ริมฝั่งน้ำ (ธุวดารา)

ริมฝั่งน้ำ (ธุวดารา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160023745
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 290.00 บาท 72.50 บาท
ประหยัด: 217.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เพล้ง!

พิมพ์วีนัสกับอรพิมพ์สะดุ้งตกใจ หันขวับกลับไปทางต้นเสียง ซึ่งเป็น

ห้องพักสมาชิกที่พวกเธอเพิ่งเดินผ่านมา

“เสียงอะไรน่ะพี่อ้อย” พิมพ์วีนัสถาม

“เหมือนจะมาจากห้องคุณชาญค่ะ” อรพิมพ์คาดเดา

พิมพ์วีนัสหมุนตัวเดินกลับไปยังห้องของชาญชัย ยังคงได้ยินเสียง

โครมครามดังออกมาต่อเนื่อง หล่อนเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ระหว่างทางธงชัย

เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเดินมาพอดี พิมพ์วีนัสจึงบอกให้ไปด้วยกัน

ถึงห้องของชาญชัย พิมพ์วีนัสเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่รอคน

ข้างในบอกอนุญาต เพราะถือว่าเป็นเหตุไม่ปกติ

“เกิดอะไรขึ้นคะ” หล่อนเดินเข้าไป เห็นคนยืนอยู่เต็มห้อง ทุกคนยืน

ขาตาย มีเพียงชาญชัยคนเดียวที่เคลื่อนไหว อาละวาดหยิบข้าวของบนตู้

หัวเตียงโยนใส่ญาติของเขา

“ออกไป ออกไปให้หมด ออกไปให้พ้นหน้าฉัน!” ชาญชัยตะโกนไล่หน้าแดงก่ำ

ลูกชาย ลูกสะใภ้ หลานชาย ยืนอึ้ง ตอนนี้มีคนนอกเข้ามาร่วม

เหตุการณ์ด้วยแล้ว พวกเขาจะพูดอะไรก็ลำบาก

“คุณพ่อคะ” ลูกสะใภ้พยายามจะเข้าไปเจรจา แต่ชาญชัยยิ่งโกรธ

“ฉันบอกให้ออกไป!” สิ้นเสียงตวาดสุดแรงนั้น ชาญชัยก็หมดแรง

เซล้มลง ทุกคนพากันร้องอุทาน

“คุณปู่!” อานัสปราดเข้าไปประคองร่างปู่ของเขา แต่ถูกชาญชัยสะบัด

ตัวหนี ยิ่งออกแรงชาญชัยก็ยิ่งหอบเหนื่อย ถึงตรงนี้พิมพ์วีนัสไม่อาจปล่อย

ให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวได้อีกแล้ว

“รบกวนออกไปก่อนนะคะ” พิมพ์วีนัสร้องขอคนทั้งสาม ส่วนอรพิมพ์

กับธงชัยรู้หน้าที่ รีบเข้าไปประคองชาญชัยขึ้นไปนั่งพักบนโซฟา

เอกภพยังคงดื้อดึงจะเข้าไปดูอาการผู้เป็นพ่อ แต่พิมพ์วีนัสยืนขวางไว้

“ขอร้องละค่ะ ขอให้พยาบาลตรวจดูอาการคุณปู่ก่อนนะคะ”

พวกญาติๆ ทำท่าฮึดฮัดไม่มีใครยอมถอย พิมพ์วีนัสจึงต้องหันไปสั่งเสียงเฉียบ

“พี่ธง พาญาติคุณปู่ชาญออกไปรอข้างนอกก่อนค่ะ”

สุดท้ายทุกคนก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ‘เชิญ’ ออกมาจากห้องจนได้

 

“คุณพ่อจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณ” สิริมากระวนกระวาย เดิน

วนไปเวียนมาอยู่ภายในห้องรับแขก จนสามีกับลูกชายชักเวียนหัว

“ถ้าอาการหนักเขาคงพาส่งโรงพยาบาลแล้วละคุณ”

ที่จริงเอกภพก็ร้อนใจไม่น้อยกว่ากัน แต่พยายามคุมสติ นั่งรออย่าง

ใจเย็น เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ ร้อนรนไปก็ร้อนใจเปล่า

“แหม ที่นี่มีแค่พยาบาล ไว้ใจได้แค่ไหนเชียวคะ เราพาคุณพ่อไป

โรงพยาบาลเองดีกว่าไหมคะ” ฝ่ายภรรยากระแทกตัวนั่งลงข้างๆ กัน

พนักงานของพิมพ์วีนัสจัดเครื่องดื่มและของว่างมาบริการให้อย่างดี

แต่ไม่มีใครกินอะไรลง

“ที่นี่เขามีระบบที่ไว้ใจได้ ประสานงานกับโรงพยาบาลได้เร็วกว่าเรา

ด้วยซ้ำ คุณปล่อยให้เขาทำงานของเขาเถอะ” เอกภพบอกด้วยน้ำเสียง

อ่อนเพลีย เพลียใจมากกว่าเพลียกาย

สิริมาทำเสียงฮึดฮัด ก่อนจะทำตาขวางใส่ลูกชายซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกัน

“เป็นยังไงล่ะตานัส ถ้าคราวนี้คุณปู่เป็นอะไรขึ้นมา มีหวังพวกอาๆ

แกได้ทีเหยียบพวกเราจมดิน”

อานัสทำหน้าเบื่อโลกขึ้นมาทันที

“ตกลงแม่กลัวคุณปู่เป็นอะไร หรือกลัวเสียหน้ากับพวกอาๆ ครับ”

“เอ๊ะ! แกนี่” ผู้เป็นแม่ทำตาลุกวาว

อานัสรู้ว่าขืนอยู่ปะทะกันต่อรังแต่จะทำให้บรรยากาศแย่ลง เขาจึง

ลุกขึ้นแล้วบอกห้วนๆ ว่า “ผมออกไปรอข้างนอกนะครับ ในนี้อึดอัด”

สิริมาทำตาขวาง มองลูกชายเดินโครมครามออกไปก่อนหันมาบ่นกับสามี

“คุณดูสิคะ ดูลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณ” หล่อนฟ้อง

“แล้วไม่ใช่ลูกคุณเหรอ” เอกภพสวนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ก็ถูก

ภรรยาค้อนใส่อยู่ดี

“ก็ใช่น่ะสิคะ ฉันถึงอยากจะกัดลิ้นตายเสียเดี๋ยวนี้” หล่อนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

เอกภพกุมขมับ สิริมาทำตัวเหมือนกับแผ่นเสียงตกร่อง พูดย้ำๆ

ซ้ำๆ แต่เรื่องเดิม และที่พูดมาก็ไม่ได้มีประโยชน์หรือทำให้อะไรดีขึ้นมาได้เลย

“ไม่เคยทำความภาคภูมิใจให้พ่อแม่ มีแต่จะหาเรื่องร้อนอกร้อนใจ

มาให้ ต้องตามเช็ดตามล้างกันตั้งแต่แบเบาะมาจนจะสามสิบแล้วพ่อแม่

ยังไม่ได้สบาย” หล่อนยังระบายความอัดอั้นตันใจไม่หมด ถ้าเป็นปกติ

เอกภพก็คงทนฟัง แต่ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ

“เอาเถอะคุณ เรื่องตานัสเอาไว้ก่อนเถอะ”

สามีพูดอย่างนั้นสิริมาก็ค้อนใส่ แต่ยอมสงบปากสงบคำ นั่งถอนใจ

กระสับกระส่าย ชะเง้อคอคอยว่าเมื่อไรจะมีคนออกมาส่งข่าวเสียที

ภายในห้องพักของชาญชัย หลังจากพิมพ์วีนัสจัดการเชิญญาติ

ออกไปได้หมดแล้ว สถานการณ์ก็สงบ เหลือเพียงปฐมพยาบาลเจ้าของห้อง

ซึ่งทำท่าคล้ายจะเป็นลม ยาดม ยาลม ยาหอมถูกนำมาวางพร้อม

“หายใจเข้าออกลึกๆ นะคะคุณปู่ เข้า...ออก...เข้า...ออก” พิมพ์วีนัส

กำกับการหายใจ เพื่อให้สมาธิของชาญชัยจดจ่ออยู่ที่ลมหายใจ หวังให้

อารมณ์ของเขาสงบลง

อรพิมพ์นำเครื่องวัดความดันมาวัด ได้ค่าออกมาเป็นปกติดีจึง

รายงานว่า “ความดันปกติค่ะ”

พิมพ์วีนัสยิ้มอย่างพอใจ

ชาญชัยลืมตาขึ้น ถามด้วยเสียงอ่อนแรง “พวกนั้นไปหรือยัง”

“น่าจะยังรออยู่ข้างนอกค่ะ”

“อย่าให้เข้ามาอีกนะ ปู่ไม่อยากเห็นหน้าพวกนั้น”

พิมพ์วีนัสสบตากับอรพิมพ์ ดูท่าชาญชัยจะโกรธสามคนนั้นมาก

จริงๆ พิมพ์วีนัสทราบว่าเอกภพคือลูกชายคนโตของชาญชัย สิริมาคือ

ลูกสะใภ้ มาเยี่ยมแต่ละครั้งก็เห็นพูดคุยกันดี ไม่รู้ว่าคราวนี้เกิดอะไรขึ้น

“หนูจะไปบอกให้พวกเขากลับไปก่อนนะคะ” พิมพ์วีนัสบอก

ชาญชัยพยักหน้าพอใจ

“คุณปู่อย่าคิดอะไรมากนะคะ ทำใจให้สบาย อะไรเป็นทุกข์ก็ปล่อยวาง

ลงเสีย อย่างที่หลวงพ่อท่านสอนนะคะ”

ชาญชัยนึกถึงคำเทศนาของหลวงพ่อ พิมพ์วีนัสเคยนิมนต์ท่านมา

เทศนาธรรมที่นี่ เขากับเพื่อนๆ สมาชิกได้ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ

เจริญสติ เคยคิดว่าตัวเองละรัก โลภ โกรธ หลง ไปได้มากแล้ว แต่พอ

ลูกหลานทำเรื่อง ชาญชัยก็ตบะแตกเสียหมด!

“ปู่จะพยายาม แต่มันยากเหลือเกินหนูวีนัส” ชายชราวัยเจ็ดสิบกว่า

ถอนใจเฮือก ในยามนี้เขาดูแก่กว่าวัยลงไปมาก

พิมพ์วีนัสยิ้มปลอบและหันไปบอกอรพิมพ์ “พี่อ้อย อยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ก่อนนะคะ”

พยาบาลสาวพยักหน้ารับ พิมพ์วีนัสวางใจ เตรียมตัวเตรียมใจไป

เผชิญหน้ากับครอบครัวของชาญชัยที่ห้องรับแขก

 

พฤกษ์หักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทาง ก้มอ่านแผนที่ด้วยสีหน้า

สับสน เงยหน้ามองหาจุดสังเกตรอบตัว แต่ไม่มีอะไรพอจะใช้จับเป็นหลัก

ได้เลย...เขาหลงทางแล้วหรือนี่ ชายหนุ่มตัดสินใจดับเครื่องรถ ลงไปถาม

คนท้องที่คงจะได้เรื่องกว่านั่งงมอ่านแผนที่อยู่คนเดียว

เขาเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ตัวร้านเป็นลักษณะเพิงไม้ไผ่

ชั่วคราว มีคนนั่งกินอยู่สองสามโต๊ะ เขาเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านซึ่งกำลัง

ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่

“เอาอะไรจ๊ะพ่อหนุ่ม” หญิงวัยห้าสิบต้นๆ เงยหน้าขึ้นมาถาม รอยยิ้ม

ซื่อๆ ของเธอทำให้พฤกษ์ตอบออกไปว่า

“เอ่อ...ก๋วยเตี๋ยวเป็ดก็ได้ครับ” เขาเลือกรายการอาหาร ทั้งที่ไม่ได้

ตั้งใจมากินด้วยซ้ำ

“เส้นอะไรจ๊ะ”

“เส้นเล็กครับ”

“รอแป๊บนึงนะจ๊ะ เลือกโต๊ะได้เลยจ้ะ น้ำดื่มบริการตัวเองนะ”

พฤกษ์ผงกศีรษะรับ เดินเข้าไปในเพิงไม้ ลูกค้าโต๊ะอื่นๆ เงยหน้า

มองเขา คงเพราะเห็นเป็นคนแปลกหน้า ไม่ได้อาศัยอยู่ในละแวกนี้ พฤกษ์

เดินไปตักน้ำ ถือมานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง ไม่นานก๋วยเตี๋ยวเป็ดควันฉุยก็ถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะ

พฤกษ์ถือโอกาสเข้าเรื่องเสียเลย “ผมกำลังจะไปบ้านร่มไม้ชายคา น้ารู้จักไหมครับ”

“อ๋อ รู้จักสิ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวตอบ

ระหว่างนั้นลูกค้าโต๊ะข้างๆ เหลียวมามองด้วยความสนใจ เธอชะโงกหน้าเข้ามาถาม

“คุณจะไปบ้านร่มไม้ชายคาเหรอคะ”

 แม่ค้ามองคนถามแล้วก็นึกขึ้นได้ รีบบอกว่า “เอ้อ จริงด้วย บ้าน

น้องชมอยู่ติดกับบ้านร่มไม้ฯ นี่ บอกทางคุณเขาหน่อยนะ ฉันไปทำก๋วยเตี๋ยวก่อน”

พอดีมีลูกค้ามาใหม่ แม่ค้าจึงต้องรีบกลับไปรับออร์เดอร์ ปล่อย

พฤกษ์ไว้กับลูกค้าอีกคนที่ชื่อชวนชม

พฤกษ์ยิ้มนำทัพไปก่อนเพราะต้องขอความช่วยเหลือ เขาส่งแผนที่

ในมือให้ดู “ช่วยอธิบายแผนที่ให้ผมหน่อยนะครับ”

ชวนชมรับไปดู สีหน้าหล่อนไม่ดีนัก จะว่าไม่เต็มใจช่วยก็ไม่น่าใช่ แต่

มีบางอย่างแปลกๆ ในความรู้สึกของพฤกษ์

“ตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้นะ พอออกจากร้านนี้ เลี้ยวซ้ายข้างหน้านี่

แล้วก็ขวาอีกที วิ่งเลียบแม่น้ำไป เดี๋ยวก็เจอป้ายบ้านร่มไม้ชายคา ป้ายเขา

ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มแทบจะทิ่มตา รับรองไม่หลง”

พฤกษ์สะดุดหู...ตรงคำว่า ‘ป้ายเขาใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มแทบจะทิ่มตา’

ให้อารมณ์เสียดสีประชดประชัน ฟังแล้วแปร่งๆ ชอบกล แต่คนพูดอาจ

ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นก็เป็นได้

“ขอบคุณครับ” พฤกษ์เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ คิดว่าเข้าใจเส้นทางดีแล้ว

จึงเก็บกระดาษแผนที่ใส่กระเป๋าเสื้อ ตั้งใจจะจัดการกับก๋วยเตี๋ยวเป็ด

เสียหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจแม่ค้า แม้ว่าเขาจะไม่หิวเลยก็ตาม

“คุณจะไปทำอะไรที่นั่นเหรอ”

พฤกษ์คีบเส้นเล็กจ่อคาอยู่ที่ปากตอนชวนชมหันมาถามต่อ เขาจึง

วางตะเกียบลง ตอบว่า “จะไปดูสถานที่ แล้วก็คุยรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายน่ะครับ”

ชวนชมทำตาโต หมุนเก้าอี้หันมาคุยกับหนุ่มแปลกหน้าอย่างเป็นเรื่อง

เป็นราว “อุ๊ย จะพาญาติผู้ใหญ่มาอยู่เหรอคะคุณ” หล่อนทำท่าสนอกสนใจ

พฤกษ์ออกจะงง แต่คิดว่านิสัยคนต่างจังหวัดก็เป็นอย่างนี้ มีใคร

แปลกหน้าผ่านเข้ามาในละแวกบ้านก็ต้องสนใจใคร่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน

เข้ามาทำอะไรในถิ่นฐานที่อยู่ของตน

“ยังไม่แน่ใจครับ มาดูๆ ก่อน” เขาตอบยิ้มๆ หยิบตะเกียบขึ้นมา

กินต่อ แต่ก็ไม่ได้คีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากตามเคย

“แหม ที่จริงฉันก็ไม่อยากพูด”

หล่อนเกริ่นนำ ทำให้พฤกษ์ต้องเงยหน้า ทำตาปริบๆ ตั้งใจฟัง

เอ๊ะ! เขาควรตั้งใจฟังหรือเปล่านะ เพราะหล่อนว่าไม่อยากพูดนี่นา

...พฤกษ์ชักงง

“นี่เพราะเห็นคุณท่าทางดีฉันถึงพูดนะ ขอเตือนเถอะค่ะ บ้านนี้จะเอา

คนเข้าไปอยู่ได้ต้องกระเป๋าหนัก ถ้าเงินไม่ถึงจริงอย่าได้เสียเวลาค่ะ เก็บค่า

แรกเข้าขูดเลือดขูดเนื้อ ไหนจะค่ารายเดือน รายปี และค่าใช้จ่ายพิเศษอีก

จิปาถะ คนแถวนี้เขารู้กันทั้งนั้นละค่ะว่าบ้านนี้หากินเอากับคนแก่ แถวนี้ไม่มี

ใครส่งพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปอยู่หรอกค่ะ สภาพความเป็นอยู่ก็ใช่ว่าจะดีกว่า

อยู่กับบ้านเราสักเท่าไร”

พฤกษ์นิ่วหน้า รับฟังข้อมูลใหม่ด้วยความสนใจ นี่เป็นข้อมูลอีกด้าน

ของ ‘บ้านร่มไม้ชายคา’ ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน

“คิดใหม่เถอะค่ะ สงสารคนที่จะพามาอยู่ เอามาทิ้งให้คนแปลกหน้า

ดูแล ญาติเขาก็ไม่ใช่ เขาจะดูแลดีเท่าเราที่เป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ ได้ยังไงคะ”

พฤกษ์จุกเบาๆ เพราะสายตาของชวนชมมีแววตำหนิเขาอยู่นิดๆ

“ที่พูดนี่เพราะฉันหวังดีนะคะ สงสารคนแก่ค่ะ แล้วก็เกลียดไอ้พวก

                         (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด


การสูญเสียนำมาซึ่งการค้นพบ
ให้สองหนุ่มสาวเรียนรู้ถึงคุณค่าแห่ง ‘รัก’ และ ‘ชีวิต’

พฤกษ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยหนุ่มจำเป็นต้องพามารดาไปใช้บริการ ‘บ้านร่มไม้ชายคา’
กิจการบ้านพักคนชราของอดีตพยาบาลสาวสวย พิมพ์วีนัส
ด้วยมารดาตรอมใจที่บิดาจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
และเขาไม่อาจปล่อยมารดาให้อยู่ตามลำพังได้
ที่นี่ทั้งพฤกษ์และมารดาได้พบเจอเรื่องราวหลากหลาย
และได้พบ ‘คู่กรณี’ ที่พรากพ่อไปจากครอบครัวของเขาอย่างเหนือความคาดหมาย
สิ่งแวดล้อมกับเจ้าของบ้านพักสาวผู้อ่อนโยนจะช่วยเยียวยาบาดแผล
ความเจ็บปวดในใจอาจารย์หนุ่มกับมารดาได้หรือไม่
เมื่อทางออกของเรื่องราวและหัวใจดูจะไม่ไปทางเดียวกัน

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024