รักสุดใจ (พันธิตรา)

รักสุดใจ (พันธิตรา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715483
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 247.00 บาท 61.75 บาท
ประหยัด: 185.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

าจารย์อรรถพลกับดอกเตอร์ชนมนยืนกอดอกยิ้มน้อย

ยิ้มใหญ่เมื่อในที่สุดก็สามารถผลักดันให้ ดอกเตอร์จิรายุ วรรณกร

อาจารย์สาวคนสวยอีกคนหนึ่งของภาควิชาเคมียอมสวมใส่ชุดราตรี

ผ้าซาตินสีเหลืองทองตัวนี้ได้สำเร็จ คนสวยที่ไม่ค่อยจะรู้ตัวว่าสวยยัง

คงยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างไม่อยากเชื่อ

“แจนบอกพี่ไผ่แล้วว่าสวยแน่ๆ”

ชนมนยังชมเปาะไม่ขาดปาก จิรายุเองก็พอรู้ตัวอยู่บ้างว่า

เธอเองมีรูปร่างสูงโปร่ง อกและเอวชัดเจนจนหลายๆ คนอิจฉา เธอ

จัดว่าเป็นคนหุ่นดีมากๆ คนหนึ่ง แต่เพราะผ้าซาตินพลิ้วแนบเนื้อนี้

ถ้าหุ่นไม่เจ๋งจริง หลายๆ คนเคยถูกชุดฆ่าตายมานักต่อนักแล้ว ครั้น

เมื่อชนมนและอรรถพลเอ่ยปากเชียร์คนหุ่นดีอย่างจิรายุจึงเกิดอาการ

ลังเลให้เห็น

“แหม ได้ข่าวว่างานพรุ่งนี้เพื่อนเจ้าบ่าวโสดหลายคนนะคะ

คงมีคนเหลียวมองพี่ไผ่กันบ้างละ”

“เหลียวเฉยๆ ไม่ได้นะ รุ่นนี้ต้องรีบแล้ว”

จิรายุค้อนขวับทันที แน่นอนถึงแม้จะสวย การศึกษาดี ดีกรี

นักเรียนนอก แต่เรื่องคู่ครองช่างอัตคัดนัก

“กว่าจะเรียนจบก็ปาเข้าไปยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้วจ้ะพ่อคุณ

ดูอย่างอาจารย์ตู่เจ้าสาวของเรายังสามสิบเอ็ดพี่เพิ่งจะยี่สิบเก้าเฉียดๆ

สามสิบ ยังพอมีเวลาน่า” ไม่รู้ปลอบใจตัวเองหรือปลอบใจใคร แต่

จิรายุรู้ดี อายุไม่ใช่ปัญหา หากยังไม่เจอคนที่ใช่ เธอไม่มีทางแต่งงาน

มั่วๆ เด็ดขาด

“พรุ่งนี้ไปบ้านแจนนะคะพี่ไผ่ พี่จอยจะช่วยพวกเราแต่งหน้า

ทำผมค่ะ”

“เกรงใจพี่สาวแจนจัง พี่ไปที่ร้านก็ได้จ้ะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ นิดหน่อยเอง พี่จอยเขาอาสา รายนั้นเขา

มืออาชีพแต่ไม่ค่อยได้ใช้วิชา เลยอยากแสดงฝีมือน่ะค่ะ แล้วเราจะได้

ไปงานพร้อมกัน คุณพิงจะขับรถมาส่งค่ะ” ชนมนเอ่ยถึงสามี

ดังนั้นในตอนบ่ายวันถัดมา จิรายุจึงแบกชุดราตรีตัวสวยมา

ที่บ้านของชนมนตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อมาถึง ชนมนแต่งหน้าทำผม

ล่วงหน้าไปบ้างเล็กน้อยด้วยฝีมือของพี่สาวคนสวย โดยมีสามีที่ควรจะ

มารับตอนเย็นนั่งรออยู่เรียบร้อยแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณพิง”

“ครับผม” พิธานเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังตั้งใจอ่านอย่าง

ขะมักเขม้นเมื่อได้ยินเสียงทัก

“เอ๊ะ ไปด้วยเหรอคะ แต่งตัวหล่อเชียว แจนบอกว่าคุณพิง

ไปไม่ได้ ไผ่ยังแปลกใจเลย ปกติไม่เห็นยอมให้แจนฉายเดี่ยวสักที”

พิธานยิ้มเขินๆ เมื่อเจอคำชมซึ่งๆ หน้า เขาก้มมองชุดสูท

สากลของตัวเอง “ไป แต่คนละงานครับ พอดีมีงานของคนรู้จักจัด

โรงแรมเดียวกัน เวลาเดียวกันนี่แหละครับ ผมกับแจนเลยต้องแยกกัน

ไปคนละที่”

จิรายุพยักหน้าอย่างเข้าใจ ชนมนจะเบี้ยวไปงานเดียวกับสามี

ก็คงไม่ได้ เพราะงานนี้เป็นงานแต่งงานยักษ์ของอาจารย์สาวคนสวย

อีกคนของภาควิชาที่ชนมนค่อนข้างสนิทสนม

“งานนั้นก็คงไม่ใช่คนรู้จักธรรมดาสินะคะ คงสำคัญเหมือน

กัน คุณพิงถึงเบี้ยวมาคุมแจนไม่ได้”

พิธานหัวเราะเบาๆ กิตติศัพท์ความหวงเมียของเขาเป็นที่

รู้กัน “ครับ กำลังคิดว่าจะมีธุรกิจร่วมกัน” จิรายุพยักหน้าเข้าใจ

พิธานจัดการเชิญเพื่อนร่วมงานของภรรยาไปยังห้องที่สาวๆ

ใช้เป็นสถานที่แต่งตัว จิรายุเพิ่งเคยมาที่บ้านของชนมนเป็นครั้งแรก

จึงออกจะมึนงงไม่น้อย

ผ่านไปร่วมสองชั่วโมง ชลกรจึงจัดการตกแต่งสาวสวยทั้ง

สองคนให้ออกมางามอย่างไร้ที่ติ พิธานส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้

 

ภรรยาอย่างไม่ปิดบัง ตั้งแต่แต่งงานกันมา วันนี้เป็นอีกวันที่ภรรยาของ

เขาสวยมากๆ แต่กับเพื่อนรุ่นพี่ของภรรยาเขานี่สิ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ

ว่าแต่งออกมาแล้วจะสวยชวนตะลึงขนาดนี้

“นี่คนสวยอยู่แล้วหรือว่าจอยเขาฝีมือขั้นเทพกันแน่ครับ”

จากที่เขินอายสายตาคนมอง จิรายุกลับขำเพราะคำหยอกเย้าของพิธาน

“วัตถุดิบต้องดีก่อนจ้ะ ไผ่น่ะสวย เสียแต่ว่าแต่งตัวน้อยไป

หน่อย” ชลกรการันตีความงามของจิรายุอีกคน

“แหม ทำงานแบบแจนกับพี่ไผ่จะเอาเวลาที่ไหนไปแต่งตัว

คะ เวลามีใครแต่งงานทีหนึ่งพวกเราดีใจกันแทบแย่ เพราะได้หาเรื่อง

แต่งตัวสวยๆ กับเขามั่ง” จิรายุรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับรุ่นน้อง ไม่ใช่

ว่าเธอไม่อยากจะสวย ความสุขของผู้หญิงต้องมีเรื่องความงามเข้ามา

เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน แต่เพราะงานที่รัดตัว ภาระหน้าที่สอนหนังสือ

ภาระการทำวิจัย การเป็นที่ปรึกษาของเด็กมากมาย ทำเอาเวลาที่จะ

คิดมาแต่งตัวหายไป บางครั้งเธอยอมเอาเวลาแต่งสวยนี้ไปนอนแทน

“โชคดีของฉันที่ไม่เรียนแบบพวกเธอ” เจ้าแม่ความงามอย่าง

ชลกรถึงกับเปรยออกมาด้วยท่าทางโล่งอก

“เอาละๆ ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ สนุกให้เต็มที่นะจ๊ะ ยังไง

พรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์”

จิรายุเดินตามหลังคู่สามีภรรยามาเงียบๆ จนกระทั่งถึงหน้า

ห้องจัดเลี้ยงที่เป็นงานแต่งงานระดับมหาเศรษฐีซึ่งพิธานกำลังขอตัว

เข้าไปข้างใน หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบๆ งาน แขกเหรื่อที่มา

มีทั้งไทยและต่างประเทศ คงเป็นงานนักธุรกิจดังจริงๆ

“เจ้าบ่าวงานนี้เป็นฝรั่งแฮะ” จิรายุก้มหน้าคุยกับชนมนขณะ

ที่ทั้งสองกำลังสาวเท้าผ่านหน้าห้องจัดเลี้ยงนี้เพื่อไปยังอีกงาน

“ลูกครึ่งน่ะค่ะ ไทย-สวีเดน” จากที่เห็นชื่อนามสกุลของ

เจ้าบ่าว ลาร์ส แอนเดอร์สัน จิรายุก็พอจะเดาได้ และก็ตรงตามข้อมูล

ที่ชนมนบอก

 

“เขาทำธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน ของตกแต่งในบ้าน เน้น

ดีไซน์ที่ค่อนมาทางเอเชีย วินเทจนิดๆ ค่ะ ชื่อมาร์แอนด์นิล มีสาขา

เกือบทั่วโลกนะ แต่ฐานการผลิตส่วนมากอยู่ทางเอเชียนี่แหละ จีนกับ

อินเดียเป็นหลักเลย”

“คุณพิงบอกพี่ว่าอาจจะมีธุรกิจร่วมกัน”

“ใช่ค่ะ แม่คุณลาร์สเป็นคนไทยค่ะ คุณพ่อเขาเป็นชาวสวีเดน

แต่จริงๆ ตอนนี้คนที่คุมมาร์แอนด์นิลจริงๆ คือคุณอีริก พี่ชายคุณลาร์ส

ค่ะ แล้วก็มีน้องสาวคนเล็กอีกคนหนึ่ง เมื่อสัปดาห์ก่อนคุณพิงเพิ่งไป

คุยงานกับเขามาค่ะ เพราะว่าคุณพิงสนใจจะเจาะตลาดใหม่ อยากเอา

ของที่เหลือจากการแปรรูปไปทำเป็นของตกแต่ง แล้วคุณมารีน้อง

คนเล็กก็สนใจเหมือนกัน เลยให้คุณพิงไปคุยกับคุณอีริก”

“แต่พี่ยังไม่เคยเห็นยี่ห้อนี้ในไทยเลยนี่นา”

“ตอนนี้มีร้านเล็กๆ ในห้างค่ะ เพิ่งเจาะเข้ามาเมื่อไม่นานนี้

เอง แต่ตามต่างประเทศเขามีร้านใหญ่เลยค่ะ แว่วข่าวมาว่าเจ้าสาว

ของคุณลาร์สเป็นคนไทย หลังจากแต่งงานเขาจะปักหลักที่นี่เพื่อเปิด

สาขาที่นี่และทำเป็นร้านใหญ่เหมือนกันค่ะ”

“อุ๊ย!” จิรายุอุทานก่อนรีบจับแขนของชนมนไว้ เมื่อจู่ๆ ก็มี

คนมาขวางหน้าทั้งๆ ที่เธอกับชนมนกำลังจะเลี้ยวเข้าห้องจัดเลี้ยง

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง คุณอีริกต้องการคุยกับคุณครับ”

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งตามสไตล์คนตะวันตกตรงหน้าของเธอพ่นภาษา

อังกฤษออกมาเร็วปรื๋อ จิรายุหันมองหน้าชนมนที่กำลังมองเธออยู่

เช่นกัน ลักษณะการพูดของพ่อหนุ่มผมทองซึ่งเอาแต่จ้องมาที่จิรายุก็

พอจะทำให้เดาได้ว่าคนที่คุณอีริกของเขาต้องการพบเป็นใคร

จิรายุเงยหน้ามองหนุ่มผมทองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะกวาด

สายตามองไปรอบๆ เผื่อจะได้เห็นคนที่ใช้ให้นายคนนี้มาพูดกับเธอ

แต่มองไปก็เท่านั้นเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของเขา ถึงเขาจะอยู่

แถวนี้จริง เธอก็คงจะไม่รู้อยู่ดี

“นี่ครับนามบัตรของท่าน” จิรายุไม่ได้ยื่นมือไปรับนามบัตร

 

นั้น หญิงสาวเพียงอ่านผ่านๆ ชื่อ อีริก แอนเดอร์สัน ปรากฏชัดเจนอยู่

บนกระดาษแผ่นเล็ก แน่นอนว่าต้องเป็นคนเดียวกับเจ้าของธุรกิจ

ยักษ์ใหญ่ที่เธอกับชนมนกำลังพูดถึงแน่ๆ นอกจากชื่อเสียงเรียงนาม

หมายเลขโทรศัพท์ และตำแหน่งแล้ว ด้านล่างของนามบัตรยังมีลายมือ

หวัดๆ เขียนหมายเลขห้องที่จะให้เธอไปเจอกำกับไว้ด้วย

“ฉันไม่ได้ทำธุรกิจค่ะ และไม่รู้จักเจ้านายของคุณด้วย ต้อง

ขอโทษด้วยนะคะ” จิรายุเบี่ยงกายพร้อมกระตุกมือของชนมนให้ไปจาก

จุดนั้นทันทีที่พูดจบ แต่หนุ่มผมทองผู้จงรักภักดียังไม่วายก้าวมาขวาง

หน้าเธอไว้อีกจนได้

“ท่านเชิญคุณไปทำความรู้จักครับและท่านไม่ได้ต้องการจะ

คุยเรื่องธุรกิจ” กลิ่นแปลกๆ ชักจะโชยมาจนจิรายุต้องหันไปสบตากับ

ชนมนอีกครั้ง หญิงสาวไม่พูดอะไรกับหนุ่มผมทองคนนั้นอีก แต่กลับ

เบี่ยงตัวและรีบเข้าไปในงานอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มแปลกหน้าตาม

เธอไม่ทัน

ร่างสูงของคนที่แอบมองอยู่ไกลๆ ถึงกับกัดกรามเป็นสันนูน

ด้วยความขัดใจ แก้วไวน์ในมือถูกยกขึ้นจิบก่อนจะหลับตาสกัดกลั้น

อารมณ์โกรธ

แวบแรกที่เห็นผู้หญิงชุดเหลืองทองเดินผ่านมาหน้างานและ

หยุดอยู่สักพัก เขายืนมองเธออย่างตกตะลึงในความสวย ความรู้สึก

ย่ามใจว่าเธอคงมางานของน้องชายจึงทำให้อีริกไม่ผลีผลาม เขายังมี

เวลาทำความรู้จักกับเธอ แต่เพราะเพียงไม่นานหญิงสาวกลับเดินเลย

ไป เขาก็นึกได้ว่ามีงานแต่งงานอีกงานที่จัดห้องถัดไปเวลาเดียวกัน จึง

รีบสั่งให้มาร์คัสคนสนิทตามไปดักเธอไว้

แต่ดูเหมือนสาวสวยจะไม่ให้ความสนใจข้อเสนอของเขา

เป็นเพราะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าเขาหล่อและ

รวยแค่ไหนหรือเปล่า ถึงได้ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยขนาดนั้น แบบนี้ต้อง

เจอกันสักตั้ง

“คอยสังเกตเอาไว้ ฉันต้องเข้าไปในงานแล้ว เธอออกมา

 

 

เมื่อไรบอกฉันด้วย” ทันทีที่มาร์คัสเดินกลับมาหา อีริกก็สั่งการอย่าง

รวดเร็ว

อีกห้องถัดไป หลังจากหลบเข้ามาได้อย่างรวดเร็วแล้วจิรายุ

ยังไม่หายตกใจ หญิงสาวยังคงจับมือชนมนไว้แน่น พยายามจะควบคุม

การเต้นของหัวใจให้เป็นปกติเสียที

“บอกแล้วว่าต้องสวยจนคนตะลึงแน่ๆ แล้วมันก็จริงเสียด้วย

เห็นไหมคะ”

จิรายุหันไปมองหน้าชนมนทันที นึกอยากจะตำหนิว่ายังมี

อารมณ์มาพูดเล่นในเวลานี้ แต่หน้าตาซีดๆ กับยิ้มเซียวๆ นั่นทำให้

เธอเข้าใจว่าชนมนเอ่ยประโยคนี้ออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความตกใจของ

ตัวเองเสียมากกว่า

“สวยแบบนี้ไม่เอานะ น่ากลัวเกินไป”

“นั่นสิคะ แจนไม่คิดเลยนะคะว่าจะมีการส่งนายหน้ามาติดต่อ

ไปพบที่ห้องกันแบบนี้ด้วย”

“อืม พี่ก็งงเหมือนกัน หรือเราสองคนจะอยู่ในโลกแคบๆ

ของคุณครูคร่ำครึกันจนเกินไป จริงๆ เขาอาจจะทำกันแบบนี้เป็นเรื่อง

ปกติ” จิรายุแค่นหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน

“แจนจะถามคุณพิง ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณอีริกจะร้ายขนาดนี้

มิน่าล่ะ สามสิบกลางๆ แล้วถึงยังไม่แต่งงานเสียที เพราะเป็นเสือผู้หญิง

แบบนี้นี่เอง”

“แต่หยาบคายมากเลยนะที่มาชวนขึ้นห้องแบบนี้ ถึงจะเป็น

เสือผู้หญิงก็เรื่องของเขา แล้วก็น่าจะไปทำกับคนที่เขาเต็มใจ ไม่ใช่มา

ตื๊อแบบนี้” จากอาการกลัวกลายเป็นอารมณ์โกรธ จิรายุคงยังไม่รู้ว่า

อีริกสามารถทำได้มากกว่านี้ แม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม

านเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป หลังจากปรับอารมณ์ให้เข้าสู่

ภาวะปกติได้แล้วจิรายุกับชนมนก็หาที่นั่ง โชคดีที่เป็นงานแต่งงานของ

อาจารย์ในภาควิชา แขกเหรื่อที่มางานจึงเป็นคนรู้จักกันทั้งนั้น จิรายุ

จึงเหมือนลืมเลือนเรื่องบ้าบอเมื่อสักครู่ไปได้บ้าง

ก่อนงานจะเลิกหญิงสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอเดาได้ว่า

เมื่องานเลิกผู้คนจากทั้งสองงานคงจะกรูออกจากงานพร้อมๆ กัน และ

นั่นคงทำให้พวกเธอต้องติดแหง็กอยู่บนท้องถนนนานพอสมควร การ

ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จเรียบร้อยคงเป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดในเวลานี้

ห้องน้ำยังไม่ค่อยมีผู้คน หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นาน

ก็ออกมา หวังจะเตือนให้ชนมนมาจัดการธุระของตัวเองเช่นเดียวกัน

เท้าที่กำลังก้าวอย่างระมัดระวังเพราะชายกระโปรงรุ่มร่าม

ต้องหยุดอย่างฉับพลันเมื่อหญิงสาวเหลือบเห็นปลายรองเท้าหนัง

มันปลาบที่ก้าวมาขวางทางเธออย่างรวดเร็ว งานนี้คงเจอตอเข้าอีกแล้ว

ซ่าก๋ากั่นออกมาคนเดียวเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

จิรายุค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่ก้าวมาขวางทางเธอไว้ ดวงตา

สีฟ้าภายในกรอบหน้าที่หล่อสมบูรณ์แบบอย่างตะวันตกผสมตะวันออก

ตรึงให้เธอต้องหยุดอยู่กับที่ ลางสังหรณ์ว่าเขาคงเป็นคนที่เธอเพิ่งจะ

ปฏิเสธไปหยกๆ ทำให้หญิงสาวเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียก

กำลังใจให้ตัวเอง

เธอดึงชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเพื่อการเดินที่สะดวกขึ้น ขา

สวยๆ กำลังจะก้าวหลบเลี่ยงทั้งที่เธอเองเห็นว่าเขายังกอดอกจ้องมอง

ไม่วางตา ผมสีน้ำตาลเข้มและไรหนวดจางๆ ส่งให้ใบหน้าเขาคมเข้ม

มาทางเอเชีย หากไม่ติดที่จมูกโด่งเป็นสันผิดกับคนเอเชียทั่วไป และ

ที่สำคัญคือดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

ทันทีที่ขาของเธอขยับ มือใหญ่ก็ขยับมาคว้าเอวเธออย่าง

รวดเร็วเช่นกัน จิรายุเกือบหลุดเสียงร้องออกมา หญิงสาวไม่กล้าดิ้น

ได้แต่สบตาเขาอย่างโกรธๆ มือเล็กๆ พยายามดึงเสื้อเขาเพื่อให้ปล่อย

“ผมไปอยู่เมืองนอกเสียนาน เลยไม่รู้ว่าคนไทยเวลาเจอกัน

เขาไม่ทักทาย” เสียงทุ้มเปล่งภาษาไทยออกมาชัดแจ๋ว จนจิรายุอดชม

ในใจไม่ได้ว่าถึงจะเป็นลูกครึ่งแต่ก็ไม่ทิ้งรากเหง้า

“ทักค่ะ แต่เฉพาะคนที่รู้จัก ไม่เที่ยวไปทักใครสุ่มสี่สุ่มห้า”

 

 

 

จิรายุพยายามบังคับเสียงตอบไม่ให้สั่นทั้งที่ตัวเธอกำลังสั่น อีริกแกล้ง

เลิกคิ้ว

“เหรอ แต่แถวๆ บ้านผม ถ้าเจอกันแบบนี้เขามักจะทักนะ

ที่สำคัญเวลาพูดกันเขาไม่หลบตา” นั่นยิ่งทำให้จิรายุก้มหน้า ให้ตาย

เถอะ เธอโกรธนักที่โดนกระทำรุ่มร่ามแบบนี้ มือใหญ่นั่นยังตรึงเอว

เธอเอาไว้ แต่เธอไม่แม้แต่จะกล้าบริภาษหรือดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด เขา

คนนี้มีพลังบางอย่างที่ทำให้คนรอบข้างต้องตกเป็นรอง

“และเขาไม่ปฏิเสธคำเชิญอย่างไร้มารยาทแบบคุณ”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาทันทีอย่างลืมตัว เจ้าของดวงตาสีฟ้า

กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกำลังจะตะครุบเหยื่อ ใช่แน่แล้ว เขา

คือ อีริก แอนเดอร์สัน

“ฉันปฏิเสธคำเชิญอย่างไร้มารยาทเพราะคนเชิญก็ไม่มี

มารยาทพอกัน” เสียงหวานๆ เปล่งออกมาอย่างพยายามข่มความโกรธ

เอาไว้ ดวงตาคู่สวยจ้องเขากลับอย่างไม่ลดละจึงทำให้ได้เห็นความ

วาวโรจน์จากดวงตาคู่นั้น มือที่แตะอยู่ที่เอวกดกระชับเข้ามาแนบขึ้น

จนจิรายุต้องวาดแขนตัวเองมาขวางกั้นระหว่างตัวเธอกับเขาเอาไว้

“ไม่มีมารยาทตรงไหน คนสวยๆ แบบนี้เห็นแล้วจะมอง

ผ่านไปเฉยๆ คงเสียดายแย่ สู้มาทำความรู้จักกัน มีความสุขด้วยกันจะ

ดีกว่า” จิรายุรู้สึกว่าข้างในตัวกำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ไม่รู้ว่าเพราะ

โกรธจัดหรือเพราะพลังคุกคามของเขากันแน่ และรู้สึกว่าความสวยนำ

ความซวยมาสู่ตัวเองก็ตอนนี้

“ขอโทษนะคะ ฉันต้องกลับเข้างาน กรุณาปล่อย” ควบคุม

อารมณ์ก่อนเปล่งเสียงออกมา เปล่าประโยชน์แน่ๆ ถ้าจะสนทนากับเขา

สู้ตัดบทไปเลยน่าจะดีกว่า

“ปฏิเสธผมเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ไม่คิดว่ามากเกินไปหน่อย

เหรอ” แม้เหมือนไม่จริงจัง แต่ดวงตาสีฟ้าที่แทบจะเปลี่ยนเป็นสีเพลิง

นั่นต่างหากที่ทำให้จิรายุรู้ว่าเขาจริงจังแค่ไหน

“ฉันไม่มีรสนิยมสบตากับผู้ชายแล้วก็พากันไปนอน ถ้าคุณ

 

หรือใครจะมีรสนิยมแบบนั้นฉันก็ไม่ว่า แต่ช่วยไปหาคนที่มีรสนิยม

ตรงกัน ฉันขอตัว” หญิงสาวพยายามเบี่ยงตัวออกมาอย่างแรงเพื่อ

ให้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้น แต่คนที่ตัวใหญ่กว่าเธอมากกลับไม่

สะดุ้งสะเทือน

“ต้องการเวลานานแค่ไหนเหรอถึงจะเก็บผ้าเก็บผ่อนตามผม

ไปได้” จิรายุรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะสะบัดตัวออกมาจากเขา

ได้สำเร็จ แล้วรีบหันหน้าเพื่อวิ่งออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ยังช้ากว่าอีริก

ชายหนุ่มคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ได้ก่อนจะกระตุกเธอกลับเข้ามาใน

อ้อมกอดอีกครั้ง

มือใหญ่ตะปบเข้าที่สองข้างแก้มของเธอ จากนั้นก็ก้มลง

ประกบปากไปบนปากบางที่กำลังเผยอขึ้นเพื่อจะบริภาษเขา

“อุ๊ย...” เพราะตกใจหญิงสาวจึงไม่ทันได้ดิ้นรนหนี จนกระทั่ง

ชายหนุ่มยอมถอนริมฝีปากออกมาในที่สุด จิรายุหอบจนตัวโยน มือ

ข้างขวายกขึ้นกุมอกด้านซ้ายไว้แน่น กลัวเหลือเกินว่าหัวใจจะหลุดออก

มานอกอก ตาคู่สวยตวัดมองด้วยความโกรธจัดไปยังใบหน้าของคนที่

เพิ่งกระทำหยาบคายกับเธอ

“เป็นยังไงบ้าง ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไหมครับ” อีริกถอยไปยืน

ห่างจากหญิงสาวเล็กน้อย มือทั้งสองข้างซุกลงในกระเป๋ากางเกงอย่าง

สบายอารมณ์

“ค่ะ ง่ายมาก ลาขาดเลยนะคะ” จิรายุหมุนตัวจากไปอย่าง

รวดเร็ว อีริกไม่เพียงแต่ตกใจกับคำตอบ เขายังตกใจกับดวงตาคู่โตที่

ดูตัดพ้อทั้งยังมีน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมา

จิรายุไม่อยากกลับเข้าไปเจอชนมนในห้องจัดเลี้ยงในสภาพ

แบบนี้ แต่เธอก็กลัวเกินกว่าที่จะไปยืนรอคนเดียวด้านนอก อันตราย

แบบเมื่อครู่อาจจะมาเยือนเธออีก

“พี่ไผ่คะ คุณพิงเพิ่งโทร.มาบอกว่าเดี๋ยวเจอกันที่หน้าห้อง

จัดเลี้ยงงานโน้นได้เลยค่ะ งานฝั่งนั้นกำลังเลิกพอดีเหมือนกัน แจน

 

จะไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

“เอ่อ...พี่จะรอในนี้นะ แจนเสร็จแล้วเข้ามาเรียกพี่ได้ไหม”

แม้จะงงๆ กับการต้องเดินวกไปวนมา แต่ชนมนก็ไม่ขัดข้อง พยักหน้า

รับแต่โดยดี จิรายุทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ คนในโต๊ะทยอยกลับไปเกือบ

หมดแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีใครสังเกตว่าเธออยู่ในสภาพที่ไม่ปกติสักเท่าไร

เมื่อชนมนเดินเข้ามาตามเธอ จิรายุจึงสูดลมหายใจลึกๆ อีก

ครั้งหวังว่าเธอจะไม่เจอใครอยู่ตรงหน้างาน การผจญภัยของเธอวันนี้

น่าจะสิ้นสุดเสียที แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่เข้าข้าง ร่างสูงของพิธาน

กำลังยืนคุยอยู่กับพี่ชายของเจ้าบ่าว คู่กรณีของเธอ แม้เขาจะหันหลัง

ให้ แต่เธอจำเขาได้ในทันที เธออยากยืนหลบอยู่ตรงนี้แล้วรอให้พิธาน

เสร็จเรื่องเสียก่อนเหลือเกิน

ชนมนกระตุกมือจิรายุให้เดินเข้าไปหาพิธานเมื่อชายหนุ่ม

หันมาเห็นและกวักมือเรียก จิรายุแทบอยากจะทิ้งตัวลงไปกับพื้น แต่

ช้าไปเสียแล้วเมื่ออีริกหันกลับมามองตามทิศทางที่พิธานกำลังมองอยู่

ริมฝีปากสีชมพูของเขาหยักยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครคนหนึ่ง

เดินมาด้วย

“นี่ชนมนครับ ภรรยาของผม” อีริกยื่นมือไปสัมผัสทักทาย

แอบส่งสายตาไปยังหญิงสาวในชุดเหลืองทองด้านหลัง ตาสีฟ้าคู่นั้น

กำลังไหวระริกเมื่อเห็นอาการอึดอัดของจิรายุ

“แล้วนี่คุณจิรายุ เป็นเพื่อนอาจารย์ของภรรยาผมครับ” อีริก

เลิกคิ้วขณะยื่นมือไปสัมผัสมือนุ่มๆ ของจิรายุ

“อาจารย์หรือครับ” สาวสวยสองคนนี้น่ะหรือเป็นอาจารย์

“ครับ แจนกับคุณไผ่เป็นอาจารย์ภาควิชาเคมีในมหาวิทยาลัย

ครับ” มือนุ่มที่ยังตกอยู่ในอุ้งมือใหญ่กระชากออกทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้ม

เยาะแบบแปลกๆ ของเขา

“ผมนึกว่านักวิทยาศาสตร์ต้องแก่ๆ คร่ำครึเสียอีก” อีริก

เย้ายิ้มๆ

“แหม คุณอีริกเองอยู่ที่สวีเดน ก็ต้องเห็นไม่ใช่เหรอคะว่า

 

นักวิทยาศาสตร์บ้านคุณสวยหล่อออกมากมาย แถมยังอายุไม่มากด้วย”

ชนมนรีบแก้

“คุณแจนรู้ได้อย่างไรครับ”

“แจนเรียนปริญญาเอกที่สวีเดนครับ” พิธานตอบแทน และ

อีริกก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันไปมองคนสวยอีกคนที่พยายาม

เงียบจนแทบจะไม่มีตัวตน

“แล้วคุณล่ะครับ เรียนที่สวีเดนเหมือนกันไหม”

จิรายุอึดอัด ไม่อยากตอบ แต่พิธานกับชนมนไม่รู้เรื่องอะไร

ด้วย เธอจะเสียมารยาทได้อย่างไร “เปล่าค่ะ ฉันเรียนที่อเมริกา”

อีริกเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วหันไป

ทางพิธาน “เราไปดื่มอะไรกันก่อนไหมครับ”

พิธานเข้าใจการชวนของอีริก เพราะเมื่อครู่คุยค้างเรื่องงาน

กับอีริกไว้ก่อนที่ชนมนกับจิรายุจะมาถึง จะเป็นการดีถ้าได้พูดคุยกันต่อ

ชายหนุ่มหันไปมองภรรยาของตัวเองอย่างขอความเห็น

“แจนได้อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่พี่ไผ่สะดวกไหมคะ”

จิรายุส่งยิ้มบางๆ ไปให้ เธอจะไม่สะดวกได้อย่างไรเล่า ถ้า

ตอบอย่างนั้นพิธานกับชนมนคงไม่รีรอที่จะไปส่งเธอ และเธอคงจะรู้สึก

แย่มากที่ตัวเองเป็นคนทำลายความสัมพันธ์ทางธุรกิจของเขา

“สะดวกค่ะ” รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของอีริก

อีกครั้งก่อนที่เขาจะเชิญทั้งสามไปร้านกาแฟของโรงแรม จิรายุพยายาม

พาตัวเองให้ออกห่างเขาให้มากที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024