ตำนานรักมุกอัคคี (ชาศรีย์นรทิพย์)

ตำนานรักมุกอัคคี (ชาศรีย์นรทิพย์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786165001601
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 250.00 บาท 62.50 บาท
ประหยัด: 187.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

และเสียงสายลมที่พัดพากลิ่นคาวและไอเค็มของท้องทะเลไปสัมผัสปลาย จมูกของผู้ที่อยู่บนชายหาด และเขย่าใบต้นปาล์มให้ขยับไหว ขับกล่อมบรรดา ชายหนุ่มที่ยุ่งอยู่กับการทำงานให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยมีเสียงปรบมือ หรือเสียง ลูกคู่จากชายหนุ่มในวงล้อมคนอื่นๆ สอดแทรกรับอย่างเป็นจังหวะ ในขณะที่ กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอของอาหารโดยฝีมือของเหล่าผู้หญิง โชยมาจากกระท่อม ที่มุงด้วยใบปาล์มที่เรียงรายกันอยู่เหนือชายหาดขึ้นไป

“อีกไม่นานก็จะถึงฤดูออกงมไข่มุกอีกแล้ว” ชายชรารูปร่างผอมแห้งจน หนังติดกระดูกที่นั่งอยู่หัวแถวในวงล้อมที่เล็กที่สุดแต่คึกคักที่สุดบนชายหาด เปรยขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง พลางทอดสายตามองออกไปยัง ท้องทะเลด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ โดยมีเสียงขับทำนองเสนาะดังแว่วอยู่ใน ฉากหลัง “พวกเจ้าเคยได้ยินตำนานของ ลูลูอัสลาอับ คันหรือยังนะ”

ผู้สูงวัยถามพลางหันไปมองรอบๆ กองไฟ และพาสายตาที่แม้จะพร่ามัว ไปบ้างด้วยกาลเวลา แต่ก็ยังฉายแววสุกใส มองดูใบหน้าของเด็กๆ ซึ่งในร่นข้าง หน้าจะต้องเติบใหญ่ขึ้นและสานต่อเจตนารมณ์ของพวกเขาในการเป็นนักงม หอยมุกรุ่นต่อไป

เด็กหนุ่มสองสามคนที่แลดูมีอายุมากที่สุดในกลุ่มหันไปมองหน้าคันโดย มีรอยยิ้มชนๆ เปื้อนใบหน้า เพราะเคยได้ยินได้ฟังเรื่องเล่านี้จากริมฝีปากของ ชายชรามาแล้วแทบทุกปี จนแทบจะกลายเป็นประเพณีเล็กๆ ในขณะที่เด็กที่ อายุน้อยกว่าต่างเขยิบกายเข้าใกล้ผู้อาวุโสเพี่อจะรับฟังเรื่องราวอย่างใจจดใจจ่อ

“มีตำนานเล่าขานกันมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยปูของปู ปูของข้า และพ่อของข้า ว่าในผืนทรายใต้ทะเลทางตอนเหนือของเกาะของพวกเรานี้ ในจุดที่ลึกที่สุด และอันตรายที่สุด มีไข่มุกอยู่เม็ดหนึ่งซึ่งใหญ่แทบจะเท่า ผลอินทผลัม มันช่อนตัวอยู่ในหอยมุกสีอิฐที่ใหญ่ขนาดสองฝ่ามือ และสวยงาม กว่ามุกอื่นใดในโลกนี้” ชายชราเล่าด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความลึกลับจน ทำให้เด็กๆ ทั้งหมดนั่งจ้องแกตาแปลราวต้องมนตร์สะกด “สีของมันแดงก่ำราว เพลิงพิโรธเมื่อต้องแสงอาทิตย์ แต่จะอ่อนโยนเป็นสีแดงของดอกกุหลาบเมื่อ ต้องแสงจันทร์... มันคือลูลูอัลลาฮับ มุกอัคคีซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันว่าหากใครได้ ไปครอบครองจะเหมือนได้พรจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเล เพราะจะทำให้ทั้ง ทรงอำนาจอย่างล้น

หลาม ร่ำ'รวยอย่างล้นเหลือ และทุกความปรารถนาจะกลาย เป็นจริง”

เสียงเด็กๆ อุทานอย่างตื่นเต้นดังขึ้นรอบวง

“แต่ยังไม่มีใครเคยเห็นมัน ไม่เคยมีใครได้เข้าไปใกล้มัน เพราะแม้จะฝ่า ด่านของฉลามนับสิบนับร้อยตัวไปได้ ก็ยังไม่มีใครดำน้ำลงไปได้ลึกขนาดนั้น” ชายชราเล่าต่อไป

“พ่อเฒ่า นี่ท่านเล่าเรื่องงมงายปรัมปราให้เด็กๆ ฟังอีกแล้วเหรอ” เสียง ต่อว่าต่อชานอย่างทีเล่นทีจริงชองใครคนหนึ่งด้งขึ้น ท่าให้ทุกคนที่อยู่รอบวงนั้น หันไปมองทางที่มาของเสียงแทบจะพร้อมเพรียงกัน

“นาชิม”ผู้ถูกขัดจังหวะเอ่ยชื่อของชายรัยกลางคนรูปร่างผอมบางแต่บึกบึน ผู้เป็นเสมือนหัวหน้าหมู่บ้าน “ข้าก็เพียงแต่เล่าขานตำนานของคนเผ่าเราให้ ลูกหลานฟังเท่านั้น”

“ท่านจะท่าให้ไอ้เด็กพวกนี้มันฝันหวานเกี่ยวกับมุกอัคคีบ้าบออะไรนี่สิ ไม่ว่า” นาชิมทรุดตัวลงนึ่งข้างชายชรา

“ความฝันก็เป็นเหมือนนี้หวานกลางทะเลทรายที่ท่าให้เรายังคงดำรงชีพ ได้ต่อไป” ผู้ถูกเรียกขานเป็นพ่อเฒ่าแย้ง

“เด็กๆ พวกนี้ ควรจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจและมุ่งมั่นกับการฝึกงม ไข่มุกมากกว่าที่จะมานึ่งฟังเรื่องไร้สาระอะไรเทือกนี้” นาชิมเอ่ยต่อไป และมอง ดูเด็กๆ ที่นึ่งอยู่รอบกายด้วยสายตาที่คาดหวังแตกเป็นห่วงเป็นใยในที เพราะ เมื่อเด็กน้อยเหล่านี้ถึงวัย ๑๗- ๑๘ ปี ก็จะต้องมารับช่วงการงมไข่มุกต่อไป ตามแต่ความถนัดของแต่ละคน

คนที่ด่าน้ำได้อึดที่สุด ทนที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับหน้าที่เป็น ‘กาววาช’ นักงมไข่มุก

ผู้ที่แข็งแรงจะได้รับมอบหมายให้เป็น ‘ชาอิบ’ คู่หูของนักงมไข่มุก ที่จะ คอยดูแลเชือกที่เชื่อมต่อกับกาววาช

ท่าให้เป็นเสมือนเพื่อนตายที่กุมชะตากรรมชองผู้งมไข่มุกอยู่ในมือ

ผู้ที่มีชุ่มเสียงไพเราะเสนาะหูจะได้รับตำแหน่ง ‘นะห์ฮัม’ นักร้อง ประจำเรือ ผู้ท่าหน้าที่ขับร้องเพลงงมไข่มุก เพี่อสร้างขวัญและกำลังใจ และ

นำความโชคดีมาให้แก่ลูกเรือระหว่างออกงมไข่มุก

ที่เหลือก็จะไปทำงานเป็นลูกเรือ ‘ทับบาบาห์’ อยู่บนเรือ

ซึ่งทั้งหมดจะต้องรับคำสั่งจาก ‘นอคฮาดาห์’ ผู้เป็นกัปตันและเจ้าของเรือ มีความเชี่ยวชาญด้านการเดินเรือ รู้จักผืนน้ำและ ‘เฮย์รัท’ แหล่งงมไข่มุกที่อุดม สมบูรณ์ที่สุด

มันเป็นหนทางชีวิตที่ถูกกำหนด และเป็นชะตากรรมที่เด็กๆ เหล่านี้ ต่าง ต้องยอมจำนนโดยปราศจากสิทธิที่จะเลือกหรือปฏิเสธ เหมือนกับรุ่นพ่อและ รุ่นปูชองพวกเขา

และหากพ่อชองเด็กเหล่านี้เกิดไปตายกลางทะเล ผู้ที่เป็นลูกชายก็ต้อง รับมรดกแห่งความทุกข์ทรมานและรับหน้าที่แทนพ่อในฤดูกาลกัดไปในทันที ไม่ว่าอายุจะถึงเกณฑ์แล้วหรือไม่

นาชิมกัดฟันแน่นพยายามระงับความรู้สึกบางอย่างที่คลับคล้ายความ โศกเศร้า เมื่อมองดูลูกหลานชองตนแล้วอดคิดไม่ได้ว่า จะมีเหลือกี่คนกันเชียว ที่จะโชคดีและสามารถฝ่าฟันชะตาชีวิตจนมาถึงรัยกลางคนได้

“การงมไข่มุกคือวิถีชีวิต คือการประกอบอาชีพอย่างเดียวที่คนอย่างพวก เราจะทำได้ และแค่เท่าที่เป็นอยู่นี้ ในแต่ละฤดู พวกเราก็หาเงินมาเลี้ยงปากท้อง แทบจะไม่พออยู่แล้ว... หากพวกมันมัวแต่ฝันหวานหาไข่มุกไร้สาระที่ไม่มีใคร เคยเห็น มันก็จะไม่มีสมาธิกับการทำงานนะสิ” ผู้เป็นเสมือนหัวหน้าหมู่บ้าน กล่าวด้วยนี้เสียงจริงจัง

“ไม่เคยมีใครเห็น ใช่ว่ามันจะไม่มีอยู่จริง” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียง ร้าวรานในที “มันเป็นมุกที่จะถูกพบเจอ เมื่อมันอยากให้ถูกพบ เพราะมัน จะเลือกและตามหาคนงมเอง ไม่ใช่ให้คนงมต้องตามหามัน”

“เหลวไหลนำ พ่อเฒ่า” นาชิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่รวดร้าว “ก็มีแต่คน'หัว'รั้น อย่างท่านเท่านั้นแหละ ที่เชื่อ'ในเรื่อง'พรรณ'นี้ และตะลีตะลานจะไปหามันให้พบ แล้วผลเป็นไง...มันคุ้มคำไหม”

พูดจบนาชิมก็ลดสายตาลงมองดูแขนชวาชองชายชราที่กุดที่บริเวณข้อศอก และจำได้ดีถึงวันที่พ่อชองเขาถูกเพื่อนๆ กึ่งลากกึ่งหามลงมาจากเรือไม้ ธรรมดา แล้วอาชีพการงมไข่มุกก็ยากล่าบากและอันตรายอยู่แล้ว แต่อุบัติเหตุและ

ชะตา กรรมของพ่อของเขาในวันนั้น ไม่ได้รับความสงสารหรือเห็นใจจากคนในหมู่บ้าน เท่าใดนัก เพราะถูกมองว่ามันเกิดจากความดื้อด้านและรนหาที่ตายเอง เพราะ มัวแต่พยายามที่จะออกไปหามุกอัคคี โดยขัดคำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านใน สมัยนั้น จนต้องสังเวยแขนขวาให้เป็นอาหารของฉลาม

การที่พ่อมีชีวิตรอดมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว แต่มันก็ท่าให้แกกลาย เป็นคนพิการที่สูญเสียอนาคต และมีเหลือเพียงแค่ความหลัง และความเชื่อ ในตำนานปรัมปรา

“นี่ๆ ชัลมาน” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งกระซิบขึ้นพลางใช้ข้อศอกกระทุ้ง สีข้างของเพื่อนสนิทที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ “เจ้าว่าตำนานที่พ่อเฒ่าเล่าให้พวกเรา พิงทุกปีนั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”

เด็กชายเจ้าของชื่อยักไหล่

“ไม่รู้สิ วาลิด” ชัลมานกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางเพิงดวงตา สีน้ำตาลที่เฉียบคมและชาญฉลาดมองดูที่แขนขวาของชายชรา และอดสงสัย ไม่ได้ว่าอะไรกันที่มีอานุภาพถึงขนาดท่าให้ชายชราต้องยอมเอาชีวิตตัวเองไป เสี่ยงกับตำนานลมๆ แล้งๆ ถึงเพียงนั้น

“พันตรีโอคอนเนล” ชายหนุ่มผิวทองแดง รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตา คมคาย ที่แต่งกายในแบบตะวันออกกลาง ด้วยโต๊ะ - ชุดแขนยาวสีขาวสะอาด ตาที่ยาวจดตาตุ่ม และสวมเคฟฟิเยห์ - ผ้าผืนใหญ่ลายหมากรุกสีขาวสลับแดง บนศีรษะ โดยมีเส้นอะกัลสีดำทับอยู่ หันมาบอกกับชาวผิวขาว ผมสีทอง ตาสีฟ้า จมูกโด่งเป็นลัน ในชุดยูนิฟอร์มทหารสีน้ำตาลเข้ม ที่เดินตามหลังตนมาติดๆ ด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองในภาษาอารบิก “เชิญๆ เข้ามาด้านในเลย”

“ชุกรัน...ขอบคุณครับ พันตรีราชิด” นายทหารหนุ่มผมทองตอบเป็น ภาษาอารบิกอย่างชัดถ้อยชัดคำ และเดินตามเจ้าของคำเชื้อเชิญ ก้มศีรษะเดิน ลอดผ่านประตูไม้บานใหญ่สีน้ำตาลไหม้ที่สลักลวดลายอย่างสวยงามกลาง กำแพงหนาที่ล้อมรอบพื้นที่กว้างใหญ่เข้าไปด้านในชึ่งมีสนามหญ้าสีเขียว ชอุ่มรายล้อมทางเดินทั้งสองข้างไปตลอดทาง และมาหยุดยืนอยู่เคียงข้างนาย ทหารท้องถิ่นในบริเวณด้านในของตัวบ้านที่มีสระน้ำทรงห้าเหลี่ยมตั้งอยู่ตรง กลางลานกว้างอย่างโดดเด่น และมีแผ่นหินสีส้มอมเหลืองวางเรียงรายเป็น ทางเดินนำชื้นไปสู่คฤหาสน์สองชั้นหลังใหญ่ที่อยู่ด้านใน

“เชิญเลย ปานนี้พวกลูกค้าคงจะมากันเกือบครบแล้ว” ราชิดกล่าวและ เร่ง

ฝีเท้าเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน ในจังหวะเดียวกันกับที่คน-รับ1ใช้ที่ยืนอยู่หน้า ประตูรีบก้มศีรษะทำความเคารพอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นบุตรชายคนโตของ เจ้าบ้านเดินนำแขกต่างชาติเข้ามา

นายทหารหนุ่มบ้องถิ่นผู้มีใบหน้าคมคาย บริเวณรอบๆ รีมฝีปากและคาง ปกคลุมด้วยหนวดเคราดกสีดำที่ถูกตกแต่งให้สั้นและดูงามตามสมัยนิยม เพียง พยักหน้ารับรู้การแสดงความเคารพ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรกับคนรับใช้เหล่านั้น และรีบพาพันตรีของกองทัพอังกฤษก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่เบื้องหน้า ซึ่งมี,ทางเดิน กว้างที่แผ่ขยายออกไปสู่ห้องหับในทิศต่างๆ

“เดี๋ยวเราจะไปที่ห้องรับแขกกัน” พันตรีหนุ่มผิวทองแดงกล่าว และนำ ทหารหนุ่มผมทองอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเดินผ่านบรรดาคนรับใช้ชาย-หญิง นับสิบคนที่ต่างง่วนอยู่กับภารกิจของตน มุ่งหน้าไปสู่ห้องที่เป็นจุดหมายปลายทาง ในทันที

แม้ว่าในฐานะผู้ช่วยของนายพลคอร์นพัอร์ด ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของสุลต่านอับบาลแห่งบันดาร์ บาห์ราน พันตรี วิคเตอร์ โอคอนเนล จะได้มี โอกาสพบปะสังสรรค์และกระทบไหล่กับบรรดาขุนนาง บุคคลชั้นสูง และเหล่า พ่อค้าผู้รํ่ารวยของอาณาจักรบันดาร์ บาห์ราน มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่กระนั้นเขา ก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ที่ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาเยือนคฤหาสน์ของคารีม ‘ทาววาช’ ผู้เลื่องชื่อ พ่อค้าไข่มุกที่ร่ำรวยที่สุด ไม่เฉพาะในนครมาดานิ เมืองหลวงแห่งอาณาจักรบันดาร์ บาห์ราน แต่ยังรวมไปถึงภูมิภาคตะวันออก- กลางด้วย

เสียงล้นรองเท้าบูตหน้งสีดำของพันตรีโอคอนเนลดังสะท้อนพื้นที่ปูและ ตกแต่งด้วยหินอ่อนเนื้อดี ซึ่งทำให้อากาศภายในนั้นเย็นสบายต่างจากอากาศ ด้านนอกที่ร้อนจนนำอึดอัด

“ถึงแล้ว” นายทหารผู้เป็นบุตรชายของพ่อค้าไข่มุกผู้โด่งด้งหันมากระซิบ และผลักประตูไม้ ก่อนก้าวเท้าที่สวมรองเท้าแตะที่ทำจากหนังอฐูชั้นดีเข้าไป ด้านใน                                              

ชายหนุ่มผมทองพยักหน้ารับ และรีบเดินตามบุตรชายเจ้าของบ้านเข้าไป ในห้องทันที และเมื่อก้าวพันประตู เขาก็ต้องนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อพบว่าภายใน ห้องโล่งกว้างที่ปูด้วยพรมเนื้อดีสีแดง ซึ่งมีลวดลายละเอียด ดูหรูหรามีราคาแพง

แน่นขนัดไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น

บางคนเขาพอคุ้นหน้าคุ้นตา และจำได้ว่าเป็นพ่อค้าในเมืองนครมาดานี นี้เอง หรือบ้างก็มาจากเมืองใกล้ๆ ในขณะที่มีอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผิวพรรณและ หน้าตา รวมทั้งการแต่งกายบ่งบอกว่าเป็นชาวอินเดีย และยังมีผู้ชายอีกสองสาม คนที่เป็นคนผิวขาว ผมสีทอง แต่อยู่ในชุดที่ฟ้องว่าเป็นพ่อค้ามาจากต่างแดน ทุกคนล้วนนึ่งตัวตรงตั้งวงเป็นครึ่งวงกลมอยู่รอบๆ ห้องแห่งนั้น โดยด้านในสุด ซึ่งเป็นจุดดึงดูดความสนใจของทุกสายตา บริเวณนั้นมีชายวัยกลางคนรูปร่าง ผอมบาง หน้าตาและผิวพรรณเนียนบ่งบอกถึงชาติตระกูล ใน'ชุด'โต๊บสี'ขาว สะอาด และเคฟฟิเยห์สีเดียวกัน นึ่งขัดสมาธิอยู่ เขามีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง กับราชิดมากจนพันตริโอคอนเนลสันนิษฐานได้อย่างไม่ยากเย็นว่าต้องเป็น คาริม ‘ทาววาช’ ผู้โด่งดัง เจ้าชองคฤหาสน์อันใหญ่โตและหรูหราแห่งนี้เป็น แน่แท้

เบื้องหน้าของชายวัยกลางคนผู้นั้น มีผ้ากำมะหยี่สีแดงสดวางแผ่เอาไว้ และบนผ้าผืนนั้นมีไข่มุกหลายสิบเม็ด หลากขนาดและรูปทรงวางคละกันอยู่ จนแลดูเหมือนเป็นถาดลูกกวาด มากกว่าจะเป็นผ้าที่บรรจุอัญมณีอันล้ำค่า

ข้างกายของเขาทางขวามือมีอุปกรณ์หลายชิ้นวางเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ ในขณะที่ในมือชองเขาในยามนั้น ข้างหนึ่งกึ่งถือกึ่งประคองไข่มุกเม็ดกลมไว้อย่างทะนุถนอมระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้และมืออีกข้างหนึ่งนั้นถืออุปกรณ์ คล้ายกับมืดที่เล็กแต่ดูแหลมคม

ทั้งห้องแห่งนั้นเงียบสงัดด้วยความลุ้นระทึก จนพันตริโอคอนเนลแทบจะอดตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดชิ้นเบื้องหน้าไม่ได้ เมื่อดวงตาสีฟ้าของเขามองเห็นผู้ที่นึ่งอยู่กลางวงล้อมค่อยๆ น่าปลายคมของมืดกะทัดรัด ปาดลง อย่างแผ่วเบาเหนือผิวของไข่มุกสีนวลที่สะท้อนแสงสว่างของเปลวเทียนที่อยู่เบื้องหน้า และปอกเมือกบางๆ ติดปลายมืดด้วยมือที่นึ่งและจังหวะที่สะท้อนความเชี่ยวชาญ

และทันทีที่เมือกบางๆ นั้นหลุดออกมาจากไข่มุก ก็ทำให้มุกกลมในมือของเขาสะท้อนแสงวาววับอย่างมีน้ำมีนวลและสวยงามขึ้นจากเมื่อครู่ขึ้นมาใน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

เมื่อแรกแรกพบสบตากับจีวาน ลูกสาวพ่อค้าไข่มุกชื่อดังหัวใจของซัลมานก็พลันสั่นไหว ทว่าเส้นทางรักยังไม่ทันได้เริ่มก็เจอก้างชิ้นใหญ่อย่างราชิด พี่ชายผู้เคร่งขรึมของจีวานเข้ามาขวางเสียแล้ว ทั้งยังมีคู่แข่งเป็นถึงพลตรีโอคอนเนลผู้หล่อเหลาแล้วอาชีพนักงมไข่มุกต๊อกต๋อยอย่างเขาหรือจะไปสู้ได้ เมื่อพ่อของจีวานหยิบยื่นข้อเสนอให้ เขาจึงไม่ลังเลใจที่จะไขว่คว้า ก็แค่มหาไข่มุก งานถนัดของเขาเลยแหละ ถ้าไม่ติดที่ว่าไข่มุกที่เขาต้องงมหานั้นคือ ลูลูอัลลาฮัม มุกอัคคีในตำนานที่หากผู้ใดได้ครอบครอง ทุกความปรารถนาจะเป็นจริงอุปสรรคและอันตรายมากมายกำลังรอเขาอยู่


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024