ตะวันบ้านทุ่ง (ดาริยา)

ตะวันบ้านทุ่ง (ดาริยา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001663
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 170.00 บาท 42.50 บาท
ประหยัด: 127.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

            ปานรวีนั่งเหม่ออยู่ตรงระเบียงบ้านพักแพทย์มาพักใหญ่แล้ว หญิงสาว

ทำไมไม่ถูกจริงๆ เมื่อพบเหตุการณ์แบบนี้...คนไข้ที่เธอกับนายแพทย์รุ่นพี่เพิ่ง

ช่วยกันผ่าตัดไส้ติ่งเกิดเสียชีวิตกะทันหันในห้องพักพื้น!

            ทั้งที่มั่นใจว่ากระบวนการรักษาทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่คนไข้กลับมา

เสียชีวิตลง ที่สำคัญ คนไข้เป็นถึงกำนันผู้มีชื่อเสียง เป็นที่รักของชาวบ้าน

ทุกคน

            เสียงบันไดไม้ขึ้นสู่ระเบียงหน้าบ้านดังออดแอด ปานรวีเหลียวไปมอง

ก็พบนายแพทย์อิศวร์ แพทย์รุ่นพี่ซึ่งกำลังตกที่นั่งเดียวกับเธอ เขาเดินเข้ามา

นั่งลงบนเก้าอี้ไม่ตรงข้าม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ โชยมา คุณหมอหนุ่มส่งรอยยิ้ม

จางๆ ให้ ก่อนบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

            “อย่าคิดมากไปเลยป่าน พี่มั่นใจว่าคนไข้ไม่ได้เสียชีวิตเพราะการผ่าตัด

นะ เท่าที่ดูประวัติ กำนันสำเนียงแกมีโรคประจำตัวหลายอย่าง เราทำดีที่สุด

แล้วละป่าน คงต้องรอผลการชันสูตรศพอีก ถ้าเราไม่ผิด ยังไงผลก็ต้อง

ออกมาเข้าข้างเราอยู่ดี” นายแพทย์หนุ่มปลอบโยน ปานรวีนึกดีใจว่าอย่างน้อย

เธอก็มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ทุกคนในโรงพยาบาลให้การต้อนรับคุณหมอคุณใหม่

อย่างอบอุ่น

            “แต่ป่านไม่ชอบวิธีการชี้หน้าด่าอย่างที่ลูกชายกำนันสำเนียงทำเลย

ยอมรับค่ะว่าอายมาก เขาเพ่งเล็งมาที่ป่าน บอกว่า ‘เป็นหมอมือใหม่แล้วยัง

สะเออะไปผ่าตัด’ คำนี้มันแรงมากนะคะพี่อิศวร์” ปานรวีบอกเสียงสั่น ภาพ

กลุ่มญาติของกำนันสำเนียงยืนชี้หน้าด่าอย่างสาดเสียเทเสียยังผุดขึ้นมา

ในสมองเป็นระยะ

            “เรามีพยานมากมายในห้องผ่าตัด ใครๆ ก็รู้ว่าป่านแค่ยืนช่วยพี่ ไม่เอา

น่า อย่าคิดมาก ยังไว้พี่ก็ขอโทษด้วยที่เรียกป่านเข้าไปช่วย ตั้งใจว่าจะให้ดู

พี่ขอโทษจริงๆ จ้ะ”

            “ไม่ใช่ความผิดของพี่อิศวร์หรอกค่ะ ใครจะไปรู้ว่าเคสไหนจะเกิดอะไร

ขึ้นบ้าง นี่แค่ผ่าตัดไส้ติ่งง่ายๆ แต่ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นจนได้” ปานรวีส่ายศีรษะ

ปัดผมยาวที่ตกลงมาปรกหน้าขึ้นไป หายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองให้เข้มแข็ง

            “อย่าท้อนะป่าน เราเป็นแพทย์ ต้องหนักแน่น ใช้เหตุผลและข้อมูล

ทางการแพทย์เข้าว่า พี่มั่นใจว่าสาเหตุการตายถ้าไม่มาจากโรคหัวใจก็โรค

หลอกเลือดนี่ละ รอผลชันสูตรก่อน ช่วงนี้ไปไหนมาไหนก็ระวังตัวนิดหนึ่ง

ถ้าไม่มีเพื่อนไปจริงๆ ก็เรียกพี่ได้ รู้ๆ อยู่ว่าไอ้สนองลูกชายกำนันน่ะมันนักเลง

หัวไม้ พาลไม่เข้าเรื่อง พรรคพวกที่เป็นอันธพาลของมันมีเพียบ ระวังตัวไว้บ้าง

ก็ดี”

            นายแพทย์อิศวร์เตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาปานรวีเริ่มขนลุก เธอ

ไม่เคยคิดเลยว่าการเลือกมาอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ ซึ่งดูน่าจะสงบ

กลับทำให้ต้องเจอเรื่องยุ่งยากที่สุดในชีวิต

            “ป่านได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจบ้าง นี่ป่านก็พยายามอธิบายนะคะ แต่

เขาไม่ฟังเลย โวยวายลั่นโรงพยาบาล ป่าวประกาศว่าป่านจะไม่ได้รักษาใคร

ในชุมชนนี้อีกแล้ว เขาจะไปโพนทะนาให้ทั่วว่าหมอจบใหม่ทำคนตาย ป่าน

ยอมรับค่ะว่ากลัว กังวลไปหมด”

            ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่แสดงความอ่อนแอออกไป แต่ปานรวีก็กลั้น

น้ำตาไว้ไม่อยู่ จนต้องปล่อยให้ไหลรินออกมา แล้วรีบคว้าผ้าเช็ดหน้าจาก

กระเป๋าเสื้อกาวน์ขึ้นมาซับ

            “ไม่เอาน่า อย่าร้องสิ เชื่อพี่นะ ต้องเข้มแข็ง นี่เป็นแค่บททดสอบแรกๆ

บนเส้นทางของอาชีพนี้ ป่านต้องอดทนนะ”

            นายแพทย์อิศวร์เอื้อมมือมาลูบหลังของปานรวีเบาๆ เพื่อปลอบใจ

แต่ยิ่งมีคนปลอบยิ่งดูเหมือนเธออยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก เสียงสะอื้นจึง

เล็ดลอดออกไปอย่างช่วยไม่ได้

            นายแพทย์อิศวร์เอื้อมมือมาลูบหลังมือของปานรวีเบาๆ เพื่อปลอบใจ

แต่ยิ่งมีคนปลอบยิ่งดูเหมือนเธออยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก เสียงสะอื้นจึง

เล็ดลอดออกไปอย่างช่วยไม่ได้

            “ป่านขอตัวเข้าไปพักในบ้านก่อนนะคะพี่อิศวร์ ขอบคุณมากค่ะที่

แวะมา”

            ปานรวีลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านพักแพทย์ จุดหมายอยู่บนห้องนอน

ชั้นสอง เมื่อมาถึงเตียง เธอก็นอนคว่ำหน้าร้องไห้กับหมอน ยิ่งนึกภาพคนไข้

นอนไร้ลมหายใจในห้องดับจิตที่เพิ่งเข้าไปดูมาก็ยิ่งใจหาย

            เธอต้องทำอย่างไรต่อไปนะ จะโทรศัพท์เล่าให้นางปาริชาตผู้เป็นแม่ฟัง

ก็เกรงว่าท่านจะพลอยตกใจ ทุกข์ใจไปด้วย อีกอย่างเธอเองเป็นคนดื้อแพ่ง

จะมาทำงานประจำโรงพยาบาลอำเภอแห่งนี้ ทั้งที่แม่พยายามห้ามไว้ แม่

ไม่บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงไม่ดีใจที่เธอจับฉลากได้โรงพยาบาลอำเภอ

ที่จัดว่าใกล้กรุงเทพฯ มาก นอกจากจะไม่ดีใจแล้ว ท่านยังแทบบังคับว่าไม่ให้

มาทำงานที่นี่ แต่ในเมื่อท่านไม่บอกเหตุผล ปานรวีจึงดื้อดึงมาประจำใน

โรงพยาบาลแห่งนี้จนได้ และทำงานได้แค่สองเดือน เธอก็เจอดีเข้าแล้ว

            หญิงสาวร้องไห้จนพอใจจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียง...สูดหายใจลึก พยายาม

เตือนตัวเองว่าเธอเป็นแพทย์หญิงปานรวี...ไม่ใช่เด็กกะโปโลที่โดนกระทบ

อะไรหน่อยก็ทนไม่ไหว เห็นทีต้องลุกขึ้นสู้ ต่อให้เรื่องร้ายแรงแค่ไหนเธอ

ก็ต้องชนะ ต้องผ่านมันไปให้ได้

ปานรวีเดินผ่านต้นก้ามปู ตรงไปยังบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่เห็น

อยู่ลิบๆ เธอเคยมาที่นี่เมื่อสองเดือนที่แล้ว ความรู้สึกในวันนั้นกับวันนี้ต่างกัน

ลิบลับ...วันแรกที่มาจิตใจของเธอเบิกบาน เต็มไปด้วยไฟในการทำงาน แต่

วันนี้หญิงสาวแทบไม่มีแรงจะก้าวเดินต่อไปบนถนนสายอาชีพแพทย์ที่เพิ่งจบ

มาหมาดๆ

            เธอคิดถูกแล้วที่นึกถึงตับเต่าเป็นคนแรก ในเมื่อไม่อาจโทรศัพท์ไปเล่า

ให้ผู้เป็นมารดาฟังได้ เธอก็ต้องหาใครสักคนช่วยรับฟัง ทันทีที่เกริ่นให้ผู้เป็นป้า

รับรู้ปัญหาทางโทรศัพท์ นางก็สั่นให้มาหาที่บ้านเรือนไทยของนางทันที

            ปานรีวีอดประหลาดใจไม่ได้ แม่ไม่พาเธอมาเที่ยวสุพรรณฯ บ้างเลย

ทั้งที่มีญาติอยู่ที่นี่ แม่แต่งงานกับพ่อ แล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ท่านเล่าว่าเคย

พาเธอมาบ้างตอนยังเด็ก ครั้งสุดท้ายที่มา ปานรวีอายุแค่สองขวบ ยังจำอะไร

ไม่ได้เลย หลังจากนั้นแม่ก็ไม่เคยพาเธอมาอีก หญิงสาวรบเร้าถามถึงสาเหตุ

หลายครั้งแล้ว แต่แม่ก็ไม่ยอมปริปาก

            ปานรวีเดินมาตามสนามหญ้ากว้าง มุ่งตรงสู่เรือนใหญ่ ระยะจากประตู

รั้วไปถึงตัวเรือนห่างไกลจนน่าตกใจ ตับเต่าเคยบอกเธอว่าเป็นเพราะอยาก

สร้างเรือนไทยติดริมน้ำ เลยต้องยอมเดินไกลจากปากทางเข้ามาถึงบ้าน ปานรวี

คิดว่าคุ้มแสนคุ้ม เพราะเรือนที่ตั้งริมน้ำทำให้ได้ทั้งวิวสวยๆ และสายลมเย็น

จากลำน้ำท่าจีน เธอหลงเสน่ห์เรือนไทยหลังนี้ตั้งแต่แรกเห็นจนนึกอยากมา

ที่นี่บ่อยๆ

            แดดเปรี้ยวที่สาดส่องลงมานั้นจัดจ้าจนหญิงสาวต้องหยีตา เธอไม่ได้

ติดร่มมาด้วย จึงต้องทนเดินฝ่าแดดแรงยามสาย จนผิวกายร้อนผ่าว ใบหน้า

ต้องแสงแดดจนเริ่มแสบผิว

            ที่สำคัญ เธอทุกข์ใจจนกินอะไรไม่ลง เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านก็ไม่ได้

กินอะไรมาเลย ทำให้เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงเอาดื้อๆ ทว่าหญิงสาว

ยังฝืนก้าวเดินต่อไปท่ามกลางแดดจัด บอกตัวเองว่าอีกแป๊บเดียวก็ถึง แต่แล้ว

จู่ๆ ก็จะรู้สึกเหมือนพื้นหมุนติ้ว ภาพสนามหญ้าตรงหน้าวูบดับไปในทันที ได้ยิน

 

            เสียงสุดท้ายอุทานอยู่ไม่ไกล

            “ปานรวี!”

เขมรัฐรีบคว้าร่างของหญิงสาวที่เดินอยู่กลางแดดจ้าไว้ได้ทัน เขายืน

มองเธออยู่ใต้พุ่มไม้ใหญ่นี่นานแล้ว มองตั้งแต่เธอเดินลงจากรถโดยสารตรง

หน้ารั้ว แล้วเดินดุ่มๆ เข้ามากลางสนามหญ้า

            เพียงเห็นไกลๆ หัวใจชายหนุ่มก็วูบไหว...ปานรวี...ใช่เธอแน่ๆ เขาจำ

ไม่ผิด ตับเต่าเพิ่งเล่าเรื่องของแพทย์หญิงปานรวีให้เขาฟัง ก่อนที่เขาจะขอตัว

ลากลับ แล้วมาพบเธอกำลังเป็นลมอยู่นี่

            ชายหนุ่มประคองร่างบอบบางเข้าไปใต้พุ่มต้นแก้ว ปัดผมยาวสลวยให้

พ้นใบหน้ารูปไข่ซึ่งแดงก่ำและชื้นเหงื่อ พยายามเรียกชื่อเธอ แต่หญิงสาวก็ยัง

ไม่มีทีท่าจะฟื้น เขาจึงตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน

            ทันทีที่สัมผัสร่างนุ่ม เขมรัฐรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งพล่านไปทั่วร่าง!

            สาวน้อยคนนี้ใช่ไหมที่เขาเฝ้ารอเคย ‘ปานรวี’…ดั่งดวงตะวัน...

            เธอแอบซ่อนอยู่ในใจเขา เป็นเหมือนแสงตะวันที่ให้ความอบอุ่นและ

คอยผลักดันเขาเสมอมา โดยที่เจ้าตัวไม่รู้อะไรเลย เขมรัฐเสียอีกที่เฝ้าห่วงใย

ติดตามข่าวคราว อยากให้เธอสุขสมาย แม้ตัวเองจะต้องถูกกักขังให้อยู่เดียว

ดายพร้อมความกังวลกับเรื่องในอดีตก็ตาม

            และวันนี้เขาก็ได้เข้าใกล้แสงตะวันมากขึ้น หัวใจชายหนุ่มหวิวไหวอย่าง

ไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อได้สัมผัสเรือนร่างงดงาม ซึ่งที่ผ่านมาเคยอยู่แค่เพียง

ในฝันของเขาเท่านั้น

            เขมรัฐพยายามสลัดความรู้สึกบางอย่างออกไปจากใจ เขาพาร่างไร้สติ

ของปานรวีขึ้นไปบนเรือน เสียงตับเต่าตะโกนลั่นเมื่อเห็นสภาพหลานสาว

            “ต๊าย! แย่แล้ว หลานป้าเป็นอะไรไปเนี่ย”

            ชายใจหญิงในชุดผ้าถุงลายไทยสีส้มอมเหลืองกับเสื้อลูกไม้คอบัวสีขาว

ตะโกนลั่นจนสาวใช้ที่อยู่ใต้ถุนเรือนสองคนวิ่งขึ้นบันได้มาดูสถานการณ์

            “เป็นลมอยู่กลางสนามหญ้าน่ะครับป้าเต่า ผมไปเห็นเข้าพอดี ก็เลย

ประคองไว้ได้ทัน แล้วก็รีบอุ้มมานี่แหละครับ” เขมรัฐบอก ดวงตาของเขา

ไม่ละไปจากใบหน้าซีดขาวของปานรวี

            “ขอบใจนะเข้ม อุ้มไปนอนบนเบาะที่พื้นกลางเรือนก่อนดีกว่า แถวนี้

ลมโกรกเย็นดี ในห้องคงไม่ไหว มันอบอ้าว” ตับเต่าบอกน้ำเสียงนุ่มนวลแล้ว

หันไปตวาดสาวใช้ด้วยน้ำเสียงที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง “เอ๊ะ! นังสองคนนั่นยืน

บี้อะไรกันอยู่ รีบไปเอาน้ำใส่อ่างแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้ด้วย ด่วน

เลยนะยะ”

            เจ้าของบ้านคว้ายาดมมาอังที่จมูกของปานรวี ก่อนวางมือบนไหล่หลาน

สาว เขย่าเบาๆ ร้องเรียกเป็นระยะ

            “ป่าน! โถ...ยายป่านของป้า นี่คงทุกข์ใจสาหัสเลยเนี่ย ดูสิ ผอมกว่า

ที่เจอกันวันแรกตั้งเยอะ น่าสงสารจริงๆ”

            “มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับป้าเต่า” คิ้วเข้มของเขมรัฐขมวด

เข้าหากันโดยไม่รู้ตัว เขาไม่เคยมีนิสัยชอบวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น...แต่

ปานรวีไม่ใช่คนอื่นสำหรับเขา

            “ก็อย่างที่ป้าเล่าแหละว่าป่านมาทำงานที่โรงพยาบาลอำเภอของเรา แต่

ยังมีเรื่องที่ป้าไม่กล้าเล่าอีกเรื่องหนึ่ง...เมื่อสองวันก่อนเพิ่งเกิดเรื่องที่โรงพยาบาล

พ่อเข้มได้ข่าวบ้างไหมล่ะ ไอ้กำนันสำเนียงมันตายตอนผ่าตัดไส้ติ่งน่ะ แล้วคน

เข้าไปผ่าให้ก็ยายป่านนี่ละ ป่านเข้าไปช่วยหมอรุ่นพี่ฝ่าด้วย ถึงไม่ได้ทำเองแต่

ก็โด่นเพ่งเล็งหนัก ปากชาวบ้านน่ะนะ ก็พูดกันไปเรื่อยว่าเพราะหมอลืมใหม่ฝา

คนไข้ไม่ได้ตายคาเขียงนะ ไปตายตอนพักฟื้นน่ะ น่าจะเป็นเพราะสาเหตุอื่น”

            ตับเต่าเล่ายาวเหยียดพร้อมทำไม้ทำมือประกอบ เสียงทุ้มใหญ่ถูกกัด

ให้นุ่มนวลจนบางครั้งเขมรัฐก็ลืมไปว่านางเป็นผู้ชายใจกล้าที่ผ่านการผ่าตัด

แปลงเพศและเสริมอวัยวะที่ผู้หญิงควรมีเข้าไปเรียบร้อย

            “ผมพอจะเข้าใจครับป้า น่าเห็นใจจริงๆ บังเอิญคนตายเป็นกำนัน

สำเนียง เรื่องก็เลยบานปลาย”

            “นั่นน่ะสิ ไอ้สนองลูกชายกำนันมันประกาศจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ป้า

สงสารหลาน ไม่รู้จะช่วยยังไง วันนี้ก็เลยชวนมาคุย มากินข้าวกลางวันด้วยกัน

ที่นี่” ตับเต่าพูดไปพลางใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดใบหน้าหลานสาว สีหน้า

ห่วงใยฉายชัด

            เขมรัฐเบนสายตาไปยังร่างไร้สติบนพื้นเรือน

            ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ดูน่าสงสาร เมื่อเธอนอนหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้น

ยิ่งดูเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง...ไม่ต่างจากเด็กหญิงปานรวีที่เขาเคยรู้จัก

            “อุ๊ย! ฟื้นแล้ว หลานป้าฟื้นแล้ว” ตับเต่าตะโกนลั่นเรือนอีกครั้งเมื่อเห็น

เปลือกตาของปานรวีค่อยๆ ขยับ

            เขมรัฐรีบลุกขึ้นยืน...เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าปานรวี ยอมรับว่า

ยังขี้ขลาด ไม่กล้าเริ่มต้น ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้...ที่เขารอคอยมา

แสนนาน

            “อ้าว! จะไปแล้วเหรอเข้ม” ตับเต่าไม่ได้ลุกตามมาหรือฉุดรั้งเขาไว้ นาง

ยอมให้ชายหนุ่มเดินหลบไปจนพ้นสายตาของหญิงสาวที่ยังงุนงงเพราะเพิ่งได้

สติใหม่ๆ

            ผมขอตั้งตัวก่อนครับป้าเต่า มันกะทันหันเกินไป เอาเป็นว่าวันนี้ผม

กลับก่อนนะครับ แล้วจะมาหาใหม่” เสียงชายหนุ่มเบาจนแทบเป็นกระซิบ

            “หนีอีกแล้วนะพ่อเข้ม...ป้าว่ายังไงก็หนีไม่พ้นหรอก โชคชะตามันชักพา

ให้เข้าใกล้กันขึ้นทุกทีแล้ว” ตับเต่าบอกพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกเอ็นดูหนุ่มฉกรรจ์

ที่ทำตัวเป็นหนุ่มน้อยหนีปัญหา

            “ผมรู้ครับ แต่ขอเวลาอีกนิด ผมกลับก่อนครับป้า”

            เขมรัฐยกมือไหว้ ตัดใจเดินลงเรือนไป ทั้งที่ใจยังนึกเป็นห่วงหญิงสาว

 ที่เพิ่งฟื้น

            รออีกนิดนะ...ปานรวี...ให้เวลาผมทำใจหน่อย คุณมาเร็วจนผมตั้งตัว

ไม่ติดเลยจริงๆ

                                 (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ลิขิตของฟ้า...ใครเล่าจะกล้าฝ่าฝืน เพราะเชื่อแน่ว่าเกิดมาเพื่อคู่กัน ครูหนุ่มบ้านทุ่งอย่าง เขมรัฐ จึงตามเฝ้าดูแล ปานรวี เสมอมา เขมรัฐครูหนุ่มบ้านทุ่งจะทำอย่างไร เมื่อปานรวี หมอสาววัยใสที่เขาเข้าใจว่าเป็นเนื้อคู่นั้นกลับมาเยือนบ้านทุ่งอีกครั้ง พร้อมข้อกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุการตายของผู้ป่วยผ่าตัดที่เธอเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ หนึ่งหนุ่มที่มีสาวเข้ามาหมายปองและติดพัน กับหนึ่งสาวที่ขอหลบมาพักใจที่บ้านทุ่ง อีกหนึ่งบททดสอบความรักที่ชวนให้ติดตาม


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024