มนตราบาบิโลน (ลัลล์ลลิล)

มนตราบาบิโลน (ลัลล์ลลิล)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160006007
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 190.00 บาท 47.50 บาท
ประหยัด: 142.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

๒๓ มีนาคม ๒๐๐๓ สามวันให้หลังนับจากการโจมตีทางอากาศเริ่มขึ้น

“เคอร์เนิลครับ มีคำร้องขอการสนับสนุนทางอากาศไปที่เมือง

นาสิริยาห์ครับ”

ผู้พันรัสเซลรับฟังรายงานจากนายทหารใต้บังคับบัญชา ครุ่นคิด

เพียงเสี้ยวนาทีก็ตัดสินใจ

“ส่งฮอก (Hog) เข้าไปในพื้นที่ เรียกนักบินรายงานตัวด่วน”

คำสั่งถูกถ่ายทอดเป็นระบบอย่างรวดเร็ว...

พระเอกของปฏิบัติการครั้งนี้คือเครื่องบินรบ เอ-๑๐ ธันเดอร์โบลต์

ทู (A-10 Thunderbolt II) เครื่องบินโจมตีภาคพื้นดินและสนับสนุน

ทางอากาศโดยใกล้ชิด ซึ่งประจำการอยู่กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ มาหลายทศวรรษ

เรืออากาศเอก เจมส์ วอล์คเกอร์ และเรืออากาศเอก ดีน เดวีย

คือผู้ถูกเลือกให้นำพา ‘ไอ้หมูป่า ๒ เข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการครั้งนี้

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ย วิ่งมาชนกันที่หน้าประตูห้องจัดเก็บ

ชุดนักบิน ไม่เสียเวลาพูดอะไรกันมาก สองหนุ่มทัพฟ้าพุ่งปราดเข้าไปในห้อง

“พนันได้เลยว่าฉันเสร็จก่อนนาย” ดีนยิ้มยั่ว ขณะเร่งแต่งตัว เตรียมอุปกรณ์

เจมส์หัวเราะเบาๆ มือเป็นระวิงไม่ต่างกัน เพราะรู้ว่าต้องรีบนำ

เครื่องขึ้นให้เร็วที่สุด สองหนุ่มใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย คว้า

หมวกบินวิ่งออกไปยังลานบิน

‘หมูป่า’ สองตัวนอนรออยู่ที่ลานบิน ติดอาวุธพร้อม ทั้งขีปนาวุธ

ระเบิด และปืนใหญ่ บรรจุกระสุนพันกว่านัด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจมส์กับดีนจะต้องพาไอ้หมูป่าเหินขึ้นฟ้า พวกเขา

วิ่งไปหามันด้วยความมั่นใจ แม้ภารกิจครั้งนี้จะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งยวดก็ตาม

“พนันได้เหมือนกันว่าฉันถึงเป้าหมายก่อนนายแน่” เจมส์พูดยั่วเพื่อนขณะวิ่งไปคู่กัน

คราวนี้ดีนไม่เกทับหรือตอบโต้ เพียงแค่ยิ้มให้และตบไหล่เพื่อน

“โชคดีว่ะเพื่อน”

“เช่นกัน”

สองหนุ่มทำวันทยหัตถ์ แล้วแยกย้ายขึ้นประจำเครื่องของตัวเอง

หอบังคับการออกคำสั่งให้เทกออฟตามลำดับ นักบินติดเครื่องยนต์

บังคับเครื่องไปตามลู่วิ่งช้าๆ

เจมส์ประจำ ‘ฮอก ๑’ ออกนำหน้าไปก่อน เมื่อตั้งลำได้ตรงลานบิน

แล้ว จึงเร่งความเร็ว เทกออฟขึ้นสู่น่านฟ้าอย่างสวยงาม

กัปตันดีนควบคุม ‘ฮอก ๒’ เหินฟ้าตามเพื่อนไปติดๆ มุ่งตรงสู่

เป้าหมาย...เมืองนาสิริยาห์ ประเทศอิรัก

“ฮอก ๑ ฮอก ๒ หากได้รับพิกัดการโจมตีแล้ว โปรดยืนยัน”

ฐานบัญชาการติดต่อกับนักบินทั้งสองทันทีที่เครื่องเทกออฟไปได้ไม่นาน

“ฮอก ๑ ยืนยัน กำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย”

“ฮอก ๒ ยืนยัน รับทราบคำสั่ง”

หมูป่าสองตัวเร่งความเร็ว เหินขึ้นเหนือฐานเมฆ พุ่งฉิวสู่พิกัดเป้าหมาย

“อีกหนึ่งนาทีจะถึงเป้าหมาย ขอคำสั่งยืนยันจากศูนย์ควบคุมด้วย”

เจมส์ในฐานะหัวหน้าหมู่บิน ขอคำสั่งจากฐานบัญชาการ

“ยืนยันพิกัดเป้าหมาย เตรียมพร้อมจู่โจม”

นักบินทั้งสองรับทราบคำสั่ง เตรียมปล่อยขีปนาวุธอากาศสู่พื้นดิน

“ฮอก ๑ ระวังจรวดแซม องศาที่ ๒๗๐!” ดีน เดวีย์ วิทยุเตือนหัวหน้าหมู่บิน

เจมส์ก้มดูหน้าปัดของเขา เห็นสัญญาณแสดงว่าอาวุธนำวิถีด้วย

ความร้อนกำลังไล่จี้ก้นเขามาติดๆ ฮอก ๑ จำเป็นต้องเร่งความเร็ว เบนเครื่องหนี เพื่อสลัดตัวก่อกวน

“ฮอก ๑ รายงานด้วย”

“ผมยังสลัดมันไม่หลุด” เจมส์ตอบฐานบัญชาการพร้อมกับเร่ง

ความเร็วขึ้นอีก มองไปข้างหลัง จรวดแซมจากฝ่ายอิรักยังตามราวีอยู่

ไม่ห่าง พอได้จังหวะ เขาจึงตัดสินใจกดปล่อยลูกแฟลร์!

ลูกไฟหลายสิบลูกกระจายออกมาจากตัวเครื่อง รบกวนระบบนำวิถี

ด้วยความร้อนของจรวดแซม และดึงให้จรวดพุ่งตรงเข้าไปหาลูกแฟลร์

เพราะหลงคิดว่าเป็นเป้าหมาย ให้เวลาฮอก ๑ ได้ดึงเครื่องหลุดรอดไปได้อย่างหวุดหวิด

เสียงระเบิดเมื่อจรวดแซมปะทะลูกแฟลร์ดังตูมใหญ่ เกิดประกาย

ไฟสว่างวาบอาบไล้ผืนฟ้าครามเข้ม

ฮอก ๒ บินวนคุมสถานการณ์อยู่นอกวิถี พอเห็นว่าฮอก ๑ สลัด

การติดตามหลุดพ้นแล้วจึงบินกลับมาเรียงแถวอยู่ในระนาบเดียวกัน

“ผมปลอดภัยดี ไปจัดการงานนี้ให้เสร็จกันเถอะดีน” เจมส์วิทยุบอก

ฐานบัญชาการและเพื่อนร่วมทีม

ช่วงจังหวะที่ฮอก ๑ และ ๒ บินเทียบขนาน พวกเขาสามารถเห็น

อีกฝ่ายนั่งอยู่ภายในห้องนักบิน เจมส์พยักหน้าและทำสัญญาณมือโบก

ไปข้างหน้า เป็นสัญญาณพร้อมจู่โจม

“อีกสามสิบวินาทีถึงเป้าหมาย” เจมส์รายงานฐานบัญชาการ ระหว่าง

นั้นเองที่ฮอก ๒ รายงานแทรกขึ้นมาว่า

“ศัตรูมีปืนต่อสู้อากาศยาน ย้ำ! เรากำลังถูกโจมตี”

เอ-๑๐ ทั้งสองลำสั่นคลอน แต่ยังไม่ถึงกับเสียการทรงตัว เจมส์

พยายามประคองเครื่องออกนอกวิถีกระสุนของฝ่ายศัตรู เครื่องของเขา

โดนรุมกระหน่ำหนักกว่าเครื่องของดีนหลายเท่า

“ฉันเห็นฐานยิงแล้ว จะจัดการเอง นายเป็นเป้าล่อให้ที” ดีนวิทยุบอกแผนการ

“ฉันไม่ต้องล่อมันก็แห่กันมารุมทึ้งฉันอยู่แล้ว” เจมส์บังคับเครื่อง-

บินฉวัดเฉวียน หลบหนีห่ากระสุนที่พร้อมใจกันพุ่งตรงมาหาเขาอย่าง

ไม่ทิ้งช่วงให้หายใจหายคอ

“เร็วเข้าดีน”

“มิสไซล์ล็อกเป้าหมาย” ดีนล็อกขีปนาวุธไปที่ฐานยิงปืนต่อสู้อากาศ-

ยานของฝ่ายศัตรูที่ภาคพื้นดิน แล้วกดส่งขีปนาวุธลูกใหญ่หล่นลงมาจาก

ใต้เครื่อง พุ่งฉิวตรงเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ...ประกายไฟลูกใหญ่ระเบิด

ขึ้น พร้อมกับความเสียหายของฝ่ายอิรัก

“ฐานยิงฝ่ายศัตรูถูกทำลายแล้ว” ดีนรายงานหัวหน้าหมู่บิน

ตัวก่อกวนถูกทำลาย ฮอก ๑ และ ๒ จึงทะยานกลับเข้าสู่เส้นทาง

การบินตามแผน หน้าปัดแสดงพิกัดโจมตีอยู่เบื้องหน้า

เจมส์กับดีนกดปุ่มบังคับปืนใหญ่อากาศแบบแกตลิ่ง ปลาย

กระบอกปืนที่ยื่นออกมาจากใต้ท้องเครื่องด้านหน้า รัวกระสุนด้วยความเร็ว

ห้าสิบนัดต่อวินาทีโจมตีเข้าใส่รถถังเบื้องล่าง เสียงอื้ออึงสับสนวุ่นวายจนไม่รู้

อะไรเป็นอะไร ฝุ่นฟุ้งตลบอบอวล จนกระทั่งเอ-๑๐ ทั้งสองลำบินวน

ออกไปสักพัก ควันจึงเริ่มจางลง

เจมส์กำลังจะนำลูกทีมบินวนเข้าไปโจมตีซ้ำ แต่หน้าปัดแจ้งเตือน

สัญญาณผู้บุกรุกดังขึ้น...มีจรวดแซมพุ่งมาจากอีกทิศทาง

“มีจรวดแซมก่อกวนผมอีกลูก ไม่สามารถโจมตีระลอกสองได้”

“ฮอก ๒ กำลังวนกลับเข้าไปโจมตีซ้ำ” ดีนรับทราบปัญหา รับหน้าที่

ปฏิบัติภารกิจต่อ ส่วนเจมส์ต้องเบี่ยงเครื่องหนีการไล่ล่าของจรวดแซม

ไอ้จรวดบ้านี่มันกัดเขาไม่ปล่อยจริงๆ...

ฮอก ๑ บินเอียงไปเอียงมา กลายเป็นหมูป่าร่อนตุปัดตุเป๋ เขารอ

จังหวะจะปล่อยลูกแฟลร์แล้วชิ่งหนี แต่ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้สมอง

หยุดสั่งการไปชั่วขณะ

อะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาที่เขา ดูคล้ายเงื้อมมือมัจจุราชที่กำลัง

จะกลืนกินเครื่องบินของเขาเข้าไปทั้งลำ

พายุทราย!...

เจมส์สบถลั่น พยายามจะดึงเครื่องหนีให้พ้นม่านทรายหนาทึบซึ่ง

กำลังโอบล้อมเครื่องบินของเขาเข้าไปข้างใน...แต่ไม่สำเร็จ!

ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกขนานแท้!

“มีพายุทรายทางทิศตะวันตก ทัศนวิสัยแย่มาก” เจมส์วิทยุรายงาน

ได้ยินเสียงจากฐานบัญชาการตอบกลับมาแต่เสียงขาดหายจนจับใจความไม่ได้

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ดีนกำลังใช้ปืนใหญ่กระหน่ำยิงรถหุ้มเกราะ

เบื้องล่าง แล้วบินวนออกไปดูสถานการณ์ เขาเห็นเงามืดทาบทับมาจาก

ทิศทางที่เจมส์พาเครื่องบินหนีจรวดแซม ทันเห็นหางเจ้าหมูป่าของเจมส์

หายวับเข้าไปในกลุ่มม่านเม็ดทราย พาเพื่อนของเขาหายเข้าไปในนั้นด้วย

“ฮอก ๑ ยืนยันสถานะด้วย” ดีนวิทยุเรียกอย่างร้อนรน หวังใจว่า

จะเห็นฮอก ๑ พุ่งทะลุฝ่าพายุทรายออกมาในไม่ช้า แต่รอจนแล้วจนรอด

ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา และพายุทรายกำลังเริ่มเคลื่อนตัวห่างออกไป

“ฮอก ๑ รายงานพิกัดของคุณด้วย” ดีนเรียกย้ำอีกครั้งแต่ก็ยังไร้การตอบสนอง

ดีนตัดสินใจวนกลับไปยังเป้าหมายโจมตี เพื่อรายงานสถานการณ์

กลับไปที่ฐานบัญชาการ ฝุ่นควันจากการยิงโจมตีเริ่มจางลงแล้ว เผยให้

เห็นพื้นที่เป้าหมายอย่างชัดเจน...ตอนนั้นเองที่ร่างกายของเรืออากาศเอก

ดีน เดวีย์ ชาวาบ!

ธงชาติสหรัฐอเมริกาปลิวไสวอยู่บนซากรถหุ้มเกราะที่เขาเพิ่งกราด

ยิงจนพรุน ดีนตะลึงงัน ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นลูกแฟลร์ถูกยิงออกมา

จากกลุ่มคนที่ยืนรายล้อมซากรถอยู่...เป็นสัญลักษณ์บอกความหมาย

บางอย่างที่เขาไม่อยากยอมรับ

เขาพยายามควบคุมอารมณ์ วิทยุถามฐานบัญชาการด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

“ศูนย์ควบคุม...บอกผมทีว่านี่ไม่ใช่ ‘Friendly Fire’๓”

 

ฮอก ๒ แลนดิงลงที่ฐานอย่างปลอดภัย แต่สภาพจิตใจของนักบิน

ผู้ควบคุมเครื่องนั้นตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายซวนเซไปหมด ดีนเปิดค็อกพิต

ไต่ลงจากตัวเครื่องอย่างอ่อนแรง จังหวะที่เท้าแตะพื้นไร้ความมั่นคง เขา

แทบทรุดลงตรงนั้นด้วยซ้ำหากไม่มีนายทหารเข้ามาประคองไว้

“กัปตัน เป็นยังไงบ้างครับ”

ดีนได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบคำถามของใคร แต่พอ

เห็นผู้พันรัสเซลเดินออกมา เขาก็รีบพุ่งเข้าไปหา ถามด้วยความร้อนอกร้อนใจ

“เคอร์เนิล บอกผมทีว่ามีการเข้าใจผิด นั่นไม่ใช่พวกเราใช่ไหมครับ”

ดีนยังแอบมีความหวังลึกๆ

“เดวีย์...” ผู้พันรัสเซลตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาเอง

ก็ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

ลักษณะท่าทางเช่นนั้นทำให้ดีนรู้ว่า เขาหลอกตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมาด้วยความรู้สึกผิดอัดแน่นเต็มหัวใจ

“เคอร์เนิล ผมไม่รู้ ผมไม่รู้เลยจริงๆ”

“ใจเย็นๆ ก่อนเดวีย์” ผู้พันรัสเซลบอกทั้งลูกน้องและตัวเขาเอง

นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ ‘Friendly Fire’ ครั้งแรกในชีวิตทหารของเขา

แต่คงเป็นครั้งแรกของเรืออากาศเอก ดีน เดวีย์ เขาเข้าใจดีว่าดีนรู้สึกอย่างไร

“มีใครเป็นอะไรรึเปล่าครับ” น้ำเสียงของดีนสั่นพร่า...เขากลัวคำตอบ

“ยังไม่มีรายงานแน่ชัด คุณทำใจให้สงบไว้ก่อน มันไม่ใช่ความผิด

ของคุณ ไม่ใช่ความผิดของเรา”

“ผมไม่เข้าใจ คนของเราไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงครับ”

ดีนนึกถึงภาพธงชาติสหรัฐฯ ปลิวสะบัดอยู่บนซากรถหุ้มเกราะ

ตามมาด้วยลูกแฟลร์ที่ถูกยิงขึ้นฟ้า เพื่อแสดงสัญญาณบอกว่าเป็นฝ่าย

เดียวกัน บ่งบอกว่าภารกิจครั้งนี้เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงขึ้นแล้ว

เขาเพิ่งได้รับรายงานทางวิทยุภายหลังว่า ซากรถหุ้มเกราะนั้น

เป็นของกองร้อยชาร์ลี...นาวิกโยธินสหรัฐฯ

“มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดพลาด เราต้องตรวจสอบให้รู้ชัด”

ผู้พันรัสเซลบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

ไม่มีใครอยากให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อมีอันเป็นไปแล้ว

ก็ต้องรับมือกับมันอย่างมีสติ

ดีนเองก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ...

“แล้วเจมส์ล่ะครับ เกิดอะไรขึ้นกับเจมส์ มีใครติดต่อเขาได้บ้าง”

“ผมก็อยากจะถามคุณเหมือนกัน คุณเห็นรึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น

กับวอล์คเกอร์” ผู้พันรัสเซลเป็นฝ่ายถามกลับ เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์

อย่างดีนน่าจะตอบได้ดีกว่าใคร

“ผมไม่แน่ใจ เจมส์บินล่อจรวดแซมไปอีกทาง เกิดพายุทะเลทราย

ขึ้นทางทิศนั้นทำให้ผมมองอะไรไม่ชัด แต่มันเหมือนกับฮอก ๑ ล่องหน

หายไปเฉยๆ” ดีนสับสน

เขาเห็นกับตาว่าฮอก ๑ หายเข้าไปในพายุทราย แต่มันเหมือนกับว่า

...มีแต่ขาเข้าไม่มีขาออก!

ผู้พันรัสเซลนิ่วหน้าอย่างกังวล พาดีนเดินกลับเข้าไปที่ศูนย์บัญชาการ

สั่งลูกน้องเปิดบางสิ่งให้ดีนได้ฟัง

“นี่เป็นสัญญาณสุดท้ายจากวอล์คเกอร์ที่เราได้รับ”

สัญญาณเสียงขาดเป็นห้วงๆ จับใจความอะไรไม่ได้เลย แต่ฟังรู้ว่า

เจมส์กำลังมีปัญหาแน่ ดีนเชื่อว่าตอนส่งสัญญาณนี้กลับมาที่ฐาน เจมส์

คงกำลังหลงวนอยู่ในพายุทรายลูกนั้น

“หลังจากนั้นเขาก็ขาดการติดต่อ เราจับสัญญาณใดๆ ไม่ได้อีกเลย

และยังไม่มีรายงานว่าพบเครื่องบินของเราตกในพื้นที่”

“เคอร์เนิลจะติดตามตัววอล์คเกอร์ไหมครับ”

“แน่นอน ผมไม่ทิ้งคนของเราไว้ข้างหลังอยู่แล้ว ทุกฝ่ายกำลังเร่ง

หาข่าวอย่างเต็มที่ ถ้าเครื่องตกจริงก็หวังว่าวอล์คเกอร์จะไม่ตกอยู่ในมือของพวกอิรัก”

ดีนได้แต่ภาวนา...ขอให้มีปาฏิหาริย์

                                  (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

ค.ศ. ๒๐๐๓....สงครามบนแผ่นดินอิรักดำเนินไปอย่างดุเดือด ขณะที่สองนักบินหนุ่มแห่งกองทัพอากาศสหรัฐฯ ออกปฏิบัติการโจมตีเป้าหมาย เครื่องบินของ กัปตันเจมส์ วอล์คเกอร์ ก็ถูกพายุททะเลทรายกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งเพื่อนรักอย่าง กัปตันดีน เดวีย์ ให้พุ่งโจมตีเป้าหมายเพียงผู้เดียว หลังเสียงปืนและหมอกควันจางลง...ความจริงอันโหดร้ายจึงปรากฏ เป้าหมายที่ดีนกระหน่ำยิงนั้น...คือฝ่ายเดียวกัน หกร้อยปีก่อนคริสต์ศักราช...ท่ามกลางผืนทรายร้อนระอุ ณ อาณาจักรบาบิโลน เจมส์ และเครื่องบินรบของเขาปรากฏขึ้นที่นี่ นักบินหนุ่มตกเป็นแรงงานทาส ซ้ำต้องพัวพันกับคดีอาญาแผ่นดิน เพราะหญิงสาวต่างสถานะสองคน ลาลีญา หมอหลวงแห่งราชสำนัก ผู้หยิบยื่นน้ำใจหยดแรกแก่เขา และ เบเลสซา เจ้าหญิงแห่งเมืองมีเดีย ผู้เกิดจิตปฏิพัทธ์ต่อชายหนุ่มตั้งแต่แรกเห็น อิรัก ค.ศ. ๒๐๐๔...ในขณะที่กัปตันดีนขอไปประจำการที่อิรักเพื่อกลับไปค้นหาเจมส์ ภารกิจแรกของเขาที่ต้องดูแล อเล็กซิส นักโบราณคดีสาวชาวอังกฤษ ที่ยูเนสโกส่งมาสำรวจความเสียหายของสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณของโลก ก็นำไปสู่การค้นพบความจริงอันน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเกี่ยวกับเพื่อนรักของเขา


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024