แสนโหลแสนหลอน (ปลายสี)
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 89.00 บาท - 99.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ใครบอกว่าโลกนี้ไม่มีผี
“แม่! ผีหลอก”
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเด็กน้อยที่กระโดดเกาะขามารดาไว้แน่น ทำเอาเหล่าคาวบอยคาวเกิร์ลที่กำลังสนุกสนานอยู่รอบกองไฟในสวนกลางแจ้งของรีสอร์ตแตกฮือออกเป็นวงกว้าง ก่อนจะเหลียวมองอย่างขลาดๆ เพื่อตามหาต้นตอของความหวาดผวา
“ไหนผี ไหน”
“นั่นไง ผี…” เด็กน้อยชี้นิ้วไปยังความมืดที่แสงสปอตไลต์ข้างสนามไม่อาจส่องถึง ทุกคนต่างเห็นเงาดำทะมึนวูบไหวคล้ายพยายามหลบซ่อน ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสาดแสงส่องไปเพื่อพิสูจน์
ร่างหนึ่ง...ท่ามกลางแสงสีขาว บอบบางและซีดจางเหมือนแผ่นกระดาษ ยืนนิ่งประหนึ่งไร้ชีวิต ในมือประคองลังกระดาษที่บรรจุกระถางต้นไฮเดรนเยียสีฟ้า ส่วนเสื้อผ้า...สไบเฉียงสีแดงฉานกับโจงกระเบนสีเขียวขี้ม้า ไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจทั้งนั้น
“ผีนางตานี!”
“ผีแม่นาก!”
“ผี...”
“ไม่ ใช่ ผี ค่ะ” เจ้าของเสียงเนิบช้าน่าขนลุกพยายามอธิบาย ดวงตากลมโตบนใบหน้ารูปไข่จ้องมองออกไปแต่ไม่ประสานกับสิ่งใด ขณะที่ใครบางคนรวบรวมความกล้าก้าวไปดูให้เห็นกับตาว่าผีหรือคนกันแน่
“คนจริงๆ ด้วย จับได้ ไม่ใช่ผี” ผู้กล้าร้องบอกมนุษย์คนอื่น ซึ่งหลังจากนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขรม... แต่งตัวอย่างนั้นทำไม คนอะไรน่ากลัวอย่างนั้น ไปยืนทำอะไรมืดๆ ประหลาดคนแท้ และอีกสารพัด แต่หญิงสาวในชุดไทยกลับไม่แสดงอาการใดๆ นอกจากขยับกายกลับไปสู่ความมืดของรัตติกาล
“โหล ก้อยบอกโหลแล้วนี่นาว่างานแต่งของก้อยเปลี่ยนธีมเป็นคาวบอยแล้ว ไม่ใช่ธีมไทยเดิม ก้อยเน้นกับโหลไปตั้งหลายรอบนะ แล้วทำไมโหลยังแต่งชุดนั้นมางานอีก”
เสียงกีรติ...เจ้าสาวในค่ำคืนนี้โวยวายมาตามสาย แต่หญิงสาวที่ปลีกตัวออกมานั่งเพียงลำพังยังสระว่ายน้ำที่ปลอดคนกลับตอบสั้นๆ ด้วยเสียงเรียบเป็นปกติ
“เราลืม”
ฟังเหตุผลแล้วปลายสายก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ถอนหายใจ แสนโหล...สาวร่างผอมในชุดไทยจึงเอ่ยต่อ
“ของขวัญแต่งงานของก้อย ต้นไฮเดรนเยียสีฟ้าที่ชอบ ขอให้มี
ความสุข” เสียงเรียบนิ่งไร้น้ำหนักตอบกลับเหมือนท่องมา แต่กีรติรู้ว่านั่นคือการพูดแบบ ‘ธรรมดา’ ของเพื่อนรัก
“ขอบใจนะโหล แล้วนี่โหลอยู่ไหน ไม่เห็นในงานเลย”
“กลับแล้ว...” แสนโหลตอบแสนสั้นอีกครั้ง ล่ำลาอีกสองสามคำแล้วจึงวางสาย
ในชุดเช่นนี้ เธอจะยืนหยัดอยู่ในงานเลี้ยงได้อย่างไร หญิงสาวคิดในใจ แต่ดวงหน้ารูปไข่ที่อิ่มด้วยแก้มปลั่งกลับไม่แสดงอารมณ์ออกมา ร่างบางนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น สายตาเหม่อมองเบื้องหน้า แม้ในความมืดจะมองไม่เห็นทิวทัศน์เทือกเขาสลับซับซ้อนอย่างในภาพโฆษณา แต่ไฟระยิบระยับพร่างพราวตาที่เปิดประดับอยู่ทั่วรีสอร์ตก็สร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ยามสายลมฉ่ำฝนพัดพากลิ่นดินกลิ่นหญ้าชุ่มน้ำมาทักทาย ขนแขนข้างที่ไม่มีสไบปกคลุมลุกชันอย่างช่วยไม่ได้ สงสัยเพราะไอเย็นกระทบเนื้อผิว...
“หนาวไหมครับ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ แสนโหลหันไปมองอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่เห็น...กล้ามท้องเป็นมัดในระดับสายตา ก่อนเธอจะค่อยๆ เงยหน้า สำรวจอกกว้างผึ่งผายขาวเนียนเหมือนไฟนีออน ดวงตากลมโตยังคงไม่แสดงความรู้สึก แต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นส่ำ ยามเจ้าของหุ่นสุดล่ำโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาโปรยยิ้มเป็นมิตร
“ผมนั่งด้วยคนนะครับ”
นิ่งอยู่อึดใจ เธอก็กระเถิบตัวเล็กน้อยเพื่อต้อนรับชายแปลกหน้าบนเก้าอี้ชายหาดตัวเดียวกัน ไร้อารมณ์บนใบหน้า ไร้การสื่อสารทางสายตา ทว่าความรู้สึกก็ยังเกิดขึ้น หญิงสาวกัดฟันแน่นข่มความเขินอาย สองมือกุมเข้าหากัน
“มาคนเดียวเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ว่ายน้ำด้วยกันไหมครับ”
“ไม่มีชุดค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น...ก็ไม่ต้องใส่สิครับ”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจ หลังชายแปลกหน้าเอ่ยเย้าราวสนิทกันมานาน สาวหน้านิ่งชะงักเล็กน้อย ค่อยๆ หันซ้ายที ขวาที... ถ้าถอดตรงนี้คงไม่มีใครเห็น เธอคิดในใจแล้วก้มหน้าเตรียมดึงสไบออกจากไหล่ แต่ก็นึกได้ว่าควรอายเขาสักหน่อย จึงเงยหน้าหวังจะบอกให้เขาห้ามดู แต่แล้วกลับพบชายหนุ่มแปลกหน้ากำลังโบกมือไหวๆ จากในสระ พร้อมตะโกนเรียกด้วยเสียงเริงร่า
“ลงมาสิครับ มาเลย”
ไม่เคยเลย ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเชิญชวนเธอเช่นนี้มาก่อน ยิ่งเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่ไม่เห็นว่าหญิงสาวใส่ชุดไทยริมสระว่ายน้ำนั้นประหลาด...เขาคือคนแรก แสนโหลซ่อนความยินดีเอาไว้ใต้ใบหน้านิ่งเฉย ก่อนจะผุดลุกขึ้น
ตั้งใจจะกระโดดไปร่วมสนุกกับเขา แต่คนในน้ำกลับเปลี่ยนเสียงเรียกเป็นเสียงร้อง
“ช่วยด้วย! ขาผมเป็นตะคริว ช่วยด้วย!”
ไม่เสียเวลาลังเล เพื่อผู้ชายคนแรกที่คิดจะสานสัมพันธ์กับเธอ
แสนโหลกระโจนลงน้ำโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น เธอจ้ำว่ายอย่างรวดเร็วไปยังตำแหน่งที่เห็นเขาจมลงไป ดำผุดดำหาแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
“คุณ! คุณอยู่ไหน!” เธอตะโกนสุดเสียงด้วยความร้อนใจ เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไร แต่แล้วเสียงหนึ่งกลับดังใกล้ กระซิบแหบพร่าที่ข้างหู
“ตามหาผมอยู่เหรอครับ”
ไรขนตรงซอกคอลุกชันอีกครั้ง รู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาอยู่ใกล้แค่ไหน แต่เธอก็ยังหันไปมอง ชายหนุ่มที่อยู่ชิดเกือบชนปลายจมูกยังคงส่งยิ้มพรายมาให้ แต่สักพัก...พักเดียวเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลาก็ค่อยๆ บวมขึ้นเหมือนมีคนสูบลมอยู่ข้างใน พองเป่งจนผิวหนังที่แก้มปริแตก น้ำสีเหลืองข้นไหลเยิ้ม ขณะที่ลูกตาทะลักหล่นจากเบ้า เหลือเพียงรอยยิ้มแสยะกว้างชวนสยองเท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ว่าหญิงหรือชาย เจออย่างนี้เข้าคงกรีดร้องด้วยความตกใจ ร่ำไห้ หรือไม่ก็หมดสติเพราะความหวาดกลัว แต่สำหรับแสนโหลผู้เห็นเรื่องหลอนมาตั้งแต่ ๗ ขวบ จนวันนี้อายุ ๒๖... เกือบ ๒๐ ปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้ เธอเพียงระบายลมหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนเก็บ
ลูกตาที่ลอยน้ำคืนอีกฝ่าย
“คุณรู้ตัวไหมว่าตายแล้ว...ถ้าคุณจะขึ้นอืด ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
เธอว่าด้วยเสียงปราศจากความรู้สึก แล้วแหวกว่ายกลับเข้าฝั่ง ทิ้งให้ ‘วิญญาณหนุ่ม’ ตนนั้นคร่ำครวญเรียกหาอยู่ในน้ำเพียงลำพัง
เธอจะพูดอะไรได้อีก ในเมื่อสุดท้ายที่เข้ามาผูกไมตรีกับเธอก็ไม่ใช่คนอีกแล้ว
1
ผีหลอก
เพราะไม่ใช่แค่ที่พัก แต่ ‘อลังการเขาใหญ่’ คือสถานที่ตากอากาศซึ่งครบวงจรที่สุด
ทั้งบูติกรีสอร์ต ส่วนจัดเลี้ยง สนามกอล์ฟ นานากิจกรรมเอกซ์ตรีม และอื่นๆ อีกมากมายบนเนื้อที่กว่าสองพันไร่ ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทั้งอากาศเย็นสบายและตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวรรค์สำหรับการพักผ่อน สวรรค์...ที่มีเงินเดินสะพัดไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้นผู้จะเข้ามาบริหารที่แห่งนี้ จึงถูกจับตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และในค่ำคืนที่ดวงจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆฝน ทายาทคนต่อไปของอลังการกำลังจะเปิดเผยตัว
“แก ฉันได้ยินมาว่าคุณสุดจักรวาล ท่านประธานคนใหม่ของเรา เป็นคนไม่ค่อยเอาไหน แกรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“รู้สิ ฉันก็เคยได้ยินเหมือนกัน เขาว่ากันว่า คุณสุดเรียนก็ไม่เก่ง ทำงานก็ไม่เก่ง เที่ยวเล่นไปวันๆ ทำอะไรก็สู้คุณเอกของเราไม่ได้ ฉันเป็นห่วงจริงๆ อลังการของเราจะรอดหรือเปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นข่าวลือที่ว่าคุณสุดอิจฉาคุณเอกก็น่าจะเป็นความจริงน่ะสิ แล้วอย่างนี้เรื่องที่คุณเอกตาย เกี่ยวกับคุณสุดหรือเปล่า”
“บ้า นั่นมันอุบัติเหตุ”
“ไม่แน่หรอกนะ พี่น้องฆ่ากันตายเพราะเรื่องเงินมีถมไป แล้วนี่เงินไม่รู้เท่าไร คุณสุดอาจจะวางแผนไว้ก็ได้ วันนั้นเขาบอกว่าคุณสุดอยู่ในรถคันเดียวกับคุณเอกด้วยนะ”
“จริงเหรอ ว้าย! น่ากลัวจัง แล้วอย่างนี้ถ้าฉันทำงานพลาด เขาจะฆ่าฉันไหมเนี่ย
เสียงลือเสียงเล่าอ้างคงยาวนานต่อไปเรื่อยๆ หากว่าแลนด์โรเวอร์เรนจ์โรเวอร์อีโวคสีขาวจะไม่แล่นเข้ามาจอดหน้าศาลาไม้กลางน้ำ ซึ่งเป็นล็อบบีของรีสอร์ตเสียก่อน
นาทีนั้นเอง เสียงซุบซิบก็เงียบกริบราวปิดสวิตช์ บรรดาพนักงานที่ตั้งแถวรับต่างชะเง้อคอมองหา ‘เจ้านายคนใหม่’ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเมื่อคนที่เฝ้ารอก้าวลงจากประตูหลัง เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ชายหนุ่มร่างสูงสง่า ไหล่กว้างเหมือนนักกีฬา สวมสูทสีกรมท่าทับเชิ้ตขาวและเนกไทเส้นเล็กสีดำงดงามและผึ่งผายไม่ต่างจากรูปสลักที่สมบูรณ์แบบ ยิ่งใบหน้ายาวเรียวแต่คมสันเข้ากันกับผิวสีแทนเข้ม ริมฝีปากบางสวยรับสันจมูกโด่ง คลี่ยิ้มน้อยๆ คำนินทาทั้งหลายต่างเลือนหายไปจากความคิด เนรมิตความรู้สึกยอมรับให้เกิดขึ้นในใจได้อย่างง่ายดาย
‘ท่านประธาน’ ผงกศีรษะเพียงเล็กน้อยเพื่อรับไหว้ ก่อนเดินตรงไปยังอาคารอีกหลังที่ใหญ่กว่า ท่ามกลางสายตาที่มองด้วยความชื่นชม
“งานเปิดตัวคืนนี้ คุณหนูทำได้ดีมากนะครับ”
อัครเดช...ชายวัย ๕๘ เจ้าของใบหน้าขาวสวมกรอบแว่นทองเหลืองรูปร่างอ้วนท้วมทำให้ดูเป็นมิตรและใจดีอยู่เสมอเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยสรรพนาม
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)