัน

กลับไปสนใจละครต่อ

“อ้าว! ก็ขมถามเมื่อกี้ ทำไมย่าไม่บอกว่ายังไม่กิน ตักกับข้าวมาแล้ว

เย็นหมดพอดี”

“ขมกินก่อนสิ ย่าดูแป๊บเดียว”

“ถ้าอย่างนั้นขมขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อน” เขมนิจ พนารัตน์ มอง

ญาติผู้ใหญ่ของตนแล้วอดยิ้มไม่ได้ หญิงสาวหาฝาชีครอบอาหารบนโต๊ะ

ที่จัดเตรียมไว้สำหรับสองชีวิต แล้วเดินขึ้นชั้นสองของบ้าน

เสียงกริ่งสัญญาณดังบอกว่ามีแขกมาเยือน หญิงชราที่ใจจดใจจ่อ

อยู่กับจอโทรทัศน์ยักแย่ยักยันจะลุกขึ้นไปดู แต่เขมนิจรีบวิ่งลงบันได

โครมครามมาแล้วร้องห้าม

“ย่าจ๋า ขมไปเองจ้ะ” เธอเดินแกมวิ่งออกไปหน้าบ้าน มองเห็น

หญิงสูงวัยร่างสมส่วนเจ้าของบ้านเช่ายืนอยู่ที่ประตูรั้ว ยิ้มแย้มทักทาย

ตั้งแต่เธอยังไปไม่ถึง

“ทานข้าวกันหรือยังจ๊ะ ป้าเอาซี่โครงหมูตุ๋นใส่ฟักกับแกงเผ็ดเป็ดย่างมาให้”

“ยังไม่ได้ทานเลยค่ะ ย่าติดละครขอดูให้จบก่อน ขอบคุณค่ะ” เขมนิจ

เปิดประตูรับ พนมมือไหว้แล้วรับถาดอาหารมาถือไว้ “เข้าไปข้างในก่อนไหมคะ”

“ดีเลยจ้ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนนะ เพราะป้าตั้งใจมาทำความรู้จัก

ครอบครัวหนูพอดี” หทัยเดินเข้าบ้าน ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีมนุษยสัมพันธ์

“เชิญค่ะ วันนี้มีขมกับย่าสองคน อีกสองสามวันแม่คงตามมา...

ย่าจ๋า ป้าเจ้าของบ้านเอาแกงมาให้จ้ะ” เธอบอกผู้เป็นย่าเมื่อเดินเข้าบ้านมา

ผายมือเชิญหทัยให้นั่งตรงชุดนั่งเล่นใกล้กับย่าของตน แล้วนำถาดอาหาร

ไปวางบนโต๊ะ “ถาดกับชามขมเอาไปคืนวันหลังนะคะ”

หญิงสาวเดินกลับมานั่งลงตรงเก้าอี้ว่างข้างแขกที่กำลังสวัสดีทักทายวิไล ย่าของเธอ

“สวัสดีค่ะคุณน้า ฉันชื่อหทัย เป็นเจ้าของบ้านเช่า คนแถวนี้เรียกฉันว่าใจค่ะ”

“สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อวิไล นั่นขม...หลานสาว พวกเรามีแต่ผู้หญิง ยังไง

คุณก็ช่วยดูแลสอดส่องบ้านช่องให้บ้างนะ เวลาไม่มีคนอยู่บ้าน ว่าแต่บ้าน

คุณอยู่กันหลายคนไหม”

“มีฉัน ลูกชาย และลูกสะใภ้ แค่สามคนค่ะ เมื่อกี้ตานภ...ลูกชายก็

จะมาทำความรู้จักด้วย แต่บังเอิญเมียเขาไม่สบายโทร. ให้พาไปหาหมอ...

ลูกสะใภ้ฉันเปิดร้านกาแฟอยู่หน้าหมู่บ้าน ใกล้สโมสรนะจ๊ะหนู ว่างๆ ไปอุดหนุนบ้างนะ”

เจ้าของบ้านเช่าหันไปพูดกับเขมนิจตอนท้าย หญิงสาวพยักหน้ารับคำเชิญ

“ค่ะ”

“บ้านนี้ก็อยู่กันสามคน ฉัน ขม และแม่ไขแสง...ลูกสะใภ้ฉันเอง

แต่มันยังไม่มา คงอีกสองสามวันแหละ มันไปต่างจังหวัด จัดการเรื่อง

ขายที่ขายทาง จะได้เอาเงินมาลงทุนทำโน่นทำนี่”

เขมนิจมองหน้าย่า อยากถามเหลือเกินว่าจะบอกเขาทำไมมากมาย

ทั้งสามพูดคุยกันไม่นาน หทัยก็ขอตัวกลับ เพื่อเขมนิจกับวิไลจะได้

รับประทานอาหารเสียที

 

‘กาแฟบ้านสุขใจ’ คือร้านกาแฟและเครื่องดื่มเล็กๆ หน้าหมู่บ้าน เป็น

จุดหมายที่นภนต์เดินทางมา เพราะรุจิรารู้สึกไม่สบายตัวจึงอยากให้เขามารับไปหาหมอ

หมู่บ้านขนาดใหญ่แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โรงเรียน

อนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็กแรกเกิดจนถึงก่อนวัยเรียน ร้านค้า มินิมาร์ต

ร้านอาหารเครื่องดื่ม ตลาดสด และคลินิกรักษาโรคที่เปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง

ชายหนุ่มผลักประตูกระจกสีชาเข้าไป ภายในร้านมีลูกค้านั่งอยู่สอง

สามโต๊ะ พนักงานที่เคาน์เตอร์หันมายิ้มให้เขาแล้วชี้ไปข้างในเป็นสัญญาณ

ให้รู้ว่าภรรยาเขาอยู่ในนั้น นภนต์เดินเข้าไปหลังร้านซึ่งมีห้องต่างๆ เป็น

สัดส่วนไว้สำหรับพนักงานพักผ่อน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และห้องทำงาน

ของรุจิรา ซึ่งพักหลังเมื่อเริ่มตั้งครรภ์นอกจากทำงานเอกสารในห้องแล้ว

เธอยังใช้เอนหลังคลายปวดเมื่อยบนเก้าอี้ตัวยาว

นภนต์เคาะประตูเบาๆ ก่อนเปิดเข้าไปโดยไม่รอฟังคำอนุญาต

“เป็นยังไงบ้างรุจี” เขาเดินไปนั่งลงข้างๆ

รุจิราขยับตัวเมื่อเห็นสามีเดินเข้ามา เธอยื่นมือให้เขาช่วยดึงขึ้นนั่ง

“มันปวดท้องแปลกๆ รุจีอยากให้หมอช่วยดู รุจีกลัว”

“ไปกันเลยไหม”

“ไปค่ะ เดี๋ยวต้องสั่งแอนนาให้ปิดร้านด้วย เพราะเราอาจกลับมา

ไม่ทัน” เธอบอกสามีก่อนจะถือกระเป๋าสะพายออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวพอหมดลูกค้าก็ปิดร้านแล้วกลับไปได้เลยนะ พี่ไปหาหมอ

กลัวจะกลับมาปิดร้านไม่ทัน”

“ค่ะพี่รุจี แอนนาจัดการเองค่ะ ไม่ต้องห่วง” เด็กสาววัยรุ่นแต่งตัว

ทันสมัย ทรงผมซอยสั้นดูเปรี้ยวจี๊ดรับปากอย่างแข็งขัน

แอนนาเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้ ไม่เรียนหนังสือเพราะเคยเป็นเด็ก

ใจแตกมาก่อน แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ ก็กลับตัวทำมาหากิน

หารายได้จุนเจือครอบครัว ในตอนนั้นร้านกาแฟบ้านสุขใจเปิดใหม่และ

กำลังต้องการคนงานพอดี แอนนาจึงรีบมาสมัครงาน หทัยเห็นว่าเป็นเด็ก

ในหมู่บ้านจึงรับไว้แล้วส่งไปเรียนวิธีชงกาแฟและเครื่องดื่ม เพื่อจะได้มา

เป็นผู้ช่วยของรุจิราที่ลงทุนไปร่ำเรียนมาเพื่อเปิดร้านกาแฟโดยเฉพาะ

แอนนามองตามนายจ้างและสามีที่เดินออกไปจากร้านอย่างห่วงใย

...เธอเคยตั้งครรภ์มาก่อน รู้ดีว่าคนท้องนั้นอ่อนแอกว่าผู้หญิงทั่วไป หาก

ไม่อ่อนแอเธอคงไม่แท้งลูกเพราะถูกกระทำรุนแรง แต่เมื่อไม่มีเด็กแล้วเธอ

ก็สบายขึ้นที่ไม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว เพราะว่าพ่อของเด็กนั้นเป็นแค่คน

ติดยาที่เลิกรากันไปและตอนนี้ถูกขังอยู่ที่เรือนจำ

ลูกค้าในร้านทยอยเรียกคิดเงินและออกจากร้านไปจนหมด แอนนา

รีบเปลี่ยนป้ายที่ประตูให้คนภายนอกทราบว่าร้านปิดแล้ว แต่มีหญิงสาว

รายหนึ่งผลักประตูวิ่งเข้ามา ถามเสียงหอบ

“ปิดแล้วหรือคะ”

“ปิดแล้วค่ะ”

“โห...อุตส่าห์ปั่นจักรยานมา เหนื่อยแทบแย่ ขอซื้อชาเขียวนมสด

กับโกโก้ปั่นอย่างละแก้วไม่ได้หรือคะ” คนพูดทำหน้าเว้าวอน

“คุณพี่เพิ่งมาอยู่ใหม่หรือคะ ไม่คุ้นหน้าเลย”

“มาวันแรกค่ะ เช่าบ้านของป้าใจอยู่ แกพูดเรื่องร้านกาแฟ ย่าเลย

อยากกินโกโก้เย็น พี่รีบปั่นจักรยานแทบแย่ สุดท้ายก็ไม่ทัน” เขมนิจ

                   (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เขาตกหลุมรักหญิงสาวที่มาเช่าบ้านเพราะการยั่วยวนของเธอ เธอจงใจทำให้เขาหลงรัก และสร้างปัญหาให้ครอบครัวเขาร้าวฉาน...ความรักลับๆ ดำเนินต่อไปท่ามกลางคำครหาและความสงสัย กระทั่งความจริงถูกเปิดเผย ความแค้นเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังของทุกสิ่ง 
เมื่อปมแค้นในอดีตถูกขุดคุ้ย เกมหนีความจริงของทุกคนจึงเริ่มต้นขึ้น เขาจะเลือกอะไรระหว่างความรักกับศีลธรรม และเธอจะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดอย่างไรเมื่อความแค้นเลยเถิดจนเกิดเป็นความรัก ความรัก ความแค้น และความจริง กำลังสั่นคลอนหัวใจของทั้งคู่อย่างหนัก เขากับเธอจะหนีความจริง หรือจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งเพื่อพิสูจน์หัวใจตัวเอง 
 
 
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป มาติดตามพร้อมกันใน เกมดอกงิ้วเล่มนี้

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024