วิวาห์จ้าง (เพลกาล)

วิวาห์จ้าง (เพลกาล)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715599
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 269.00 บาท 67.25 บาท
ประหยัด: 201.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

วิวาห์จ้าง

“เพลา...การแต่งงานไม่ใช่ทางออกของปัญหา แต่มันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก อย่าหนีใครด้วยการแต่งงานได้ไหม”

เสียงของมารดายังคงก้องดังในความคิด หลังจากที่หล่อนพาว่าที่เจ้าบ่าวมาแนะนำให้รู้จักเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไม่มีอาการตกใจที่ได้พบกันอย่างกะทันหันกับว่าที่ลูกเขย รวมถึงเรื่องแพลนแต่งงานที่หล่อนบอกเป็นนัย ๆ ว่าจะจัดขึ้นในเร็ววัน ไม่มีแม้กระทั่งคำถามหรือปัญหาใดๆ ดังที่คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องเตรียมรับมือ มีเพียงคำบอกกล่าวของมารดาที่มีต่อเขา

“ลูกสาวฉันอาจจะแปลกกว่าผู้หญิงทั่วไป วันๆ ถ้าเห็นเธอสนใจแต่งานโดยไม่สนใจคุณ ก็อย่าโกรธยายเพลาเลยนะคะ”

ซึ่งมันนับเป็นการขอร้องมากกว่าคำบอกกล่าวทั่วไปสำหรับทั้งว่าที่แม่ยายและลูกเขย แทนที่จะคุยถึงเรื่องสินสอดหรือเอ่ยถามประวัติส่วนตัว กลับมาเตือนเขาว่าอย่าโกรธหล่อนในเรื่องนิสัยส่วนตัว

ญาณกาลนั่งมองดูตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ นัยน์ตาคู่สวยกำลังพินิจรายละเอียดบนใบหน้าที่ตอนนี้ถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางราคาแพง พร้อมกับชุดสีขาว ใช่แล้ว ‘ชุดแต่งงาน’ ว่าตัวหล่อนนั้น กำลังเป็นเจ้าสาว ถึงแม้จะผ่านงานหมั้น ในช่วงเช้ามาแล้ว แต่ก็ยังอดที่จะย้ำกับตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นคืออะไร...เกมการแต่งงานเดินทางมาไกลแล้วจริงๆ หรือกำลังเริ่มต้นอย่างที่มารดาได้บอกไว้ แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็กำลังทำให้ความกดดันทางสังคมหายไป มารดาจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามใครต่อใครเรื่องของหล่อน แถมยังสามารถทำตามความฝันเรื่องการทำงานต่อไปได้...ชีวิตใหม่ที่ไม่มีใครให้ต้อง ‘รอคอย’ กำลังจะเกิดขึ้นหมดสิ้นกันทีความทุกข์และน้ำตา ต่อไปนี้จะได้ไม่เอาหัวใจไปผูกไว้กับใครอีกต่อไป โดยเฉพาะกับ ‘บางคน’ ที่หล่อนควรทิ้งไว้ให้เหลือแค่ในอดีต

และในการแต่งงานครั้งนี้ก็ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอย่างไรเสียผู้ชายที่หล่อนแต่งงานด้วย...ก็ไม่ใช่ผู้ชาย

แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น มีบางอย่างที่ไม่ได้เป็นไปดังหวัง งานแต่งที่คิดอยากจะจัดขึ้นแบบเล็ก ๆ ที่บ้านของตัวเอง มีเพียงคนในครอบครัวเป็นแขก ส่วนค่าใช้จ่ายก็ได้เอ่ยปากกับเขาว่าจะจัดการแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเขามีหน้าที่เป็นแค่เจ้าบ่าวเท่านั้น หากแต่หล่อนกลับลืมไปเสียสนิทว่าเจ้าบ่าวที่จ้างมานั้นไม่ได้มีแค่พ่อและแม่ของเขาที่ต้องเชิญมาร่วมงาน แต่ยังมีคนอื่นๆ ตามวิสัย นามสกุล ‘จักรโยธิน’ ตระกูลคนรวย แม้ว่าจุลจักรจะบอกอยู่เสมอว่าตัวเขาเองเป็นลูกนอกสมรสก็ตาม และค่าใช้จ่ายทุกอย่างจักรโยธินจะไม่ยอมให้หล่อนต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว

งานแต่งแบบเล็กๆ ตามที่คิดไว้เปลี่ยนไปจากแผนเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะงานถูกจัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูในเครือที่จักรโยธิน  เป็นเจ้าของ ถึงแม้จะจำกัดจำนวนแขกในงานให้มีเพียงครอบครัวและญาติสนิท แต่จำนวนก็สูงถึงร้อยกว่าคน ชุดแต่งงานที่ตัดเย็บขึ้นมาใหม่โดยดีไซเนอร์ชื่อดัง ตามคำสั่งว่าที่แม่สามี รวมถึงการเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ญาณกาลมักจะโดนคุณไพลิน...แม่ของจุลจักรบ่นน้อยใจอยู่บ่อยๆ ว่าปล่อยให้หล่อนรอคอยอยู่ที่สปานานเป็นชั่วโมง ถึงแม้จะได้รับการเอ่ยปากชมว่าลูกชายหาสะใภ้มาให้ได้สวยถูก ใจ แต่ก็แอบมีนิสัยไม่ค่อยรักสวยรักงามไปหน่อยจนคนเป็นแม่เหนื่อยใจ โดยที่ญาณกาลเองก็เหนื่อยใจไม่แพ้กัน

ถึงกระนั้น ...ความเหนื่อยใจก็ยังไม่จบสิ้นเมื่อมาเจอสินสอดมูลค่าหลายสิบล้านที่เจ้าสัวอนันต์นำมาหมั้นในช่วงเช้า ญาณกาลถึงกับอยากจะพูดปฏิเสธกลางงาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะงานหมั้นที่ไหนกันที่เจ้าสาวจะลุกขึ้นมาปฏิเสธสินสอดตรงหน้า แล้วบอกว่า ‘แต่งกันแค่ปลอมๆ อย่าลงทุนอะไรเยอะเลยค่ะ...’

เพียงแค่คิด เส้นเลือดในสมองก็แทบแตก จึงทำได้แต่สูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ ยิ้มหวานให้กับช่างภาพ แล้วกระซิบเบาๆ กับเจ้าบ่าวที่กำลังสวมแหวนหมั้นว่า

“ทำไมนายถึงไม่บอกเรื่องสินสอดกับคุณพ่อคุณแม่ว่าฉันไม่อยากได้!”

ก่อนจะก้มลงกราบไปที่ตักตามธรรมเนียมแบบไทยๆ ครั้นพอจะเงยหน้า ก็เผลอโดนคนขโมยหอมแก้มไปแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมคำกระซิบกลับ...

“แม่คงดีใจที่ผมหาลูกสะใภ้ให้ท่านได้ ไม่ใช่ลูกเขย...เพราะฉะนั้นเพลารับไปเถอะครับ”

ญาณกาลรีบเงยหน้าขึ้นทันที ท่ามกลางเสียงแซวและหัวเราะของแขกเหรื่อมากมาย โดยเฉพาะคุณไพลินที่แอบตีแขนลูกชายตัวดี แต่จุลจักรใช่ว่าจะสนใจ เขาได้แต่ยิ้มจนทำให้คนถูกหอมอย่างญาณกาลได้แต่เอามือลูบแก้มเบาๆ โดยไม่แสดงกิริยาอะไร มีเพียงเสียงร้องโวยวายในใจที่ดังกระหึ่มจนจะล้นออกมา

‘คิดว่าเป็นเกย์แล้วจะแกล้งกันได้ตลอดหรือไง...จ้างมาถูกคนหรือเปล่า’

“เจ้าสาวของผมสวยมากเลยนะ”

เสียงที่ลอยมาจากด้านหลัง ทำให้ญาณกาลตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิดแล้วมองดู ‘เจ้าบ่าว’ ผ่านกระจกเงาตรงหน้า...     จุลจักรในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับสูทดำ ช่างดูเข้ากับเขาจนหล่อนเกือบลืมภาพลักษณ์เดิม แว่นตาที่สวมใส่จนชินตาถูกแทนที่ด้วยคอนแท็คท์เลนส์กับทรงผมที่ตัดและจัดทรงใหม่ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ชายหนุ่มยังคงดูดีและดีมากกว่าตอนสมัยมหาวิทยาลัยเสียอีก สายตาจับจ้องดูใบหน้าอย่างสำรวจ จุลจักรหน้าตาดีตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งเป็นดาวเด่นเฟรชชี่ ที่ทั้งป็อปปูลาร์ในหมู่    บรรดาชายและหญิง ไม่ใช่เพราะแค่หน้าตา แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยพูด ดูขี้อายของเขา และยังเรียนคณะแพทยศาสตร์ เลยทำให้เป็นที่สนใจกันมากสำหรับเฟรชชี่ด้วยกันเอง

ญาณกาลจำได้ว่าในสมัยเรียนนั้นเขาไม่ได้สวมแว่นตา ก็เพราะเคยได้มองตาเขาตอนเล่นกิจกรรมรับน้องใหม่รวมทั้ง     มหาวิทยาลัยครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย แม้จะมีข่าวลือที่ดังสนั่นจนทำให้คนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องชาวบ้านแบบหล่อนยังได้ยิน ว่าแท้จริงแล้วเขานั้นมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน ถึงขนาดเปิดตัวคบกันกับเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชาย             ในช่วงที่หล่อนเรียนปีที่สาม หลังจากนั้นก็ได้มาเจอเขาในมาดคุณหมอผู้เรียบร้อยที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จนมาถึงตอนนี้เขาก็ยังดูดีไม่เปลี่ยน “นายก็เหมือนกันนะ คุณหมอไม่ใส่แว่นแล้วดูดีขึ้นเยอะ”

“เพลาชอบไหม” จุลจักรเลิกคิ้วสูงถามอย่างแปลกใจ “เห็นจ้องผมตั้งนาน นึกว่าจะชมมากกว่านี้ซะอีก” เขาคาดหวังไว้ในใจบ้างเล็กน้อย หวังให้หล่อนพูดอะไรมากกว่านี้ ผิดกับเขา เพียงแค่ชุดไทยเมื่อเช้าสาวเจ้าก็สวยหวานจนเขาลืมไปแล้วว่านี่เป็นงานแต่งกำมะลอที่หญิงสาวจ้างเขาเป็นเจ้าบ่าว แต่พอยิ่งมาเห็นหล่อนในชุดแต่งงานตอนนี้ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าญาณกาลคือเจ้าสาวของเขาที่สวยมากจริงๆ

“บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่วันนี้นายก็ดูดีขึ้นจริงๆ นะ หรือจะเป็นเพราะตัดผม หรือเป็นเพราะสูท หรือเป็นเพราะไม่ใส่แว่นกันนะ” ญาณกาลพึมพำเบาๆ สายตาไล่มองจุลจักรที่กำลังเดินเข้ามาหาหล่อน ยิ่งเมื่อเขาเข้ามานั่งใกล้ๆ สมองก็ยิ่งไม่อาจหา   คำตอบได้เลยว่าเพราะอะไร ทั้งหัวใจที่เต้นแรงมากขึ้นจนเกือบเชื่อจริงๆ แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายแท้ๆ

“แต่ผมรู้นะว่าเพราะอะไร”

“เพราะ?” ญาณกาลมองหน้าเขางงๆ ดวงตาจ้องลึกเข้าไปราวกับจะค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ยิ่งมองเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งร้อนๆ หนาวๆ

“เพราะเพลาไง...”

“หา! อะไรนะ” ญาณกาลนั่งมองจุลจักรอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าเขาจะตอบเช่นนี้จนชายหนุ่มนึกขำในปฏิกิริยาของหล่อน

“ผมล้อเล่น ...นี่ครับดอกไม้” ชายหนุ่มยิ้มร่าพร้อมกับส่งช่อดอกไม้ที่อุตส่าห์เอาหลบไว้ด้านหลังเพราะถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ ญาณกาลอาจจะเผลอลงไม้ลงมือกับเขาก็เป็นได้

“คิดจะทำอะไรของนายเนี่ย”

ญาณกาลนั่งอึ้งจ้องมองช่อดอกไม้สลับกับหน้าของจุลจักร นึกไม่ถึงเลยว่าคนเรียบร้อยเช่นเขาจะมากล้าเล่นมุกแบบนี้   กับหล่อนได้ พวกเกย์เขาชอบเล่นอะไรแบบนี้กับผู้หญิงหรืออย่างไรกัน หรือคิดจะทดสอบจิตใจ แต่ไหงพิภูถึงไม่เล่นอะไรแบบนี้กับ หล่อน เจอกันทีไรก็จ้องแต่จะเมาท์เรื่องผู้ชายที่แอบชอบให้ฟังอยู่ร่ำไป ตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งทำงาน

“ผมแค่ให้ดอกไม้เอง”

“แล้วเอามาให้ทำไมล่ะ”

“ผมเห็นเพลาชอบวาดภาพดอกไม้ ก็เลยนึกว่าชอบน่ะสิ”

“นั่นมันงาน เขาจ้างวาดก็เลยวาด”

“สรุปว่าไม่ชอบดอกไม้ใช่ไหม”

“ไม่ได้ไม่ชอบ ก็สวยดี ว่าแต่เป็นบริการจากทางโรงแรมเหรอ” หญิงสาวถามพลางดมดอกไม้อย่างชอบใจ

“เปล่าครับ” จุลจักรยิ้ม “บริการจากลูกชายเจ้าของโรงแรม”

คราวนี้หล่อนถึงกับนิ่งไปกับคำตอบของเขา แม้จะพยายามเข้าใจว่าเขาทำตามหน้าที่ หรืออาจจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่ถึงอย่างนั้น คำถามในใจก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี

“จุลจักร นายไม่ต้องทำอะไรขนาดนี้ก็ได้ แค่เรื่องที่ฉันจ้างนายมาแต่งงานมันก็เกินพอแล้ว ไหนจะเรื่องครอบครัวนาย สินสอด แล้วก็แม่ฉันมันมากเกินกว่าที่ฉันคิดไว้แล้ว แค่นายช่วยอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ฉันเข้าใจละว่าสิ่งที่นายกำลังทำมันก็เพื่อ...” ญาณกาลอยากจะบอกเหลือเกินว่าตอนนี้ในใจของหล่อนอึดอัดไปหมดแล้วสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น รวมถึงตัวจุลจักรเองก็อยากให้เลิกทำอะไรเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นเหมือนว่าเป็นการแต่งงานจริงๆได้แล้ว

“แค่ให้ดอกไม้เจ้าสาวของตัวเอง...มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำ” จุลจักรตอบเสียงเรียบ “เรื่องว่าจ้างก็ยังคงเป็นไปตามที่ตกลง ผมถูกจ้างให้แต่งงานเรื่องสินสอดเพลาก็รับไว้เถอะครับ ครึ่งหนึ่งผมให้คุณแม่เพลา ส่วนอีกครึ่งถ้าไม่อยากเก็บไว้ให้ตัวเองก็เก็บไว้ให้ลูก เพราะยังไงค่าจ้างที่ผมต้องได้ก็คือลูก...ไม่ใช่เงิน ส่วนวิธีที่จะมีลูก เอาไว้ผมจะปรึกษาหมอด้านนี้ก่อนแล้วกัน”

จุลจักรพยายามไม่มองหน้าเจ้าสาว ได้แต่หันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ พลันรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อนจะเอ่ยบอกกับ เธอทันที “เราควรลงไปข้างล่าง แขกคงมาเยอะแล้ว”

“อะ...อืม” ญาณกาลพยักหน้ารับรู้ กำลังจะก้มลงสวมรองเท้า แต่ไม่ทันจะทำการตามที่คิดไว้ ด้วยความเร็วของชายหนุ่มตรงหน้าก็สามารถคว้ารองเท้าสีครีมได้ก่อน

“ถือดอกไม้ไว้ ส่วนรองเท้าเดี๋ยวผมใส่ให้”

พูดจบ เท้าเรียวของญาณกาลก็ถูกยกขึ้นเพื่อสวมรองเท้าส้นสูงในมือชายหนุ่ม โดยที่หล่อนไม่สามารถจะทักท้วงอะไรได้ เพราะท่าทางที่ดูจริงจังของเขาจึงทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก ภายในใจพยายามย้ำเตือนถึงเหตุผลที่ทำให้เขาและหล่อนมาแต่งงานกัน ด้วยไม่อยากให้เรื่องราวหลังจากการเลิกราในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าต้องทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะญาณกาลนั้นสุด แสนจะเกรงใจเจ้าสัวอนันต์และคุณไพลินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะมูลค่าเงินสินสอด หากแต่เป็นความเอ็นดูที่ท่านทั้งสองเมตตา นับตั้งแต่ได้มีโอกาสไปกราบแนะนำตัวครั้งแรก จนถึงตอนนี้หล่อนก็รู้สึกราวกับเป็นลูกสาวของบ้านนั้นไปอีกคน ดีเท่าไรที่ไม่ได้เผลอตัวจดทะเบียนสมรสตามคำขอร้องของพวกท่านในตอนแรก ไม่เช่นนั้นเรื่องน่าหนักใจคงจะมีให้คิดมากกว่านี้

แต่จุลจักรอาจคิดแค่ว่า การแต่งงานครั้งนี้เพียงเพื่อเป็นโอกาสให้เขามีลูกเป็นของตัวเองเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็เข้าใจว่า...ผู้ชายประเภทจุลจักรกับโอกาสที่จะมีลูกเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก

รายละเอียด

ญาณกาล...สถาปนิกสาวสวยที่ " โสด "จนอายุใกล้เลขสาม ต้องหาทางออกให้กับความกดดันทางสังคมเรื่องการแต่งงานและปัญหาหัวใจที่ปิดตายมานาน ด้วยการคว้าชายหนุ่มมาเพื่อทำการตัดปัญหาโดยการแต่งงาน
 
แต่การว่าจ้างครั้งนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดเงินหนึ่งล้านบาทไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
 
จุลจักร...ผู้ชายรักร่วมเพศ เพื่อนสมัยมหาลัยที่ขอเปลี่ยนค่างจ้างจากเงินมาเป็นอย่างอื่น
 
 
"ไหนๆผู้ชายรักร่วมเพศอย่างผมคงหมดโอกาสมีลูกเป็นของตัวเอง งั้นค่าจ้างครั้งนี้เปลี่ยนจากเงิน เป็นการที่เพลามีลูกให้ผมได้มั้ย"
 
ญาณกาลจะตกลงกับข้อเสนอครั้งนี้อย่างไร ? เมื่อยิ่งมองใบหน้าหวานๆของคนตรงหน้ามันยิ่งทำให้เธอลังเลใจ
 
ถ้าลูกเกิดมา จะต้องเรียกใครว่า แม่ ล่ะ !!
 
แต่นายจุลจักรนี่ก็หน้าตาดีใช่เล่นลูกของเราจะต้องออกมาน่ารักแน่ๆ
 
"แล้วถ้าฉันจะมีลูกกับนายจริงๆ เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง"
 
สิ่งที่เธอหมายถึงคือหากไม่ได้มีแบบวิธีธรรมชาติ จะสามารถพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่ทางการแพทย์ได้ไหม
 
คุณหมอหน้าหวานกลอกตาไปมาพลางว่าไปแบบซื่อๆกับหญิงสาวตรงหน้า
 
"แบบคลาสสิคเลย เพลาไม่ต้องกลัวนะผมทำเป็นทุกขั้นตอน !! "

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024