วังวนวิวาห์ (ธุวดารา)

วังวนวิวาห์ (ธุวดารา)

2 รีวิว  2 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160009176
ผู้แต่ง: ธุวดารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 200.00 บาท 50.00 บาท
ประหยัด: 150.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

“ปิ่น ตื่นเถอะ”

เสียงกระซิบนุ่มดังอยู่ริมหู ปลุกเจ้าหญิงนิทราหน้าตาพริ้มเพราตื่น

จากห้วงฝัน...ภาพเบลอในทีแรกค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นทีละน้อย หญิงสาว

ขยับตัว มองไปรอบๆ เห็นใบหน้าคมเข้มลอยเด่นอยู่ตรงหน้า

“ถึงแล้วเหรอคะ”

“ดูที่หน้าต่างสิ” ชายหนุ่มข้างกายชี้ชวน

ปิ่นลดานั่งติดหน้าต่าง ผินหน้ามานิดเดียวก็มองเห็นวิวภายนอก

ริ้วเมฆระบายวาดลวดลายทั่วผืนฟ้ากว้าง เครื่องบินลดระดับต่ำลง เห็น

อาคารบ้านเรือนย่อส่วนเหมือนโมเดลเมืองจำลองที่หล่อนเคยเห็นใน

พิพิธภัณฑ์...เครื่องคงใกล้แลนดิงแตะรันเวย์ท่าอากาศยานปารีส-

ชาลส์เดอโกลเต็มทีแล้ว

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหญิงสาว ในที่สุดหล่อนก็มาถึง...

“บงชูร์ ปารีส” ปิ่นลดากล่าวทักทายมหานครในฝัน ก่อนจะหันมา

ยิ้มหวานให้คนข้างกาย

“สวยจังเลยค่ะรบ”

นักรบยิ้มตอบอย่างมีความสุขเช่นกัน ความสุขของเขาคือการที่ได้

ทำให้หล่อนมีความสุข...ง่ายๆ แค่นั้นเอง

“เดี๋ยวเราเข้าที่พักกันก่อน ถ้าปิ่นไหว ผมจะพาออกมาเดินชมเมือง

ตอนนี้อากาศกำลังดีเชียวละ”

“ขอบคุณที่เลือกปารีสตามใจปิ่นนะคะ”

“ผมไปที่ไหนก็ได้ในโลก ถ้ามีปิ่นไปด้วย”

“แหม หวานไปไหมคะ”

“อ้าว ก็น้ำผึ้งพระจันทร์นี่นา ถ้าไม่หวานจะเรียกน้ำผึ้งได้ยังไง”

ภรรยาป้ายแดงหัวเราะเสียงใส เมื่อสามีทำตาหวานเชื่อม ชนิดที่ว่า

น้ำผึ้งเดือนห้ายังต้องชิดซ้าย

 

คู่ฮันนีมูนหอบกระเป๋าเข้าห้องพักในโรงแรมใจกลางกรุงปารีส

ระหว่างที่ปิ่นลดาเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ นักรบก็ต่อสายไปเมือง

ไทย เพื่อบอกคนที่บ้านให้ทราบว่าพวกเขาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพแล้ว

“คุยกับใครเหรอคะ” ปิ่นลดาถามเมื่อออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็น

ชายหนุ่มวางหูโทรศัพท์ลงบนแป้นพอดี

“ผมโทร. ไปบอกที่บ้านว่าถึงแล้วน่ะ พี่ขวัญรับ”

พี่ขวัญ...จอมขวัญคือพี่สาวคนโตของนักรบ

“แล้วแม่ใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ อาการดีขึ้นหรือยังคะ”

“เห็นว่ายังเพลียๆ อยู่ แต่ไม่มีอาการหน้ามืดแล้วละ”

ปิ่นลดาพยักหน้ารับ มารดานักรบไม่เป็นอะไรมากหล่อนก็ค่อย

เบาใจ ก่อนหล่อนกับสามีจะออกเดินทาง แม่ใหญ่หน้ามืดล้มในห้องน้ำจน

ต้องพาส่งโรงพยาบาล ทีแรกหล่อนยังคิดว่าคงต้องเลื่อนไฟลต์ เพราะ

อยากอยู่ดูอาการคนป่วย ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ใหญ่สั่งให้เดินทางตาม

กำหนดการเดิม และยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก หล่อนกับนักรบก็คง

ต้องล้มเลิกแผนฮันนีมูนแน่ๆ

ส่วนพวกพี่ๆ ของนักรบก็พากันสนับสนุนแม่ใหญ่ด้วย เพราะเห็น

ว่าหล่อนกับเขาแต่งงานกันมาได้สามเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสไปฮันนีมูน

กันเสียที คู่สามีภรรยาจึงตัดสินใจเดินหน้าตามแผนเดิม

“ปิ่นอยากนอนพักสักงีบ หรือพร้อมจะออกไปตะลอนทัวร์แล้ว”

สามีให้สิทธิ์ภรรยาเลือก

“ออกไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ” ปิ่นลดาแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด หล่อน

อยากออกไปเปิดหูเปิดตาดูบ้านเมืองและผู้คน เวลาอยู่ที่นี่มีไม่มาก จึงต้อง

ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด

“นอนพักก่อนดีกว่ามั้ง” สามีทำหน้าเจ้าเล่ห์ พยายามจะโถมตัวทับ

หล่อนให้ลงไปคลุกบนที่นอนด้วยกัน แต่ปิ่นลดาไม่ยอมง่ายๆ

“โอ๊ย จะได้นอนจริงหรือเปล่า อย่ามาเกเรเลย ลุกขึ้นมาพาปิ่นไปเที่ยว

เดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวดุเสียงเขียว และพยายามฉุดคนตัวใหญ่กว่าขึ้นมา

จากที่นอน

ชายหนุ่มอิดออดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ปล่อยให้หล่อนต้องออกแรงนาน

ท้ายที่สุดเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วโอบไหล่พาภรรยาสาวออกไปเที่ยว

ชมมหานครปารีส

 

น้ำผึ้งพระจันทร์ยังคงหวานฉ่ำเมื่อล่วงเข้าสู่วันที่สองในปารีส คู่สามี

ภรรยาเดินควงแขนออกจากโรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ หมอกบางๆ ลอยล่องอยู่

ในอากาศ ปกคลุมอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่แลดูมีมนตร์ขลัง

หลังจากเดินทอดน่องชมบรรยากาศริมแม่น้ำแซนจนแดดออก

นักรบก็พาภรรยาเข้าร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้า อันที่จริงทาง

โรงแรมมีบริการอาหารเช้าซึ่งคิดรวมกับค่าที่พักอยู่แล้ว แต่วันนี้พวกเขา

อยากออกมาหาอะไรกินข้างนอกมากกว่า

นักรบเลือกร้านเล็กๆ ริมถนน เลียบขนานกับแม่น้ำแซน

 

บรรยากาศร้านเป็นกันเอง มีทั้งโซนเอาต์ดอร์และอินดอร์ ปิ่นลดาอยากนั่ง

ด้านนอกมากกว่าเพราะอยากชมวิวและดูวิถีชีวิตผู้คนไปด้วย

ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่นั่งด้านนอกเหมือนปิ่นลดา ส่วนโต๊ะด้านใน

นั้นมีลูกค้าอยู่บางตา โชคดีที่ด้านนอกเหลือโต๊ะว่างอยู่หนึ่งตัว คู่สามี

ภรรยาจึงได้จับจองเป็นสถานที่สำหรับรับประทานอาหารเช้ามื้อแรกของ

การฮันนีมูน อาหารก็ไม่วิจิตรพิสดารอะไรมาก หล่อนกับเขาสั่งแค่กาแฟ

และขนมปังอย่างง่ายๆ เพราะวางแผนไว้ว่าค่อยไปละเลียดอาหารเลิศรสตอนมื้อค่ำ

นักรบบอกว่าตั้งใจจะพาหล่อนไปรับประทานอาหารมื้อค่ำที่ภัตตา-

คารหรู ซึ่งมีเมนูเด่นคือฟัวกราส์ทอดราดซอสราสป์เบอร์รี กับขนมหวาน

เลื่องชื่ออย่างเครมบรูเลที่เขาเคยมีโอกาสได้ไปกินครั้งหนึ่งแล้วติดใจ

ไม่รู้ลืม เขาบรรยายรสชาติล้ำเลิศไว้เสียจนปิ่นลดาอยากให้พระอาทิตย์ตกเร็วๆ

เมื่อรับประทานอาหารเช้ากันอิ่มแล้ว จุดมุ่งหมายแรกของคู่ฮันนีมูน

คือหอไอเฟล พวกเขาเดินเลียบแม่น้ำแซน ปิ่นลดาเห็นหอไอเฟลอยู่ลิบๆ

ทางฝั่งนู้น ก่อนเดินข้ามสะพาน หล่อนหันมาส่งกล้องถ่ายรูปให้สามีพร้อม

เอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“ถ่ายรูปปิ่นกับหอไอเฟลหน่อยสิคะรบ”

ปิ่นลดาอยากได้รูปมุมไกล จากมุมนี้จะเห็นหอไอเฟลได้เต็มความสูง

เลยทีเดียว ตากล้องจำเป็นยืนเล็งอยู่ครู่เดียวก็กดชัตเตอร์ไปสี่ห้าครั้ง

แล้วส่งกล้องคืนให้เจ้าตัวได้ตรวจดูรูป

“โอเคไหม”

ปิ่นลดาเลื่อนรูปในกล้องดูด้วยความพึงพอใจ

“สวยค่ะ ดอกไม้ที่นี่สีสดดีจัง”

บริเวณด้านข้างหอไอเฟลมีสวนดอกไม้ขนาดย่อมๆ ปิ่นลดาไม่รู้ว่า

มีดอกอะไรบ้างแต่สีสันฉูดฉาดสดใส สมเป็นดอกไม้เมืองหนาว มีทั้งสีม่วง

สีแดง สีเหลือง สีขาว ประชันโฉมอย่างไม่ยอมแพ้กัน

“อ้าว ผมตั้งใจถ่ายหอไอเฟล ทำไมปิ่นไปชมดอกไม้เสียล่ะ” นักรบ

ยื่นหน้าเข้ามาดูรูปด้วย ไม่รู้ว่าเขาวางองค์ประกอบรูปผิดหรือเปล่า หล่อน

ถึงมองเห็นดอกไม้ก่อนหอคอยสัญลักษณ์ของปารีส

“หอไอเฟลก็สวยค่ะ แต่สูงน้อยกว่าที่ปิ่นคิดไว้” หญิงสาวเงยหน้า

มองยอดหอคอยเหล็ก

ตอนที่เห็นจากในรูปหรือในโทรทัศน์ ปิ่นลดาจินตนาการไว้ว่าหอ

ไอเฟลน่าจะสูงเสียดฟ้ากว่านี้ พอมาเห็นของจริงก็สูงมาก แต่ไม่สูงเท่าที่คิดไว้เท่านั้นเอง

“ตอนกลางคืน เปิดไฟคงสวยมากนะคะ”

“ไว้คืนนี้กินมื้อค่ำเสร็จแล้ว ผมจะพามาเดินเล่นก่อนกลับที่พัก”

ปิ่นลดายิ้มด้วยความตื่นเต้น แสงไฟยามค่ำคืนคงเปลี่ยนโฉมปารีส

ไปในอีกรูปแบบหนึ่ง

“ขึ้นไปดูวิวมุมสูงกันดีกว่า เก็บอาการคันไม้คันมืออยากชอปไว้ก่อน

นะจ๊ะที่รัก” นักรบชักชวน

“แหม ปิ่นเปล่าซะหน่อย”

“เอาเข้าจริงอย่าให้ผมแบกถุงจนตัวเอียงอย่างทุกทีล่ะ”

“รบนี่ก็” ปิ่นลดาทำได้แค่ตีต้นแขนสามีแก้ขวย เพราะนักรบไปเดิน

ซื้อของกับหล่อนทีไร เขาต้องกลายสภาพเป็นคนบ้าหอบฟางทุกที หล่อน

จึงเถียงไม่ออก แก้ตัวไม่ถูก

นักรบจูงมือภรรยา มุ่งตรงไปที่หอคอยสูง วันนี้มีนักท่องเที่ยวพอ

ประมาณ ไม่ถึงกับแน่นขนัด ส่วนใหญ่เป็นชาวตะวันตก เห็นชาวเอเชีย

ด้วยกันบ้างประปราย ทั้งสองเข้าคิวซื้อบัตร ใช้เวลาชั่วโมงนิดๆ กว่าจะได้

ขึ้นลิฟต์ แต่วิวจากชั้นบนของหอไอเฟลก็ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง

ลงจากหอไอเฟลแล้ว นักรบก็พาภรรยาเดินทางต่อ เขาบอกว่าจะ

พาหล่อนขึ้นไปชมวิวบนเนินเขาที่สูงที่สุดในปารีส ปิ่นลดาเริ่มรู้สึกว่าถนนที่

ทอดยาวไปข้างหน้าลาดชันขึ้นเรื่อยๆ หล่อนเกาะแขนสามีไว้ เดินเรื่อยๆ

อย่างไม่รีบร้อน ชื่นชมทัศนียภาพข้างทางไปด้วย ซึ่งในช่วงนี้ก็ยังไม่มีอะไร

มากนอกจากตึกรามบ้านช่อง ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นร้านค้า

“แถวนี้เขาเรียกว่าย่านมงมาร์ต ปิ่นเห็นโบสถ์บนเนินเขานั่นไหม”

นักรบชี้ขึ้นไปบนเนินเขา เห็นมหาวิหารซาเคร-เกอร์ตั้งตระหง่านอยู่ลิบๆ

“เห็นค่ะ สวยจังเลย”

โบสถ์ที่เขาชี้ชวนให้ดูนั้นเป็นสีขาวทั้งหลัง แม้ยังไม่เห็นรายละเอียด

แต่ปิ่นลดาก็บอกได้ว่ามันสวยงามมาก

“เดี๋ยวเราจะขึ้นไปบนนั้นกัน จากบนนั้นเราจะเห็นปารีสได้ทั้งเมืองเชียวละ”

ปิ่นลดาตื่นเต้น มีแรงฮึดที่จะเดินขึ้นเนิน ระหว่างทางมีร้านขายขนม

และของที่ระลึก ยั่วสมาธิให้ไขว้เขวอยู่บ้าง

“ของที่ระลึกน่ารักๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ใยไหมน่าจะชอบนะคะ” หล่อน

เห็นของกระจุ๋มกระจิ๋มพวกนี้ก็อดนึกถึงหลานสาววัยห้าขวบของสามีไม่ได้

“ผมเล็งไว้แล้วว่าจะซื้อตุ๊กตาหมีกอดหอไอเฟลให้ แกชอบตุ๊กตาหมีอย่างกับอะไร”

“ป่านนี้ไม่ร้องหาอารบแย่แล้วเหรอคะ” ปิ่นลดารู้ดีว่าอาหลานคู่นี้

ตัวติดกันเป็นตังเม ตอนที่รู้ว่านักรบจะหนีเที่ยว ไม่อยู่บ้านหลายวัน

ใยไหมร้องโยเยจะตามมาด้วยให้ได้

“นั่นสิ เดี๋ยวคืนนี้ต้องโทร. หาซะหน่อย” พูดถึงขึ้นมาแล้วเขาก็ชักจะคิดถึงเจ้าตัวเล็ก

คืนนี้เขามีแผนจะไปดินเนอร์ใต้แสงเทียน ต่อด้วยเดินเที่ยวชมแสงไฟ

ในเมือง กว่าจะถึงโรงแรมก็คงดึกดื่น นอนรอสักพัก ที่เมืองไทยก็คงเข้าสู่

ช่วงเช้า เขาจะกะเวลาโทร. ไปก่อนที่ใยไหมจะไปโรงเรียน

ทางเดินขึ้นมหาวิหารทดสอบสมรรถภาพร่างกายพอสมควร ปิ่น-

ลดาหอบอยู่เหมือนกัน หลังจากเดินขึ้นบันไดไต่มาเรื่อยๆ มองย้อนกลับ

ลงไปแล้วเป็นระยะทางไม่น้อย ความสูงไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว

ถึงตรงนี้ ปิ่นลดามองเห็นตัวมหาวิหารได้ชัดขึ้น หล่อนเงยหน้าขึ้น

มองยอดโดม พิจารณาลวดลาย รูปสลัก ช่องโค้ง รวมถึงรูปปั้นที่ตั้งอยู่

ด้านหน้าอย่างสนใจ พลางนึกชื่นชมว่านอกจากการก่อสร้างจะยอดเยี่ยม

แล้ว โบสถ์แห่งนี้ยังตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากอีกด้วย

“โบสถ์สวยมากจริงๆ ค่ะรบ เราเข้าไปดูข้างในได้หรือเปล่าคะ”

“เข้าได้ แต่เขาห้ามถ่ายรูปนะ ข้างในสวยมาก”

ปิ่นลดาพยักหน้ารับ พอหันหลังให้ตัวโบสถ์ก็เจอวิวปารีสทั้งเมือง

หล่อนรีบหยิบกล้องขึ้นมาโดยพลัน

“รบถ่ายรูปปิ่นกับวิวข้างหลังหน่อยสิคะ”

ทริปนี้รูปส่วนใหญ่ในกล้องเป็นรูปปิ่นลดากับวิวสวยๆ เพราะนักรบ

ทำหน้าที่เป็นช่างภาพมากกว่าเป็นนายแบบ เขาบอกว่าตัวเองเคยมาแล้ว

เคยเก็บภาพสวยๆ ไปเยอะแล้ว แต่ทริปนี้เป็นการมาปารีสครั้งแรกของ

ปิ่นลดา เขาจึงอยากให้หล่อนมีรูปประทับใจกลับไปอย่างเต็มอิ่ม

“สวยไหมคะ” นางแบบถามหลังจากเขากดชัตเตอร์ไปสามสี่ครั้ง

“คนหรือวิว ถ้าคนน่ะสวยอยู่แล้ว” สามีไม่ได้หยอดคำหวานเฉยๆ

ยังก้มลงมากดจมูกลงบนแก้มหล่อนด้วย

ปิ่นลดาดูรูปแล้วก็ยิ้มหวาน หล่อนติดใจวิวตรงนี้เสียแล้ว

“อยากถ่ายคู่กับรบจังเลย วานใครถ่ายให้เราหน่อยได้ไหมคะ” ด้วย

ความที่มากันแค่สองคน รูปคู่จึงมีน้อยมากและที่มีอยู่ก็ใช้วิธีการถ่าย

กันเอง โดยนักรบถือกล้องหันเข้าหาตัวและพยายามยืดแขนออกไปให้ตึง

ที่สุด จึงเน้นได้แต่ตัวคน ไม่ค่อยเห็นวิวข้างหลังมากนัก

ปิ่นลดาอยากมีรูปคู่สวยๆ กับสามีไว้เป็นที่ระลึก นักรบก็คิด

เหมือนกัน คู่สามีภรรยาสอดส่ายสายตามองหาคนที่น่าจะใจดีพอที่จะช่วย

เป็นตากล้องจำเป็นให้พวกเขาได้

                       (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

นักรบกับปิ่นลดาไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศสและได้พบกับเพลงพิณ นักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ที่นั่น ทั้งสองคนรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก วันหนึ่งรถของนักรบไปประสานงากับรถที่เพลงพิณกับเพื่อนนั่งมา เป็นเหตุวิญญาณของเพลงพิณหลุดเข้าไปอยู่ในร่างของปิ่นลดาซึ่งกำลังตั้งครรรภ์อ่อนๆ เธอจึงจำต้องสวมรอยเป็นปิ่นลดา และต้องพยายามทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีของนักรบ นักรบพาเพลงพิณกลับบ้านธรรมพิพัฒน์ ทำให้เพลงพิณได้ทราบถึงปัญหาครอบครัวของญาติพี่น้องชายหนุ่ม คนหนึ่งทำร้ายทุบตีลูกเพราะเรื่องราวในอดีตที่ไม่มีใครอยากพูดถึง อีกคู่ก็พยายามมีลูกมานานแต่ก็ไม่สำเร็จ และนำไปสู่การกระทำที่ผิดพลาดซึ่งสร้างความร้าวฉานและตอกย้ำถึงอดีตอันเลวร้ายของครอบครัวด้วย เพลงพิณจึงช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหา ทว่าสุดท้ายเธอก็หลงวนเวียนอยู่ในวังวนวิวาห์ หาทางออกไปไม่ได้ เพราะเธอหลงรักสามีของปิ่นลดาเข้าให้แล้ว


รีวิว (2)

เขียนรีวิว

หนอนหนังสือ | 2 รีวิว
25/12/2013

วังวนวิวาห์ นิยายเรื่องนี้อ่านจากชื่อ ไม่คิดเลยว่าเนื้อหาภายในของเรื่องจะเขียนออกมาแบบนี้ แตกต่างจากชื่อเรื่องที่จินตนาการไว้มาก ตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องราวของความรักที่ยุ่งเหยิง นางเอกจอมแก่นโดนบังคับให้แต่งงานไรงี้ แต่ไม่ใช่เลย เป็นนสิยายที่ค่อนข้างจะมีเนื้อหาที่เข้มข้นและหนสักหน่วงมามกเลยทีเดียวเพราะว่าเรื่องประมาณว่า เพลงพิณหญิงไทยวไปเรียนเมืองนอสก พอดีกับคู่หนสุ่มสาวไปฉลองแต่งงานดันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นกับคนทั้งสาม เพลงพิณเข้ามาอยู่ในร่างปิ่นลดา ภรรยาของนักรบ ว้าวมีแบบสลับล่างวิญญาณหลุดหายออกจากร่างด้วย เมื่อเพลงพิณมาอยู่ในร่างเมียของนักรบนั่นคือปิ่นลดาที่เขารักเธอมาก เพลงพิรได้รับการดูแลเอาใส่อย่างดีจากสามีจนทำให้เธอเคลิ้มไปกับร่างของปิ่นลดา จนเกิดเผลอใจรักนักรบเข้า โอ้ยจะบ้าตามน่าสงสารทั้งเพลงพิณทั้งปิ่นลดา เพลงพิณไม่มีสิทธิคิดอะไรกับนักรบเพราะเขามีภรรยาแล้วนั่นคือคนที่เธออยู่ในร่างเขารักปิ่นลดาไม่ใช่เธอ แถมเรื่องนี้มีความวุ่นวายของคนในสครอบครัวใหญ่ของนักรบ ชีวิตครอบครัวของเหล่าพี่นี่น่าปวดหัวมาก นี่เป็นอีกประเด็นที่ทำให้เรื่อทงนี้ความสนุกน้อยลงความเครียดเข้ามาแทนที่ อ่านเพลินดีไม่คิดไรมาก แต่เตือนหน่อยใครชอบอ่านเอาฮาอาจจะผิดหวังเพราะเรื่องนี้ดราม่าหนักอยู่พอตัว
ศรัญญา | 2 รีวิว
21/10/2013

นิยายเรื่องวังวนวิวาห์ ผู้แต่ง ธุวดารา (คนเดียวกับที่แต่งเรื่องหัวใจเรือพ่วง) เรื่องนี้อ่านแล้วเศร้าและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก หรือบางทีอาจจะอินมากไปหน่อย คนเขียนเก่งมากเลยนะคะที่เขียนให้เรารู้สึกถึงอารมณ์ของผู้หญิง 2 คนที่ทั้งคู่ไม่ได้มีใครผิดแต่ทว่า โชคชะตาทำให้ต้องมาเจอเรื่องราวที่เลวร้ายและเมื่อได้อยู่กับมันกลับมีความรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ แต่ทว่าความรู้สึกที่ได้รับเขามีให้อีกคนไม่ใช่เรา โหย อ่านแล้วสะเทือนใจ เรื่องวังวนวิวาห์ วังวนจริงๆ ค่ะ ชื่อเรื่องเหมาะมากเรื่องนี้ยุ่งเหยิงมาก เน้นเรื่องครอบครัวเป็นหลัก เรื่องมีอยู่ว่านักรบกับปิ่นลดาไปฉลองแต่งงานที่ประเทศฝรั่งเศสได้พบกับเพลงพิณ เด็กนักเรียนไทยในฝรั่งเศสทั้งสองคนถูกชะตากับเด็กคนนี้มากวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อรถของนักรบกับปิ่นลดาชนกับรถของเพลงพิณและเพื่อน ทำให้วิญญาณของเพลงพิณหลุดออกจากร่างแล้วเข้าไปอยู่ในร่างของปิ่นลดา ภรรยาของนักรบซึ่งกำลังตั้งท้องอ่อนๆ เพลงพิณต้องเข้ามารับบทบาทคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อ่อนโดยมีสามีเป็นนักรบ ยุ่งแล้วไงเพลงพิณจะทำอย่างไรในร่างของปิ่นลดา แต่เธอก็ทำหน้าที่ภรรยาของนักรบได้เป็นอย่างดี แล้วนักรบเอกก็เป็นผู้ชายอบอุ่นเกินบรรยาย ทำให้เพลงพิณที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนักรบในร่างของปิ่นลดาหลงรักนักรบอย่างไม่ยากเย็น เพลงพิณมาอยู่ที่บ้านของนักรบที่เป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาครอบครัว พี่ชายนักรบทำร้ายลูกทุบตีสารพัด เพราะเรื่องในอดีตที่คนในครอบครัวไม่ต้องการพูดถึงมันอีก ส่วนอีกคู่ก็อยากมีลูกพยายามทุกอย่างเพื่อให้มีลูกจนนำไปสู่การกระทำที่ผิดทำให้เกิดความร้าวฉานขึ้นในครอบครัว (อ่านแล้วแบบว่าบ้านหลังนี้ไม่น่าอยู่เลยอะ น่าปวดหัวเป็นบ้า) ส่วนเพลงพิณนั้นที่ต้องมานั่งรับรู้ปัญหาทางบ้านของนักรบเมื่อเห็นว่านักรบไม่สบายใจเธอก็ต้องการจะช่วยเหลือและพยายามช่วยแก้ปัญหา แต่ยิ่งเธออยู่กับนักรบมากแค่ไหน ก็ยิ่งทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวทุกวัน แต่ที่มันเศร้ามากเลยของเรื่องนี้คือ ความรู้สึกของเพลงพิณ คือเธออยู่ในร่างของปิ่นลดา ที่นักรบรัก ดูแล เอาใจใส่เธอเพราะคิดว่านี่คือปิ่นลดา นี่คือภรรยาของเขาไม่ใช่เพลงพิณ มันเจ็บตรงนี้แหละ เจ็บตรงที่มีความสุขแต่ความสุขนี้ไม่ใช่ของเรา ดราม่าชัดๆ อ่านแล้วแบบว่าเราก็สงสารเพลงพิณนะ แต่ว่ามันก็ไม่ถูกเพราะปิ่นลดาก็ไม่ได้ผิดอะไร ส่วนนักรบก็ไม่ได้นอกใจปิ่นลดา เหมือนเพลงพิณคือส่วนเกินยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ใครที่ไม่ชอบอ่านนิยายดราม่า คิดว่าเรื่องนี้หนัก อ่านแล้วปวดหัวในปัญหาครอบครัวของนักรบอย่างมากค่ะ แต่มันก็สะท้อนความจริงของปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัวที่เป็นกันอยู่ในปัจจุบันคิดว่าคนมีครอบครัวน่าชอบเพราะบางเรื่องอาจจะตรงกับชีวิตจริง

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024