ใจแฝงรัก (ตองหนึ่ง)

ใจแฝงรัก (ตองหนึ่ง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715827
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 259.00 บาท 64.75 บาท
ประหยัด: 194.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

สียงคุยเหมือนทะเลาะของสองหนุ่มดังแว่วมาจากห้องรับแขก

ชั้นล่าง ไม่ได้ทำให้หญิงสาวที่กำลังเอาเป็นเอาตายกับกองเอกสารตรงหน้า

ละสายตาหรือรู้สึกรำคาญใจ ตรงกันข้ามเธอกลับมีความสุขกับเสียงที่แสน

คุ้นเคยนั้น เพราะคนหนึ่งคือพี่ชายร่วมสายเลือด อีกคนไม่ใช่สายเลือด

แต่ให้อย่างไรเธอก็ไม่สามารถยกให้เขาเป็นเพียงแค่พี่ชาย

ไม่มีใครรู้และเธอก็พอใจจะเก็บความรู้สึกลึกล้ำนี้ไว้เพียงลำพัง

“มุก” เสียงเรียกพร้อมทั้งเสียงเคาะประตูเบาๆ สองครั้งอย่างเกรงใจ

เรียกรอยยิ้มจากคนที่ไม่คิดจะขยับไปไหนให้ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

“เข้ามาก่อนสิคะพี่ปารย์”

ปรเมศวร์อมยิ้มมองดารินทร์อย่างเอ็นดู

“โตเป็นสาวแล้วนะ ชวนผู้ชายเข้าห้องนอนได้ยังไง พี่แค่จะมา

บอกว่างานน่ะไม่ต้องรีบ สักอาทิตย์หน้าก็ยังทัน เอ้า! พี่ให้”

“ให้มุกเหรอคะ” ดารินทร์รับกล่องของขวัญเล็กๆ ที่ชายหนุ่ม

ยื่นมาให้อย่างแปลกใจ

“อีกสามวันวันเกิดมุก พี่ให้ล่วงหน้า”

แววตาสดใสหม่นลงเพียงชั่ววูบจนอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตเห็น ปรเมศวร์

มองรอยยิ้มหวานที่ดารินทร์ส่งให้อย่างพอใจ หารู้ ไม่ว่าคนรับอยากขอให้

เขาอยู่ด้วยในวันเกิดของเธอมากกว่า ตลอดร่วมสิบปีที่รู้จักกัน ปรเมศวร์

มางานวันเกิดของเธอเกือบทุกปีถ้าไม่ติดธุระอะไร จนกระทั่งเขามีแฟน

และบังเอิญแฟนของเขาเกิดวันและเดือนเดียวกับเธอ ไม่แปลกที่เขาจะไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

งานวันเกิดของแฟนแทนมางานน้องสาวเพื่อน

“ขอบคุณมากค่ะ พี่ปารย์รอเดี๋ยวนะคะ” ดารินทร์หมุนตัวกลับ

เข้าห้อง ชายหนุ่มไม่ได้เดินล้ำเข้าไป แต่มองตามร่างกลมกลึงเดินไปหยิบ

บางอย่างบนโต๊ะเขียนหนังสือ

“มุกซื้อไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ฝากให้พี่แบมด้วยนะคะ ฝากบอก

ด้วยว่ามุกขอให้พี่แบมมีแต่ความสุข”

ปรเมศวร์ยิ้มให้ขณะรับกล่องของขวัญมาจากมือหญิงสาว

“พี่จะบอกแบมให้ ส่วนเรื่องงานอย่างที่พี่บอก ไม่ต้องรีบ พี่ไม่อยาก

ให้แม็คมันมาด่าพี่ว่าใช้งานมุกหนัก พี่ไปก่อนนะครับ”

ปรเมศวร์ขยับจะหันหลังจากไป ดารินทร์จึงรีบถามขึ้น “มุกไปส่ง

พี่ปารย์ที่รถได้ ไหมคะ”

ชายหนุ่มหันกลับไปยิ้มกว้าง “ได้สิ ฟรี ไม่เสียเงิน”

ดารินทร์หัวเราะเสียงใสเดินเคียงกันไปกับเขาที่บันได

นุภัทรออกแรงกดฝากระเป๋าเดินทางจนล็อกได้สำเร็จจึงหันไป

มองน้องสาวที่นั่งห้อยขาตาแดงก่ำอยู่ปลายเตียง เขาเดินไปทรุดนั่งข้างกาย

โอบแขนกอดรอบไหล่น้องเอาไว้หลวมๆ

“ใช้เวลาจัดการทุกอย่างไม่น่าเกินสองเดือนพี่จะมารับมุก”

“สองเดือนเลยเหรอคะ”

ดารินทร์พึมพำพยายามไม่ร้องไห้ เพราะกลัวอีกฝ่ายเห็น จึงเอียงหน้า

ซบศีรษะกับไหล่ของพี่ชาย แต่กระนั้นดนุภัทรก็รู้ว่าน้องพยายามเข้มแข็ง

จึงถอนหายใจอย่างตัดใจ แม้ดารินทร์จะอายุเต็มยี่สิบสามเมื่อไม่กี่วัน

ที่ผ่านมา แต่ด้วยวัยห่างกันถึงแปดปี แถมมีกันแค่สองคนพี่น้อง จึง

อดห่วงไม่ได้และเห็นน้องสาวเป็นเด็กอยู่เสมอ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ใช่การ

จากกันครั้งแรกก็ตาม เขาเคยต้องไปเรียนไกลถึงออสเตรเลียนานถึง

สองปี แต่ครั้งนั้นญาติทางฝ่ายพ่อรับอาสาดูแลดารินทร์แทนเขา ตลอด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สองปีที่เขาไปเรียน ดารินทร์ ไม่เคยปริปากบอกสักคำว่าตัวเองถูกใช้งาน

ไม่ต่างจากคนรับใช้ ตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่เคยเอาดารินทร์ ไปฝากใครอีก และ

ห่างจากญาติทางฝ่ายพ่อจนแทบจะไม่ได้เจอหน้าใครสักคนนอกจาก

มีเหตุจำเป็น

“พี่จะเป็นคนโทร.มาหามุกเอง ถ้าพี่ไม่ว่างโทร.มา มุกมีปัญหาอะไร

ก็บอกพี่ปารย์เขานะ พี่ฝากปารย์ ไว้แล้วให้คอยมาดูมุกบ้าง”

“มุกโตแล้ว พี่แม็คไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่แม็คไปอยู่ทางนั้นก็ดูแล

ตัวเองด้วยนะคะ อย่าลืมกินข้าวให้เป็นเวลา”

ดนุภัทรยิ้มบางๆ ยกมือลูบศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู “พี่สัญญา

จะดูแลตัวเอง แค่สองเดือน เดี๋ยวเดียว ถ้าทุกอย่างเสร็จเร็วไม่มีอุปสรรค

พี่อาจมารับมุกก่อนสองเดือนด้วยซ้ำ”

ดารินทร์พยักหน้า เมื่อเห็นสมควรแก่เวลาจึงผละออกจากไหล่

ของพี่ชาย “เครื่องออกบ่ายสาม นี่เที่ยงแล้ว เราไปกันเถอะค่ะ เผื่อรถติด

ไปรอดีกว่าพลาด เดี๋ยวพี่แม็คตกเครื่อง”

ดนุภัทรขยับลุกขึ้นไปหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ตลอดทางดารินทร์

ต้องฝืนร่าเริงไม่ให้ดนุภัทรจับได้ว่าเธอกำลังกังวลจนเข้าขั้นวิตกจริต

เธอไม่กล้าบอกพี่ชายว่าวันก่อนตอนเขาทำงานจนดึกทิ้งเธอไว้คนเดียว

มีขโมยพยายามปีนรั้วบ้านเข้ามา แต่โชคดีที่เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามเห็น

เสียก่อนจึงร้องโวยวายและโทร.แจ้งรปภ.ของหมู่บ้าน

วันรุ่งขึ้นลูกบ้านคนอื่นจึงร้องเรียนเรื่องความไม่เข้มงวดของรถ

เข้าออกหมู่บ้าน แม้ทางนิติฯ ของหมู่บ้านจะจัดเวรยามตรวจตราเป็นระยะ

ถี่ขึ้น แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี ระหว่างที่พี่ชายไม่อยู่นี้เธอคงต้องแก้ปัญหาเอง

บางทีเธออาจจะไปหาอพาร์ตเมนต์ที่มีความปลอดภัยแน่นหนาอยู่ชั่วคราว

ส่วนดนุภัทรกำลังคิดถึงสิ่งที่ต้องไปทำที่ออสเตรเลียด้วยความหวัง

เปี่ยมล้น มันเป็นโอกาส และเขาก็ฝันมานานอยากมีร้านอาหารไทยที่นั่น

โชคดีที่รุ่นพี่คนหนึ่งของเขาจะขายร้านต่อ แถมทำเลก็ดี และยังใจดี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้หลายอย่าง แต่ทุกสิ่งก็ไม่ได้ราบรื่น

รวดเร็วไปเสียหมด เพราะมีขั้นตอนมากมายที่ต้องใช้เวลาพอสมควร

ถ้าทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เขากับน้องสาวคงไม่ได้กลับมาเมืองไทยบ่อย

ทางนี้ไม่มีอะไรให้ห่วงหา ทั้งพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ

ไปร่วมแปดปีแล้ว ญาติฝ่ายแม่ก็ไม่มี เพราะแม่เป็นเด็กกำพร้า โตมาจาก

สถานรับเลี้ยง และทำงานที่นั่นจนเจอกับพ่อ ญาติทางฝ่ายพ่อก็ไม่ผูกพัน

อะไรกับเขาและน้องสาว เนื่องจากไม่มีใครยินดีรับแม่ของเขาเข้าไปร่วม

สกุล

ดนุภัทรลอบมองหน้าดารินทร์อย่างสงสาร พ่อของเขาเป็นลูกชาย

ของคนมียศและเกียรติในวงสังคมชั้นสูง แต่เมื่อพ่อขัดใจทางบ้านมา

แต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงธรรมดาไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างแม่ ทางบ้าน

ของพ่อจึงตัดขาดไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แม้วาระสุดท้ายของชีวิตคุณปู่

ท่านยอมรับเขากับน้องสาวเป็นหลาน แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อ

ทุกคนในวงศ์ตระกูลไม่ต้องการ เขาไม่เคยโกรธหรือน้อยใจในโชควาสนา

จะสงสารก็แต่ดารินทร์

หลังมรณกรรมของพ่อกับแม่ เขาดูแลน้องมาอย่างไม่ราบรื่นนัก

นอกจากเขากับดารินทร์จะต่างวัยแล้วยังต่างเพศ เขากับน้องใช้จ่ายและ

ส่งตัวเองเรียนจนจบจากเงินประกันชีวิตของพ่อกับแม่ รวมทั้งเงินออม

ก้อนไม่ใหญ่นักที่พ่อทิ้งไว้ ให้ ในบัญชี แต่เขาโชคดีที่ดารินทร์เป็นน้องดี

คำน้อยก็ไม่เคยตัดพ้อ ลำบากกันแค่ไหนก็ไม่เคยบ่น

จนกระทั่งเขาเรียนจบทำงานเป็นพ่อครัวในร้านอาหารไทยให้กับ

โรงแรมครอบครัวของเพื่อนรักคือปรเมศวร์ สถานะการเงินและความ

เป็นอยู่ของเขากับน้องดีขึ้นเรื่อยๆ จนมีเงินเก็บก้อนใหญ่พอจะลงทุน

ต่อยอด และพอมองเห็นอนาคตที่ดีของดารินทร์ เขาจึงไม่รีรอจะทำ

วันข้างหน้าคือสิ่งไม่แน่นอน เขาอยากให้น้องสาวมีปริญญาติดตัวไว้

เลี้ยงชีพ ดารินทร์ควรได้เรียนต่อสูงที่สุดอย่างน้อยก็จนถึงปริญญาโท

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เขาจะผลักดันและช่วยน้องทุกอย่างจนกว่าจะหมดห่วง ซึ่งฝันนั้นกำลัง

เป็นจริงในอีกไม่นานนี้แล้ว

ค็อกเทลแก้วใหญ่ถูกเลื่อนมาเบื้องหน้า หญิงสาวมองคนที่เลื่อน

มาให้นิดหนึ่งพลางไล้ปลายนิ้วเล่นบนขอบแก้ว นานเท่าไรแล้วไม่รู้ที่เธอ

ลักลอบมีความสุขปนทุกข์แบบนี้ บราลีหัวเราะเพราะนึกสมเพชตัวเอง

เสียงจึงฟังดูเฝื่อนและปร่า มือบางเขย่าแก้วจนน้ำแข็งกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง

ก่อนจะยกดื่มราวกับกระหาย

“เราคงต้องพบกันน้อยลงแล้วนะธันว์ เดือนหน้าแบมจะหมั้น

หลังจากนั้นจะไปช่วยพี่ปารย์ทำงานที่ออฟฟิศของเขา นั่นหมายถึงแบม

ต้องอยู่กับเขาทุกวัน อาจรวมทั้งวันหยุดด้วย”

ธันวาย่นหัวคิ้วแล้วมองทั่วหน้าของหญิงสาว “แน่ใจแล้วหรือแบม

ผมว่าคุณไม่เหมาะกับเขา”

บราลีเอียงศีรษะไปมองคนพูด เธอยักไหล่หนึ่งทีพร้อมทั้งเบ้ปาก

ใส่ชายหนุ่ม “มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดแบบนั้น ใครๆ ก็บอกว่าแบมกับ

พี่ปารย์เหมาะสมกันจะตาย ที่สำคัญ...แบมไม่มีทางเลือก”

“คุณไม่ได้รักเขาจะแต่งให้ทนทุกข์ ไปทำไม หรือคิดว่าแต่งได้

ก็หย่าได้ ทำแบบนี้เท่ากับทำลายชีวิตตัวเองเลยนะแบม” เขาไม่เห็นด้วย

กับการตัดสินใจครั้งนี้ของเธอ เพราะรู้สึก ‘หวงก้าง’ จนละทิ้งสิ่งที่

หญิงสาวบอกว่าไม่มีทางเลือก

“พี่ปารย์เป็นคนดี เขาจะทำให้แบมมีความสุขอย่างแท้จริงต่างหาก

อีกอย่างแบมแค่หมั้น ยังไม่ได้คิดแต่งหรอก แต่ก็นั่นแหละนะ จะหมั้น

จะแต่งคุณจะค้านจะสนใจทำไม คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำ เพราะคุณ

นั่นแหละที่ทำให้แบม...”

บราลียังเอ่ยไม่จบธันวาก็ดึงเธอเข้าไปกอดและจูบปิดปาก หญิงสาว

กอดและจูบตอบเขาด้วยความรักที่ท่วมท้น พอเขาถอนริมฝีปากก็เอ่ยถาม

 

 

 

 

 

 

“คุณรักผมหรือเปล่าแบม”

“กี่ปีแล้วที่แบมยอมเลวถึงขนาดนี้ ทรยศผู้ชายดีๆ แบบพี่ปารย์

ทรยศเพื่อนอย่างแพร คุณยังไม่รู้อีกเหรอธันว์ว่าแบมรักคุณหรือเปล่า

การหมั้นกับพี่ปารย์จะทำให้แพรเชื่อว่าเราสองคนไม่ได้เป็นแบบที่แพรคิด”

ธันวาจับบ่าทั้งสองของหญิงสาวออกห่างเพื่อดูหน้าเธอให้ชัด

“หมายความว่าคุณแค่หมั้นเพื่อตบตาแพรงั้นหรือ”

“แค่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น แบมรอมานานแล้วนะธันว์ ถ้าคุณไม่หย่า

กับแพรภายในปีนี้ แบมจะแต่งงานกับพี่ปารย์ และโปรดเชื่อเถอะถ้าวันนั้น

มาถึงเมื่อไร แบมตัดคุณขาดแน่ เพราะนั่นเท่ากับคุณไม่ได้รักแบม

เหมือนปากพูด”

กระแสเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความหนักแน่นเอาจริงจนธันวา

หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ชายหนุ่มดึงร่างบางเข้ามากอด ซุกซ่อนแววตา

หวั่นใจไว้กับกลุ่มผมหอมกรุ่น

“รอให้พ่อของแพรเซ็นอนุมัติโครงการใหม่ของผมก่อน ผมต้องใช้

เงินก้อนนี้คุณก็รู้ พอผมผ่านเรื่องแย่ๆ ไปได้เมื่อไร ผมจะหย่ากับแพร

ทันที”

บราลีพยักหน้าไม่คาดคั้นเอาสัญญา ไหนๆ ก็รอมานาน รออีก

หน่อยจะเป็นไรไป

ร่วมห้าปีแล้วตั้งแต่ธันวาแต่งงานกับแพรวา เขาและเธอลักลอบ

พบกันทั้งๆ ที่เธอต่างหากควรมีตำแหน่งภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง

ตามกฎหมาย เธอต้องยอมเป็นชู้ ยอมทนดูคนที่เธอรักกับเพื่อนรัก

ร่วมชีวิตคู่กัน เพราะรักเธอจึงรอและปล่อยเวลาให้ผ่านมานานจนตอนนี้

ความอดทนของเธอเกินจะทนอีกแล้ว...ถ้าธันวาไม่ทำตามที่รับปากไว้

เธอจะตัดใจจากเขาทันทีเหมือนกัน

ทุกครั้งที่เธอมองเขา สายตาของเขาจะมองใครอีกคนเสมอ ไม่ว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ครั้งไหนสายตาของเขาก็มีไว้มองคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน...

ดารินทร์ฝืนความรู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่งเป็นส่วนเกินฟังปรเมศวร์กับบราลี

คุยกัน ก่อนหน้านี้แค่ชั่วโมงเดียวหัวใจเธอโตราวกับลูกโป่งพองลม เธอ

เอางานที่ปรเมศวร์จ้างให้ทำไปส่งออฟฟิศ เขาเลยชวนเธอกินข้าวเย็น

ก่อนกลับบ้าน เมื่อมาถึงร้านอาหารเขาก็เอ่ยบอกง่ายๆ ว่า

เราสั่งอะไรมากินเล่นรอแบมก่อนดีกว่า

เหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลม เธอลืมสนิทจนไม่ถามถึงคนรักของเขา

ลืมไปได้อย่างไรว่าตัวเองไม่ได้มีความสำคัญขนาดที่เขาจะสละเวลามา

กินข้าวกับเธอสองต่อสอง

“จะไม่ดีใจกับพี่สองคนหน่อยเหรอมุก” เสียงสดใสเอ่ยถาม ปลุก

คนที่ตกอยู่ในภวังค์ให้กะพริบตาปริบ

“พี่แบมว่าอะไรนะคะ”

ทั้งปรเมศวร์และบราลีหัวเราะเบาๆ กับคำที่ดารินทร์ย้อนถาม

บราลีมองดารินทร์อย่างเอ็นดู ขณะที่ปรเมศวร์เอื้อมมือไปบีบจมูกของ

ดารินทร์อย่างมันเขี้ยว

“ใจลอยไปถึงออสเตรเลียใช่ไหม คิดถึงพี่แม็คละสิ”

ดารินทร์เบี่ยงหน้าเพื่อให้ปลายจมูกพ้นมือของปรเมศวร์ หญิงสาว

ยิ้มหวานให้คนทั้งคู่พร้อมทั้งรับสมอ้างกับคำกล่าวหาของชายหนุ่ม

“มุกขอโทษที่มัวแต่คิดเรื่องพี่แม็คเพลินไปหน่อย เมื่อกี้พี่แบม

ถามอะไรมุกเหรอคะ”

บราลีหันไปสบตากับปรเมศวร์ ก่อนจะหันกลับไปมองดารินทร์

แล้วอมยิ้มน้อยๆ ก่อนบอก “เดือนหน้าพี่กับพี่ปารย์จะหมั้นกันจ้ะ”

“มุกดีใจกับพี่ทั้งสองด้วยนะคะ พี่ปารย์จะบอกพี่แม็คเลยหรือเปล่า

คะ พี่แม็คต้องไม่พลาดงานนี้แน่”

ดารินทร์ยิ้มอย่างดีใจกับคนทั้งคู่ ไม่ได้เกินคาดคิดสำหรับเธอ

เพราะมันต้องมีวันนี้อยู่แล้ว และอีกไม่นานคนทั้งสองก็จะแต่งงานกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปรเมศวร์พยักหน้า “ช่วงนี้แม็คคงยุ่งหลายเรื่อง รอให้เขาว่างโทร.

มาพี่ค่อยบอกดีกว่า”

ดารินทร์ยังยิ้มเต็มหน้า เพียงครู่ก็ถอนหายใจเบาๆ แม้คนทั้งสอง

จะเห็น แต่คงคิดว่าเธอโล่งใจที่ชายหนุ่มไม่ลืมจะบอกพี่ชายของเธอถึง

งานสำคัญครั้งนี้ มีเพียงแค่ดารินทร์ที่รู้ว่าตนเองถอนหายใจทำไม

คงพอแค่นี้สำหรับการแอบรัก อีกไม่นานเมื่อปรเมศวร์แต่งงาน

กับบราลี เธอกับเขาก็จะยิ่งไกลกันออกไปเรื่อยๆ ต่อแต่นี้ไปคงต้อง

พยายามออกห่างเขาให้มากที่สุด ถึงบราลีจะเอ็นดูเธอไม่ต่างไปจาก

ปรเมศวร์ แต่คงไม่ยินดีให้เขามาคลุกคลีกับเธอเหมือนเดิมแน่

ปรเมศว์สั่งผลไม้มากินหลังอาหารแล้วเขากับบราลีก็คุยกันต่อ

เรื่องงานหมั้น ปล่อยให้ดารินทร์นั่งเป็นส่วนเกินอย่างอึดอัดต่อไป

กือบสองอาทิตย์เต็มดารินทร์กับปรเมศวร์ ไม่ได้เจอกันอีกเลย

หญิงสาวคิดว่าเขาคงยุ่งเรื่องงานหมั้นที่ใกล้เข้ามาทุกที เธอเองก็ไม่โทร.หา

เพราะต้องการห่างออกมา จึงใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการจมอยู่

กับเอกสารที่พี่คนหนึ่งในออฟฟิศของปรเมศวร์เอามาให้ทำ ความจริงเธอ

อยากหางานประจำทำมากกว่า แต่ดนุภัทรอยากให้เธอพักหลังเรียนจบ

ปริญญาตรี เขาต้องการให้เธอเรียนต่อปริญญาโท ซึ่งเธอไม่สามารถ

ปฏิเสธความหวังดีของพี่ชายได้ ปรเมศวร์คงเห็นว่าเธออาจเบื่อ จึงเมตตา

เอางานในบริษัทของเขามาจ้างเธอทำแก้เหงา ทั้งที่ความจริงแค่รับพนักงาน

เพิ่มสักคนก็คุ้มค่าและรวดเร็วกว่ามาก

บ่ายคล้อยจวนเย็น งานที่หญิงสาวทำก็เสร็จสิ้น ดารินทร์รวบรวม

กระดาษปริ๊นต์จากเครื่องจัดเรียงเข้าแฟ้ม เธอชั่งใจอยู่ไม่นานก็ตัดสินใจ

จะเอางานไปส่งบริษัท จัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่เรียบร้อยก็เดินตรวจดู

ประตูหน้าต่างทุกบาน และไม่ลืมเปิดไฟที่รั้วพร้อมทั้งเปิดไฟดวงเล็กทิ้งไว้

ชั้นล่าง หญิงสาวก้าวขาออกพ้นรั้วบ้านล็อกกุญแจประตูพลางมองรถยนต์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

กลางเก่ากลางใหม่ของพี่ชายอย่างเสียดายที่มันถูกจอดทิ้งไว้เฉยๆ

เนื่องจากเธอขับรถไม่เป็นและดนุภัทรก็ไม่คิดจะพาเธอไปหัดขับ เขามอง

เธอเป็นเด็กเสมอ กลัวได้รับอันตราย กลัวสารพัดจนเธอพลอยกลัว

ไปกับเขาด้วย

ดารินทร์ ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงเศษก็มาถึงบริษัทของปรเมศวร์

ออฟฟิศนี้เป็นอาคารทันสมัยที่ใช้ตึกแถวสามชั้นสองหลังเป็นสำนักงาน

รับออกแบบตกแต่ง ดูอบอุ่นและน่าทำงานด้วยดีไซน์ทันสมัย ชั้นล่าง

กว้างขวางสวยงามด้วยสีพาสเทล มีชุดรับแขกสองชุดและเคาน์เตอร์

ประชาสัมพันธ์หรูหรา ภายในเล่นระดับจนเป็นห้าชั้น ไม่ใช่สามชั้นแบบที่

เห็น แต่ละชั้นให้บรรยากาศแตกต่างกันไปอย่างน่าทึ่ง ที่สำคัญมันตั้งอยู่

ใจกลางเมือง แวดล้อมไปด้วยร้านค้าและตึกใหญ่โตมากมาย หนึ่งใน

ตึกสูงใหญ่ฝั่งตรงข้ามคือโรงแรมระดับห้าดาวของคุณประพจน์ซึ่งเป็น

บิดาของปรเมศวร์ เขามีพี่น้องสามคน ตัวเขาเป็นลูกชายคนเล็ก ทั้งบ้าน

จึงตามใจตามประสาลูกคนมีฐานะ

หลังเรียนจบสถาปัตย์ ปรเมศวร์ช่วยครอบครัวทำงานอยู่ไม่กี่ปี

ก็เลิกทำ พี่ชายคนโตกับพี่สาวคนรองจึงรับหน้าที่นั้นไป ส่วนเขาออกมา

เปิดบริษัทรับจ้างออกแบบตกแต่งนี้ทันทีและงานก็เข้ามามากทันที

เหมือนกัน จะว่าเพราะบารมีของครอบครัวมีส่วนช่วยก็คงใช่ งานหลักๆ

ของบริษัทจึงเป็นงานออกแบบตกแต่งรีสอร์ตและโรงแรมเป็นส่วนมาก

แต่ก่อนนานทีดารินทร์ถึงจะได้มีโอกาสมาที่นี่ แต่ระยะหลังได้มา

ส่งงานบ่อยจนคุ้นเคยกับสถานที่ดีและรู้เกือบทุกซอกมุมของบริษัท งาน

ที่เธอทำเป็นพวกเอกสารทางการเงิน ทำรายการสั่งซื้อสั่งจ่ายและรวบรวม

ตัวเลขกับเอกสารนำส่งภาษีรายเดือน หญิงสาวเดินเอางานไปวางในตะกร้า

หน้าห้องของฝ่ายบัญชีก่อนจะแวะไปห้องเขียนแบบอย่างคุ้นเคย วันนี้

ทั้งห้องมีคนทำงานเหลืออยู่เพียงหนึ่ง ทันทีที่เห็นดารินทร์ สาวมาดเท่

ก็ทิ้งงานตรงหน้า

 

 

 

 

 

 

“กินอะไรมาหรือยังมุก ไปกับพี่ไหม วันนี้พี่ต้องอยู่ดึก ว่าจะไปหา

อะไรกินเอาแรงก่อน” ‘อารยา’ สถาปนิกสาววัยต้นสามสิบประจำบริษัท

เอ่ยชวนดารินทร์อย่างสนิทสนม

“งานเร่งเหรอคะพี่เอ้”

“ต้องถามว่ามีวันไหนบ้างไม่เร่ง อย่าเพิ่งพูดเรื่องงานเลย พี่หิว

มุกรีบกลับหรือเปล่า ไปกินข้าวกับพี่ก่อนดีไหม”

“ไม่รีบกลับหรอกค่ะ มุกว่าง”

ดารินทร์ยิ้มให้ท่าทางอิดโรยแต่น้ำเสียงสดใสของอารยา อารยา

กระเด้งตัวลุกจากเก้าอี้เดินมาคล้องแขนพาดารินทร์ออกไปหาของกิน

ซึ่งมีร้านอาหารมากมายเปิดบริการและร้านสะดวกซื้ออีกมากเช่นกัน

บริเวณนี้จึงสว่างไสวคึกคักราวกับไม่มีกลางวันกลางคืน

“พี่ปารย์กินเหล้าเมาหัวราน้ำทุกวัน น่าสงสาร แต่สงสารเจ้านัท

มากกว่าที่ถูกหิ้วไปเมาด้วย พี่เลยต้องเหมางานแทนมัน ทำงานจนจำทาง

กลับบ้านไม่ถูกแล้วเนี่ย ถ้าพี่แม็คอยู่ช่วยปลอบพี่ปารย์คงดีกว่านี้เนอะ”

อารยาพูดขึ้นมาลอยๆ หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวหมดชาม

ดารินทร์รีบวางแก้วน้ำที่ดื่มลงอย่างตกใจ “พี่ปารย์เป็นอะไรคะ

เมาเรื่องอะไร ทำไมมุกไม่รู้เรื่องเลย”

อารยาดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดปากหนึ่งทีก่อนตอบ “พี่คิดว่ามุก

รู้แล้วเสียอีก แต่พี่ก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าพี่ปารย์กับพี่แบมทะเลาะ

กัน เขาเมาท์ต่อๆ กันมาน่ะ น่าจะรุนแรงถึงกินเหล้าทุกวันแบบนี้ไม่รู้

จะเลิกกันหรือเปล่า”

ดารินทร์ยิ่งตกใจกว่าเดิม จะเป็นไปได้อย่างไร ก็สองอาทิตย์ที่แล้ว

ทั้งคู่ยังดูมีความสุขดีจะตาย แล้วเรื่องหมั้นที่ใกล้เข้ามาอีก ความที่ห่วง

ปรเมศวร์จึงทำให้หญิงสาวปัดทุกเรื่องทิ้งแล้วรีบละล่ำละลักถาม

“ตอนนี้พี่ปารย์อยู่ที่ไหนคะ”

“ยังหัวค่ำแบบนี้ไม่น่าอยู่ผับ น่าจะที่คอนโดฯ ของพี่ปารย์นั่นแหละ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดารินทร์ส่ายหน้าเบาๆ กับตัวเอง เธอไม่เคยไปและไม่รู้ว่าคอนโดฯ

ของปรเมศวร์อยู่ที่ไหน เธอเคยรู้จากดนุภัทรว่าเขากับครอบครัวใช้

ชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นที่พักสำรองเวลาไม่กลับไปนอนที่บ้าน เพิ่งรู้วันนี้

เองว่าเขามีคอนโดฯ ด้วย หญิงสาวรีบหยิบมือถือออกจากกระเป๋าสะพาย

โทร.หาปรเมศวร์หลายครั้ง สัญญาณว่างแต่เขาไม่รับ หรือเขาจะตั้งค่า

ปิดเสียง

ท่าทางกลัดกลุ้มจนรุ่มร้อนของดารินทร์ทำให้อารยาหยิบมือถือ

ของตนเองมาโทร.บ้าง หญิงสาวพูดบางอย่างกับปลายสายไม่กี่คำก็ยื่น

มือถือไปให้ดารินทร์

“มุกคุยกับนัทแล้วกัน มันอยู่กับพี่ปารย์”

ดารินทร์รีบรับมือถือมาแนบหู หญิงสาวถามไปหลายคำอย่าง

ร้อนใจ ส่วนมือก็ล้วงหาปากกาในกระเป๋า อารยาคงเดาออกจึงดึงปากกา

ที่กระเป๋าเสื้อส่งให้ ดารินทร์รับมาจดที่อยู่ของปรเมศวร์และเบอร์มือถือ

ของนัทลงบนกระดาษทิชชูอย่างเบามือ หญิงสาวตอบกลับปลายสาย

เพียงไม่กี่คำก็กดปิดสัญญาณแล้วยื่นมือถือคืนอารยา

“มุกไปก่อนนะคะพี่เอ้”

อารยารีบโบกมือเมื่อเห็นดารินทร์ล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าสะพาย

“พี่เลี้ยงเอง มุกรีบไปดูพี่ปารย์เถอะ สงสารนัท เสียงอิดโรยเชียว

ไม่รู้ ได้หลับได้นอนบ้างหรือเปล่า”

“งั้นมุกไปก่อนนะคะ ขอบคุณพี่เอ้มากค่ะ” ดารินทร์ยกมือไหว้

ขอบคุณเสร็จก็หันหลังเดินไปยังถนนใหญ่เพื่อเรียกแท็กซี่

ะยะทางจากบริษัทไปยังคอนโดฯ ของปรเมศวร์ ไม่ไกลนัก แม้

รถจะติดพอสมควร แต่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ดารินทร์ลงจาก

แท็กซี่รีบเดินเข้าไปที่ประตูของคอนโดฯ ขณะมือก็ โทร.หานัทไปด้วย

นัทไม่ได้ลงมารับดารินทร์ แต่เขาโทร.บอกประชาสัมพันธ์อนุญาตให้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดารินทร์ขึ้นไปหาบนห้องได้

ห้องพักของปรเมศวร์อยู่ชั้นสิบสี่ ดารินทร์ยืนเม้มปากมองตัวเลข

เพียงอึดใจลิฟต์ก็หยุดลง คอนโดฯ นี้ค่อนข้างหรูหรา และเธอเดาว่า

แต่ละห้องคงใหญ่โต เพราะทั้งชั้นจากสายตาที่นับคร่าวๆ มีห้องไม่เยอะ

หญิงสาวมองตัวเลขห้องพักที่ขาพารีบเร่งมาหยุดแล้วกดกริ่งหน้าประตู

รัวๆ สามครั้ง คนมาเปิดประตูคือนัท

“สวัสดีค่ะพี่นัท”

ชายหนุ่มผมยุ่งหน้าเหมือนไม่ได้หลับไม่ได้นอนรับไหว้พร้อมทั้ง

ส่งยิ้มให้ดารินทร์ หญิงสาวก้าวเข้าไปกวาดตามองทั่วห้อง ห้องชุดขนาดใหญ่

การตกแต่งบอกตัวตนของเจ้าของได้เป็นอย่างดี โคมไฟคลาสสิกให้แสง

อุ่นละมุนเข้ากับสีโทนคาราเมลของห้อง ทุกอย่างเป็นระเบียบเน้นประโยชน์

ใช้สอย แต่ไม่ละเลยความสวยงาม หญิงสาวมองเลยโต๊ะรับแขกที่เต็ม

ไปด้วยขวดเหล้ากับกระป๋องเบียร์ ไปยังผ้าม่านกรองแสงเนื้อบางยาว

จรดพื้น

นัทเห็นแบบนั้นก็บอกดารินทร์ด้วยเสียงกระซิบ

“พี่ปารย์ออกไปยืนที่ระเบียงนานแล้ว ไม่ยอมเข้ามาสักที”

ดารินทร์มองสบตานัทอย่างลังเล แม้จะห่วงปรเมศวร์ แต่เธอก็

ออกจะเกรงๆ เขาด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าปรเมศวร์กำลังอยู่ในอารมณ์ ไหน

นัทคงเข้าใจที่หญิงสาวคิด จึงยกมือแตะข้อศอกของเธอพร้อมทั้ง

พูดเบาๆ ให้กำลังใจ

“ไปเถอะ เผื่อพี่ปารย์เจอมุกอาจรู้สึกดีขึ้น เขาไม่พูดระบายอะไร

กับพี่สักคำนอกจากชวนกินเหล้า”

ท่าทางเหนื่อยใจของนัททำให้ดารินทร์พยักหน้ารับ “พี่นัทเลย

พลอยอดหลับอดนอนไปด้วย รอเดี๋ยวนะคะ มุกจะลองขอพี่ปารย์ว่า

วันนี้อย่ากินเหล้าเลย”

“ดีๆ เผื่อวันนี้พี่อาจได้กลับบ้าน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดารินทร์ยิ้มจืดเจื่อนส่งให้นัท หญิงสาวสูดลมหายใจแล้วผ่อน

ออกช้าๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังประตูกระจกแล้วเดินออกไปหาคนที่

ยืนกอดอกนิ่งอยู่เกือบสุดแนวระเบียงกว้าง จนใกล้ตัวปรเมศวร์จึง

เบนหน้าหันมามอง

ผิวนวลมีเงาตรงขอบตาเมื่อเขาหรี่ตามองเธออย่างแปลกใจ

“มาได้ยังไง...นัทโทร.บอกใช่ไหม”

ดารินทร์หน้าเสีย คนถามหันกลับไปมองความมืดเบื้องหน้าเช่นเดิม

หญิงสาวจึงมองเขาทั่วตัว เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มค่อนข้างยับ ท่าทางเขา

อิดโรยไม่ต่างจากนัท

“พี่ปารย์เมาทุกคืนเลยเหรอคะ”

“ไม่ทุกคืนหรอก บางครั้งพี่ก็เมาตอนกลางวัน” ชายหนุ่มบอก

ด้วยเสียงเรื่อยเฉื่อยติดอารมณ์ขัน แต่คนฟังหาได้ขำกับคำที่ได้ยิน

“โธ่พี่ปารย์! นี่มันเรื่องอะไรกันคะ มุกช่วยอะไรพี่ปารย์ ได้บ้างไหม

มุกอยากช่วยพี่ปารย์”

ริมฝีปากปรเมศวร์เม้มแล้วคลายออกนิดหนึ่งพร้อมถอนหายใจ

เบาๆ เขาหันไปยิ้มให้หญิงสาวอย่างชืดชา ดวงตาไม่สว่างสดใสเหมือนเคย

เพียงอึดใจใบหน้าเศร้าก็แปรเป็นยิ้มน้อยๆ แต่ทว่าแววตายังคงหม่นแสง

“มุกจะช่วยอะไรพี่ล่ะ ถ้าจะช่วยก็ช่วยพาตัวเองกลับบ้านไปเถอะ

พี่ยังไม่พร้อมจะคุยกับมุกหรือใครตอนนี้”

บอกเสร็จเขาก็หันกลับไปทิศทางเดิม ดารินทร์กัดปากตัวเอง

อย่างลังเล แม้จะรู้จักปรเมศวร์พอสมควร แต่ก็แค่ฐานะน้องคนหนึ่ง

ซึ่งไม่สำคัญมากพอที่เขาจะเล่าอะไรให้ฟัง เธอไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัว

ของเขา ไม่รู้แม้แต่นิสัยที่แท้จริงด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่

ด้านที่เขาให้เธอเห็นมีแต่สิ่งดี เป็นพี่ชายที่อาทรและเอ็นดูเธอไม่ต่างไป

จากดนุภัทร เธอจึงไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ ได้แค่หมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านใน

นัทขยับตัวนั่งตรงเมื่อดารินทร์เดินกลับเข้ามา คงเพราะห้องรับแขก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าขวดเบียร์กับท่าทางอิดโรยของนัท หญิงสาวจึง

ตัดสินใจพูดปดกับเพื่อนรุ่นพี่

“วันนี้พี่ปารย์ ไม่กินเหล้าค่ะ พี่ปารย์บอกให้พี่นัทกลับบ้านแล้ว

ให้มุกช่วยเก็บกวาดทั้งหมดนี่ก่อน เดี๋ยวพี่ปารย์จะไปส่งมุกที่บ้านเองค่ะ”

นัทเบิกตาโพลง เขารีบลุกขึ้นยืน ท่าทางดีใจจนดารินทร์ต้อง

ฝืนยิ้มร่าเริงไปกับเขาด้วย

“สุดยอดมาก! มุกพูดยังไงเนี่ยพี่ปารย์ถึงยอม แต่ช่างเถอะ พี่รีบ

ไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่ปารย์เปลี่ยนใจ”

ดารินทร์ยกมือไหว้ลาชายหนุ่มพร้อมทั้งเดินไปส่งเขาที่ประตู พอ

นัทพ้นหน้าห้องออกไป หญิงสาวก็ปิดประตูพลางถอนหายใจยาว หันตัว

เดินกลับไปจัดการเก็บกวาดห้องรับแขกตามที่บอกนัทไว้

นช่วงเวลาที่ปรเมศวร์เป็นทุกข์ก็ยังมีอีกคนที่ทุกข์ ไม่แพ้เขา...

กาน้ำชากระเบื้องเคลือบสีขาวลอยละลิ่วกระทบฝาผนัง แรงอัดฉีกผิว

กระเบื้องออกเป็นชิ้น สาดชาจีนร้อนกรุ่นเข้าที่พรมแขวนรูปมังกร ควัน

ระอุร้อนพวยพุ่งขึ้นสู่แสงไฟกลางห้องที่สาดส่อง เหมือนแรงโทสะของ

บราลีตอนนี้ที่พุ่งขึ้นสูงโดยไม่มีทีท่าจะลดลง

หญิงสาวหยิบกล้องวิดีโอเจ้าปัญหามาถือหลังจากดูภาพในนั้น

ไปอีกหนึ่งรอบ มันเป็นภาพภายในห้องชุดคอนโดฯ ของธันวา ภาพที่

ปรากฏชัดเจนไม่ต้องถามว่าใครเป็นใครและเกิดอะไรขึ้น

แพรส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดและใช้ ให้แอบซ่อนกล้องในห้อง

เพื่อจับผิดผม

ธันวาบอกเธอแบบนั้น นั่นก็หมายถึงแพรวาไม่ได้แค่ระแวง แต่

อาจรู้ชัดว่าธันวากับเธอลักลอบเป็นชู้กัน ความจริงแพรวาคอยจับผิดเธอ

กับธันวามานานแล้ว ระยะหลังมานี้เธอก็ไม่ได้อยากจะปกปิดสักเท่าไร

ตรงกันข้ามอยากเปิดตัวด้วยซ้ำ แต่ติดที่ธันวาต้องการบางอย่างก่อน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

การหย่า ครั้งนี้จึงถือเป็นโชคดีที่ธันวาเห็นเสียก่อนตอนแม่บ้านหยิบกล้อง

จะเอาไปให้แพรวา ธันวาจึงยึดกล้องไว้และขู่แม่บ้านให้ โกหกแพรวา

อย่างไรก็ได้ว่าทำกล้องหาย เขาสัญญาจะไม่ให้แพรวาไล่แม่บ้านออก

แต่ถ้าขัดคำสั่งของเขา นอกจากจะโดนไล่ออก เขาจะแจ้งความจับข้อหา

ละเมิดสิทธิ์ของเขาด้วย

บราลีเม้มปากแน่น เธอคงไม่กลุ้มแบบนี้ถ้าไม่มีปรเมศวร์มาร่วม

รับรู้ด้วยอีกคน ตอนปรเมศวร์ โทร.บอกจะมารับออกไปกินข้าว เธอ

มัวแต่รีบจนลืมเอากล้องเก็บให้เรียบร้อย ระหว่างรอปรเมศวร์จึงเปิดดู

ฆ่าเวลา...และเขาก็ได้ฆ่าเวลาทั้งหมดที่เคยมีร่วมกับเธอไปด้วย


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024