เสน่ห์ร้าย (วาระวารี)

เสน่ห์ร้าย (วาระวารี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715285
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 257.00 บาท 64.25 บาท
ประหยัด: 192.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

สียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของมารดาดังลอดประตูห้องนอน

ทำให้เด็กหญิงวัยสิบสองขวบนิ่วหน้า ร่างขาวเล็กที่ยังไม่มีทรวดทรง

ชัดเจนยืนตัวแข็งทื่อในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีฟ้าสดใส เตรียมพร้อมที่จะ

ลงไปร่วมงานแซยิดของคุณปู่รอเพียงมารดาจะลงไปพร้อมตัวเองเท่านั้น

เสียงตวาดของบิดาดังกึกก้องเป็นพัก ๆ คละไปกับเสียง

ร้องไห้น่าเวทนาของมารดา ทำให้สาวน้อยเม้มริมฝีปากสีชมพูแน่น

ในที่สุดประตูห้องนอนก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ของชายวัยสี่สิบ

ต้นๆ ก้าวออกมาเป็นคนแรก ร่างในชุดสูทเต็มยศชะงักทันทีที่เห็น

ลูกสาวคนโตยืนนิ่งกุมชายกระโปรงแน่นอยู่หน้าห้องใบหน้าเครียดขรึม

รีบคลายออก เสียงตวาดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเสียงนุ่มนวล

“แม่กำลังปวดหัวมาก รินลงไปกับพ่อก่อนได้ไหม”

ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมองผู้เป็นบิดา ก่อนส่ายหัวแรงๆ

“นางไม่ยอมแต่งตัวค่ะ หนูจะให้แม่ไปช่วย”

“พ่อไปแทนแล้วกัน”

“ไม่ได้ค่ะ!” เด็กหญิงส่ายหัวแรงขึ้น “นางกำลัง...”

คนเป็นพ่อเข้าใจอาการอึกอักของลูกสาวคนโตได้ทันที เขา

กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ การทะเลาะกับภรรยาอาจเป็นสิ่งที่เขาทนได้ แต่

อาการหมางเมินของลูกบาดใจเขาอย่างรุนแรง

นัทที...ลูกชายคนโตชกหน้าเขาไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะทำตัว

ห่างเหิน

ลูกสาวคนโตอย่างนารินไม่เคยบ่นว่า หากนัยน์ตาฉายแวว

น้อยใจอยู่ตลอดเวลา

ลูกคนเล็กที่เคยติดเขามากอย่างนารา ถึงกับไม่ยอมพูด ไม่ยอม

เข้าใกล้พ่อ

ถ้าเป็นไปได้ นพพรก็ไม่อยากให้เรื่องราวเป็นอย่างนี้ เขา

ไม่เคยนึกอยากมีบ้านที่สอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือความผิดพลาด

มารตีเคยเป็นผู้หญิงที่เขารักยิ่งกว่าชีวิต แต่เมื่อมีเหตุให้ต้อง

แยกทางกันไป ต่างฝ่ายก็ต่างแต่งงานไปมีลูกของตัวเอง เขาแต่งงานกับ

รสริน มีลูกกันสามคน ชีวิตครอบครัวสงบสุขดีมาตลอด มารตีแต่งงาน

กับเศรษฐีใหญ่ มีลูกด้วยกันหนึ่งคน หลังจากสามีของหล่อนเสียไปด้วย

อุบัติเหตุ ความบังเอิญทางธุรกิจทำให้นพพรได้พบมารตีอีกครั้ง ความ

ใกล้ชิดทำให้เขากับหล่อนเผลอใจไปกับความรักความหลัง จนมีลูกด้วย

กันหนึ่งคน

มารตีรีบถอยห่างทันทีที่รู้ว่าตนตั้งครรภ์ เพราะไม่อยากให้

ครอบครัวเขาแตกแยก หล่อนยินดีจะดูแลลูกตามลำพัง แต่นพพรไม่

สามารถปฏิเสธลูกนอกสมรสคนนี้ได้ เพราะอย่างไรลูกก็คือลูก

แต่ถ้าจะให้หย่าขาดกับรสริน เขาก็ไม่ยอมหัวเด็ดตีนขาด

เหมือนกัน ชีวิตครอบครัวที่มีอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่เขาหวงแหนมาก และ

รู้แก่ใจว่าไม่มีทางทนเห็นรสรินไปมีคนใหม่ได้แน่ๆ

ดังนั้นต่อให้โดนภรรยาและลูกประณามสักแค่ไหน นพพรก็

ยอมทน

โชคดีที่ฐานะของรสรินเป็นรองเขาอยู่ไม่น้อย เพราะพ่อแม่

ของหล่อนทำงานรับใช้พ่อแม่เขามานาน ภรรยาของเขาจึงได้แต่ร้องไห้

ไม่กล้ายื่นคำขาดเรื่องการหย่าร้าง หลังจากที่ถูกเขาปฏิเสธไปหลายครั้ง

งท้ายนารินก็ต้องลงไปร่วมงานแซยิดตามลำพัง เพราะ

พี่ชายวัยสิบห้าไปไหว้ปู่พอเป็นพิธีตั้งแต่เช้า แล้วหนีไปทำกิจกรรมที่

โรงเรียน ในขณะที่น้องสาววัยสิบขวบนอนร้องไห้อยู่บนเตียง โดยมี

มารดาที่ทราบเรื่องเข้าไปปลอบก่อนจะหลับไปด้วยกัน

ท่ามกลางผู้ใหญ่นับร้อย นารินสะดุดตาหนุ่มน้อยคนหนึ่ง

ซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน เขาสูงน้อยกว่า แต่ขาวกว่าหล่อน

หลายเท่า ใบหน้าคมคายน่ารัก ริมฝีปากสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโต

ดำขลับ ล้อมกรอบด้วยขนตายาวเฟื้อยอย่างที่เพื่อน ๆ ของหล่อนเห็น

แล้วคงกรี๊ดกร๊าดน่าดู เขาจูง ‘หลักฐานชิ้นสำคัญ’ ที่มีอายุแค่สี่ขวบ

เอาไว้หลวมๆ พาเดินเลาะไปตามโต๊ะอาหาร

นารินเดินตามโดยไม่มีวัตถุประสงค์ รู้แค่ว่าจะเดินตามศัตรู

เท่านั้น

สักพักเด็กชายคงรู้ตัวจึงหันกลับมามอง

สายตาที่มองมาอย่างสนใจของเขาทำให้นารินเริ่มโมโห คน

อะไร! ทำไมหน้าด้านอย่างนี้ ยังกล้ามางานบ้านคนอื่นอีก

เด็กชายส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ ก่อนก้มหน้าลงคุยกับร่างเล็กที่ถูก

จูงมืออยู่ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาหล่อนอีกครั้ง

เด็กน้อยวัยสี่ขวบโค้งตัวจนเกือบคะมำมาด้านหน้า ยกมือ

ป้อมๆ ขึ้นจรดปลายจมูก พูดเสียงไม่ชัดว่า

“ปี้สาว...”

คำดุเดือดถูกขับขึ้นมาเต็มลำคอ นารินอยากกรีดร้องดังๆ ว่า

ฉันไม่มีน้องชาย ไม่เคยมีและไม่อยากมีด้วย ดีแต่ระงับไว้ทัน เพราะ

ไม่อยากให้งานเลี้ยงของปู่วุ่นวาย

เด็กหญิงรีบหันหลังให้ แล้วเดินหนี แต่ยังไม่ทันจะก้าวเดิน

แขนก็ถูกดึงไว้

นารินหันขวับจนหน้าเกือบปะทะกับใบหน้าขาวสวยของ

เด็กชายวัยเดียวกัน

“พายุอยากเจอเธอมานานแล้ว” เสียงของเขาไม่แตกหนุ่ม

หากคำพูดต่อมาซึ่งแทบจะเป็นเสียงกระซิบ บ่งบอกว่าเขามีความคิด

เป็นผู้ใหญ่เกินตัว “พายุเป็นน้องของเธอนะ เขาไม่มีความผิด”

นารินอยากกรี๊ดใส่หน้าอีกฝ่าย หล่อนจ้องหน้าขาวเขม็ง

ก่อนหน้านี้อาจจะแค่ขวางหูขวางตา แต่ตอนนี้หล่อนเกลียดเขาจับใจ

นายลูกติดเมียน้อยมีหน้าอะไรมาสั่งสอนหล่อน! เกลียดหมดเลย...

ทั้งแม่ทั้งลูก

เด็กหญิงออกแรงผลักเด็กชายเต็มแรง

“อย่ามาจับตัวฉันนะ ขยะแขยง พวกหน้าด้าน! สกปรก!”

เด็กชายหน้าขรึมลงชัดเจน ทำให้นารินอดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาเอง

ก็เหมือนจะไม่สบายใจนัก

“เธอเกลียดฉันกับแม่ได้ แต่อย่าเกลียดพายุเลย”

“ได้! ฉันเกลียดนาย เกลียดที่สุด”

ว่าแล้วนารินก็วิ่งหนีไป ทิ้งให้เด็กชายปลอบน้องชายตัวน้อย

ซึ่งกำลังตกใจเสียงดังลั่นของพี่สาว เขาก้มตัวลูบหัวเด็กชายเบาๆ ก่อน

เงยหน้ามองร่างเล็กที่ลับหายไป

ามปีผ่านไป...

“โอ๊ย! รินช่วยฉันด้วย! หัวใจจะหยุดเต้นแล้ว คนอะไร ทำไม

หล่อได้ขนาดนี้”

คนพูดเป็นเด็กสาวร่างเล็ก ผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวเลยไหล่ แต่

ผูกไว้เรียบร้อยด้วยริบบิ้นสีน้ำเงิน เข้ากับชุดนักเรียน เสื้อขาวกระโปรง

สีน้ำเงินสด

ริน...หรือนาริน ซึ่งอยู่ในชุดนักเรียนเช่นกันเหลือกตาขึ้นมอง

ท้องฟ้าอย่างระอาใจ

“ก็ให้มันหยุดเต้นไปสิ”

“รินน่ะ” พนิดาค้อนควัก “ขืนทำตามรินว่า คงมีคนหัวใจวาย

ไปสักครึ่งหอประชุม ไม่เห็นสาวๆ เขากรี๊ดตานั่นกันบ้างหรือไง”

สาวน้อยทั้งสองยืนรวมอยู่กับเพื่อนนักเรียนชั้น ม.4 ใน

หอประชุม ส่วน ‘ตานั่น’ ของพนิดากำลังเล่นเกมอยู่บนเวทีงานรับน้อง

ถ้าเพียงแต่ ‘ตานั่น’ จะไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ชื่อภวัต...ลูกติดของผู้หญิง

คนนั้น นารินคง ‘กรี๊ด’ เขาไม่ต่างจากคนอื่น

“ริน...”

อาการนิ่งเงียบของเพื่อนรักทำให้พนิดาถอนใจเบาๆ

“ไม่เอาน่า ดาก็กรี๊ดกร๊าดไปอย่างนั้นเองละ ดาไม่ทรยศริน

หรอก” เสียงต่อมาพึมพำเบาๆ “ต่อให้ภวัตใจดี๊ใจดีขนาดไหนก็เถอะ”

นารินไม่วายได้ยินประโยคหลัง เลยเสียงเขียวอย่างเง้างอน

“ดา!”

“โอ๋ๆ...ไม่เอาน่า รินสำคัญกว่าอยู่แล้ว” พนิดาปลอบ “ไป

เข้าแถวเตรียมรับด้ายบายศรีกันเถอะ”

พนิดาเป็นเพื่อนรักที่สุดของนารินตั้งแต่มัธยมต้น พนิดารู้

เรื่องนารินตลอด รู้แม้กระทั่งเรื่องที่เด็กสาวเกลียดพวัต...หนุ่มสุดฮ็อต

ของโรงเรียนชนิดที่หน้าก็แทบไม่อยากมอง

แต่ถึงจะสนิทกันอย่างไร พนิดาก็อดเข้าข้างภวัตเป็นบางเรื่อง

ไม่ได้ เพราะหล่อนรู้ดีว่าหนุ่มหล่อคนนั้นใส่ใจเรื่องของนารินมากแค่ไหน

บางครั้งเขาถึงกับมาแอบสอบถามหล่อน และแอบจัดการปัญหาของ

นารินให้เงียบๆ โดยไม่กระโตกกระตากให้เจ้าตัวได้รู้ และไม่เคยบอก

เหตุผล

ดังนั้นขอพนิดากรี๊ดเขาตามพวกสาวๆ สักนิดเถอะนะ

ว่าพิธีบายศรีจะจบก็เกือบสี่ทุ่ม นารินรอจนคนอื่น ๆ ใช้

ห้องน้ำเกือบหมดแล้วจึงคว้าข้าวของและเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่อีกฟาก

ของตึก

ทั้งที่มีคนเดินตามระเบียงน้อย นารินยังไม่วายโชคร้าย ถูก

เพื่อนรุ่นเดียวกันวิ่งมาชนเข้า จนข้าวของกระจัดกระจาย แถมยังมี

บางส่วนที่ปลิวหล่นจากชั้นสี่ลงไปเบื้องล่าง เด็กสาวจึงต้องวางของไว้

ที่พื้น แล้ววิ่งลงไปตามหาแชมพู และสบู่เหลวที่ร่วงลงมา

โชคดีที่ของหล่นไม่ไกลนัก แต่ครั้นจะกลับไปชั้นสี่ นารินก็

ได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงเบาๆ

เด็กสาวขนลุกซู่ ไม่หรอกน่า ตึกโรงเรียนออกจะใหม่ จะมีผี

ได้อย่างไร

“โอ๊ะ!”

นารินตัวแข็งทื่อ เมื่อความคิดต่อไปผุดขึ้นมา

หรือใครจะถูกทำร้าย...แย่แล้ว หล่อนจะทำอะไรได้ล่ะ สู้ใคร

เป็นที่ไหน รู้อย่างนี้ตามนาราไปเรียนเทควันโดด้วยก็ดีหรอก

เดิมทีนารา น้องสาวคนเดียวของนารินเป็นเด็กอ่อนหวาน แต่

เมื่อเกิดเหตุการณ์แตกแยกในบ้าน น้องสาวของหล่อนก็งอนและโกรธ

พ่อมาก ถึงแม้ว่าตอนหลังจะคืนดีกันได้ แต่ก็ทำให้นารารู้สึกไม่ชอบ

เพศตรงข้ามเท่าไรนัก ทำให้น้องสาวหล่อนตัดสินใจเรียนการต่อสู้ด้วย

เหตุผลที่ว่า

ใครเข้ามายุ่มย่ามนะ นางจะเตะให้คว่ำเลย

วันนั้นนารินก็ได้แต่เออออ แต่...รู้อย่างนี้หล่อนน่าจะเรียน

กับน้องด้วย

ตามคน...ต้องไปตามคน...

รีบคิด แต่พอจะขยับขา อีกเสียงในหัวก็ค้านขึ้นว่า แล้วถ้าเกิด

ไม่จริงล่ะ ไม่หน้าแตกหรือ

ลงท้ายนารินเลยเคลื่อนตัวเงียบๆ ไปยังซอกตึกที่เป็นที่มา

ของเสียง ภาพที่เห็นทำให้เด็กสาวอ้าปากค้าง เกือบจะกรีดร้องออกมา

ดีที่ปิดปากไว้ทัน

ร่างสองร่างกำลังคลอเคลียกันแนบชิด

นารินตัวแข็งทื่อ ทั้งที่สั่งตัวเองให้รีบวิ่งหนี แต่กลับขยับไม่ได้

ในที่สุดใบหน้าสวยหวานของฝ่ายหญิงสาวก็เงยขึ้น นัยน์ตา

สีน้ำตาลเข้มปรือปรอย

นารินเบิกตาโพลง ขนาดคนความจำแย่สุดๆ อย่างหล่อนก็

ยังจำผู้หญิงคนนี้ได้ เพราะรุ่นพี่ ม.6 คนนี้เป็นคนที่สวยเปรี้ยวที่สุดใน

กลุ่มรุ่นพี่สวยขนาดที่รุ่นน้องจ้องกันไม่วางตา พนิดายังชี้ชวนให้หล่อน

ดูเลย

นารินพยายามก้าวขาหนีอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียงใดๆ

ขึ้น ทั้งที่หน้าร้อนผ่าวจนตาพร่า

“อีกครั้งไหมจ๊ะ วัต” เสียงหวานแผ่วพลิ้ว

วัต นารินตัวชา ชื่อนี้ซ้ำกันตั้งเยอะ จะไปคิดถึงภวัตทำไม!

เด็กสาวหันไปมองเต็มตาอย่างลืมตัว

ราวกับโชคชะตาเล่นตลก คนที่หล่อนไม่ต้องการจะเห็น

บังเอิญเงยหน้าขึ้นมาพอดี ตาสบกับนัยน์ตาคู่สวยที่ล้อมกรอบด้วย

ขนตายาวเฟื้อยอย่างเต็มที่

เขาเห็นหล่อนแล้ว...

เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง มือใหญ่ยังวางอยู่บนแผ่นหลังของ

สาวรุ่นพี่ ทั้งที่ตาจับจ้องไปยังใบหน้าที่ตกใจสุดขีดของสาวน้อยที่รู้จัก

มานานหลายปี

บ้าชะมัด...นารินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ภวัตฝืนขยับร่างออกห่างสาว แต่ครั้นจะตรงไปหานาริน วงแขน

เรียวก็ดึงรั้งไว้ และเรียกหาราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อน

“วัต...”

นารินวิ่งหนีไปแล้ว...

เด็กหนุ่มหลับตาลงระงับอารมณ์เศร้าๆ ที่วูบขึ้นมาในอก

แค่นี้หล่อนก็เกลียดเขาจะตายอยู่แล้ว ยิ่งมาเห็นอย่างนี้

อีก...

สริตายิ้มหยาดเยิ้ม ภวัตฝืนยิ้มตอบ

“ผมคงต้องกลับห้องพักแล้วครับ เดี๋ยวจะมีคนสงสัย”

รุ่นพี่สาวซบหน้าลงกับไหล่เขาด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู “แค่

หอมเอง จะหวงตัวทำไมจ๊ะ”

ภวัตยิ้มแปร่ง ๆ รุ่นพี่คนนี้สวยมากและเข้ามาจีบเขาก่อน เขา

ก็ไม่รังเกียจที่จะตอบสนองแค่ชั่วครู่ชั่วยามตามความคึกคะนองของ

วัยหนุ่มหากอะไรก็ตามที่จะกลายเป็นข้อผูกมัด ไม่่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนา

ตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้านางฟ้าตัวน้อย หัวใจของเขาก็เหมือน

ถูกเส้นด้ายรัดรึงแน่นหนา มิหนำซ้ำด้ายยังทนทานยิ่ง ถึงจะถูกนาริน

เกลียดชังมากเพียงใด ด้ายเส้นนั้นก็ไม่เคยขาด ทั้งยังกรีดหัวใจเขาเป็น

ริ้วรอยมากขึ้นเรื่อยๆ...

ร่างบอบบางวิ่งขึ้นตึกมาถึงชั้นสี่ก็หอบหนัก

น้ำตาร้อนๆ คลอเต็มหน่วยตา...

นายมันก็สมกับที่เป็นลูกเมียน้อย ทำตัวสกปรกได้ไม่ต่างกัน

ฉันเกลียดนาย...เกลียดที่สุด

มือเล็กสองข้างกำแน่น ลมหายใจยังถี่รัว

คนน่ารังเกียจอย่างนายไม่มีวันมีความสุขอย่างแน่นอน...

ไม่มีทาง

วันต่อมา...เป็นวันสุดท้ายของงานรับน้อง

นารินก้มหัวงุดๆ เดินไปตามแถว หวังแค่จะไม่ได้เห็นหน้า

คนที่เกลียด แต่ภวัตกลับตรงรี่มาหาหล่อนเอง

“ไปทางนั้น !เรามีเรื่องต้องคุยกัน ” เด็กหนุ่มคว้ามือเล็กแล้ว

ดึงให้เดินตาม นารินนึกอยากตบหน้าอีกฝ่าย แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมี

สายตาหลายคู่มองมาอย่างสนใจ หล่อนจึง ได้แต่จิกเล็บลงบนฝ่ามือเขา

อย่างแรง

สีหน้าภวัตไม่เปลี่ยนแม้สักนิด ยังคงยึดมือเล็กไว้แน่น แล้ว

กึ่งจูงกึ่งลากนารินไปที่ซอกตึก

“ลืมเรื่องที่เห็นเมื่อคืนซะ”

เขาเข้าประเด็นอย่างไม่มีพิธีรีตอง นารินเม้มปากแน่น ก่อน

ตอบด้วยเสียงเยาะหยัน

“หางจุกตูดรีบมาห้าม กลัวฉันจะเอาไปบอกอาจารย์หรือไง”

“พูดจาไม่น่ารัก” ภวัตนิ่วหน้า “ไม่เอาน่า เธอไม่ต้องหัดทำตัว

เป็นผู้หญิงร้ายๆ เพราะฉันหรอก”

เขาไม่ชอบใจเลย ใบหน้าน่ารักเหมือนเทพธิดาตัวน้อยๆ นั้น

ควรจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานอย่างมีความสุข หากรอยยิ้มเดียว

ที่เขาได้จากนาริน คือรอยยิ้มเยาะหยัน

“ฉันไม่ได้เป็นอย่างนี้เพราะนาย” นารินเชิดหน้าขึ้น “ฉันแค่

ร้ายกับนาย เพราะเกลียดนายเท่านั้น”

“เธอไม่ได้เกลียดฉัน”

“ฉันเกลียดนาย”

“ไม่ได้เกลียด” เขาเถียงอย่างอดทน...อยากให้หล่อนเข้าใจ

เสียทีว่าหล่อนไม่ได้เกลียดเขา แค่พาลใส่เขาต่างหาก

“นายจะมารู้ดีไปกว่าฉันได้ยังไง” นารินแทบตะโกนใส่หน้า

“ฉันรู้” เขาเชยหน้าหล่อนขึ้น “เธอไม่มีทางเกลียดฉัน”

“หลงตัวเองไปหน่อยแล้วย่ะ”

“ฉันมั่นใจ” ภวัตพึมพำเหมือนตอกย้ำให้ตัวเองเชื่อ ใบหน้า

ก้มวูบเข้ามาใกล้ “ไม่มีทาง”

แล้วจมูกเขาก็ฉกลงมา ลงโทษคนพูดสำหรับสิ่งที่เขาไม่อยาก

ได้ยิน

นารินเม้มปากแน่น ทั้งเตะทั้งทุบอีกฝ่ายสุดแรง แต่อีกฝ่ายก็

ตะโบมหอมไม่หยุด

น่าโมโหนัก! เขาเอาจมูกที่หอมพี่สริตามาหอมหล่อนได้ยังไง

...น่าขยะแขยง!

อยากส่ายหน้าหนี แต่ทำไม่ได้ เพราะภวัตตรึงหน้าหล่อนไว้

แน่นด้วยมือใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่ง อีกข้างเขารวบรัดร่างหล่อนไว้แนบ

สนิทกับร่างตัวเอง

เด็กสาวร้อนผ่าวไปทั้งร่าง พยายามดิ้นรนหนีเต็มกำลัง แต่

กลับสู้แรงภวัตไม่ได้

หยาบคาย...เขาทำอย่างนี้ทำไม คิดจะแบล็กเมล์หล่อน

อย่างนั้นหรือ เกลียด...เกลียดที่สุด

แรงดิ้นรนค่อยๆ อ่อนลง หยาดน้ำตาหลั่งรินอย่างสุดกลั้น

นารินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าร้องทำไม รู้แต่มันอัดอั้นตันใจ ทั้ง

โกรธ น้อยใจ และเสียใจ

หยาดน้ำตาทำให้ภวัตชะงัก ความรู้สึกปวดใจทะลักเข้ามา

อัดแน่นในอก

เขาไม่ได้ตั้งใจจะรังแกนาริน แต่อารมณ์บีบคั้นทำให้เขาหลุด

จากการควบคุม...

ภวัตไม่รู้ว่านิยามของ ‘รักแรกพบ’ ที่แท้จริงเป็นเช่นไร แต่

เขาหลงใหลสาวน้อยผมยาวชุดสีฟ้าตั้งแต่แรกเห็น ถึงนารินจะไม่เคย

ยิ้มให้ แถมยังประกาศความเป็นปฏิปักษ์แต่แรกพบ เขาก็ยังติดตรา

ตรึงใจไม่เว้นวาย

ถึงหล่อนจะร้ายสักแค่ไหน เขาก็สลัดความรู้สึกตั้งแต่

วันแรกไม่หลุด มิหนำซ้ำยังหาคำแก้ตัวให้ว่า นารินแค่โกรธและพาล

หล่อนไม่ได้นิสัยเสียจากพื้นฐาน

ภวัตรู้ดีว่าเขาไม่มีหวัง...กำแพงระหว่างเขากับหล่อนสูงเสียด

ฟ้า ไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกของนาริน หากรวมถึงความขัดแย้งของ

พ่อแม่ แต่เขาก็ยังไม่วายฝันถึงวันนั้น...วันที่หล่อนจะยิ้มหวานให้เขา

หากวันนี้เขากลับทำให้นารินเสียใจ

เด็กหนุ่มถอนจมูกออก ยกมือซับน้ำตาบนแก้มนวลให้เด็กสาว

ก่อนพึมพำเบาๆ ใกล้หู

“เอาเถอะ เธออยากบอกใครเรื่องเมื่อคืนก็บอกไป ฉันตามใจ

เธอแล้วนะ นาริน”

ใครอยากให้เขามาเอาใจ...ใครอยาก...

น้ำตายิ่งทะลักออกมาเรื่อยๆ เหมือนเขื่อนที่พังทลาย นาริน

สะอื้นอย่างกลั้นไม่อยู่ มือขวาตวัดใส่แก้มซ้ายของภวัตฉาดใหญ่

หากเด็กหนุ่มไม่มีท่าทางเจ็บปวดแม้แต่น้อย เขายังคงเช็ด

คราบน้ำตาให้จนหยาดน้ำตาเหือดแห้ง

“อยากไปล้างหน้าไหม” ภวัตถามเสียงอ่อนโยน ซ่อนความ

รู้สึกผิดลึกๆ ในใจที่ทำให้นารินร้องไห้

“ไม่เกี่ยวกับนาย”

เขาอดยิ้มไม่ได้ “โอเค ไม่เกี่ยว งั้นฉันออกไปก่อนนะ”

“ไปเลย ไป” ไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แต่ภวัตไม่ถือ เขา

ยิ้มกว้าง โค้งตัวรับบัญชาจากสาวน้อย ก่อนเดินกลับไปรวมกลุ่มกับ

เพื่อนของตัวเอง

เด็กหนุ่มลูบแก้มซ้ายที่แดงก่ำ แต่กลับไม่ร้อนรุ่มเท่ากับความ

รู้สึกที่ได้หอมแก้มนวล...ถึงจะรู้สึกผิด แต่หัวใจเขากลับเต้นระรัวด้วย

อารมณ์ที่ล้นปรี่

วันนี้เขาได้หอมนารินเป็นครั้งแรก และถ้าเขาคิดไม่ผิด...เขา

เป็นคนที่ได้หอมนารินเป็นคนแรก

ภวัตสูดลมหายใจลึกๆ เข้าอกเพื่อระงับความตื่นเต้น...แม้

จะยังมองไม่เห็นวิธีทำลายกำแพง แต่เขาก็เริ่มหวัง...หวังและฝัน...


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024