บ้านไร่ปลายฝัน : วายุภัคมนตรา (แพรณัฐ)

บ้านไร่ปลายฝัน : วายุภัคมนตรา (แพรณัฐ)

4 รีวิว  4 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786115000135
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

 

 

 

 

 

 

เรือนร่างอรชรที่ยืนเด่นอิงกรอบหน้าต่างอาบไล้ด้วยแสงจันทร์สีนวล

จนดูลึกลับชวนค้นหา ดวงหน้างดงามแต้มสีแดงระเรื่อ ยามสายลมเย็นจัดจาก ภายนอกลูบไล้ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังพลิ้วตามลมจนนิ้วเรียวต้องทัดมันไว้ ข้างใบหู ขณะที่นัยน์ตาดำขลับยังคงทอดมองทะเลดาวบนผืนฟ้าอย่างชื่นชม

หารู้ไม่ว่ามีสายตาวาววามอีกคู่หนึ่งจับจ้องเธออยู่นานแล้วด้วยความชื่นชมยิ่งกว่า

ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบประดุจต้องมนตร์แห่งจันทรา วงแขนแกร่งรวบกอดร่างกลมกลึงจากด้านหลังจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก รีบหมุน

ตัวเผชิญหน้าเขาด้วยความตกใจ เธอถอนใจโล่งอกเมื่อพบวาเป็นผู้ใด

“คุณนี่เอง...ตกใจหมดเลย”

เจ้าของวงหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร อ้อมแขนแกร่งโอบกอด ร่างกลมกลึงไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ดวงตาคมปลาบจ้องมองเนตรหวาน

ไม่วางตาจนหญิงสาวเห็นไฟปรารถนาที่ทำให้หน้าสะสวยร้อนผ่าว เจ้าของ

ร่างน้อยหายใจขัดเมื่อนึกถึงความทรงจำอันหวานชื่นและร้อนเร่าของเขากับเธอ

ท่าทางขัดเขินของหญิงสาวจุดประกายพราวระยับในเนตรคม ชายหนุ่ม

กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น รีมฝีปากร้อนโน้มลงมาสัมผัสหน้าผากเนียน แล้ว

ลากไล้ที่เปลือกตา นวลแก้ม เคล้าเคลียเรียวปากอวบอิ่มอย่างคลั่งไคล้ ก่อนจะ ขบติ่งหูเล็กๆ จนร่างบางลั่นสะท้าน

มือเชี่ยวชำนาญไล่ลงมาตามแนวของชุดนอนมันลื่นที่ช่อนผิวผุดผาดไว้ ภายใน แขนเสื้อเส้นเล็กถูกเลื่อนลงจากบ่าทีละข้าง ชายหนุ่มดึงมันตํ่าลงจนชุด นอนลีหวานหล่นไปกองที่พื้น เผยร่างขาวกระจ่างตาท่ามกลางแสงจันทร์ผ่อง พร้อมกับอาภรณ์ชิ้นน้อยอีกเพียงสองชิ้นเท่านั้น สุดท้ายมันก็หลุดร่วงตามมาจน เหลือเพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าอันแสนรัญจวนใจ

แม้นสายลมหนาวจะพัดเข้ามาไม่ขาดสาย แต่อุณหภูมิภายในห้องกลับ สูงขึ้นท้นตา ร่างสูงสง่าก้าวประชิดรวดเร็ว ลิ้มรสกลีบปากหวานละมุนอย่าง วาบหวาม ชายหนุ่มอุ้มร่างงามเย้ายวนขึ้นมาแนบอก แล้วพาไปยังเตียงกว้าง

กลางห้องโดยที่รีมฝีปากหยักยังคงเคล้าเคลียปากอิ่มไม่คลาดคลาย

เตียงนุ่มยวบจนรู้สึกได้เมื่อเขาวางร่างเย้ายวนลง ก่อนจะทาบทับเธอไว้ทั้งตัว...

เอ...หรือจะถอดเสื้อก่อนดีนะ...

เอาใหม่ดึกว่า...

เตียงนุ่มยวบจนรู้สึกได้เมื่อเขาวางร่างเย้ายวนลง ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อ เชิ้ตและกางเกงออกด้วยความเร่งร้อน แล้วเหวี่ยงมันทั้งไปอย่างไม่ไยดีดั่ง

ไม่ต้องการเสียเวลาอันมีค่านั้นไปอีก เพียงชั่วพริบตาร่างสูงก็เปลือยเปล่าเช่นเดียว กับสาวน้อยบนเตียง

เขาทาบทับเธอไร้ทั้งตัว แล้ว...เอ่อ...แล้ว...แล้วยังไงดีล่ะเนี่ย...

อ๊ะ! รู้แล้ว...

เขาทาบทับเธอไร้ทั้งตัว แล้วดูดดื่มความหวานจากริมฝีปากที่บวมเจ่อ ด้วยรอยจูบอีกครั้งอย่างหลงใหล...

จะจริงเร้อ...แค่จูบเนี่ยนะ ปากจะบวมเจ่อได้...โม้รึเปล่า...

แต่นิยายโรมานช์ฝรั่งเขาเขียนไว้แบบนี้นี่นา ของไทยอย่างณารา ซ่อนกลิ่น ก็บอกไว้เหมือนกัน...แต่เอ...ณาราบอกว่าปากเห่อซ้ำ ส่วนช่อนกลิ่นบอกว่าบวม

เจ่อ ตกลงมันช้ำหรือบวมเจ่อกันแน่...ไม่ได้ถูกต่อยนี่นา คงไม่ถึงกับเจ่อหรอก

มั้ง...

ยุ่งยากชะมัด แต่เอาก็เอาวะ...บวมเจ่อก็บวมเจ่อ...

เขาทาบทับเธอไว้ทั้งตัว แล้วดูดดื่มความหวานจากริมฝีปากที่บวมเจ่อ ด้วยรอยจูบอีกครั้งอย่างหลงใหล มือข้างหนึ่งลูบไล้ทรวงอกเต่งตึงจนหญิงสาวครางแผ่วเบาด้วยความเสียวซ่าน ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยก่อนกดปากลงบน

ยอดอกข้างนั้น ดูดดึงขบเม้มอย่างหิวกระหาย...

เอาละเว้ย ! ถึงตอนนี้อีกแล้ว ฉันจะเขียนยังไงต่อล่ะเนี่ย เขียนกี่เรื่องต่อ

กี่เรื่องมันก็เข้าอีหรอบเดิมจนไม่มีมุกเหลือแล้ว

ลบๆๆๆ ย่อหน้านี้เหมือนเรื่องที่ผ่านมาไม่มีผิด จะว่าไปมันก็เหมือน เรื่องก่อนหน้านั้นด้วย และยังเรื่องโน้นอีก...

ว้าก ! ฉัน-จะเขียนว่าอะไรดีล่ะเนี่ย !

พี่ซาร่านะพี่ซาร่า...อยู่ดีไม่ว่าดีมาให้คนไม่เคยเสียจิ้นแบบฉันเขียนนิยาย โรมานช์ก็อย่างนี้แหละ !

ทิชากรละมือจากคีย์บอร์ดของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ รอบตัวเธอเต็มไปด้วยหนังสือนิยายโรมานช์ของนักเขียนทั้งไทยและเทศจน

เกะกะไปหมด หลังจากถอนหายใจอีกสามเฮือกใหญ่ เจ้าหล่อนจึงตัดสินใจหยุด พักจากการปลุกปันฉากรักชวนวาบหวามสำหรับตัวละครกับคนอ่าน แต่ชวน

ปวดหัวสำหรับนักเขียนสาวจิ้นลักพักหนึ่งก่อน

นักเขียนสาวเชพินิยายที่เขียนในวันนี้ แล้วกดปุ่มปิดคอมพิวเตอร์

ร่างโปร่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางยืดแขนและเอี้ยวตัวไปมาให้หายเมื่อย

แม้ว่าทิชากรจะไม่ใช่ผู้หญิงขาวหมวยสวยเด่นสไตล์เกาหลีญี่ปุ่นที่กำลัง อินเทรนด์อยู่ในขณะนี้ แต่ใบหน้าคมหวานกลับดูเก่ชนิดที่ไม่อาจมองผ่านเลยไป โดยเฉพาะดวงตากลมโตอันมีชีวิตชีวาชองเธอซึ่งดูเหมือนจะเป็นส่วนที่โดดเด่น จับตาที่สุดบนวงหน้า แก้มเนียนมีเลือดฝาดชมพูระเรื่อรับกับปากรูปกระจับและ จมูกโด่งเป็นลันตรง ผมยาวสลวยหยิกเป็นคลื่นลอนตามธรรมชาติถูกรวบเป็น มวยง่าย ๆ เผยให้เห็นไรผมรุ่ยบนล่าคอระหง

ทว่าสิ่งซึ่งทำให้เจ้าหล่อนไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง นั่นก็คือการแต่งกาย อันเป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของสาวติสต์เต็มขั้น ร่างสูงโปร่งในยามนี้ใส่

เสื้อยืดสีสดตัวเล็กกับกางเกงเลเพนต์ลายแขกสีตัดกัน วงแขนเรียวมีกำไล พลาสติกสลับสีจัดจ้านข้างละเกือบสิบวง ขณะที่ข้อเท้าข้างหนึ่งสวมกระพรวน เสียงดังกรุ๊งกริ๊งยามเจ้าตัวขยับกาย

แท้ใครหลายคนจะมองว่านักเขียนสาวแต่งกายแปลก หากทิชากรกลับ ชื่นชอบในความเป็นตัวเองจนไม่ใส่ใจคำพูดของใครทั้งสิ้น ขอเพียงเธอมี

ความสุข สนุกสนานกับการแต่งตัวตามแบบฉบับของตนโดยไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อน เท่านั้นก็เพียงพอ

“เลิกเขียนแล้วเหรอกะทิ” เด็กไว้จุกนุ่งโจงกระเบนสีเขียวเข้มแต่งองค์ ทรงเครื่องครบครันโผล่หน้ามาถามจากนอกหน้าต่าง

“จ้ะพี่รัก ฉันเขียนไม่ออกแล้วละ” หญิงสาว'หยุดบิดขี้เกียจ หันไปส่งยิ้ม โดยไม่มีทำทางประหลาดใจลักนิดที่เห็นเด็กชายปรากฏตัวตรงหน้าต่างชั้นสอง ของบ้านได้ทั้งที่ไม่มีระเบียงหรือกันสาดอยู่ด้านนอก

“งั้นไปเล่นกันเถอะ ฉันกับรักรออยู่ตั้งนานแล้ว” เด็กชายอีกคนผุดขึ้น

มากลางห้องนอน หน้าตาของเขาดูละม้ายเด็กคนแรกอยู่มาก แตกต่างกันที่ร่าง อ้วนป้อมกว่าเล็กน้อยและแต่งเครื่องทรงกับนุ่งโจงสีเหลือง

“ไม่ได้หรอกพี่ยม ฉันต้องเร่งปันนิยายให้จบ เดี๋ยวส่งสำนักพิมพ์ไม่ท้น”

ทิชากรย่นจมูก นึกข้นเมื่อนึกถึงเสียงแหลมสะท้านทรวงที่ซาร่าบรรณาธิการคนสวยใช้เวลาทวงต้นฉบับ

“อ้าว ! แล้วทำไมไม่เขียนต่อให้เสร็จล่ะ” รักเดินทะลุผ่านหน้าต่างเข้ามา ในห้องอย่างงุนงง

“เขียนไม่ออกน่ะลิจ๊ะ ฉันเลยว่าจะไปห้องพระลักแป๊บนึงแล้วค่อย

มาเขียนต่อ พี่รักพี่ ยมเล่นกันไป เองก่อนแล้วกันนะ”

ทิชากรคลี่ยิ้มสดใสให้รัก-ยมซึ่งบิดาเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนเธอเกิด นักเขียน สาวจึงมีศักดิ์เป็นน้องของกุมารผมจุกทั้งสองไปโดยปริยาย แท้ว่าจะโตเป็นสาว แล้วก็ตาม

ร่างเพรียวเดินตรงไปยังห้องพระซึ่งเต็มไปด้วยพระพุทธรูปมากมาย รวม ทั้ง ‘ของดี’ ที่บิดาซึ่งเป็นอดีตหมอไสยศาสตร์ประจำตำบลสะสมไว้บูชา ก่อนเขา จะวางมือมาประกอบอาชีพแพทย์แผนโบราณเพี่อช่วยเหลือคนเพียงอย่างเดียว และมุ่งหน้าปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนา

ทิชากรก้มลงกราบพระด้วยอาการสำรวม แล้วนั่งขัดสมาธิ เอามือวาง ทาบกันบนตัก หลับตาทำสมาธิเหมือนที่หญิงสาวทำเป็นประจำยามคิดงานไม่ออก เธอสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างสบายๆ ดำดิ่งสู่ความสงบ

ใครจะคิดว่านักเขียนนิยายโรมานช์ชึ่งกำลังมาแรงในขณะนี้จะมีบุคลิก และนิสัยขัดกับงานเขียนของเจ้าตัวอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ก่อนหน้านี้ทิชากร

ผู้หลงใหลในการอ่านนิยายทุกประเภทได้ลองเขียนนิยายของตนเองลงใน อินเทอร์เน็ต แต่เรื่องที่ทำให้มีคนติดกันเกรียวกราวกลับเป็นนิยายแนวโรมานช์ ที่หญิงสาวลองเขียนตามแรงยุของเพื่อนฝูงซึ่งชื่นชอบแนวนี้อยู่เป็นทุนเดิม เพียง

ไม่นานชื่อของ ‘อัมมิ่งเบิร์ด’ ซึ่งทิชากรดัดแปลงจากความหมายของชื่อจริงที่ แปลว่า ‘นก’ ก็เป็นที่รู้จักของคอโรมานช์และได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสืออย่าง ต่อเนื่อง

หลังจากทิชากรเรียนจบปริญญาตรีทางด้านนิเทศศาสตร์เมื่อปีกลาย หญิงสาวจึงยึดอาชีพนักเขียนมาโดยตลอด เนื่องจากผลตอบรับจากงานเขียน ของเธอดีมากชนิดพิมพ์ซ้ำไม่รู้กี่หน แต่ใครจะรู้ว่าคนเขียนกำลังหมดมุกกับฉาก วาบหวามที่ใครต่อใครชื่นชอบสำบัดสำนวนจนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาบรรยายแล้ว

นานเกือบชั่วโมงกว่าหญิงสาวจะออกจากสมาธิ ดวงหน้าใสยิ้มละไมด้วย ความอิ่มเอิบ สมองปลอดโปร่งสมดังใจหวัง ร่างระหงก้มลงกราบพระ แล้วเดิน ออกจากห้องในเวลาเดียวกับที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังจากห้องนอนของตน ยังไม่ทันจับลูกบิดโลหะ ประตูไม้ก็เปิดออกอย่างเชื้อเชิญ โทรศัพท์ เครื่องเล็กลอยมาถึงมือ ก่อนร่างของเด็กจุกหน้าเป็นจะปรากฏชื้นตรงหน้า

“ขอบคุณจ้ะพี่ยม” หญิงสาวเหลือบมองหมายเลขที่โทรเข้ามา เสียว

สันหลังวาบเมื่อรู้ว่าเป็นใคร “กะทิพูดค่ะ”

“บงชูร์ ! กูดมอร์นิง ! นี่พี่ซาร่าคนสวยเองนะจ๊ะน้องกะทิ” เสียงห้าวซึ่งดัดเสียจนแหลมบาดหูของบรรณาธิการสาวประเภทสองทักทายอย่างคุ้นเคย

“สวัสดีค่ะพี่ซาร่า... เอ่อ...คือว่า...กะทิยังปันต้นฉบับไม่เสร็จเลย แต่

เหลือไม่กี่บทแล้ว อีกสองสามวันก็น่าจะเสร็จค่ะพี่’’ นักเขียนสาวหัวเราะแห้ง ๆ เมื่อเดาสา เหตุที่ซาร่าโทรมาว่าย่อมไม่พ้นทวงต้นฉบับแน่นอน

 

“จ้า พี่จะรอ แต่ว่าวันนี้พี่ไม่ไดโทรมาทวงต้นฉบับหนูหรอกนะจ๊ะ” ซาร่า ปฏิเสธเสียงยาวอย่างมีจริตทำให้คนฟังผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความ

โล่งอก “แหม ! โล่งใจขนาดนั้นเชียว เสียงถอนหายใจยาวถึงปารีสแล้วนะยะ”

“โธ่ ! พี่ซาร่าก็ทราบนี่คะว่าโทรหานักเขียนตอนใกล้เดดไลน์ล่งนิยายเนี่ย มันทำให้หนาวๆ ร้อนๆ แค่ไหน” ทิชากรน่าจะรู้ว่าบรรณาธิการของเธอหูดีชะมัด

“เอาน่า พี่รู้ หนูแคนดู เขียนแกร๊ก ๆ เดี๋ยวก็เสร็จ” ซาร่าให้กำลังใจ “พี่

อ่านพล็อตนิยายเรื่องใหม่ที่คุณน้องล่งมาแล้วนะ ที่เกี่ยวกับไร่องุ่นน่ะ พล็อตเริดชะ พี่ละช้อบชอบ”

“ขอบคุณค่ะ งั้นกะทิเริ่มเขียนต่อจากเรื่องนี้ได้เลยใช่มั้ยคะ” หญิงสาวยิ้มร่าอย่างลิงโลด

“ใช่จ้ะ แต่ที่จริงพี่มีติงนิดหน่อย...” เสียงแหลมสะดีดสะดิ้งเปลี่ยน

เป็นเอาการเอางานจนคนฟังนิ่วหน้า “นิยายที่เกิดในไร่องุ่นมีเยอะแยะเต็มตลาด พี่เลยอยากให้กะทิหาความแตกต่างจากคนอื่นบ้าง”

“เช่นอะไรคะพี่” นักเขียนสาวพยายามคิดตาม

“อีตาพระเอกของกะทิเรื่องนี้เป็นเจ้าของไร่องุ่นใช่มั้ยจ๊ะ ส่วนยายนางเอก เป็นคุณหนูลูกเศรษฐีที่ปลอมตัวเป็นคนงานสาวในไร่ เพี่อแอบดูว่าพระเอกซึ่ง เป็นคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเธอ แท้จริงแล้วมีนิสัยอย่างไร พี่อยากให้ กะทิใส่รายละเอียดเกี่ยวกับงานของพระเอกและนางเอก โดยเฉพาะชีวิตใน

ไร่องุ่น       รวมทั้งการทำไวน์ให้ลึกซึ้งไปถึงรูขุมขนชนิดที่ไม่มีนิกเขียนนิยาย

โรมานช์คนไหนทำมาก่อน ไม่แน่นะจ๊ะ กะทิอาจ’ได้'ฉาก'รักแสนดื่มด่ำในถังโอ๊ก บ่มไวน์ก็ได้...โอ้คุณพระ ! คิดแค่นี้ฉันก็ขนลุกไปหมดแล้ว” คนพูดหัวเราะ

คิกคักกับไอเดียบรรเจิดพลางนึกวาดภาพตนเองเป็นนางเอกในเรื่องกำลัง พลอดรักดูดดื่มกับพระเอกล่ำบึ้กกล้ามโตในกังโอ๊กบ่มไวน์

“กะทิตั้งใจว่าจะหาหนังสือเกี่ยวกับการทำไร่องุ่นมาอ่านและจะไปเชอร์เวย์

ไร่องุ่นแถวเขาใหญ่สักรันอยู่เหมือนกันค่ะ” ทิชากรบอกแผนการที่วางไร้คร่าว ๆ

“โป้ะเซะเป้ะโป้ง ! งั้นดีเลย พี่มีรุ่นน้องที่สนิทมากอยู่คนหนึ่งทำไร่องุ่นอยู่ แถวโคราช หล่อล่ำลํ้าเลิศทั้งวงศ์ตระกูลเขียวละคุณน้องเอ๊ย ! ไร่องุ่นของเขา

ใหญ่และดังมากเลยนะจ๊ะ บอกชื่อไปไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก ตัวเขาเองเป็นรุ่นน้อง

พี่ที่มหาลัยและไปเจอกันอีกทีตอนพี่ไปเรียนที่ฝรั่งเศส ส่วนเขาก็ไปเรียนเกี่ยว

กับการทำไวน์ที่นั่นมาโดยเฉพาะ บ้านเขานอกจากจะมีไร่องุ่นแล้ว ยังมีรีสอร์ต ใหญ่กับฟาร์มเลี้ยงวัวเป็นพันๆ ไร่อีกด้วยนะ กะทิไปหาข้อมูลที่ไร่เขาแค่แห่ง

เดียวก็ได้ครบหมดทุกอย่าง ไม่ต้องเสียเวลาไปที่อื่นเลย พี่เกริ่นกับเขาไว้แล้วละ ว่ากะทิอาจจะไปขอดูงานที่ไร่ของเขาและเขาก็ยินดี ถ้าหนูโอเคเบตง พี่จะได้ไป คอนเฟิร์มกับ เขาให้ไงจ๊ะ”

“ขอบคุณมากค่ะพี่ซาร่า ดีเหมือนกัน กะทิจะได้หาเวลาไปสักวัน อาจจะ เป็นเสาร์นี้เลยก็ได้ค่ะ จะได้รีบกลับมาเขียนและถือโอกาสพักสมองหลังจากป่น เรื่องปัจจุบันจบด้วย” ดวงตาคู่สวยเหลือบมองปฏิทินบนโต๊ะเพี่อวางแผนงาน

“อืม...นี่แหละจ้ะเรื่องที่พี่จะพูดกับหนู” เสียงขรึมเอ่ย “พี่อยากให้หนูไป ลองใช้ชีวิตในไร่องุ่นของน้องพี่ลักสองสามอาทิตย์ หนู-จะได้ดื่มดํ่ากับชีวิตของ ชาวไร่องุ่นและคนทำไวน์อย่างถ่องแท้ พอหนูคัมแบ็กพระนคร ความคิดจะได้

ตกผลึกออกมาเป็นนิยายกบเก๋ยูเรก้าให้พี่ไงล่ะจ๊ะ”

“ไปอยู่ในไร่องุ่นเลยเหรอคะ” หญิงสาวทวนค่าเสียงหลง คุณพ่อสุดหวง ลูกสาวเคยให้เธอออกไปค้างอ้างแรมนอกบ้านนานๆ เสียที่ไหนกัน เอาแค่ไป

เที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนแค่สี่วันสามคืน ท่านก็โทรตามเข้าตามเย็นแล้ว ทั้งที่

ทิชากรโตจนเรียนจบปริญญาตรีมาเป็นปี และไม่ใช่สาวหวานเรียบร้อยช่วยเหลือ ตนเองไม่ได้เสียหน่อย พ่อก็รู้

“ใช่สิจ๊ะ หนูไม่สะดวกเหรอ เอ...หรือว่ากลัวคุณพ่อไม่อนุญาต เอางี้

เดี๋ยวพี่โทรไปขออนุญาตท่านเองแล้วกันนะจ๊ะ ดีมั้ย” ซาร่าเสนอ เพราะเคย

ได้ยินชื่อเสียงความหวงและห่วงลูกสาวของไกรฤทธิ์มาเช่นกัน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กะทิจะพูดกับพ่อเอง ถ้าเป็นเรื่องงาน ท่านคงไม่ว่า

มั้งคะ” ทิชากรลังเล แต่เมื่อนึกถึงมารดาผู้เข้าใจลูกเสมอ นักเขียนสาวจึงตั้งใจ

จะเกริ่นให้ท่านเป็นพวกก่อนจะไปถึงพ่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ กะทิลองไปขออนุญาตท่านก่อน ได้ไม่ได้ค่อย

มาบอกพี่นะจ๊ะ พี่จะได้นัดวันกับพ่อหนุ่มหล่อลํ่าล้ำเสิศของพี่อีกครั้งหนึ่ง” บรรณาธิการคนสวยสรุป

“ตกลงค่ะ แล้วกะทิจะโทรไปรายงานให้ทราบนะคะ ขอบคุณพี่ซาร่า

                                                    (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ทิชากร...นักเขียนนิยายโรมานซ์เจ้าของนามปากกา ?ฮัมมิ่งเบิร์ด? ลูกสาวอดีตหมอไสยเวทฝีมือฉกาจ ตัดสินใจไปหาข้อมูลสำหรับนิยายเรื่องใหม่ของตนที่ไร่องุ่น หญิงสาวไม่เคยคิดเลยว่า ชะตาชีวิตของเธอจะเปลี่ยนแปลงเมื่อได้พบหน้าวายุภัค...เพลย์บอยหนุ่มเจ้าของไร่องุ่นสายลม ทั้งยังเป็นการพบกันที่ไม่โสภาเท่าไรนัก ในสายตาของวายุภัค ทิชากรคือ จอมจุ้น เพ้อเจ้อ หาก...ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขารู้สึกว่าสาวช่างฝันคนนี้เข้ามาจุ้นจ้านอยู่ในหัวใจจนไม่สามารถปล่อยเธอไปได้ จะเป็นไปได้ไหม ถ้าสายลมจะหยุดพัดที่ใต้ปีกของนกน้อยตัวนี้?


รีวิว (4)

เขียนรีวิว

์Nattiez | 4 รีวิว
19/01/2015

นวนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฝดสี่แห่งบ้านไร่อดิศวรคือ ดิน ลม ไฟ และน้ำ เรื่องราวนอกจากจะเล่าถึงความรักระหว่างพี่น้องและครอบครัวอดิศวรแล้ว ยังกล่าวถึงความรักของแต่ละคนอีกด้วย “วายุภัคมนตรา” เป็นเรื่องสุดท้ายในซีรีย์บ้านไร่ปลายฝัน เรื่องของวายุภัคหรือลม ผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ที่สุดในบรรดาแฝด และไม่เคยเชื่อในความรัก ความเจ้าชู้ของลมนี่เองที่เป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น นางเอกของเรื่องคือทิชากรหรือกะทิ เป็นนักเขียนที่ต้องเข้ามาหาข้อมูลในไร่องุ่นของลม แรก ๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกัน เพราะกะทิดันไปทักว่าลมมีโหงพรายมาเกาะหลัง ซึ่งจริง ๆ แล้ว กะทิสามารถมองเห็นภูตผีวิญญาณได้เนื่องจากเธอคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของกะทิเป็นหมอคุณไสย กะทิคอยช่วยเหลือลมหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งลมเกิดประทับใจ และเกิดเป็นความรักขึ้น แต่อย่างว่า ผู้ชายเจ้าชู้มีชนักติดหลัง กะทิจึงไม่ใจอ่อนง่าย ๆ แต่เธอก็รู้สึกดีกับลม และตามหาความจริงที่เกิดขึ้นกับลม ในเล่มนี้ นอกจากจะมีเรื่องราวความรักแล้ว ยังมีเรื่องของสิ่งลี้ลับ เรื่องของคุณไสยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถือว่าฉีกแนวไปจากสามเล่มที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด การสอดแทรกเรื่องราวของคุณไสยที่ผู้เขียนใส่นั้น สำหรับเราถือว่าไม่ได้ใส่เข้าไปจนดูงมงาย ถึงแม้จะมีช่วงหนึ่งที่จัดเต็มในเรื่องของการสู้กันของไสยเวท แต่ถ้ามองในแง่ของการสอนว่า การนำวิชาความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นเช่นไร เราถือว่าก็เป็นการแทรกคำสอนที่ดีนะ ผู้ชายคนไหนก็ตามที่แอบหยิบเล่มนี้มาอ่าน เราเชื่อว่าอาจจะกลืนน้ำลายและอาจจะเลิกเจ้าชู้ไปสักพัก เพราะกลัวจะเจอแบบลมล่ะ แต่สำหรับผู้หญิงที่ได้อ่าน คงอดไม่ได้ที่จะเจอผู้ชายที่พร้อมจะหยุดที่เราแบบที่ลมหยุดที่กะทิล่ะเนาะ
SCR. | 4 รีวิว
30/11/2014

เล่มนี้เป็นแล่มสุดท้ายในชุดแล้วค่ะ เป็นเรื่องของวายุภัค หรือลม เจ้าของไร่องุ่นสุดหล่อ สมชื่อลมค่ะ คือเจ้าชู้ ไม่หยุดอยู่ที่ใคร จึงทำให้เกิดปัญหาที่กลายเป็นที่มาของเนื้อเรื่อง เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ไร่องุ่นค่ะ จึงมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องขององุ่นเยอะเลย ชอบจังเลยค่ะที่ผู้เขียนเอาใจใส่ในรายละเอียดของเรื่องที่เขียนแบบนี้ อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้เรื่องขององุ่นก็คือ เรื่องของไสยศาสตร์ค่ะ เพราะนางเอกเป็นลูกของหมอไสยท์เวทย์สายขาวที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่ง และด้วยพรหมลิขิตจึงดลให้นางเอกทิชากร หรือกะทิ ต้องมาช่วยนายลมให้พ้นจากการถูกครอบงำของปีศาจที่นี่ แม้ตอนแรกจะเกลียดกันมากมาย แต่เมื่อกะทิเห็นความตั้งใจของลมในการทำงานและเอาใจใส่เธอ จึงทำให้กะทิพึงพอใจในตัวลมได้ไม่ยาก แต่กว่าทั้งคู่จะผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มากันได้นั้นก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด และเมื่อความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย ทั้งคู่ต่างก็พบว่า มันเป็นแค่ความซวยแท้ ๆ เพราะตัวเองไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นมาเลย นิยายเล่มนี้น่ารักค่ะ เพราะพระเอกเป็นคาสโนว่า เล่มนี้จะทำให้เห็นว่าพระเอกมีความตั้งใจที่จะหยุดเพื่อนางเอกมาก และด้วยเนื้อหาของเรื่องที่แปลก ๆ เอาไร่องุ่นมาผสมกับไสยศาสตร์ จึงทำให้ประทับใจมากในท้ายที่สุดของเรื่องค่ะ เพราะไม่เคยเห็นเนื้อหาแบบนี้เลย เอามาผสมกันได้ลงตัวมาก ถ้าไม่ได้โหวตให้ดวงใจอัคนีชอบมากที่สุดก็คงจะโหวตให้เรื่องนี้แหละค่ะ
ฐาปนัส | 4 รีวิว
20/07/2014

ผู้แต่ง แพรณัฐ สำนักพิมพ์ พิมพ์คำ จำนวนหน้าหนังสือ 516 หน้า เล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรกของผู้แต่ง "แพรณัฐ" ที่ผมได้อ่าน และเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของชุด "บ้านไร่ปลายฝัน" ตอนทำเป็นละครผมว่าก็โอเคนะครับ ทำออกมาได้สนุกและเนื้อเรื่องตามละครไม่ต่างจากบทประพันธ์มากนัก เพียงแต่ในละครเปลี่ยนตอนจบไปเยอะพอสมควร ผมเลยคิดว่าถ้าทำเหมือนในนิยายมันก็ไม่ได้น่าเกลียดหรือเสียหายนะครับ โดยเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์และไร่องุ่น ดูไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่ผมอยากจะชมคุณแพรณัฐว่า เก็บรายละเอียดและแทรกความรู้ทั้งสองเรื่องได้ดีทีเดียวครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของ วายุภัค อดิศวร หรือนายลม บุคคลที่เจ้าชู้ที่สุดในตระกูล และด้วยความเจ้าชู้ของเค้านี่เองที่ส่งผลให้เกิดเรื่องลึกลับตามมา ฝ่ายนางเอกเป็นนักเขียนนวนิยายชื่อดังเจ้าของนามปากกา "ฮัมมิ่งเบิร์ด" ที่กำลังโด่งดัง เธอเป็นลูกของหมอไสยเวทย์ผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้เธอมีพี่เลี้ยงเป็นรัก-ยมดูแลมาตั้งแต่เด็กยันโต ด้วยความที่อยากเขียนหนังสือเกี่ยวกับไร่องุ่น ชีวิตของเธอเลยต้องมาผูกพันกับนายลมอย่างไม่ได้ตั้งใจ แม้ผู้เป็นพ่อจะรู้ดีว่า บุคคลที่ลูกสาวกำลังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเป็นเนื้อคู่ของเธออย่างแท้จริง แต่ก็ยังไม่วายที่จะขัดขวาง ซึ่งส่งผลให้ทั้งพ่อและลูกสาว ต้องมาช่วยชีวิตนายลมกันจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะจบลงด้วยดี ผมว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่น่ารักและแอบสยองขวัญนิด ๆ ครับ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริงในสังคม แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของในนิยาย ซึ่งผมว่าผู้แต่งก็ทำออกมาได้ดี ในช่วงแรก ๆ ที่นางเอกมาที่ไร่ของพระเอกใหม่ ๆ ผู้เขียนก็ได้บรรยายสถานที่ได้เหมือนมองเห็นด้วยตา ทั้งคู่ต้องพบเจอสิ่งประหลาดต่าง ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง แม้กระทั่งพระเอกที่ไม่เชื่อแบบสุด ๆ ก็ต้องยอมแพ้และอยู่ในความดูแลของนางเอกเกือบตลอดทั้งเรื่อง ผมเลยคิดว่าคู่นี้แหละที่มีอุปสรรคมากกว่าเพื่อน และเป็นอุปสรรคที่เล่นงานกันถึงชีวิต การจะผ่านตรงนี้ไปมันไม่ง่ายเลย ซึ่งหนังสือเรื่องนี้ได้ผูกปมปัญหาและแก้ปัญหาออกมาได้อย่างสนุก และไม่ง่ายเกินไป ตรงนี้ผมให้คะแนนเต็มครับ มาถึงกลาง ๆ เรื่อง พระเอกจะให้ความรู้กับนางเอกในเรื่องการทำไร่องุ่น ตรงนี้ผมได้ความรู้เพิ่มมามากขึ้นเยอะเลย (รู้สึกอยากเป็นเจ้าของไร่องุ่นบ้าง จะได้กินองุ่นตลอดทั้งปี ) และไปจนถึงตอนจบที่เป็นการเฉลยว่าเพราะอะไรพระเอกถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ ใครเป็นคนทำ และเพราะอะไรถึงทำ ผมว่ามันก็หักมุมดีใช้ได้นะ ถึงแม้จะเดาทางได้แต่แรกแล้ว แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังรู้สึกอึ้ง ๆ อยู่เหมือนกันครับ อยากจะขอหักคะแนนนิดนึงตรงที่นางเอกเป็นนักเขียนนิยายแนวโรแมนซ์ เลยทำให้เรื่องนี้แอบติดเรท ผมคิดว่า ถึงนางเอกจะเขียนนิยายกุ๊กกิ๊กหวานแหวว ก็คงไม่ทำให้นิยายเรื่องนี้สนุกน้อยลงนะครับ และบทส่งท้ายก็เป็นอะไรที่น่ารักมาก เพราะจะเป็นเรื่องของลูกตัวน้อย ๆ ของพ่อแม่เจ้าปัญหาทั้ง 4 คน เสียดายที่ในละครไม่ได้ใส่ตรงนี้ไว้ครับ และปรับบทจบได้ไม่ค่อยเข้าท่าซะเลย ทำให้ผมประทับใจจากในหนังสือมากกว่า และอยากบอกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านสนุกมากจริง ๆ ครับ
ศรัญญา | 4 รีวิว
07/09/2013

นิยายลำดับสุดท้ายของนิยายชุดบ้านไร่ปลายฝัน วายุภัคมนตรา งานเขียนอีกเรื่องของคุณแพรณัฐ ที่ต้องบอกว่าเขียนได้สนุกบวกกับการสอดแทรกความรู้อีกเรื่อง เรื่องนี้ดูจะแปลกๆ กว่าเรื่องที่ผ่านมาเล็กน้อยตรงที่ลมของเราน่าจะเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่มีนิสัยเจ้าชู้ เรื่องมีอยู่ว่าทิชากร หรือกะทิ นักเขียนลูกสาวอดีตหมอไสยเวท เอออกเดินทางจากกรุงเทพเพื่อมาหาแรงบัลดาลใจในการเขียนนิยายที่ไร่องุ่น ทำให้เธอต้องมาเจอกับวายุภัค หรือ ลม เจ้าของไร่องุ่นมาดเข้ม เพลย์บอยตัวพ่อ การเจอกันของทั้งคู่จึงไม่ค่อย HAPPY นัก เพียงแค่เจอกะทิสำหรับลมแล้ว กะทินี่จอมจุ้น เพ้อเจ้อ พูดมาก เป็นผู้หญิงที่น่ารำคาญห่างไกลจากสเปกของผู้หญิงที่ลมชอบยิ่งนัก เมื่อเธอเข้ามาอยู่ในไร่องุ่นของลมและตั้งใจเก็บข้อมูลเกี่ยวกับไร่องุ่นและการทำไวท์เพื่อนำมาเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์ แต่เพราะเธอเป็นล๔กหมอไสยเวทย์จึงมีเซนต์รับรู้ว่าคุณลมกำลังโดนทำของใส่ หรือโดนของนั่นเอง (น่าจะโดนมาจากบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ของคุณลมนั่นแหละ)กะทิจึงพยายามจะเตือนลมเกี่ยวกับสิ่งที่เธอสัมผัสได้และหาวิธีช่วยลมต่าง ๆ แต่ลมกลับไม่เชื่อว่ากระทิพูดเรื่องจริง แต่ที่แย่ยิ่งกว่าเขากลับหาว่าเธอเพ้อเจ้ออีกต่างหาก แต่กะทิก็ไม่ได้ยอมแพ้และในที่สุดลมก็สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเอง และเมื่อเรื่องเลวร้ายผ่านพ้นไปลมจึงรู้ว่าผู้หญิงที่หวังดีและเป็นห่วงเขาคือกะทิ ด้วยความใกล้ชิดทำให้ความรักเริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดแล้วสายลมอย่างวายุภัคก็ต้องมาหยุดหัวใจไว้ที่ทิชากร สาวน้อยนักเขียนที่ลมมองว่าเธอเพ้อเจ้อ พูดมาก เปิ่น แต่นี่แหละคือทั้งหมดที่ทำให้เขารักเธอ เรื่องนี้ของคุณแพรณัฐก็เป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องค่ะ แต่ว่านิดเดียวภาษาที่ใช้ในการเขียนบางคำอ่านยากและมีการใช้คำราชาศัพท์แทนด้วยบางครั้งจึงทำให้อ่านแล้วสะดุดเล็กน้อยค่ะ แล้วก็เรื่องไสยเวทย์ต่างๆ นาๆ ส่วนตัวมองว่าบางเรื่องเว่อร์ไปนิดนึง มันดูเกินจากความเป็นจริงไปสักเล็กน้อย เพราะว่าซีรี่เรื่องนี้ดูมันไม่ได้เว่อไปอะใน 3 เรื่องที่อ่าน ยกเว้นเรื่องแรก ธาราหิมาลัย คือเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมากที่เจ้าชายต่างแดนมาหลงรักหญิงไทย อะไรประมาเนี้ย แต่สิ่งที่ดีและชอบคือเรื่อง ความรู้ที่ได้จากการอ่านเรื่องนี้ เกี่ยวกับไร่องุ่น กรรมวิธีในการผลิตและดูแลไวท์ อ่านแล้วนึกว่าเจ้าไวท์นี่เป็นลูกเลยที่เดียวต้องดูแลอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม และความแตกต่างระหว่างเหล้ากับไวท์ มานั่งนึก ๆ ก็จริงนะ ขอชมคนเขียนค่ะ เพราะนอกจากจะเก่งงานเขียนแล้วเรื่องนี้คุณแพรณัฐเขียนให้ผู้อ่านรู้สีกได้ว่าคนเขียนมีความรู้เรื่ององุ่นและไวท์เป็นอย่างดี อ่านสนุก เพลินดีค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024