เพียงรัก (รวี)

เพียงรัก (รวี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715476
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 297.00 บาท 74.25 บาท
ประหยัด: 222.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า...ให้เจอเขาที

คนนิสัยดี...มีรักให้ฉัน

ไม่ทิ้งไม่ขว้าง...พร้อมดูแลกัน

ตราบนิจนิรันดร์...วอนเถิดจันทรา

หญิงสาวยืนกุมมือเหนืออกพร้อมกับหลับตาพริ้มอยู่ที่ริมระเบียงห้องนอน ท่ามกลางบรรยากาศในคืนเดือนเพ็ญ สายลมหนาวพัดพามาปะทะผิวกาย ทว่ายังไม่หนาวเท่าหัวใจที่ถูกคนรักเก่าหักอกทิ้งให้ชอกช้ำระกำอยู่อย่างเดียวดาย ท้องฟ้าสีนิลราวกับผ้ากำมะหยี่สีดำผืนสวยประดับด้วยเกล็ดดาวที่ส่องแสงระยิบระยับจากแดนไกล มีจันทราดวงกลมโตสีเหลืองอร่ามมองลงมาคล้ายกำลังรับคำวิงวอนร้องขอจากหญิงสาว

“พระจันทร์จ๋า...จันทร์เจ้าไม่อยากเจอเขาอีก ไม่อยากเจอผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจของจันทร์เจ้า ถ้าได้ยินเสียงและความในใจของจันทร์เจ้า ช่วยทำให้ผู้ชายคนนั้นไปไหนก็ได้ที่เราสองคนจะไม่ต้องพบเจอกันอีกตลอดไป หากว่าจันทร์เจ้าจะได้เจอรักใหม่ ก็ขอให้เขาเป็นรักสุดท้าย และไม่ทำให้จันทร์เจ้าต้องเสียน้ำตาอีก...จะได้ไหมคะพระจันทร์”

เสียงหญิงสาวสั่นเครือ ดวงตาที่มีน้ำใสๆ คลอเบ้ามองขึ้นไปยังดวงจันทร์ด้วยความเศร้า ช่างเป็นค่ำคืนที่หม่นหมองคืนหนึ่ง แม้ว่าดวงจันทร์จะกลมโตสุกสว่างเพียงใด หากแต่ใจของคนเมื่อเจอเรื่องย่ำแย่ก็พลันให้เป็นคืนที่มัวหมองได้เช่นกัน...หวังว่าดวงจันทร์กลมโตบนฟ้านั่นจะได้ยินเสียงอ้อนวอนจากดวงจันทร์ดวงน้อยดวงนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1

ภายในห้องบอลรูมจัดเลี้ยงของโรงเเรมแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยแขกเหรื่อที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ความรักและความอบอุ่นอวลไปทั่วอาณาบริเวณ เสียงเพลงจากเครื่องดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเคล้าอารมณ์ทุกคนให้ชวนฝันราวกับเสียงอวยพรจากเทพบนสรวงสวรรค์ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวกำลังยืนต้อนรับแขกผู้มาร่วมแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ด้านหน้างาน แม้ทั้งคู่จะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่ทว่าไม่เหนื่อยใจเพราะวันนี้เป็นวันดีของคนทั้งสองตลอดจนครอบครัวของทั้งสองฝ่ายที่ต่างปลื้มปีติเมื่อได้เห็นลูกชายลูกสาวของตนก้าวเข้าสู่อีกช่วงระยะหนึ่งของชีวิต

การตกแต่งสถานที่ในงานเน้นโทนสีขาวและสีฟ้าเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นสีที่คู่บ่าวสาวชื่นชอบ บริเวณโดยรอบประดับด้วยดอกไฮยาซินสีฟ้าและดอกลิลลี่สีขาว ธีมการจัดงานในวันนี้คือThe Garden of Love เพราะคู่บ่าวสาวพบกันครั้ง แรกที่สวนสาธารณะจึงอยากเก็บความทรงจำแรกรักเอาไว้ในห้วงฤทัยจนกว่าจะถึงวันต้องพรากจากกัน

ระหว่างรอเวลาเริ่มพิธี เพื่อนเจ้าสาวสี่ชีวิตพากันมาเช็กความเรียบร้อยของใบหน้าและเครื่องแต่งกายอีกครั้งในห้องแต่งตัว ทั้งสี่ต่างตัดชุดจากผ้าลินินสีฟ้าเฉดเทาพับเดียวกันเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นแก๊งเพื่อนสนิทของเจ้าสาว ชุดของแต่ละคนก็แตกต่างไปตามสไตล์ความชอบ บรรดาเพื่อนเจ้าสาวที่ถูกเทียบเชิญมาในวันนี้ก็ล้วนเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษา บ้างก็แต่งงานมีลูกแล้ว บ้างก็เพิ่งแต่งงาน บ้างก็กำลังคบหาดูใจกับแฟนหนุ่มและวางแผนจะแต่งงานในไม่ช้า และบ้างก็ยังโสดสนิทไร้ชายใดเคียงข้าง พวกเธอกำลังตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง เสียงของแพรชมพูสาวสวยร่างบางพูดขึ้นขณะกำลังสาละวนอยู่หน้ากระจก

 “แก เสร็จกันแล้วหรือ รอก่อนนะ ขอปัดมาสคาราหน่อย”

ส่วนมุกนิลที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยยืนบิดซ้ายบิดขวาอยู่หน้ากระจกก่อนหันไปช่วยเพื่อนสาวอีกนาง แต่เมื่อนับจำนวนของเพื่อนเจ้าสาวทั้งหมดแล้วกลับขาดไปหนึ่งคน มุกนิลจึงเอ่ยถาม

“ใครเห็นจันทร์เจ้าบ้าง” เพื่อนๆ ต่างหยุดการกระทำของตัวเองมาหันรีหันขวางมองหน้ากันด้วยความฉงน ไม่มีใครเห็นหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงเลย ทันใดนั้นเหมือนทุกคนจะรู้ว่าสาวสวยที่หายตัวไปตอนนี้อยู่ที่ใด

“หรือว่า...” เนตรสิตางศุ์เจ้าสาวป้ายแดงผู้ผ่านงานวิวาห์มาหมาดๆ ขมวดคิ้วสงสัย

“ไม่ได้การแล้ว รีบไปเร็วแก!” พิณนรีสาวร่างเล็กเบิกตากว้างขึ้นอีก เมื่อจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนของเพื่อนสาว

สาวสวยทั้งสี่วิ่งกรูออกจากประตู ก่อนจะเร่งฝีเท้าเข้าไปในงานราวกับล่วงรู้ว่ากำลังจะเกิดเหตุไม่คาดฝันที่อาจพังงานแต่งวันนี้ให้เสียหายย่อยยับ...เหมือนอย่างคราก่อน

“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้ชาติชั่ว ไอ้นิสัยไม่ดี...”

เสียงดังโวยวายมาจากหญิงสาวในชุดเกาะอกสีฟ้าเฉดเทาตัวสวย เธอกำลังเมาแอ๋กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นมุมหนึ่ง ของห้องจัดเลี้ยง น้ำตาไหลนองหน้าจนมาสคาราที่ปัดมาเยิ้มเปรอะดูไม่ได้ ผมเผ้าที่รวบไว้อย่างดีกลับยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง รองเท้าส้นสูงคู่สวยถูกถอดทิ้งอยู่ข้างกายอย่างไม่ใยดี มือข้างหนึ่งถือขวดไวน์แล้วกระดกเข้าปากด้วยความชอกช้ำ  เธอกำลังนึกถึงรักครั้งล่าสุดที่ล้มไม่เป็นท่าเนื่องจากสาวเจ้าถูกฝ่ายชายบอกตัดความสัมพันธ์ทั้งที่คบหาดูใจกันมาเจ็ดปี

แขกเหรื่อภายในงานพากันตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายชนิดขาดสติ ทั้งรู้สึกสมเพชและอับอายแทน สายตาทุกๆ คู่ต่างจับจ้องมาด้วยความสงสัยว่าเธอผู้นี้เป็นใคร จากนั้นก็ซุบซิบกันเสียยกใหญ่ ครั้นพลอยฟ้าเจ้าสาวของงานทราบเรื่องเข้าก็รีบวิ่งมาดูทันทีและต้องตกตะลึงกับสภาพของเพื่อนสนิทในยามนี้

“ยายจันทร์เจ้า!” พลอยฟ้าร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสนิทอยู่ในสภาพเมาแอ๋ ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง ขณะที่กฤษฎ์ เจ้าบ่าววิ่งตามหลังมาติดๆ

จันทร์เจ้า สาวสวยวัยยี่สิบแปดปี ลูกเจ้าของฟาร์มมุก ‘มุกหมายจันทร์’ จังหวัดภูเก็ต หญิงสาวเรียนจบสาขาการประชาสัมพันธ์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ จากนั้นก็ทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์อยู่สองปีก็ลาออกมาช่วยพ่อกับแม่บริหารฟาร์มมุกจนโด่งดังไปทั่วประเทศ ทั้งยังขยายแผนการส่งออกไปยังประเทศต่างๆจนเริ่มเป็นที่รู้จักในแถบเอเชีย

จันทร์เจ้าเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก มีเสน่ห์ที่ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตประดับด้วยแพขนตางอนยาว ใครเห็นเป็นต้องสะดุดหยุดมองเพราะหลงใหลในดวงตาคู่สวย จันทร์เจ้ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบการบังคับ ไม่ใช่กุลสตรีเหมือนหญิงสาวในอุดมคติที่จะต้องเรียบร้อยหรือเป็นแม่ศรีเรือน แถมติดจะทะเล้นแก่นเซี้ยวตามประสาสาวน้อยแสนซนซึ่งทำให้ผู้ใหญ่นึกเอ็นดูได้ไม่ยาก

ถึงจะเป็นหญิงแกร่งและห้าวหาญ ทว่าเมื่อหัวใจโซซัดโซเซร่างกายก็ย่อมเซล้มตามไปด้วย เมื่อจู่ๆ เธอก็ถูกพุฒิพงศ์แฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่คบกันมาเกือบเจ็ดปีบอกเลิกกลางคัน เหตุผลง่ายๆ ของเขาคือ

‘เราเข้ากันไม่ได้’ แล้วตบท้ายด้วย ‘จันทร์เจ้าดีเกินไป’

คำพูดเสียดแทงจิตใจทำเอาจันทร์เจ้านอนร้องไห้อยู่นาน เธอรักพุฒิพงศ์มาก เพราะเขาเป็นรักแรกและรักเดียวที่จันทร์เจ้าวาดฝันไว้ถึงงานวิวาห์ เมื่อหญิงสาวเสียใจก็ร้อนถึงเพื่อนๆ ในกลุ่มที่พยายามปลอบประโลมให้สาวน้อยผู้แสนร่าเริงกลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้ว่าดูจะทำใจได้ยากก็ตามที

“ฉันยินดีกับแกด้วยนะ ขอให้แกกับคุณกฤษฎ์รักกันนานๆ”

เสียงพูดแสดงความยินดีดังลั่นจนพลอยฟ้าพยายามยิ้มรับอย่างอับอาย

 “อย่าให้ความรักของแกเป็นเหมือนความรักของฉัน” พูดจบจันทร์เจ้าก็กระดกไวน์เข้าปาก

“แกเมามากแล้ว ลุกขึ้นเถอะ คนอื่นเขามองใหญ่แล้ว ไม่อายเหรอ” พลอยฟ้ารีบสะกิดเตือนเพื่อนพร้อมกับปรามให้รู้สึกตัว

“ม่ายยยลุก! ฉันยังพูดไม่จบ” จันทร์เจ้าตวัดสายตามาพูดกับกฤษฎ์และชี้หน้าเขาอย่างไร้มารยาท “ถ้าคุณทำให้เพื่อนของฉันเสียใจเมื่อไร คุณ...ตาย...แน่!”

หญิงสาวเน้นเสียงหนัก แล้วทำท่าเอามือปาดคอตัวเอง เสียงประกาศกร้าวเล่นเอากฤษฎ์กลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว ถึงแม้จันทร์เจ้าจะกำลังมึนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ สติสตังไม่เต็มร้อย แต่สายตาที่มองมานั้นน่ากลัวราวกับนางพญาเสือสาวผู้พร้อมขย้ำเหยื่อทุกเมื่อ กิตติศัพท์ความสัมพันธ์ระหว่างจันทร์เจ้ากับพลอยฟ้าจัดว่าสนิทกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมา ไม่ว่าพลอยฟ้าจะทำอะไรจันทร์เจ้าก็จะรู้ทุกเรื่อง

ครั้งแรกที่จันทร์เจ้ารู้ว่าพลอยฟ้ากำลังคบหาดูใจอยู่กับกฤษฎ์ หญิงสาวก็จัดการพาชายหนุ่มเข้ารับบททดสอบของเธอและเพื่อนๆจนกฤษฎ์กลัว หากแต่ไม่ยี่หระต่ออุปสรรค เขาพิสูจน์ให้เพื่อนของพลอยฟ้าเห็นว่าเขารักและพร้อมที่จะดูแลพลอยฟ้าไปตลอดชั่วชีวิต จันทร์เจ้าจึงยอมรับกฤษฎ์เป็นสมาชิกเพื่อนเขยอีกคนหนึ่ง ทว่ากฤษฎ์ยังมีออกอาการกระเง้ากระงอดกับพลอยฟ้าอยู่บ่อยครั้งว่าเขาเป็นเมียน้อย ส่วนจันทร์เจ้าเป็นเมียหลวง จะทำอะไรก็ต้องผ่านมติความเห็นชอบจากเจ้าหล่อนเสียก่อน พลอยฟ้านึกขำอยู่หลายหน เธอรู้ดีว่าที่จันทร์เจ้าทำไปนั้นก็เพราะรักและเป็นห่วงเธออยากให้เธอเจอคนที่ดีที่สุด ดังนั้นจันทร์เจ้าจึงเป็นคนเดียวที่กฤษฎ์ยอมอ่อนข้อให้

ทันใดนั้นเพื่อนเจ้าสาวอีกสี่คนก็กรูเข้ามาที่ห้องจัดเลี้ยง ทั้งหมดร้องวี้ดว้ายกันด้วยความตกใจเมื่อเห็นจันทร์เจ้าอยู่ในสภาพเมามาย แถมรู้สึกอับอายแทนเพื่อนที่แขกจำนวนมากหันมามองเป็นตาเดียว หากเป็นลูกสาวหรือหลานสาวของตนก็คงต้องขอยืมปี๊บจากห้องครัวโรงแรมมาคลุมหัวเดินออกจากงานไปแน่ สี่สาวปรี่เข้าพยุงจันทร์เจ้าด้วยความร้อนรนทันที

“ไอ้จันทร์เจ้า แกไหวหรือเปล่าเนี่ย ลุกเร็ว!” เพื่อนๆ ต่างช่วยกันหิ้วปีกหญิงสาวที่นั่งคอพับคออ่อน เนตรสิตางศุ์หยิบขวดไวน์ออกจากมือจันทร์เจ้า

“ไม่มีอะไรนะคะ ต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยค่ะ ขอโทษจริงๆ”

พลอยฟ้าพยายามปั้นยิ้ม พลางกล่าวขอโทษแขกเหรื่อในงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

เมื่อเพื่อนๆ ประคองจันทร์เจ้าขึ้นพร้อมกับเก็บรองเท้าที่เธอถอดทิ้งไว้ให้เสร็จสรรพ แม่ตัวยุ่งก็เริ่มมีอาการพะอืดพะอม มุกนิลกับแพรชมพูจึงรีบขอทางพาเธอออกจากงานให้เร็วที่สุด ส่วนพิณนรีและเนตรสิตางศุ์ต้องอยู่ร่วมงานเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พลอยฟ้า เมื่อแพรชมพูกับมุกนิลพาจันทร์เจ้าออกจากห้องบอลรูมไปแล้ว กฤษฎ์กับพลอยฟ้าก็รีบขึ้นเวทีไปดำเนินพิธีต่อเพื่อดึงความสนใจของแขกผู้มีเกียรติกลับมา

จันทร์เจ้าทันเข้าห้องน้ำก่อนที่จะอาเจียนใส่เพื่อนอีกสองคน แพรชมพูกับมุกนิลผลัดกันลูบหลังให้ขณะที่เธอโก่งคอโอ้กอ้าก

“จันทร์เจ้าเอ๊ย แกนะแก เพราะไอ้พี่พุฒิคนเดียวแท้ๆ ถึงเป็นแบบนี้ เมื่อไรจะเลิกโง่สักทีไม่รู้ ฉลาดทุกเรื่องนะ ยกเว้นเรื่องเดียวให้ตายเถอะ” มุกนิลผ่อนลมหายใจยาวออกมาและส่ายหน้าอย่างระอาปนเห็นอกเห็นใจ

“พาจันทร์เจ้ากลับบ้านก่อนเถอะ อยู่ในสภาพนี้ไม่ไหวแน่”

แพรชมพูสาวสวยผมซอยสั้นพูดขึ้น

“ฉันก็ว่า เอามันไปเก็บที่คอนโดฯ ฉันแล้วกัน งั้นฝากแกดูแลมันก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอารถมาจอดรอหน้าโรงแรม” มุกนิลพูดขึ้นระหว่างหันมาดูสภาพของจันทร์เจ้าที่ยังโก่งคออาเจียนลงอ่างล้างหน้า

แพรชมพูพยักหน้ารับแล้วทำหน้าที่ดูแลจันทร์เจ้าต่อ ส่วนมุกนิลเดินออกไปที่ลานจอดรถ

“แกไหวไหมเนี่ย จันทร์เจ้า” แพรชมพูพูดไปก็ลูบหลังให้จันทร์เจ้าไป

จันทร์เจ้าอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงและเกือบจะหมดแรง เธอกลั้วคอด้วยน้ำเปล่าก่อนเดินออกมานั่งที่ล็อบบี้ โชคดีที่มีแพรชมพูคอยประคองพร้อมหิ้วรองเท้ากับโทรศัพท์มือถือออกมาให้ จันทร์เจ้านอนเอนหลังบนโซฟาอย่างหมดสภาพระหว่างรอมุกนิลเอารถมารับ

จังหวะนั้นแพรชมพูเกิดปวดเบากะทันหัน จึงสะกิดปลุกเพื่อนสาวซึ่งกำลังนอนหลับไม่ได้สติพร้อมสั่งให้นอนรออยู่กับที่

“อย่าเพิ่งลุกไปไหนนะ เดี๋ยวฉันมา”

จันทร์เจ้านอนนิ่งไม่หือไม่อือ แพรชมพูเห็นสภาพของเพื่อนก็ให้รู้สึกอ่อนใจ เธอตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำโดยทิ้งให้จันทร์เจ้านอนรอที่โซฟา

ทว่าเมื่อคล้อยหลังแพรชมพู จันทร์เจ้าที่เพิ่งจะซึมซับคำพูดของเพื่อนและประมวลผลเสร็จก็พยักหน้าหงึกหงักรับรู้ แต่เธอได้ยินและเข้าใจแค่คำว่า ‘ลุก’ สติสัมปชัญญะอันน้อยนิดสั่งการให้เธอเตรียมลุกขึ้น

“อ้อ ลุกไปได้แล้ว” หญิงสาวพูดกับตัวเองน้ำเสียงงัวเงียและเดินเท้าเปลือยเปล่าโซซัดโซเซจากโซฟาตามคำสั่งที่เธอทึกทักเองทันที

ขณะเดียวกันรถยนต์หรูคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบหน้าประตูทางเข้า หนุ่มหล่อร่างสูงเดินลงจากรถพร้อมถือกล่องของขวัญติดมือมาด้วย เขาฝากให้เจ้าหน้าที่ของโรงแรมนำรถไปจอดยังลานจอดรถก่อนจะผลักประตูเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่จันทร์เจ้ากำลังผลักประตูสวนออกไป แต่ชายหนุ่มไม่ทันสังเกต หญิงสาวเดินงัวเงียไปเปิดประตูด้านหลังรถหรูและนอนสลบราบกับเบาะหลังด้วยความง่วงงุนในทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ของโรงแรมคนเดิมนำบัตรจอดรถไปลงเวลาเข้าออกแล้วก็วิ่ง กลับมาขึ้นรถเพื่อขับหาที่จอดรถโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่ตรงเบาะหลัง

เมื่อแพรชมพูเดินออกจากห้องน้ำพลางคุยโทรศัพท์นัดแนะกับมุกนิลเพื่อพาจันทร์เจ้าขึ้นรถกลับบ้าน เธอก็เห็นเพียงโซฟาว่างเปล่าไร้เงาของเพื่อนสาวขี้เมา มีแค่กระเป๋าและรองเท้าทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าแพรชมพูร้องเสียงหลงด้วยความตกใจจนปลายสายต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“เป็นอะไร ไอ้แพร ร้องทำไมเนี่ย” มุกนิลถามด้วยความสงสัย

“จันทร์เจ้า! แก...จันทร์เจ้ามันหายไป” แพรชมพูร้องด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว กุมขมับอย่างจนปัญญา หันซ้ายแลขวาก็มองไม่เห็นจันทร์เจ้า

“จะหายไปไหนได้ ก็แกบอกว่ามันนอนอยู่ที่ล็อบบี้”

“นั่นน่ะสิ ฉันไปเข้าห้องน้ำแปบเดียว บอกมันไว้ว่าอย่าลุกไปไหน”

“แกลองถามพนักงานแถวนั้นก่อน มันอาจจะไปนอนหลบมุมอยู่”

“เออๆ แกจอดรถแล้วรีบมานะ” พูดจบแพรชมพูก็วางสายและวิ่งไปถามพนักงานที่ล็อบบี้อย่างร้อนใจว่าเห็นเพื่อนสาวที่นอนหลับอยู่บนโซฟาหรือไม่ คำตอบที่ได้คือไม่มีใครเห็นจันทร์เจ้า เมื่อมุกนิลตามมาสมทบก็ถึงกับลมแทบจับในความโกลาหลที่เกิดขึ้น ทั้งสองนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง

“ทำไงดีวะแก ของทุกอย่างของจันทร์เจ้าก็อยู่ที่ฉัน ” หญิงสาวมองกระเป๋า รองเท้า และโทรศัพท์มือถือของจันทร์เจ้าที่อยู่ในมือด้วยความเซ็ง

“มันไปไหนของมันวะ เมาแล้วเป็นอย่างนี้ทุกที ดูงานก่อนของไอ้เนตรสิ ก็เมาแอ๋แบบนี้ นี่งานของพลอยก็ยังเป็นแบบนี้อีก ฉันจะบ้าตาย!” มุกนิลบ่นพลางนวดขมับ

“ฉันว่านะ เรากลับเข้าไปในงานก่อน เผื่อคุณกฤษฎ์จะช่วยเราได้ เพราะเขาก็เป็นหุ้นส่วนในโรงแรมนี้”

แพรชมพูเสนอ มุกนิลพยักหน้าเห็นด้วย แล้วทั้งสองก็กลับไปยังห้องจัดเลี้ยงงานฉลองมงคลสมรสของพลอยฟ้ากับกฤษฎ์อีกครั้งอย่างร้อนใจ

ภายในงานแต่งงานอบอวลด้วยความปลื้มปิติยินดี ไม่มีใครติดใจเหตุการณ์เมื่อสักครู่แต่อย่างใด ทุกคนต่างชื่นมื่นกับค่ำคืนแห่งความสุขของบ่าวสาว ซึ่งทั้งคู่ยังคงเดินหน้ารับแขกอย่างต่อเนื่องและแม้พลอยฟ้าจะยิ้มแย้มเพียงใด ทว่าในใจกลับอดห่วงจันทร์เจ้าไม่ได้ จนกฤษฏ์สังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าเจ้าสาว เขาทำได้แค่กระชับมือบางเพื่อปลอบโยนแล้วยิ้มให้ ถึงกฤษฎ์จะไม่พูดอะไรออกมา พลอยฟ้าก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยผ่านแววตาและการกระทำแสนอ่อนโยนของเขา มือบางกระชับมือหนาตอบพร้อมยิ้มมุมปากให้เล็กน้อยเป็นการบอกว่าเธอไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง

ขณะเดียวกันรพี หนุ่มรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของกฤษฎ์ก็เดินเข้างานพร้อมถือกล่องของขวัญผูกโบว์สวยงามตรงมาหาเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อแสดงความยินดี กฤษฎ์เห็นรุ่นน้องคนสนิทเข้าก็โผกอดน้องชายคนนี้ด้วยความคิดถึง

“ไอ้พี พี่นึกว่าแกจะไม่มาเสียแล้ว”

“ยินดีด้วยนะครับ พี่กฤษฎ์ คุณพลอย” รพียิ้มให้คู่บ่าวสาวแล้วยื่นกล่องของขวัญวันแต่งงานที่ตั้งใจนำมามอบให้คนทั้งคู่ “นี่ครับของขวัญจากผม”

“ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณพี” พลอยฟ้ารับกล่องของขวัญมาพร้อมส่งยิ้มให้เขา ขณะเดียวกันแพรชมพูกับมุกนิลเดินตรงมาหาคู่บ่าวสาวด้วยใบหน้าตึงเครียด พลอยฟ้าจึงถามด้วยความเป็นห่วง

“แกสองคนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“พลอย...ไอ้จันทร์เจ้าหายตัวไป!”

พลอยฟ้าเบิกตาโพลงหันมองกฤษฎ์ด้วยความตกใจ ส่วนรพีก็ได้แต่ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น

 “หา! มันหายไปไหน ยิ่งเมาๆ อยู่ด้วย”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันบอกมันว่าอย่าลุกไปไหน แต่พอออกมาอีกทีจันทร์เจ้าก็หายไปแล้ว” แพรชมพูตอบด้วยสีหน้าตื่นตกใจเหมือนจะร้องไห้ พลอยฟ้ากุมขมับจนรพีต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

“ขอโทษนะครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ทุกคนหันมองหน้ากันไปมา พลอยฟ้าเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้รพีฟังว่าเพื่อนของเธอเพิ่งจะอกหัก อาการช้ำรักยังไม่หายดีจึงได้แต่เศร้าโศกเสียใจ ดื่มเหล้าเมามายจนได้เรื่องป่วนไปทั้งงาน เพื่อนๆ ต้องพาหิ้วออกจากงาน แต่สุดท้ายก็ดันมาหายตัวไปอีก

“จันทร์เจ้าอาจจะกลับบ้านก็ได้นะ” กฤษฎ์เสนอความคิดเห็น

“หรือมันถูกลักพาตัววะพลอย” แพรชมพูเสนอ

“ใครจะลักพาตัวคนเมา” มุกนิลรีบค้าน “มันอาจเดินไปเข้าห้องน้ำเลยคลาดกับแพร...ก็เป็นไปได้นะ”

“ไม่แน่นะครับ ลองไปดูอีกที คุณจันทร์เจ้าอาจจะนอนอยู่ที่ล็อบบี้ก็ได้” รพีเสริม

ขณะเดียวกันก็มีเสียงประกาศเรียกคู่บ่าวสาวให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง เพราะถึงเวลาที่จะต้องโยนช่อดอกไม้ บรรดาสาวโสดที่มาร่วมงานต่างพากันยืนอออยู่หน้าเวที ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของรพีก็ดังขึ้น เขาจึงปลีกตัวออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอก

“มาถึงแล้วหรือครับ...ครับแม่...ผมกำลังไปเดี๋ยวนี้ครับ”

รพีวางสายโทรศัพท์ ปรายตามองงานฉลองมงคลสมรสอีกครั้ง เมื่อเห็นเจ้าสาวกำลังจะโยนดอกไม้ก็คลี่ยิ้มก่อนจะเดินออกจากงานไปทันที

ภายในรถยนต์คันหรู จันทร์เจ้ากำลังนอนสลบไสลอยู่บนเบาะนั่งด้านหลัง คิดว่าเป็นรถของเพื่อนสนิทตามความเข้าใจของสมองอันไร้สติสัมปชัญญะ เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก อากาศภายในรถชักน้อยลงจนรู้สึกอึดอัด หญิงสาวใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามใบหน้าและซอกคออย่างสะเปะสะปะ เปลือกตาหนักอึ้งลืมขึ้นอย่างช้าๆ แต่ก็เห็นเป็นเพียงภาพสีดำพร่ามัวเท่านั้น

“มุก เปิดแอร์หน่อยสิ ฉันร้อน” มือบางปาดเหงื่อที่ไหลย้อยอย่างหงุดหงิด ความอบอ้าวภายในรถทำให้พลังงานของร่างกายค่อยๆหดหาย ก่อนจะผล็อยหลับอีกครั้งด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่คั่งค้างอยู่

ขณะเดียวกันรพีรีบเดินเร็วมายังอาคารจอดรถหลังปลีกตัวออกจากงานแต่ง เพราะพ่อกับแม่ของเขาเพิ่งเดินทางกลับจากฝรั่งเศสจึงอยากให้ลูกชายแวะไปรับที่สนามบิน เขาเดินออกมายังลานจอดรถ

รพีกดปุ่มปลดล็อกอัตโนมัติรถยนต์คันหรูพลันขับมุ่งหน้าไปสนามบินทันที หารู้ไม่ว่าภายในรถของเขามีผู้โดยสารไม่ได้รับเชิญนอนสลบไสลอยู่บนเบาะหลัง

รพีขับรถไปได้สักพัก เขาชำเลืองดูกระจกมองหลังเป็นระยะและรีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด ตอนนี้จันทร์เจ้าเริ่มรู้สึกตัว ลุกขึ้นนั่งแบบงัวเงียพลางมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสังเกตว่าเพื่อนพาเธอเดินทางมาถึงไหนแล้ว แต่ด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเครื่องสำอางเลอะเทอะเต็มใบหน้า จันทร์เจ้าจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรกับผีสาว ครั้นรพีเหลือบมองกระจกหลังอีกครั้งเขาเลยเกิดอาการตกใจเบิกตาโพลงเมื่อเห็นหญิงสาวผมเผ้ารุงรังคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหลัง เขารีบหลับตาพลางสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น ก่อนตั้งสติใหม่ ยิ้มให้ตัวเองและพูดออกมาขำๆ อย่างคนที่คิดว่าตนตาฝาด

“สงสัยเราจะคิดมากเกิน ดูหนังเยอะไปหน่อยมั้ง ไอ้พีเอ๊ย...บ้าแล้ว”

พูดจบยังไม่วายใจกล้าเหลือบมองกระจกอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพในจินตนาการ พอเขามองกระจกหลังอีกครั้งก็เห็นหญิงสาวแปลกหน้าสภาพดูไม่จืดคนหนึ่งมองกลับมาด้วยแววตานิ่งขึงแลดูน่ากลัว ชายมาดแมนแบบรพีถึงกับแหกปากลั่นด้วยความตกใจ ตาสองข้างเบิกโพลงอย่างตระหนก ส่วนจันทร์เจ้าเองก็ตกใจที่เห็นชายแปลกหน้าจากไหนไม่รู้มาขับรถของเพื่อนเธอ ทั้งคู่จึงประสานเสียงกันดังสนั่นทั่วคันรถ เสียงร้องของหญิงสาวที่เห็นคนแปลกหน้ากับเสียงร้องของชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเองเห็นผีทำให้รพีต้องเบรกรถจอดข้างทางกะทันหัน เล่นเอาจันทร์เจ้าหัวคะมำหล่นตุ้บจากเบาะ

รพีใจเต้นแรง หลับตาปี๋ด้วยความกลัว เหงื่อเริ่มไหลจากไรผมลงมาข้างแก้ม เขารวบรวมสติอีกครั้งแล้วชะโงกมองเบาะหลังอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมาพอดี รพีร้องลั่นด้วยความตกใจอีกที จันทร์เจ้าก็แหกปากผสมโรงก่อนจะเงื้อมือต่อยหน้ารพีเต็มแรงจนเขาหงายหลังกุมจมูกร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ ไม่รอช้าจันทร์เจ้ารีบตะกายขึ้นมานั่งแล้วคว้าขวดน้ำที่กลิ้งอยู่บนเบาะหลังมากระหน่ำทุบโจรขโมยรถไม่ยั้งมือทันที

“นี่แน่ะ! ไอ้โจรชั่ว แกทำร้ายเพื่อนของฉัน แล้วยังขโมยรถเพื่อนของฉันมาอีกหรือ...อย่าอยู่เลย”

ปัก ปัก ปัก

เสียงขวดน้ำกระทบร่างหนาดังไม่หยุด เมื่อสิ่งที่เห็นเป็นมนุษย์ เขาก็พยายามปัดป้องตัวเองจากแรงฟาด มือหนาพยายามจับแขนสองข้างของหญิงแปลกหน้าไว้เพื่อหยุดการทำร้ายร่างกาย พอคว้าแขนบางได้ก็ออกคำสั่งเฉียบขาดกับหญิงสาวทันทีผ่านน้ำเสียงเจือความโกรธ

“นี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ผมบอกให้หยุดยังไงล่ะ”

จันทร์เจ้ายังไม่ยอมหยุด รพีจำต้องตะคอกอีกครั้ง

“หยุด!”

แววตาดุดันที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับจะสะกดให้อยู่ใต้คำสั่งเขา จันทร์เจ้ายอมหยุดชะงัก แล้วจ้องชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า และถึงแม้จะหวาดกลัวสักเพียงใดเธอก็ยังไม่ยอมละสายตาไปทางอื่น

“คุณอย่าเพิ่งโวยวายสิ ฟังผมพูดดีๆ ก่อน” รพีโมโหจนคิ้วหนาสองข้างขมวดเข้าหากัน เขาผลักมือของเธอออกอย่างแรงจนจันทร์เจ้าเกือบจะหงายหลัง จากนั้นจึงเอื้อมไปกดสวิตซ์ไฟดวงเล็กแสงสีส้มสว่างขึ้นจนเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจน ดวงตาดุดันกระหวัดมาหาหญิงสาวหน้าตามอมแมมอีกครั้ง “นี่คือรถของผม คุณนั่นแหละขึ้นรถผมมาได้ยังไง”

แสงสว่างทำให้จันทร์เจ้ามองไปรอบๆ ห้องโดยสารพลันสังเกตเห็นความแตกต่าง เธอไม่เคยนั่งรถยนต์คันนี้มาก่อนจริงๆ ด้วยเพราะรถของมุกนิลเป็นอีโคคาร์ขนาดกะทัดรัด ไม่ใช่รถบีเอ็มดับเบิลยูคันหรูมากคุณสมบัติเช่นนี้ รพีเห็นอาการเลิ่กลั่กก็รู้ทันทีว่าแม่สาวแปลกหน้าคนนี้ขึ้นรถผิดคัน เขาสังเกตการแต่งตัวของเธอก็พอเดาได้ว่าน่าจะมาจากโรงแรมที่เขาเพิ่งขับรถออกมาเมื่อครู่ แถมยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมาแตะจมูกระหว่างการพูดคุย ใบหน้าของคุณเธอเปรอะเปื้อนคราบเครื่องสำอางที่ไหลเยิ้มลงมาอย่างหมดสภาพ ผมเผ้ารุงรังดูไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงคิดว่าเธอเป็นผี ทางด้านจันทร์เจ้าที่พูดไม่ออกกับความป้ำเป๋อและเสียหน้าของตัวเอง หันมองชายหนุ่มก่อนจะหาข้ออ้างมาแถแบบข้างๆ คูๆ เพื่อกลบเกลื่อนความอาย

“ฉัน...ฉัน...อาจจะขึ้นรถผิดคัน” จันทร์เจ้าตอบตะกุกตะกัก

“ไม่ใช่อาจจะหรอกครับคุณ แต่คุณขึ้นรถผิดจริงๆ”

สายตาตำหนิของรพีเล่นเอาจันทร์เจ้าหงอจนทำอะไรไม่ถูก

“งั้นเดี๋ยวฉันลงตรงนี้ก็ได้” เธอคลำหากระเป๋า โทรศัพท์มือถือและรองเท้าบนเบาะหนัง ก้มดูตามพื้นแต่ไม่ยักเห็นสมบัติของตัวเองเลยแม้สักชิ้นเดียว รพีมองตามด้วยความสงสัย เธอพยายามหาทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่เจออะไร จึงหันหน้ามายิ้มแหยๆ ให้เขาอีกครั้ง

“เอ่อ...คือว่า...ฉันไม่ใช่ไม่มีตังค์นะ แต่ว่ามันไม่มีอะไรติดตัวมาจริงๆ อาจจะอยู่ที่เพื่อนตอนฉัน...” จันทร์เจ้ายังพูดไม่ทันจบก็ถูกเขาเบรกขึ้นเสียก่อน

“โอเคๆ ดูจากสภาพคุณตอนนี้ผมก็พอเข้าใจ” รพีทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งออกมาอีก “เล่นดื่มมาขนาดนี้ เอาละเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้านเอง บอกทางผมมาแล้วกัน”

“ไม่เป็นไร แค่ให้ฉันยืมเงินสักสองร้อยเป็นค่าแท็กซี่กลับบ้านก็พอ คุณไม่ต้องไปส่งฉันหรอก”

พูดจบสายตาดุดันของชายหนุ่มก็มองมาอีกครั้ง

“นี่คิดว่าสภาพนี้จะถึงบ้านได้หรือไง แต่งตัวแบบนี้เดินลงไปก็ถูกฉุดพอดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเอง” จันทร์เจ้ากำลังจะอ้าปากเถียง แต่กลับถูกเขาปรามเสียก่อน “หยุดเลย ไม่ต้องเถียง นั่งไปเฉยๆ แล้วบอกผมมาว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน”

หญิงสาวยอมหุบปากแล้วนั่งสงบเสงี่ยม ขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์มือถือของรพีก็ดังขึ้นและเป็นสายจากแม่ของเขาเอง เขาจึงรีบกดรับ

“แม่ครับ...พอดีผมติดธุระด่วน ยังไงเดี๋ยวให้ลุงชัยไปรับแทนนะครับ พรุ่งนี้เราค่อยเจอกัน...ครับๆ สวัสดีครับ” รพีวางสาย

จันทร์เจ้ากำลังจะพูดขึ้น แต่เขากดโทรศัพท์ต่อทันทีถึงลุงชัยคนขับรถให้ไปรับพ่อกับแม่ของเขาที่สนามบิน พอรพีวางสายจันทร์เจ้าจึงได้เอ่ยปาก

“คุณมีธุระต่อ ไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้นะ”

รพีมองกระจกหลังเห็นหญิงสาวกำลังนั่งคอเชิด

“ผมไม่มีธุระแล้ว บ้านคุณอยู่ไหนบอกมา” สายตาดุดันจ้องผ่านกระจกอีกครั้ง

“อยู่แถวๆ รามอินทราน่ะ” บอกเสร็จก็นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่รถยังไม่เคลื่อนตัว เธอจึงหันกลับมามองเขาผ่านกระจกและเห็นสายตาของชายหนุ่มยังคงจ้องมา “คุณมองฉันทำไม”

“ก็ไม่ได้อยากมองคุณนักหรอก แต่เผอิญผมไม่ใช่คนขับรถของคุณ กรุณาย้ายมานั่งข้างหน้าด้วย”

เสียงเข้มออกคำสั่งจนหญิงสาวหน้างอ ทว่ารีบย้ายตัวเองไปนั่งเบาะหน้าคู่กับเขาอย่างโดยดีเพราะสำเหนียกได้ว่าเขาอุตส่าห์มีน้ำใจไปส่งเธอถึงบ้าน ลองถ้าเป็นแค่คนขับรถ คุณหนูจันทร์เจ้าจอมเฮี้ยวไม่มีทางยอมหรอก ว่าแล้วจันทร์เจ้าก็ปีนข้ามจากเบาะหลังมาเบาะหน้าแต่ดันก้าวไม่พ้นชุดราตรียาวของตัวเองเลยทำให้สะดุดล้มลงบนตักของรพี โชคดีที่เขารับหญิงสาวไว้ได้ทัน สายตาของทั้งคู่ประสานกันในระยะประชิด มือหนาโอบรัดหญิงสาวไว้ด้วยกลัวจะหล่น จันทร์เจ้ามองตาคมพลันเกิดความรู้สึกวูบไหวแปลกๆ ขณะที่รพีส่งสายตาดุใส่เธออย่างไม่คิดอะไร

“จะอยู่บนตักผมอีกนานไหม” ชายหนุ่มพูดเตือนให้เธอรู้ตัวเพราะไม่นึกเกิดความพิศวาสแต่อย่างใด ด้วยสภาพที่ดูไม่ได้ในเวลานี้เขาออกจะกลัวอีกฝ่ายมากกว่าจะรู้สึกอย่างอื่น จันทร์เจ้ารีบเด้งตัวออกจากตักเขาแล้วย้ายมานั่งเบาะข้างๆ เขาทันที

“เอ่อ...ฉันขอโทษ” จันทร์เจ้ารีบกล่าวขอโทษและผินหน้าหนีไปมองหน้าต่างด้วยความอาย รพีส่ายหัวอย่างหงุดหงิดกับความซุ่มซ่ามของเธอก่อนจะขับรถออกไปทันที

หลังจากงานแต่งงานจบลงอย่างเรียบร้อย และแขกเหรื่อทยอยเดินทางกลับจนหมดแล้ว แทนที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวในวันชื่นคืนสุขกลับต้องมาพลิกโรงแรมตามหาจันทร์เจ้า สาวขี้เมาที่ป่วนจนงานเกือบล่ม โดยมีบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวช่วยกันออกตามหาอีกแรง โชคดีที่กฤษฎ์มีหุ้นส่วนอยู่ในโรงแรมนี้จึงไม่ยากที่จะประสานงานเท่าไรนัก บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมต่างช่วยกันค้นหาทุกซอกมุมของโรงแรมแต่ก็ไม่พบ เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งบริเวณล็อบบี้ด้วยสภาพเหนื่อยล้า แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของจันทร์เจ้าก็ดัง ขึ้น แพรชมพูตกใจมากเพราะเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์หราอยู่ตอนนี้คือเบอร์โทรศัพท์แม่ของจันทร์เจ้า

“แก...แม่ไอ้จันทร์เจ้าโทร.มา” แพรชมพูบอกกลุ่มเพื่อนสนิทด้วยความกลัวลาน

 “แกก็รับสิ บอกไปว่าจันทร์เจ้าเมาหลับไปแล้ว คืนนี้ขอค้างที่คอนโดฯ ฉันหรืออะไรก็ได้” มุกนิลรีบแก้สถานการณ์ให้กับเพื่อนแพรชมพูพยักหน้ารับ สไลด์โทรศัพท์เพื่อรับสายและตอบออกไปตามที่มุกนิลบอก

“สวัสดีค่ะคุณแม่...จันทร์เจ้าเหรอคะ” แพรชมพูเหล่มองเพื่อนก่อนตอบแบบกล้าๆ กลัวๆ “เอ่อ...จันทร์เจ้าหละ...หลับไปแล้วค่ะ ตอนนี้ค้างอยู่ที่คอนโดฯ ของมุกค่ะ...ค่ะ ไว้ถ้าจันทร์เจ้าตื่นแล้วจะบอกให้นะคะ...ค่ะ สวัสดีค่ะ” แพรชมพูกดวางสายพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก แม่ของจันทร์เจ้าเพียงแค่ฝากให้เพื่อนๆ ช่วยดูแลลูกสาวเธอด้วยก็เท่านั้น

“โชคดีไปที่แม่ไม่ว่าอะไร”

“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีเนี่ย จันทร์เจ้าหายไปไหนก็ไม่รู้”

พลอยฟ้ากุมขมับด้วยความกังวล

“ผมว่าจันทร์เจ้าไม่เป็นอะไรมากหรอก เธอคงพอดูแลตัวเองได้ ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้นอกจากรอให้เจ้าตัวติดต่อมาเอง ไว้ถ้าพรุ่งนี้เช้าเธอยังไม่กลับ เราค่อยไปแจ้งความกับตำรวจ” กฤษฎ์ลูบไหล่เจ้าสาวอย่างห่วงใย

“ฉันเห็นด้วยกับคุณกฤษฎ์นะ เราคงได้แต่ภาวนาขออย่าให้จันทร์เจ้าเป็นอะไรไป” พิณนรีรีบเสริม

“แยกย้ายกันพักผ่อนเถอะ เหนื่อยทั้งวันแล้ว” เนตรสิตางศุ์เสนอบ้างทุกคนพยักหน้าตกลง เพราะด้วยสภาพอิดโรยแบบนี้ ไม่มีใครเหลือเรี่ยวแรงพอจะทำสิ่งใดต่อนอกจากอาบน้ำและทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ทั้งหมดจึงแยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง ส่วนบ่าวสาวคู่ใหม่ก็ใช้โรงแรมเป็นห้องหอสำหรับคืนวิวาห์วุ่นคืนนี้

“นี่คุณ บ้านของคุณอยู่ตรงไหนนะ” รพีที่เพิ่งขับรถลงทางด่วนมาถึงย่านรามอินทราเอ่ยถามหญิงสาวแปลกหน้า แต่ไม่มีเสียงใดตอบกลับจึงหันไปมองคนข้างๆ “อ้าว หลับซะแล้ว”

รพีสะกิดเรียกสองครั้งก็ยังไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง เขาลองเขย่าตัวเธอแรงๆ อีกครั้ง

“คุณ!” รพีเหมือนจะพูดอยู่คนเดียว เขาเลยหดมือมาจับพวงมาลัยตามเดิมก่อนจะบ่นอุบ “หลับไม่รู้เรื่องแบบนี้ ขึ้นแท็กซี่ไปมีหวังโดนจับข่มขืนแน่ แล้วจะทำยังไงต่อไปเนี่ย” เขาใช้ความคิดพลางเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังหลับลึกแล้วส่ายหัวอย่างระอา จากนั้นจึงเหยียบคันเร่งขับรถพาหญิงสาวตรงไปยังที่หมายแห่งใหม่ทันที


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024