กามเทพตั้งไข่ (ณัฐณรา) (ชุด ฟาร์มรักเจ้าเอย)

กามเทพตั้งไข่ (ณัฐณรา) (ชุด ฟาร์มรักเจ้าเอย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715841
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 279.00 บาท 69.75 บาท
ประหยัด: 209.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

     ามคนแล้ว”

เสียงแหลมนั่นดังลั่นห้องรับแขกของบ้าน ห้องที่ไม่ค่อยได้ ใช้

รับแขกเหมือนชื่อสักเท่าไร บางครั้งเขาอยากจะเปลี่ยนให้คนในบ้าน

เรียกมันว่าห้องประชุมเสียด้วยซ้ำ ตามประโยชน์การใช้งานที่คนในบ้าน

มักจะมานั่งประชุมกันในห้องนี้เสมอ ค่ำวันนี้ก็เช่นกัน และเรื่องที่ทุกคน

หยิบยกมาพูดกันก็ไม่แคล้วเรื่องของเขา ผู้ชายเพียงคนเดียวของบ้าน

หลังนี้ โซฟาตัวใหญ่ลายดอกไม้สีเทาตั้งอยู่กลางห้อง เจ้าของเสียงแหลม

เมื่อครู่นั่งอยู่กลางโซฟา มีสาวใช้ชื่อแจ่มนั่งบีบนวดขาให้ ทำให้เขาคิดถึง

ฉากในละครที่เคยดูบ่อยๆ คุณยายของเขาจับพัดจีนแสนสวยที่ท่านชอบ

มีติดมือไว้เสมอ โบกพัดลมใส่ตัวเองแรงๆ ทั้งที่อากาศในห้องก็เย็นฉ่ำ

ด้วยเครื่องปรับอากาศเครื่องใหญ่ที่ติดไว้บนเพดานห้อง

“สามคนแล้วนะ แม่ปราย ดูลูกชายหล่อนสิ แม่หรืออุตส่าห์นัด

หลานสาวเพื่อนให้มากินข้าวด้วย แต่ละคนหน้าที่การงานดีๆ ทั้งนั้น หน้าตา

ก็สะสวยน่ารัก นิสัยก็ดี เหมาะจะเป็นเมียเป็นแม่ของลูก แต่ลูกชายหล่อน

ทำให้สาวๆ เปิดแน่บตั้งแต่สิบนาทีแรกที่เจอกัน ไม่ทันจะกินข้าวหมดจาน

ด้วยซ้ำไป สามรายซ้อนในสามเดือน อกแม่จะแตก”

พูดไปคุณยายเขาก็กระพือพัดในมือแรงขึ้นตามไปด้วย คราวนี้

คุณยายของเขาคงจะโกรธจริงๆ ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องที่นั่งอยู่

ตรงโซฟาอีกตัวยิ้มน้อยๆ เขาประสานมือบนหัวเข่าที่ยกขาไขว่ห้างไว้

มองอาการโกรธของญาติผู้ ใหญ่ ถ้าเขาทำอะไรให้คุณยายถูกใจ สรรพนาม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่เรียกเขาก็จะเป็น ‘หลานชายของยาย’ แต่เมื่อไรที่เขาทำให้ท่านไม่พอใจ

หรือโมโห จากหลานชายของยายจะกลายเป็น ‘ลูกชายของหล่อน’ เหมือน

ที่ท่านเพิ่งพูดไปเมื่อครู่

หล่อนในที่นี้ คือมารดาเขาที่นั่งทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจอยู่ในห้องนี้

ด้วย ท่านปรายตามองเขาแล้วก็ขึงตาใส่เมื่อเห็นเขายังยิ้มได้ทั้งที่ตกเป็น

จำเลยของคนทั้งบ้าน

“ยังมีหน้ามายิ้มอีกนะปรางค์”

“คุณแม่จะให้ผมร้องไห้หรือครับ ไม่น่าดูหรอก ตาช้ำด้วย”

ปรางค์พูดยิ้มๆ เลยโดนคนที่นั่งใกล้ที่สุดยื่นมือมาหยิกเขาไม่แรง

นัก

“โอ๊ย! ป้าปริม เจ็บนะครับ”

“เจ็บเสียบ้างจะได้รู้ตัว เราน่ะทำให้ป้า แม่ และคุณยายโมโหแล้ว

ยังจะมาทำหน้าทะเล้นอีกนะ”

ปริมทำเสียงดุใส่หลานชายเพียงคนเดียว ลูกของปรายแก้ว น้องสาว

ของตน หยิกไม่แรงเท่าไรหรอกนางรู้ดี เพราะตัวเองทั้งรักทั้งหลงหลานชาย

คนนี้ เลี้ยงมาเองกับมือตั้งแต่สมัยน้องสาวหอบท้องหนีผัวกลับมาจาก

เมืองนอก มีหรือจะกล้าหยิกให้เป็นรอยจริงๆ แต่อดหมั่นไส้พ่อตัวดีไม่ได้

ดูสิ...ขนาดประยงค์ มารดาของเธอนั่งทำตาพองมองอยู่ก็ยังมีหน้ามา

ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยั่วให้หญิงชรา ประมุขของบ้านหลังนี้โกรธอยู่ได้

“ตาปรางค์ เมื่อไรเราจะยอมมีเมียเสียที สามคนแล้วนะที่ยายสรรหา

มาให้เราดูตัว เราก็ทำเขากระเจิงไปหมด ซ้ำร้ายตอนนี้ยายพยายามขอนัด

ลูกนัดหลานสาวใครให้เราก็มีแต่คนบ่ายเบี่ยง คงเอาไปพูดต่อๆ กันหมด

ทั้งบางแล้วเรื่องวีรกรรมที่เราทำไว้ แล้วแบบนี้เมื่อไรเราจะได้มีลูกมีเมีย

เสียที จะให้นามสกุลยายมันกุดที่รุ่นเราหรือไง”

คนแก่ที่สุดในบ้านถามเสียงดัง ค้อนควักหลานชายอย่างโกรธๆ

นางเป็นถึงเจ้าของตลาดตั้งสี่แห่ง มีตึกพาณิชย์ให้เช่าทั้งที่ฝั่งธน ทั้งแถว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บางเขน แต่ละที่ราคาที่ดินสูงๆ แพงๆ ทั้งนั้น แต่กลับไม่มีบ้านไหนกล้า

ให้ลูกสาวมากินข้าว มาทำความรู้จักกับหลานชายเพียงคนเดียวของนาง

มันน่าเจ็บใจใช่เล่นที่ไหน มิหนำซ้ำเวลาเอ่ยปากเกริ่นๆ กับใครยังโดนเหน็บ

กลับว่าควรหาหลานเขย ไม่ใช่หลานสะใภ้ ไปๆ มาๆ แทนที่จะได้ดอง

ก็กลายเป็นถอง ประยงค์ ไม่มีวันยอมให้ ใครมาว่าหลานชายสุดที่รัก

ฝ่ายเดียวแน่ เถียงกลับไปจนตัดเพื่อนไม่เผาผีเสียก็หลายคน วันนี้ก็

เช่นกัน นางสู้อุตส่าห์ติดต่อเพื่อนคนหนึ่งที่หลานเป็นถึงทนายความชื่อดัง

เป็นสาวทำงานหน้าตาสะสวยปราดเปรียว หว่านล้อมจนฝ่ายนั้นบอกให้

หลานสาวมากินข้าวกับหลานชายนางที่ร้านอาหารในห้างหรู ตอนนางไป

กับหลานชายก็เห็นทนายความสาวคนนั้นมองปรางค์อย่างพอใจอยู่ แต่

พอประยงค์กับยายของฝ่ายนั้น แยกตัวไปเพื่อให้คนหนุ่มคนสาวได้คุยกัน

ยี่สิบนาทีเท่านั้นแหละ หลานสาวเขาก็โทร.มาฟ้องยายเป็นฉากๆ ว่า

หลานชายตัวดีของนางทำอะไรบ้าง จนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่พลอยสะบัดหน้า

เดินหนีไปอีกคน ทิ้งให้นางยืนงงอยู่กลางร้านเครื่องประดับที่มาเดินดูของ

ด้วยกัน แล้วเจ้าหลานตัวแสบก็เดินมาหานางพร้อมบอกหน้าตาระรื่นว่า

กลับบ้านกันครับคุณยาย กลับไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านอร่อยกว่า

เป็นไหนๆ

พอมาถึงบ้านก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ประยงค์หายใจแรงจนปลายจมูก

พะเยิบ

“หรือชาตินี้จะไม่เอาแล้วเมีย จะมีผัวแทนหา...ตาปรางค์”

หญิงชราถามประชดอย่างหงุดหงิด

“คุณยายละก็”

หลานชายเพียงคนเดียวพูดเสียงอ่อน เขาลุกเดินมานั่งที่พื้นข้าง

ผู้เป็นยาย ปรายแก้วกับปริมมองตากัน แล้วก็พยักหน้าให้กันเป็นอันรู้ว่า

ประเดี๋ยวเถอะ แม่ของพวกตนจะต้องหายโกรธเป็นปลิดทิ้งเมื่อหลานชาย

สุดสวาทขาดใจควักไม้ตายขึ้นมา และก็จริง เมื่อปรางค์เกยคางบนเข่าของ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หญิงชรา จับมือที่เหี่ยวย่นตามวัยของนางมาแนบใบหน้า เขากดจมูกโด่ง

เป็นสันของตนที่ได้จากสายเลือดตะวันตกครึ่งหนึ่งในตัวที่หลังมือของ

ประยงค์สองสามครั้ง สูดกลิ่นน้ำอบสมัยเก่าที่ยายเขาชอบใช้เข้าปอดลึกๆ

แล้วพึมพำ

“ชื่นใจของหลาน”

เท่านั้นแหละ ตัวเลขความดันที่พุ่งปรี๊ดแทบติดเพดานก็ดิ่งลง

เป็นปรกติ อารมณ์ร้อนๆ เพราะความโมโหเย็นวาบอย่างรวดเร็ว ประยงค์

ถอนหายใจมองพ่อตัวดีที่พอมาอ้อน นางก็ใจแข็งด้วยไม่ได้สักครั้งอย่าง

หมั่นไส้แกมเอ็นดู วันนี้หมั่นไส้มากหน่อยเลยดึงมือที่อีกฝ่ายหอมเอาๆ

มาหยิกแก้มเขาเบาๆ แต่พอเจ้าตัวร้องก็ตกใจรีบลูบๆ วางพัดแล้วใช้ให้

สาวใช้ที่เขยิบหลบให้ชายหนุ่มมานั่งแทนไปเอายามาทาแก้มของหลาน

ตนเอง

“ไม่ต้องมาอ้อนยายเลยนะตาปรางค์ อายุก็ตั้งสามสิบห้าสามสิบหก

เข้าไปแล้ว คิดว่าน่ารักหรือไง”

“แล้วรักผมไหมล่ะครับคุณยาย”

เขายิ้ม คราวนี้คนแก่เลยเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากแรงๆ

“ไม่ต้องมาทำประจบ ยายยังโมโหเราอยู่นะ ไปทำอีท่าไหน

หนูลักษณ์ถึงได้ โทร.มาฟ้องยายเขาฉอดๆ จนเพื่อนยายสะบัดหน้าเดินหนี

ยายไปเลย”

“ผมเปล่าทำอะไรสักหน่อย”

ปรางค์บอกเสียงทุ้ม นึกถึงใบหน้าคุณทนายสาวที่เบิกตากว้างมอง

เขาจิบน้ำชาร้อนในร้านอาหารญี่ปุ่นแล้วกลั้นยิ้ม ไม่อย่างนั้นเป็นได้ โดน

ยายหยิกเอาจริงๆ แน่ เขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แค่จับจอกน้ำชาแล้วแกล้ง

ดีดนิ้วก้อยให้กระดก ทำน้ำชาหกรดตักตัวเองแล้วก็อุทานดังๆ ว่า

คุณพระ!

ก่อนจะกรีดนิ้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขลิบลูกไม้ฝรั่งเศสราคาแพงที่แอบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ดึงมาจากลิ้นชักของป้าปริมเมื่อตอนเช้าออกมาเช็ดไปกระพือขนตาไป

เพียงเท่านี้เองคู่นัดดูตัวของเขาก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ

“แน่ใจนะตาปรางค์”

“แน่สิครับ ผมไม่ได้ทำอะไรหยาบคายต่อหน้าน้องเขาเลยจริงๆ”

เขาออกจะสุภาพเรียบร้อยมากๆ เสียด้วยซ้ำ นี่ถ้านั่งพับเพียบ

กินข้าวด้วยได้ เขาทำไปแล้ว ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเมื่อยายพยักหน้า

ให้แกนๆ ซบหน้ากับตักคุณยายเสียหน่อย ซ่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อย่าง

แนบเนียน

“ผมยังไม่อยากแต่งงานครับคุณยาย”

“พูดออกมาได้ จะแก่ตายอยู่บนคานเหมือนป้าเราหรือไง”

“คุณแม่ละก็”

ปริมร้องขึ้นมาเมื่อโดนพาดพิง หญิงชรามองค้อนลูกสาวคนโต

“หรือไม่จริงยะ” คุณประยงค์ถอนหายใจยาวๆ ลูบเรือนผมสีน้ำตาล

เข้มของหลานชายแล้วเอ่ยต่อ

“ตาปรางค์เอ๊ย ยายก็แก่ขึ้นทุกวัน ไม่รู้จะไปวันไหนนะลูก แต่งงาน

มีเมียมีเหลนให้ยายสักสาม...สี่ หรือห้าคนได้ไหม”

“เมียหรือลูกครับที่ว่าห้าคน ถ้าเมีย ผมว่าได้อยู่นะห้าคน แต่ถ้าลูก

นี่คงไม่ไหว”

“ยังจะมาพูดเล่นอีก”

หญิงชราเปลี่ยนจากลูบผมเป็นดีดหน้าผากหลานชายอีกที พอเห็น

เป็นรอยแดงก็กระวีกระวาดหยิบตลับยามาเปิดทาให้อีก ปริมและปรายแก้ว

มองหน้ากันอีกรอบ ตีหลานแล้วกลัวเป็นรอยจะตีไปทำไมกัน ปรางค์ยิ้ม

ยื่นหน้าให้ยายเขาทายาให้แล้วก็ขอตัวขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ครั้นพอหญิงชราอนุญาตเขาก็ลุกเดินออกมาจากห้องประชุมประจำบ้าน

ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้าน แล้วสอดมือล้วงกระเป๋า

กางเกงด้วยอิริยาบถสบายๆ เขาพักที่นี่กับครอบครัว อันประกอบด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คุณยาย หรือที่คนในละแวกบ้านเรียกว่าคุณนายประยงค์ มารดาเขา

และป้าปริมอีกหนึ่งคน คุณตาเขาเสียไปนานแล้ว ส่วนบิดาก็หย่าร้างกับ

มารดาตั้งแต่เขาอยู่ในท้องด้วยซ้ำ ดังนั้นโลกทั้งใบของเขาจึงมีสาวสามวัย

เป็นผู้ดูแลมาตลอด ที่จริงเขามีคอนโดฯ อีกห้องอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ

และมีร้านขนมไทยอยู่กลางเมืองกรุง แต่ว่าเพราะบ้านนี้มีแต่ผู้หญิง เขา

เลยไม่ได้ ไปพักที่คอนโดฯ ตัวเอง ปิดไว้นานๆ เข้าก็เสียค่าส่วนกลาง

เปล่าๆ เลยปล่อยให้เช่าได้รายรับมาอีกทาง ตัวเขาเองอยู่ที่บ้านหลังนี้

กับสุภาพสตรีสามคนของเขา ชายหนุ่มเข้าไปในห้องส่วนตัวที่แทบไม่มี

เครื่องเรือนอะไรเลย เพราะเจ้าของห้องคิดว่าห้องนอนมีไว้เพื่อนอน

อย่างเดียวก็พอแล้ว แม้แต่โทรทัศน์ที่ตั้งหราไว้ก็ไม่เคยได้เปิดดู ทว่า

มุมหนึ่งของห้องกลับเป็นตู้เก็บหนังสือตำราเล่มหนาแบบบิลท์อินสูง

จรดเพดานห้องและอัดแน่นไปด้วยหนังสือที่เรียงรายตามลำดับตัวอักษร

อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ปรางค์ปลดกระดุมแขนเสื้อออกแล้วเดินไป

ยังห้องแต่งตัว บ้านหลังนี้มีสามชั้น ชั้นล่างเป็นบริเวณส่วนรวมของ

ครอบครัว ชั้นสองเป็นห้องพักของเขาและมารดา กับห้องพักผ่อนของ

คุณยาย จริงๆ มันก็ตั้งชื่อผิดวัตถุประสงค์การใช้งานเหมือนห้องรับแขก

นั่นแหละ เพราะยายเขาไม่เคยพักผ่อนห้องนั้นแต่มีไว้สำหรับเล่นไพ่

ไพ่นกกระจอกแบบคนจีนที่ยายเขาชอบนักชอบหนา ไม่ต้องกลัวเรื่อง

ผิดกฎหมายด้วยเพราะไม่ได้เล่นกินเงินจริงจัง แถมขาไพ่ก็ไม่ใช่คนอื่น

คนไกล ลูกสองคนกับหลานชายหนึ่งคนนี่เอง

โอ๊ย ยายก็เล่นเอาเพลินๆ ฟินๆ ฝึกสมองไง จะได้ ไม่เป็น

อัลไซเมอร์เหมือนคนวัยเดียวกัน

ปรางค์ยิ้มพลางโคลงศีรษะเมื่อคิดถึงตรงนี้ คุณนายประยงค์

เจ้าของตลาดสดที่จำหน้าแม่ค้าในตลาดได้เกือบทุกคนน่ะหรือจะเป็น

อัลไซเมอร์ ได้ คุณยายเขาเป็นหญิงแกร่ง สามารถเลี้ยงลูกสองคนได้

แบบแม่เลี้ยงเดี่ยว เขาอดทึ่งไม่ได้ เพราะว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวเมื่อสี่สิบห้าสิบ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปีก่อนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม่หม้ายสามีตาย แถมเป็นแค่แม่ค้าขายข้าวแกง

หาบ ต้องขยัน อดออม และหลักแหลมแค่ไหนถึงจะขยับมาเป็นเจ้าของ

ตลาดได้ถึงสี่แห่งแบบคุณยายเขา บ้านหลังนี้มีเขาเป็นผู้ชายอยู่คนเดียว

เขาเป็นลูกโทนของมารดา ที่หอบครรภ์กลับมาจากเมืองนอกหลังบิดาเขา

นอกใจ ปรางค์เองไม่เคยเจอบิดา แต่เขาก็ไม่อนาทรเรื่องนั้นเนื่องจาก

เขาได้รับความอบอุ่นจนเกือบร้อนฉ่าจากคุณยายและป้าปริมที่ครองตัว

เป็นโสด หลานชายคนเดียวเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หญิง

อย่างเขา เลยช่วยไม่ได้ที่จะซึมซับกิริยาอาการและลักษณะของผู้เลี้ยงดู

มาบ้าง เริ่มจากชื่อนี่ปะไร ตอนเรียนชายหนุ่มเข้าโรงเรียน เพื่อนและครู

ก็เรียกเขาว่ามะปรางๆ มันก็น่ารักดีไม่หยอกเมื่อตอนอายุสามขวบ แต่

พอขึ้นชั้นประถม เขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นนอกจากคนในครอบครัวเรียกเขา

แบบนั้นอีก ปรางค์ ชื่อของเขาเหมือนผู้หญิง ความหมายของชื่อนั้น

หมายถึงยอดปรางค์เจดีย์ที่คุณยายเขาบอกว่าท่านฝันถึงก่อนที่แม่เขาจะ

คลอดไม่นาน

“ตาปรางค์” เสียงมารดาดังพร้อมกับที่ร่างอ้อนแอ้นแม้วัยจะล่วง

ผ่านช่วงสาวมาแล้วเดินเข้ามาในห้องของเขา

“ครับแม่”

ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย นี่แม่นะไม่ใช่คุณยายไม่ตกหลุมเรา

หรอก”

ปรายแก้วค้อนบุตรชาย มองใบหน้าขาวผ่องเหมือนไข่ปอกของ

อีกฝ่ายแล้วก็ถอนหายใจ เธอเป็นคนสวย ปรายแก้วรู้ดี ตั้งแต่เล็กจนโต

คนละแวกนี้ก็เล่าลือเรื่องคุณนายประยงค์มีลูกสาวสวยสองคน ปรายแก้ว

เองได้รับตำแหน่งเทพีมาหลายเวทีตั้งแต่สมัยเด็ก แต่ก็ล้วนเป็นเวทีที่จัด

ในโรงเรียนเท่านั้น เพราะว่ามารดาไม่อนุญาตให้ออกไปประกวดเดินสาย

เป็นอันขาด ก็เพราะความสวยนี่แหละที่ทำให้นางเป็นที่ต้องตาต้องใจอดีต

สามีที่เป็นครูสอนภาษาจนตกลงแต่งงานกันแล้วย้ายไปบ้านเกิดเขา มารดา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นั้นทีแรกก็ค้านแต่ตอนนั้นนางไม่ฟัง สุดท้ายสิ่งที่มารดาเตือนก็เป็นจริง

อารยธรรมผัวเดียวเมียเดียวแบบคนไทย สามีเธอนั้นรับไม่ได้ เขาชอบ

ที่จะหว่านเสน่ห์และมองสัมพันธ์ทางกายกับหญิงอื่นเป็นเรื่องธรรมดา

คิดว่าการนอกกายไม่ได้นอกใจไม่ใช่เรื่องที่ผิด ปรายแก้วรับความเจ้าชู้นี้

ไม่ได้เลยขอหย่าแล้วหอบท้องบินกลับมาตายรัง

“จะมีใครรู้ ใจผมเท่าแม่ล่ะครับ”

ปรายแก้วมองใบหน้าบุตรชายแล้วก็ยิ้มระอา ปรางค์เป็นชายหนุ่ม

ที่รับเอาแต่ส่วนดีของพ่อและแม่มาหลอมรวมเป็นตัวเองได้อย่างเหมาะ

เจาะ หากเมื่อหลายสิบปีก่อนทุกคนลือเรื่องความสวยของปรายแก้วและ

ปริมอย่างไร ตอนนี้คนแถวบ้านก็เล่าลือเรื่องความสวยของปรางค์แบบนั้น

เหมือนกัน

ใช่...ลูกชายเธอสวย แม้เขาจะเป็นชายฉกรรจ์ รูปร่างสูง และ

ไม่ได้มีใจเอนเอียงไปทางที่ประยงค์กลัว แต่ว่าปรางค์กลับมีเครื่องหน้าที่

เรียกได้ว่าหวาน มากกว่าจะคมสันเหมือนผู้ชายคนอื่น รูปหน้าของเขา

ได้สัดส่วน คิ้วเข้มเรียงตัวกันโก่งโค้งด้วยกานพลูที่มารดาเธอบรรจงวาด

ให้ตั้งแต่เล็กๆ ดวงตาทรงยาวรีสีน้ำตาลอ่อน ล้อมกรอบด้วยขนตา

สีน้ำผึ้ง จมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากรูปกระจับสีแดงสด เวลายิ้มก็ยิ่งทำให้

ใบหน้าชายหนุ่มหวานเข้าไปอีก บวกกับลักษณะท่าทางที่เรียบร้อย ทำอะไร

นุ่มนวลอันได้มาจากป้าและแม่ ยิ่งทำให้ปรางค์ดูอ่อนโยน...โยนไปทาง

ป่าสีม่วงชอบกล

“ไม่ต้องมาพูดดี รู้ ไหมว่าเราทำให้คุณยายอาย ไม่น่ารักเลยลูก”

“แหม...” ปรางค์ลากเสียงยาว เขาโดดมากอดมารดาไว้ แม้มารดา

จะอ้อนแล้วไม่ใจอ่อนง่ายๆ เหมือนคุณยาย แต่ก็ใช่ว่าจะใจแข็งเสียเมื่อไร

กัน ชายหนุ่มหอมแก้มมารดาหลายๆ ฟอด

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดศีลธรรม ไม่ใช่ขโมยเสียหน่อย แถมความ

ประพฤติเรียบร้อยออกขนาดนี้ คุณยายจะอายทำไมล่ะครับ”

 

 

 

 

 

 

“อย่ามาเฉไฉ เราไปทำอะไรถึงทำให้หลานสาวเพื่อนคุณยายวิ่งหนี

แทบไม่ทันล่ะ ปรางค์...คุณยายท่านหวังดีนะลูก”

“เลยจับผมคลุมถุงชนเสียเลย”

“แน่ะ ดูพูดเข้า” มารดาเขาค้อนควัก

“คุณแม่ครับ ผมยังไม่อยากแต่งงาน”

“คุณยายท่านอายุมากแล้ว ท่านอยากเห็นเหลน”

“ในท่อระบายน้ำหลังบ้านมีออกเยอะไป”

มารดาเขานิ่วหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาบิดเนื้อที่เอวของ

ลูกชายอย่างมีน้ำโห “นั่นมันจิ้งเหลน! คุณยายอยากอุ้มลูกของเราต่างหาก

ไม่ต้องมาทำเป็นชวนพูดไปเรื่องอื่นเลย”

ปรางค์หัวเราะ เขาถอยทัพหนีจากคุณยาย มาเจอคุณแม่ตัวเอง

ตีกระหนาบด้านหลังซ้ำ ชายหนุ่มเอามือลูบเอวตัวเองป้อยๆ

“อีกสักสามสี่ปีค่อยมองหาเถอะครับ ผมยังไม่เจอคนถูกใจ”

“คนถูกใจใช่จะถูกต้องนะตาปรางค์ ยังไงเสียเชื่อผู้ใหญ่ก็ไม่เสียหาย

หรอก”

แววตาของมารดาเขามีประกายหม่นวูบขึ้น ปรางค์ระบายลมหายใจ

เบาๆ พอเข้าใจว่าทำไมแม่เขาถึงเห็นดีเห็นงามกับคุณยายไปด้วย เพราะ

ท่านเองเคยดื้อดึง ทำตามใจตัวเอง แต่งงานกับพ่อของเขาท่ามกลาง

เสียงคัดค้านของคุณยาย สุดท้ายชีวิตคู่ก็ไปไม่รอด ด้วยเหตุนี้เมื่อคุณยาย

ทำท่าจะจับเขาอาบน้ำประแป้ง วางบนพานทองไปเสนอให้หลานสาวหรือ

ลูกสาวคนรู้จักที่ท่านเล็งๆ ไว้แล้วว่าดีพร้อม แม่เขาจึงเห็นดีเห็นงาม

ตามด้วย

“หากผมเจอคนถูกใจจะรีบมาบอกแม่ให้ ไปสู่ขอดีไหมครับ”

“จริงนะ ขอภายในปีนี้ได้ไหม”

มารดาเขารีบพูดด้วยรู้ดีว่าลูกชายเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ปรางค์

หัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าช้าๆ

 

 

 

 

 

 

“เห็นทีจะไม่ได้กระมังครับ กว่าจะเจอคนถูกใจ หากเจอในปีนี้

ต้องดูใจกันอีกสักสี่ห้าปีเป็นอย่างต่ำ ตอนนั้นค่อยหมั้นแล้วอีกสองปี

ค่อยแต่งงานครับ”

ปรายแก้วเผยอริมฝีปาก ยกนิ้วมือมานับอายุตนเองก่อนจะร้องว้าย

เบาๆ

“ไม่เอานะตาปรางค์ นานขนาดนั้นกว่าแม่จะได้อุ้มหลานมิแก่แย่

หรือ”

ปรางค์ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไรอีก ปล่อยให้ปรายแก้วอมยิ้มอย่าง

มีความหวัง มองใบหน้าสมบูรณ์แบบของลูกชายแล้วก็ยิ้มมากขึ้น คนเป็น

สะใภ้นางจะเป็นคนอย่างไรหนอ ตั้งแต่เล็กจนโตปรางค์เป็นคนช่างเลือก

อาจจะเพราะว่าเขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีแต่คุณยาย แม่ แล้วก็ป้า

จึงสืบทอดนิสัยละเอียดอ่อนและรอบคอบถี่ถ้วนของผู้หญิงสามคนนี้

มาเต็มเปี่ยม อ้อ...ไม่สิ ไม่ใช่แค่นิสัยละเอียดอ่อน และความรอบคอบ

ลูกชายนางยังสืบทอดฝีมือการบ้านการเรือนจากคุณยาย ตัวนางเอง

และคุณป้าของเขามาด้วย! ใครให้ปรางค์เป็นหลานคนเดียวของบ้านที่มี

แต่สาวม่าย สาวเทื้อ และหญิงชราอยู่กันเล่า เขาเติบโตมาโดยนั่งบีบนวด

ขาคุณยาย ช่วยแม่ปอกและริ้วมะปราง นั่งถักไหมพรม และทำขนมไทย

เป็นเพื่อนป้า บุคลิกเขาเลยอ่อนโยนเป็นพิเศษ ลักษณะท่าทางการ

เคลื่อนไหวก็พลอยอ่อนช้อยกว่าผู้ชายทั่วไปหลายส่วน หากเป็นหลานชาย

บ้านอื่น ไม่แต่งงาน ไม่มีคนรักมาก่อน พ่อแม่ที่บ้านคงไม่เดือดเนื้อ

ร้อนใจสักเท่าไร แต่สำหรับบ้านหลังนี้ เรื่องคู่ครองของปรางค์เลยกลายเป็น

ประเด็นแห่งชาติเลยทีเดียว

“จริงสิ แม่ลืมเลย ว่าจะมาบอกเราเรื่องขนมของน้าประไพ”

ปรายแก้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้เป็นงานวันเกิดของเพื่อน นางจึง

ตั้งใจจะให้ของขวัญเป็นขนมไทยในกระเช้าสวยๆ

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมเตรียมไว้ ให้คุณแม่แล้ว พรุ่งนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ผมจะเอากระเช้าขนมของคุณน้าประไพมาส่งให้คุณแม่ครับ”

ปรางค์รับคำอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ริมฝีปากหยักสีอ่อนคลี่ยิ้ม

ให้มารดาอย่างรักใคร่

รือนคุณยาย เป็นร้านขนมไทยที่ขึ้นชื่อที่สุดของย่านนี้ แม้จะมี

ชื่อร้านว่าเรือนคุณยาย แต่ตัวร้านเป็นเพียงตึกสองคูหาในย่านพัฒนาการ

เท่านั้น ป้ายไม้แกะสลักเป็นชื่อร้านติดอยู่ด้านหน้าประตูกระจกบานใส

ภายในร้านมีโต๊ะไม้ขัดมันเงาวับเรียงอยู่ด้านหนึ่งอย่างเป็นระเบียบ

มีตู้กระจกขนาดใหญ่อยู่ด้านในร้าน และภายในตู้กระจกนั้นก็เต็มไปด้วย

ถาดไม้บรรจุขนมสีสันสวยงาม เรียงรายอยู่หลายชนิด ทั้งทองหยอด

ทองเอก ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมน้ำดอกไม้สีหวานจัดอยู่มุมหนึ่ง ต่อด้วย

ถาดบรรจุขนมลืมกลืนสีชมพูและม่วงอ่อนมีหน้าสีขาวแต้ม ขนมทุกอย่าง

ทำเป็นชิ้นเล็กน่ารักพอดีคำ วางบนถาดไม้ที่รองด้วยใบตองสีเขียวสด

ยิ่งขับสีสันของพวกมันให้ดูน่ากินมากขึ้น กลิ่นหอมของเทียนที่ใช้อบขนม

กรุ่นออกมาจากด้านในร้าน ร่างสูงของชายหนุ่มผิวขาวจัดในชุดสีฟ้าอ่อน

มีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลสวมทับกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะไม้สูงเท่าเอวเขา นิ้วมือ

เรียวยาวของเขากำลังค่อยๆ ม้วนใบเตยสดและบิดมันเป็นดอกกุหลาบ

ใบเตยอย่างประณีต ใบหน้าที่มองปราดเดียวก็รู้ว่ามีสายเลือดตะวันตก

ผสมอยู่ครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มกำลังเพ่งความสนใจทั้งหมดไปยังช่อดอก

ใบเตยที่ตนเองกำลังทำ เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อค่อยๆ ม้วนแล้วใช้เทปใส

พันให้แน่น กันไม่ให้ดอกกุหลาบจากใบเตยที่ตนเองอุตสาหะประดิษฐ์

หลุดออก แล้ววางมันลงบนกระเช้าซึ่งมีใบตองจับจีบตกแต่งจนสวยงาม

มุมหนึ่งของห้องมีผู้หญิงวัยสี่สิบต้นยืนมองชายหนุ่มเจ้าของร้านจัด

ช่อดอกกุหลาบใบเตยลงบนกระเช้าด้วยสายตาชื่นชม

“เรียบร้อยแล้วนะ น้ามด เดี๋ยวน้ามดช่วยเก็บกวาดทีนะครับ ผม

จะได้เอากระเช้าไปให้สาวน้อยของผมเสียที”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปรางค์เงยหน้ายิ้มให้พี่มด หรืออังคณา คนที่เขาจ้างมาดูแลร้านนี้

อีกฝ่ายยิ้มกว้าง

“ได้ค่ะคุณปรางค์ คุณปรางค์ทำกระเช้าสวยจังเลยค่ะ”

อังคณาชมเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่ได้นับเสียแล้ว เพราะว่าตั้งแต่เมื่อ

สามปีก่อนที่ตนเองตัดสินใจมาสมัครงานตามป้ายประกาศหน้าร้านขนม

ไทยแห่งนี้ นางก็ได้เห็นฝีมือทำขนมและเจียนใบตองใบเตยของชายหนุ่ม

ตรงหน้ามานับครั้งไม่ถ้วน แม้จะจำไม่ได้ว่าชมเป็นครั้งที่เท่าไร แต่นาง

กลับจำครั้งแรกที่เห็นเขาทำได้อย่างแม่นยำ ตอนนั้นอังคณาเพิ่งมาทำงาน

วันแรก และคนที่รับตนเองเข้าทำงานก็เป็นลูกครึ่งหนุ่มหน้าตาดีมากๆ

คนนี้นี่เอง เขาแนะนำตัวด้วยภาษาไทยฉะฉานว่า

สวัสดีครับ ผมชื่อปรางค์

ตอนนั้นอังคณาก็ประหลาดใจที่ร้านขนมไทยมีหนุ่มลูกครึ่งฝรั่ง

เป็นเจ้าของร้าน แต่มาประหลาดใจมากกว่าอีกเมื่อได้ทำงานในร้านแล้ว

รู้ว่า บรรดาขนมทั้งหลายซึ่งวิธีทำยากและต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงนั้น

มาจากมือของชายหนุ่มคนนี้นี่เอง

“มันเป็นความสามารถที่ติดมากับสายเลือดมั้งครับพี่มด”

ปรางค์ยิ้มละมุนละไมให้อีกฝ่าย แล้วก็เดินไปล้างมือ ใช้ผ้าขนหนู

ซับน้ำจากมือจนแห้ง แล้วแขวนผ้าที่ราวซึ่งมีผ้าขนหนูแขวนเรียงสีไว้อย่าง

เป็นระเบียบ ภายในห้องทำขนมด้านในของร้านเรือนคุณยาย ทุกอย่าง

จัดวางอย่างเป็นระเบียบ บอกให้รู้ถึงอุปนิสัยของเจ้าของร้านเป็นอย่างดี

“เห็นจะจริงค่ะ”

อังคณาพยักหน้ารับ ทำงานกับเขามาสามปี สาวใหญ่พอจะรู้ว่า

ชายหนุ่มสืบทอดฝีมือทำขนมไทยมาจากคุณป้าของเขา คุณปริมที่ชอบทำ

ขนมไทยเช่นกัน และยังชอบมาทำขนมที่ร้านให้บ่อยๆ เวลาว่าง หรือ

อยากซ้อมมือ

“สวยจังเลย เป็นพี่ พี่ไม่กล้ากินแน่ๆ เลยค่ะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อังคณามองกระเช้าใบตองที่มีขนมชั้นจัดเป็นดอกกุหลาบสลับสี

สวยงามอยู่รอบนอก ล้อมขนมลืมกลืนและทองหยอดไว้ สวยจนไม่น่าเชื่อ

ว่าเป็นของที่กินได้

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

คนทำถ่อมตัว ใบหน้าที่เอนเอียงไปทางสวยมากกว่าหล่อคมคาย

ของเขาหันมายิ้มให้เธอ ปรางค์เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบพวงมาลัย

ขนาดเล็กออกมาวางบนกระเช้า ตรงมุมที่เขาเว้นไว้อย่างจงใจเพื่อวางมาลัย

โดยเฉพาะ

“โอย ยิ่งสวยเข้าไปใหญ่เลยค่ะ”

มาลัยนี่ชายหนุ่มก็ทำเอง เขาไม่ไว้ ใจพวงมาลัยที่ขายทั่วไป เพราะ

กลัวเจ้าของร้านจะฉีดน้ำยาอะไรที่ทำให้ดอกไม้อยู่ทน ประเดี๋ยวเอามา

วางไว้บนของกินอาจจะเป็นอันตรายได้ ยังดีที่บ้านคุณยายมีเนื้อที่

ค่อนข้างกว้างตรงมุมรั้วหลังบ้าน คุณยายให้ลงมะลิไว้หลายสิบต้น

ออกดอกขาวเต็มต้น เขาเลยไปเด็ดมาร้อยเองเสียเลย ฝีมือน้องๆ ชาววัง

ของคุณป้าปริม ไม่ได้มีแค่ฝีมือทำขนมไทยเสียหน่อย ฝีมือกรองดอกไม้

ร้อยมาลัยของคุณป้าเขาก็ใช่ย่อย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีครอบครัว ไม่มีสามี

และลูก หลานชายคนเดียวที่เลี้ยงมาเองตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างเขา

เลยได้รับการถ่ายทอดวิชามาจนหมดไส้หมดพุงครู

เสียงเพลงดังขึ้น เป็นเสียงของเครื่องตั้งสัญญาณเวลาคนเปิดประตู

เข้าร้านมา ทำให้อังคณากระวีกระวาดเดินออกไปหน้าร้านเพื่อรับแขก

ก่อนจะพบว่าเป็นคุณแม่และคุณป้าของชายหนุ่มนั่นเอง ปรายแก้วยิ้มให้

สาวใหญ่ที่ทำงานร้านนี้กับลูกชายตนมานาน แล้วเดินเข้ามาด้านใน

“ตาปรางค์”

“คุณแม่ มารับเองเลยหรือครับ ผมกำลังว่าจะเอาไปส่งให้พอดี”

“ป้าปริมชวนแม่มา บอกว่าไม่ได้มาดูร้านเรานานแล้ว”

ปริมเดินตามน้องสาวเข้ามา นางค้อนให้น้องสาวแล้วก็พูดเสียงสูง

 

 

 

 

 

 

 

 

“แน่นอนละย่ะแม่ปราย ร้านนี้ร้านศิษย์เอกพี่เลยนะ” ปริมยิ้มแล้ว

เดินมาดูกระเช้าขนมที่อยู่บนโต๊ะ หรี่ตามองอย่างสำรวจแล้วก็ยิ้มกว้าง

กว่าเดิม “หรู! ค่อยสมเป็นหลานป้าปริมหน่อย มาหอมแก้มทีหนึ่งเร็วเข้า

มะปราง”

ชื่อเล่นที่สงวนไว้ ให้คนในครอบครัวเท่านั้นเรียก ทำให้ปรางค์

ทำเสียงในลำคอเบาๆ แต่เขาก็เดินมาให้ป้าตัวเองกอดแต่โดยดี และ

ยังโน้มใบหน้าลงมาให้ปริมหอมแก้มของเขาฟอดใหญ่ทั้งซ้ายและขวา

ปรายแก้วมองลูกชายและพี่สาวของตนเองอย่างอ่อนใจ ก็เป็นเสียอย่างนี้

จะไม่ให้คนอื่นมองตาปรางค์ลูกชายของตนเองเป็นอื่นได้อย่างไร ปริม

เอามือลูบแก้มและคางของหลานชายอย่างพออกพอใจ

“ช่วงนี้กินเยอะขึ้นใช่ไหม มีเนื้อมีหนังมาหน่อย”

“เอาไว้ ให้คุณยายหยิกน่ะครับ”

“ปากดี ทำเหมือนยายเขากล้าหยิกเราจริงๆ จังๆ อย่างนั้นละ”

ปริมตบแก้มของหลานชายทีเล่นทีจริง แล้วก็เดินไปดูอย่างอื่น

นางแค่อยากแวะมาเที่ยวที่ร้านขนมหวานของหลานชายคนเดียวเท่านั้น

เลยชวนน้องสาวออกมารับขนมเอง ทั้งที่ปรางค์นัดว่าจะเอาขนมไปส่งให้

แม่เองที่บ้านของประไพเพื่อนน้องสาวตน

เมื่อมารดาและป้ามารับขนมไปแล้ว จากแผนที่ว่าจะออกไปข้างนอก

เพื่อส่งของให้เองก็เป็นอันพับไป ปรางค์ว่างเลยบอกให้อังคณาช่วยเฝ้า

หน้าร้าน ส่วนเขาจะขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน เพื่อใช้เวลาช่วงนี้ทำงาน

อีกอย่างของตนเอง ชายหนุ่มเป็นนักเขียนบทละครโทรทัศน์ ให้ทางช่อง

ดิจิทัลช่องหนึ่ง อันที่จริงงานของเขานั้นทีแรกบรรดา ‘สาวๆ’ ที่บ้านค้าน

หัวชนฝา ไม่ว่าจะเรื่องเปิดร้านขนม หรือว่าเรื่องรับงานเขียนบทละคร

โทรทัศน์นี่ เพราะคุณยายมั่นใจว่าเงินกงสีของครอบครัว เขาใช้จนตาย

ก็ไม่หมด แต่ปรางค์ก็ชักจูงอยู่สองสามวัน โดยวันสุดท้ายที่โน้มน้าว

สำเร็จนั้น เขาบอกว่า ร้านขนมใช้ชื่อว่าเรือนคุณยายเพราะหมายความว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หญิงชราคือคนที่เขารักมากที่สุด และงานเขียนบทละครโทรทัศน์ทำให้

เขามีโอกาสได้พบกับพระเอกหน้าหวาน ดาราขวัญใจของคุณยายเขา

ชายหนุ่มแอบอ้างว่าสามารถนำรูปพร้อมลายเซ็น แถมยังอัดคลิปวิดีโอ

ให้ดาราคนนั้นกล่าวทักทายและอวยพรคุณยายเขาให้สุขภาพแข็งแรง

ได้ด้วย

“ได้ค่ะ คุณปรางค์ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ดูแลร้านเองค่ะ”

อังคณารับคำอย่างแข็งขัน ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินขึ้นไปยังชั้นบน

อังคณาไปหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดทำความสะอาดเก็บกวาดห้องครัวด้านใน

จนเอี่ยมตามคำสั่งของปรางค์ แล้วสาวใหญ่ก็เดินออกมาด้านนอกร้าน

เสียงเพลงหน้าประตูดังอีกรอบเมื่อมีลูกค้าเข้าร้านมา อังคณายิ้มแย้ม

เอ่ยต้อนรับด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“เรือนคุณยาย ขนมไทยแสนอร่อยยินดีต้อนรับค่ะ”

คนที่เดินเข้าร้านมานั้นทำให้อังคณาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจระคนทึ่ง

ใบหน้ารูปหัวใจล้อมกรอบด้วยผมสั้นระต้นคอ เธอยิ้มตอบมา แล้วเดิน

มายืนหน้าตู้กระจกก่อนจะยกนิ้วที่ตัดเล็บสั้นมาตรงหน้าถาดขนมที่อยู่

ริมสุดตู้ด้วยน้ำเสียงกังวาน

“ขนมขี้หนูกล่องหนึ่งค่ะ”

“เอ่อ...” อังคณากะพริบตาปริบ มองถาดขนมที่คุณปรางค์ของเธอ

ทำป้ายเล็กๆ ติดไว้น่าเอ็นดูว่าขนมละอองฟ้า แล้วก็ยิ้มเจื่อนให้ลูกค้า

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024