ใจกรุ่นรัก (ฬีรดา)

ใจกรุ่นรัก (ฬีรดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715865
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 299.00 บาท 74.75 บาท
ประหยัด: 224.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

เธอเกลียดพี่ชายจอมปลอมของเธอ!

นี่มันวันบัดซบเฮงซวยอะไรกันเนี่ย ทำไมปวดหัวเป็นบ้าเลย!

ประพิมพรรษ์ครางอยู่ในลำคอพลางพลิกขยับตัวไปมาเพื่อหา

ท่านอนที่สบายขึ้น แต่พอเห็นว่าด้านข้างมีคนนอนอยู่ด้วย หญิงสาวก็รีบ

ลุกพรวดทันทีโดยไม่อนาทรต่ออาการปวดศีรษะอย่างเลวร้ายของตัวเอง

เลยสักนิด

หญิงสาวเกือบจะกรีดร้องออกมาแล้วเมื่อเห็นว่าใครที่นอนอยู่ข้าง

เธอและตัวเธอเองมีสภาพเช่นไร ให้ตายเถอะ! ให้ตาย นี่เธอนอนแก้ผ้า

อยู่บนเตียงของเขามานานเท่าไรแล้วเนี่ย

โอย ประพิมพรรษ์อยากจะร้องไห้หรือไม่ก็กลั้นใจตายไปเลย

แต่เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอควรทำคือตามหาเสื้อผ้าของตัวเองแล้วสวมมันซะ!

ขณะที่กวาดตามองหาเสื้อผ้า หญิงสาวก็ใคร่ครวญหาคำตอบไปด้วยว่า

ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้

“เธอถอดเสื้อทิ้งไว้ด้านนอกนู่น”

เสียงทุ้มแหบพร่าทำเอาประพิมพรรษ์สะดุ้งสุดตัว เธอถอยกรูดไป

จนชิดอีกมุมห้อง ใบหน้านวลเหยเกจนคนที่มองมาจากเตียงเกือบหลุดขำ

ดูเธอสิ ทำหน้าราวกับโลกจะแตกก็ไม่ปาน สงสัยจะจำเรื่องเมื่อคืนนี้ไม่ได้

แหงเลย “จำไม่ได้?”

“ไม่ได้! แล้วก็ไม่อยากจำด้วย!” ประพิมพรรษ์จำได้ว่าเมื่อคืน

เพื่อนในสาขานัดปาร์ตี้กันที่ร้านอาหารกึ่งผับ เธออยู่จนดึกและมึนเมาอยู่

ในระดับมาก ก็แหงละสิ ปกติเธอเคยดื่มแอลกอฮอล์ที่ไหนกัน เมื่อคืนนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้ลองลิ้มรสน่ะ

แต่เหตุการณ์หลังจากปาร์ตี้นั่นน่ะเหรอ เธอจำได้ที่ไหนกันล่ะ ยิ่งนึก

เธอก็ยิ่งปวดหัว

“เธอเมาเละ แล้วก็ โทร.มาบอกให้ฉันไปรับ”

“ฉัน...ฉันโทร.เหรอ” เธอคิดว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายด้วยซ้ำที่เธอจะ

เลือกโทรศัพท์ไปหา แน่สิ เพราะถึงนภนต์จะได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายบุญธรรม

แต่เธอก็ไม่เคยยอมรับเขา และตัวเขาเองก็รู้ความจริงข้อนั้นดี

“จะไปเอาโทรศัพท์มาดูก็ได้นะ” ตอนแรกเขาทั้งงงทั้งตกใจที่เธอ

โทร.เข้ามาเสียดึกดื่น นึกไปถึงขนาดว่าเธอจะเป็นอะไรร้ายแรง แต่ก็

เปล่าเลย ยายนี่ไปเมาอยู่กับเพื่อน! มิหนำซ้ำสติยังแทบจะไม่เหลือให้

ดูแลตัวเองหรือเอาตัวรอดได้เลยด้วยซ้ำ

“แล้วทำไมไม่พาฉันไปส่งบ้าน นี่พอเห็นฉันเมาแล้วนายก็มา

ฉวยโอกาสกับฉันใช่ไหม!” คนสารเลว! ทีต่อหน้าพ่อแม่ละทำเป็นคนดี

แล้วมาถือโอกาสตอนที่เธอเมาข่มเหงเธองั้นหรือ หน้าตัวเมียที่สุด!

“นี่ พูดให้มันดีๆ หน่อยเพลงฝน” นภนต์สะบัดผ้าห่มแล้วลุก

ขึ้นมานั่ง เขายังใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น ผิดกับประพิมพรรษ์ที่ตอนนี้มีแค่

เสื้อคลุมที่เธอหยิบมาสวม “เธอต่างหากที่ไล่ปล้ำฉันน่ะยายเพี้ยน!”

หา! ไม่จริง! เธอจะไปทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน เอ๊ะ...หรือจริงๆ

แล้วเธอจะทำ

“ฉันทะ...ทำแบบนั้นจริงๆ เหรอ” โอย เธออยากจะบ้า นี่เธอทำอะไร

ลงไปบ้างเนี่ย คุณพระ!

นภนต์พยักหน้าช้าๆ คล้ายจะตอกย้ำความจริงใส่หน้าหญิงสาว

เขาค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ตั้งแต่ที่เธอโทรศัพท์มาบอก

ให้เขาออกไปรับที่ผับในเมือง สภาพเธอตอนนั้นแทบดูไม่ได้

“พอเห็นหน้าฉันเธอก็โผเข้าใส่” ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติประพิมพรรษ์

คงไม่ทำแน่ๆ เพราะเธอมักจะทำอยู่ไม่กี่อย่าง ถ้าไม่เดินหนีก็จะหาเรื่อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชวนทะเลาะ

“เพื่อนฉันไม่แปลกใจเหรอที่เจอนาย” ประพิมพรรษ์น่ะเล่าใส่ไฟ

ให้เพื่อนฟังจนนภนต์แทบไม่เป็นผู้เป็นคน เป็นอันรู้กันในหมู่เพื่อนสนิท

ว่าเธอไม่ลงรอยกับพี่ชายบุญธรรมเลยสักนิด

“เพื่อนเธอก็เมาพอกันนั่นแหละ” และนี่ทำให้เขาหงุดหงิด อย่างอื่น

มีให้กินตั้งเยอะ ทำไมต้องพากันไปกินเหล้า แล้วดูซิ มีใครดูแลกันไหว

ที่ไหน ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ต้องหามออกมา

“เธอน่ะลวนลามฉันตั้งแต่อยู่ในรถด้วยซ้ำ”

ตาบ้า! เธอเนี่ยนะจะไปลวนลามเขา ตัวเองน่าพิศวาสตายละ

“พอ! ไม่ต้องเล่าแล้ว ฉันไม่อยากฟัง” แค่นี้เธอก็ไม่รู้จะเอาหน้า

ไปไว้ตรงไหนแล้ว ตายๆๆ แบบนี้ฆ่าเธอให้ตายไปเลยเถอะ

ประพิมพรรษ์ยกสองมือขึ้นมากุมขมับ แล้วก็เปลี่ยนอิริยาบถ

กะทันหันโดยการลุกขึ้นมาหันซ้ายหันขวา เธอว่าเธอรีบอาบน้ำแต่งตัว

แล้วออกไปจากที่นี่ดีกว่า

ที่ตลกร้ายคือระหว่างที่กำลังอาบน้ำเธอดันเกิดจำได้ว่าเมื่อคืนเธอ

ทำอะไรลงไปบ้าง

นภนต์กึ่งลากกึ่งประคองเธอจนมาถึงห้องพักในคอนโดฯ ของเขา

ชายหนุ่มซื้อเอาไว้เผื่อเวลาที่มีเหตุให้ต้องกลับบ้านดึก และที่สำคัญกว่านั้น

เผื่อว่าวันไหนประพิมพรรษ์เหม็นขี้หน้าเขามากๆ เข้า นภนต์จะได้มา

นอนค้างที่นี่โดยไม่กลับเข้าบ้านให้รกหูรกตาเธอ

รู้อะไรไหม จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นมาหลังจากที่พาตัวเองไปนอน

หมดสภาพอยู่บนเตียงแล้ว ฉันไม่เคยอยากมีพี่ชายเลยสักนิด

ประพิมพรรษ์ ไม่ได้เกิดมาแล้วมีนภนต์เป็นพี่ชาย พ่อของเธอพาเขา

เข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัวตอนที่เธออายุแปดขวบ และนั่นทำให้เธอ

คิดว่าความรักความสนใจที่พ่อแม่ควรจะมีให้เธอมันถูกแบ่งไปที่เขา

เลิกพูดมากแล้วก็นอนซะที นภนต์คว้าผ้าห่มมาคลุมให้คนที่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นอนแผ่หลาอยู่ เขาถูกปลุกขึ้นมากลางดึกแถมโดนแย่งเตียงนอนไปอีก

แบบนี้เขาควรได้ตำแหน่งพี่ชายที่โคตรแสนดีเลยด้วยซ้ำ อ้อ...แต่

ประพิมพรรษ์ไม่ได้อยากมีพี่ชาย ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งนั้นก็ต้องเป็นอัน

ตกไป

มานอนกับฉันนี่มา ประพิมพรรษ์ยันกายลุกขึ้นนั่ง สะบัดผ้าห่ม

จนหล่นลงพื้น ตบมือลงบนที่นอนแปะๆ ยามที่ทอดมองนภนต์ด้วยดวงตา

ฉ่ำเยิ้ม

เธอเมา! แล้วก็เสียสติไปแล้วด้วย เมื่อเห็นว่านภนต์จ้องเธอนิ่งค้าง

ราวกับว่าเจอสัตว์ประหลาด ประพิมพรรษ์ก็โซซัดโซเซไปกอดเขา อันที่จริง

ก็ไม่ใช่แค่กอด เพราะเธอทั้งลูบทั้งคลำสะเปะสะปะไปหมด

เพลงฝน นี่เธอเมา! ถ้ารู้ว่ายายนี่เมาแล้วจะเพี้ยนสมองกลับได้

ขนาดนี้ เขาไม่พาเธอมาด้วยหรอก แล้วนั่นอะไร ยายนั่นกำลังถอด

เสื้อผ้า ให้ตายเถอะ!

ใช่! ฉันเมา และฉันก็จะนอนกับนายด้วย

แน่ละว่าคำว่า ‘นอน’ ของเธอมันคงไม่ใช่การนอนหลับไปด้วยกัน

เฉยๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนทำไมกันเล่า โอ...เขาเพิ่ง

ประจักษ์กับตัวเองว่าคนที่เมาแล้วแก้ผ้าไปทั่วเป็นแบบนี้นี่เอง แถมพอ

ถอดจนหมดเธอยังโยนไปทั่วจนบางชิ้นกระเด็นไปอยู่นอกห้องก็มี

ฉันเป็นพี่ชายเธอ ถึงจะไม่มีสายเลือดเกี่ยวข้องกันก็เถอะ แต่

อย่างน้อยๆ เขาก็มาอยู่ในบ้านอมตาประภากรณ์ในฐานะพี่ชายบุญธรรม

ของเธอนะโว้ย

ฉันไม่เคยนับญาติกับนาย! มาเร็วสิ กอดฉันหน่อย จูบฉันเลย

ก็ได้

คิดยังไงถึงอยากนอนกับฉันนักหนา นภนต์ถามออกไปในที่สุด

คิ้วเข้มขมวดมุ่นนึกหาเหตุผลที่ทำให้ประพิมพรรษ์เรียกร้องเอาจากเขา

ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้นึกพิศวาสอะไรเขาเลยสักนิด

 

 

 

 

 

 

นายจะได้เลิกเป็นพี่ชายฉันไงล่ะ

ก็แหงสิ เพราะเขาคงได้อยู่กับเธอในสถานะอื่นแทน นี่เธอเมา

แล้วก็นึกพิศวาสฉันขึ้นมาหรือยังไง

ไม่มีทาง ฉันเกลียดนายต่างหากล่ะ คนเมาไม่โกหกใช่ไหม

แล้วทำไมประพิมพรรษ์แทบไม่รู้สึกเลยว่าสิ่งที่เธอพูดมันออกมาจาก

ความรู้สึกของเธอจริงๆ แต่เธอต้องเกลียดเขาใช่หรือเปล่า เพราะที่ผ่านมา

เธอแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่าไม่ชอบเขา

ฉันระ...ไม่ๆ ฉันไม่รักนาย ฉันเกลียดนายน่ะถูกแล้ว

ประพิมพรรษ์อาศัยจังหวะที่นภนต์กำลังนิ่งงันฉวยจูบเขา เธอบด

ริมฝีปากร้อนผ่าวอย่างเงอะงะแต่ก็ไม่ยอมแพ้ แม้นภนต์จะดันออกห่าง

หญิงสาวก็ไล่ตามไปจูบเขาจนได้

ปากนุ่มอุ่นร้อนที่สัมผัสช่างยวนใจจนนภนต์แทบจะคุมสติตัวเอง

ไม่อยู่ ทั้งที่เขาพร่ำบอกตัวเองเสมอว่าประพิมพรรษ์ไม่ใช่คนที่เขาจะเอา

ตัวเองไปสัมผัสด้วย แต่รสหวานติดริมฝีปากทำให้นภนต์เผลอตัวจูบตอบ

กลับไป ลิ้นอุ่นร้อนตวัดชิมความหวานล้ำจากโพรงปากที่หวานปานน้ำผึ้ง

ขบเม้มหยอกเย้าอย่างลืมตัว ลืมไปเลยว่าเขาไม่ควรแตะต้องเธอ

เกลียดฉันก็ไม่ควรมาจูบฉันแบบนี้

นภนต์ตัดใจจากริมฝีปากแสนหวานในที่สุด เสียงทุ้มแหบพร่า

ยามที่เขาพึมพำชิดริมฝีปากอิ่มสวย ประพิมพรรษ์หวานเหลือเกิน แต่

มันก็เป็นความหวานที่เขาไม่ควรลิ้มลอง แม้ว่ามันจะถูกอกถูกใจเขามาก

ก็ตาม

อ๊ยยย!” ประพิมพรรษ์ครางออกมาเมื่อเธอดันจำเรื่องราว

ต่อจากนั้นไม่ได้ แต่เท่าที่จำได้มันก็ทำให้เธอแทบจะไม่กล้าออกจากห้องน้ำ

ไปสู้หน้าเขาแล้วด้วยซ้ำ

นี่เธอจูบกับนภนต์! เธอจูบกับเขาไปได้อย่างไรกันในเมื่อเธอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เกลียดขี้หน้าเขาจะตายไป โฮ...แบบนี้เธอควรไปหาน้ำมนต์วัดไหนมา

ล้างหน้าล้างปากล่ะเนี่ย

โอย เธออยากตาย ผีตนไหนเข้าสิงให้เธอไปไล่ปล้ำนภนต์แบบนั้น

กันเล่า แล้วที่เธอพูดว่าเกลียดๆ เขาน่ะ ไม่รู้ว่าเธอพูดมันไปตลอด

หรือเปล่า หรือเธอไปพูดคำอื่นที่มันตรงกันข้ามกันก็ไม่รู้ ฮือ...เธออยาก

จะบ้า!

“นี่ เมื่อคืนฉันพูดอะไรแปลกๆ หรือเปล่า” ประพิมพรรษ์เปิดประตู

ห้องน้ำอย่างแรง เธออดรนทนไม่ไหวจึงออกมาถามนภนต์ ให้รู้แล้วรู้รอด

ไปเลย ไม่ใช่ว่าเธอจะเผยไต๋อะไรออกมาเสียหมดแล้วหรอกนะ

“อะไรล่ะที่ว่าแปลก”

“ก็...เกี่ยวกับความรู้สึกอะไรพวกนี้น่ะ”

“เธอบอกว่าเธอเกลียดฉัน” วูบหนึ่งที่นภนต์เห็นหญิงสาวลอบ

ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เขาปล่อยให้เธอโล่งอกแค่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ

“เธอบอกว่าชอบฉัน รักฉัน แล้วเธอก็ไล่ปล้ำฉัน”

“ฮะ!”

พอหายชะงัก ประพิมพรรษ์ก็รีบปิดประตูห้องน้ำแล้วขังตัวเอง

อยู่ในนั้นอีกรอบ นี่เธอ...เธอสารภาพรักกับเขาหรือ บ้าๆๆ ไม่จริงๆ

เธอเกลียดเขา เธอเกลียดหมอนั่นจะตาย เธอไม่มีทางไปบอกรักเขาแน่ๆ

เธอไม่ได้ทำจริงๆ หรอกใช่ไหม

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจเปิดประตู

ห้องน้ำออกไปเผชิญหน้ากับนภนต์อีกครั้ง ยังมีอีกเรื่องที่คาใจเธออยู่

“แล้วเมื่อคืนนี้ฉันกับนาย เราได้...เอ่อ...” โอ๊ย จะให้เธอพูดออกไป

ได้อย่างไรล่ะ “คือ...เราได้...อย่างว่าน่ะ หรือเปล่า”

นภนต์กลั้นยิ้มจนปวดกราม ใครจะบ้าไปยอมให้เธอทำอะไรตามใจ

ตัวเองอย่างนั้นกันล่ะ “ที่เธอไล่ปล้ำฉันน่ะหรือ ไม่สำเร็จหรอก เพราะฉัน

ไม่ได้สมยอม”

 

 

 

 

 

 

“ตาบ้า! ฉันเกลียดนาย” เธอได้เกลียดเขาจริงๆ ก็งานนี้แหละ ใช่

เธอเกลียดพี่ชายนอกไส้ของเธอ!

“เธอบอกว่าเกลียดฉันเป็นล้านรอบแล้วมั้งเพลงฝน แต่พอเดือดร้อน

ทีไร เธอก็เรียกหาฉันอยู่ดี”

นั่นเป็นความจริงที่ประพิมพรรษ์ไม่อาจปฏิเสธ หรือที่จริงแล้ว

ลึกๆ ในใจเธอก็โหยหาเขาอยู่ถึงได้ทำเช่นนั้น แต่ไม่! เธอปล่อยให้มัน

เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก นภนต์เป็นพี่ชายบุญธรรมของเธอเชียวนะ

แถมเธอเองก็ยังไม่ชอบหน้าเขามากๆ ด้วย แต่ก็นะ...เฮ้อ ถ้าขืนยังเป็น

แบบนี้เธอก็ต้องเอาชีวิตเข้าไปผูกกับเขาจนได้แหละน่า

เพราะเธอน่ะมันไม่เอาไหน แถมยังพึ่งพาตัวเองไม่ค่อยได้ สุดท้าย

ก็จะเป็นเขานั่นแหละที่คอยยื่นมือมาช่วย เธอนี่มันไม่เอาไหนเลยจริงๆ

คิดแล้วหญิงสาวก็สะบัดหน้าพรืด ก็เพราะอย่างนี้ไงเธอถึงเกลียด

ขี้หน้าเขานัก เธอมันยอดแย่ แต่เขากลับทำอะไรได้ดีแสนดีจนเธอหมั่นไส้

พ่อแม่ก็ชื่นชมนักหนาจนเธอมักพาลใส่เขาบ่อยๆ และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

“ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก” เธอตัดบทเอาเสียดื้อๆ ตามนิสัย

เอาแต่ใจของตัวเอง โดยไม่ทันนึกว่าประโยคสั้นๆ ของเธอจะทำให้นภนต์

เกือบหลุดไปจากวงโคจรของชีวิตเธอ

เขาเงียบไปนานเป็นนาที ก่อนจะพูดออกมาเสียงเครียดจนเธอ

ตัวชา

“ได้สิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1

อมตาประภากรณ์

          ครื่องดื่มสีเข้มไม่พร่องไปจากแก้ว แถมยังเย็นชืดเมื่อคนที่

สั่งมันมาไม่มีทีท่าว่าจะแตะต้องสักนิด เจ้าของแก้วกาแฟโบราณขนาด

เจ็ดออนซ์ ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อเครื่องดื่มที่ตนเองโปรดปรานเลย ดวงตา

สีนิลดุจสีของรัตติกาลล้อมกรอบด้วยรูปตายาวรีคล้ายตาเหยี่ยวไม่ได้

จับจ้องสิ่งใด มันทอดมองไปเบื้องหน้าอย่างคนที่กำลังคิดอะไรไม่ตก

สองมือใหญ่ประสานกันไว้ ใต้คางที่ครึ้มไปด้วยไรเคราสีดำเช่นเดียว

กับสีผม จมูกโด่งเป็นสันทำให้ใบหน้าออกไปทางตะวันตกนิดๆ ของ

เจ้าตัวไม่อนาทรต่อกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่โชยเข้ามา

นภนต์มีเรื่องสำคัญให้ต้องคิด ไม่ใช่สิ เรียกว่าเรื่องที่เขาต้องไป

จัดการน่าจะเหมาะกว่า แต่ที่ทำให้เขานั่งใช้สมองอยู่ตอนนี้คือเขาต้องใช้

วิธีใดในการจัดการปัญหานั้นมากกว่า

ประโยคสนทนากับมารดาบุญธรรมทางโทรศัพท์เมื่อชั่วโมงก่อนนั้น

เขายังจำขึ้นใจ มันชัดแจ๋วราวกับว่าคู่สนทนามายืนคุยกับเขาตัวเป็นๆ

อย่างไรอย่างนั้น

น้องกำลังจะไปอิตาลีนะเมฆ แม่ไม่อยากให้น้องไปเลย แต่ก็ขัด

ไม่ได้ เสียงของคุณนภาศรีบ่นมาตามสาย มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งยามที่

ลูกสาวสุดที่รักกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ

โธ่ แม่ครับ เพลงฝนไปอิตาลีราวกับไปกลับกรุงเทพฯ-หัวหิน

นี่แม่ยังไม่ชินอีกหรือครับ

เพลงฝน หรือชื่อจริงว่าประพิมพรรษ์ อันแปลว่าหญิงสาวผู้เกิด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ในฤดูฝน เป็นลูกสาวสุดรักสุดสวาทของครอบครัวอมตาประภากรณ์

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละว่าประพิมพรรษ์เป็นลูกสาวสุดรัก อยากได้อะไร

ทั้งบิดาและมารดาก็พร้อมใจถวายให้ทั้งสิ้น

จนตอนนี้กลายเป็นว่าประพิมพรรษ์เคยตัวไปเสียแล้ว

เรื่องไปอิตาลีนี่ก็อีก ประพิมพรรษ์ก็ไปบ่อยเสียจนเขาคิดว่าเธอ

คงหลับตาเดินในอิตาลีได้สบายๆ แล้วที่ไปนี่ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร

มากไปกว่าไปช็อปปิ้งเที่ยวเล่นเลย แต่ถึงอย่างนั้นประพิมพรรษ์ก็ได้

รับอนุญาตให้ ไปเที่ยวได้ตามใจชอบอยู่ทุกครั้ง

แต่ครั้งนี้น้องไม่ได้ ไปเที่ยวนะเมฆ

ครับ? ไม่ได้ไปเที่ยว ถ้าอย่างนั้นประพิมพรรษ์จะไปทำอะไร

ที่อิตาลีล่ะ

น้องจะไปเรียนบาริสต้า1 นี่เจ้าตัวก็เพิ่งบอกพ่อกับแม่ น้อง

เตรียมการไว้หมดแล้วทั้งเอกสารวีซ่า คงกลัวว่าถ้าบอกก่อนพ่อกับแม่

จะห้ามน่ะสิ น้ำเสียงของคุณนภาศรีบ่งบอกว่าไม่สบายใจ ประพิมพรรษ์

ลูกสาวเธอไปเมืองนอกเมืองนาบ่อยก็จริง แต่ก็เพียงไปเที่ยวในระยะเวลา

สั้นๆ เท่านั้น

ครั้งนี้ประพิมพรรษ์บอกจะไปอย่างน้อยๆ ก็สามเดือน ไปนาน

ขนาดนี้ไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไร ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องไปอยู่ต่างบ้าน

ต่างเมืองอย่างนั้น ถึงลูกสาวเธอจะยืนกรานหนักแน่นว่าไปกับเพื่อนที่มี

ญาติอยู่ที่นั่น แต่เธอก็วางใจไม่ลงหรอก

แม่บอกว่าเพลงฝนจะไปเรียนบาริสต้างั้นหรือครับ ไปเรียน

ชงกาแฟเนี่ยนะ มันต้องถ่อไปไกลถึงอิตาลีเลยหรืออย่างไรกัน

ใช่จ้ะ น้องบอกว่าจะไปราวๆ สามเดือน

                                               

1บาริสต้า (BARISTA) คือ คนที่ให้บริการกาแฟหรืออาหารเบาๆ แก่ลูกค้าที่อยู่ในร้านกาแฟ

หรือบาร์ โดยบาริสต้าจะต้องมีความรู้และเทคนิคในการควบคุมเครื่องชงกาแฟและเครื่องบด

เมล็ดกาแฟ รวมไปถึงเทคนิคในการให้บริการกาแฟคุณภาพเยี่ยม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นภนต์เอามือตบหน้าผากตัวเองเสียงดังฉาด คอร์สบาริสต้าบ้าบอ

อะไรเรียนตั้งสามเดือน ไปเรียนตั้งแต่กว้านซื้อที่ดินเพื่อปลูกกาแฟ

เลยหรือไง

บาริสต้าเรียนสามวันก็จบคอร์สแล้วครับ อีกอย่างในกรุงเทพฯ

ก็มีคอร์สพวกนี้เปิดสอนเยอะแยะ แต่ถ้าอย่างประพิมพรรษ์จะเรียน

สักสามเดือนก็ไม่แปลกหรอก ยายนั่นสมองกลวงเป็นบ้า เขาต่อให้สามปี

เลยเอ้า จะทำคอฟฟี่อาร์ต2ออกมาเป็นรูปเป็นร่างหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย

น้องอยากไปเรียนกับบาริสต้ามืออาชีพระดับโลก เห็นเพื่อนเขา

แนะนำมา นี่พ่อกับแม่ขัดน้องได้ที่ไหนกัน เมฆก็รู้ คุณนภาศรีพูดไปคำ

ก็ถอนหายใจไปที จนนภนต์ก็เห็นใจอยู่กลายๆ

แต่ก็นะ...ตามใจกันเสียเคยนี่นา

แล้วนี่เพลงฝนจะไปเมื่อไรครับ นภนต์ถามไปทั้งที่ตัวเขาเองยัง

คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรต่อหากทราบกำหนดการเดินทางของประพิมพรรษ์

ไปเจอหน้า...ไปส่งขึ้นเครื่องอย่างนั้นหรือ ยายนั่นคงอยากเจอเขา

ตายละ

น้องจะเดินทางมะรืนนี้ลูก

มะรืนนี้! พับผ่าสิ แล้วเพิ่งมาบอกเขาเนี่ยนะ ไม่รอให้ยายเพลงฝน

สมองกลวงนั่นบินไปถึงอิตาลีก่อนเลยล่ะถึงค่อยมาบอก

ก็ยังดีครับที่ทุกคนมีแก่ใจจะบอกให้ผมทราบ

อย่ามาตัดพ้อแม่เลย นี่แม่กับพ่อเองก็เพิ่งรู้เมื่อคืน แต่เห็นว่า

ดึกแล้วเลยไม่อยากโทร.ไปกวนเมฆเปล่าๆ คุณนภาศรีรีบบอกก่อนที่

นภนต์จะงอนเอาเสียก่อน แต่อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร

หากเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับบ้านอมตาประภากรณ์ แม้นภนต์

จะไม่ใช่สายเลือดแท้ๆ แต่ก็ไม่ควรจะทำอะไรข้ามหัวโดยไม่บอกไม่กล่าว

                                               

2คอฟฟี่อาร์ต (Coffee Art) คือ การสร้างสรรค์ศิลปะเป็นลวดลายจากโฟมนมที่ปกคลุมผิวหน้า

น้ำกาแฟ มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี

 

 

 

 

 

 

 

 

ชายหนุ่ม

เพิ่งรู้เมื่อคืนอย่างนั้นหรือครับ

ยายจอมแสบ เดี๋ยวนี้ชักจะร้ายใหญ่ คิดทำอะไรโดยไม่รู้จักบอก

กล่าวผู้หลักผู้ใหญ่ มันน่าจับมาตีให้หลังลายนักเชียว แล้วนี่คนของเขา

มันทำงานประสาอะไร ถึงไม่รู้ว่าประพิมพรรษ์จะไปอิตาลีอยู่รอมร่อ

แต่จะไปโทษพวกนั้นก็ไม่ได้ หลังจากที่ประพิมพรรษ์เรียนจบ

มหาวิทยาลัย เขาก็ลดความเข้มงวดในการดูแลหญิงสาวลง อีกอย่าง

ประพิมพรรษ์ก็ขอวีซ่าไปประเทศโน้นประเทศนี้บ่อยเป็นว่าเล่น คนของเขา

คงไม่รู้หรอกว่าครั้งนี้ประพิมพรรษ์จะไม่ได้ขอวีซ่าเพียงเพื่อจะไปเที่ยว

อย่างเดียว

รู้อย่างนี้มันน่าจะสั่งคนตามประกบเสียให้เข็ด

ใช่จ้ะ น้องเตรียมการไว้หมดแล้วถึงค่อยบอก คงกลัวว่าคุณพ่อ

จะห้ามนั่นแหละ คุณนภาศรีเองก็ไม่คิดว่าประพิมพรรษ์จะมาไม้นี้

เหมือนกัน

นี่แม่โทร.หาเมฆก็จะถามว่าเมฆพอจะมีแมนชั่นหรือบ้านที่อิตาลี

บ้างหรือเปล่า แม่ไม่อยากให้น้องไปอยู่กับเพื่อนเท่าไรเลย บอกตรงๆ ว่า

แม่เป็นห่วง

เพื่อนนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ นภนต์คิดว่าเขาเองก็บ้าที่ถาม

คำถามโง่ๆ ออกไป ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชาย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรคุณภาสกร

บิดาของหญิงสาวก็คงไม่มีทางยอมให้ ไปแน่ๆ

ก็ต้องผู้หญิงสิจ๊ะ เมฆก็รู้ว่าพักหลังๆ นี่น้องแทบไม่คบเพื่อนผู้ชาย

เลย

ก็แน่ละสิ! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงที่ประพิมพรรษ์เรียนอยู่ชั้น

มัธยมปลาย แล้วไหนจะยังมีเหตุการณ์ใกล้ชิดสนิทแนบเนื้อกับเขา

จากความไม่ได้สติของเธอที่เกิดขึ้นได้สองปีแล้วอีก มันคงทำให้เธอ

เข็ดขยาดจนไม่วางใจจะคบหาเพื่อนผู้ชายแบบสนิทใจด้วยสักเท่าไร แต่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นั่นมันก็ทำให้ประพิมพรรษ์กลายเป็นพวกบ้าดาราเข้าเส้น!

โดยเฉพาะดารานักร้องชาย ไม่ว่าจะไทย จีน เกาหลี ฝรั่ง

ยายเพลงฝนหัวอ่อนนั่นเหมาหมด ตามไปดูคอนเสิร์ตทุกที่เท่าที่จะ

สามารถไปได้ ไม่ว่าในหรือนอกประเทศ

นี่แน่ใจนะว่าเพลงฝนจะไปเรียนชงกาแฟจริงๆ ไม่ใช่เอาบาริสต้า

มาแอบอ้าง แต่ตัวไปโผล่หน้าวิ่งตามพวกดารานักร้องฝรั่งนั่นอยู่

ก็มันอดไม่ได้นี่นาที่จะค่อนแคะยายเพลงฝนสมองกลวง เด็กนั่น

หัวอ่อน ติดเพื่อน เพื่อนชวนทำอะไรก็ทำ ไอ้เรื่องบ้าดารานี่ก็อีก เพิ่งมา

เกิดขึ้นช่วงปีสองปีนี้แหละ แถมยังบ้าเสียมากๆ เลยด้วย

เมฆก็ไปว่าร้ายน้อง

ก็ผมพูดผิดเสียที่ไหนกัน ยายนั่นชอบทำตัวเหลวไหล ใช่ว่าพ่อ

กับแม่จะไม่รู้

ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว ประพิมพรรษ์เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมา

อย่างตามใจ หญิงสาวไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นที่โหล่ เรียกว่า

ระดับกลางๆ น่าจะได้ หากที่นภนต์ชอบเรียกว่ายายสมองกลวงก็เพราะ

เจ้าหล่อนไม่ชอบทำอะไรเป็นสาระเป็นชิ้นเป็นอันทั้งที่เรียนจบมาได้

ตั้งหลายเดือนแล้ว แต่ถ้าถามว่าดื้อไหม นภนต์ก็คงบอกว่าไม่ ติดตรงที่

เอาแต่ใจกับหัวอ่อนตามเพื่อนง่ายไปหน่อยก็เท่านั้น

จิกเรียกน้องว่ายายนั่นยายนี่อีกแล้วนะเมฆ คุณนภาศรีอดปราม

ไม่ได้ แม้จะรู้ดีว่านภนต์กับประพิมพรรษ์ ไม่ค่อยลงรอยกัน

ขอโทษครับแม่ เขาขอโทษ แต่ไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ทำอีก

ประพิมพรรษ์เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่นั้นต่างกับยามที่อยู่กับเขาตามลำพัง

ลิบ เห็นหน้าหวานๆ แบบนั้นน่ะ ฤทธิ์เดชน้อยเสียที่ไหนกัน

แล้วนี่ตกลงจะให้เพลงฝนไปอิตาลีจริงๆ ใช่ไหมครับ

ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น น้องจัดการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วนี่

ถ้าจะไม่ให้น้องไป แม่ก็คงต้องจับน้องขังหรือล่ามโซ่เอาไว้เท่านั้นแหละ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ร่องรอยความกังวลที่ไม่ได้จางหายไปสักนิดระหว่างสนทนาของ

คุณนภาศรีทำให้นภนต์ชั่งใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยประโยคที่

อาจทำให้ชีวิตเขาต้องยุ่งยากออกไป

แล้วถ้าผมมีวิธีที่ดีกว่านั้นล่ะครับ

วิธีไหนกัน

นภนต์ได้ยินคำถามของอีกฝ่า ย ความคิดหลายอย่างแล่นผ่าน

เข้ามาในหัวราวกับลาวาภูเขาไฟทะลัก จนชายหนุ่มลืมอ้าปากตอบสิ่งที่

อยู่ในความคิดของตัวเองไปเสียสนิท

“เมฆ...”

“นายเมฆ!”

ใบหน้าคมสันหันขวับไปมองเจ้าของเสียงที่ดึงเขาออกจากภวังค์

ความคิด กล้าหาญเป็นลูกจ้างทำงานอยู่ในร้านกาแฟโบราณที่เขากำลัง

นั่งอยู่ ใช่...นายกล้าเป็นลูกจ้าง ส่วนเขาเป็นนายจ้าง

ร้านกาแฟโบราณขนาดสองคูหาตกแต่งสไตล์ล้านนาประยุกต์

แต่ก็ค่อนไปทางโบราณนั่นแหละ ถึงอย่างนั้นข้าวของเครื่องเรือนก็ไม่ได้

เก่าคร่ำคร่า บางอย่างเป็นของโบราณ แต่ก็ได้รับการดูแลอย่างดีจนมัน

ดูขลังมากกว่าดูโทรม

แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมานั่งจิบกาแฟชมบรรยากาศ นภนต์ลุกขึ้นยืน

เต็มความสูงหลังจากที่ก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่าเขาควรออกเดินทาง

สักที ไม่เช่นนั้นตัวเองอาจจะตกเครื่องเอาได้ถ้าไปไม่ทันเวลาเช็กอิน

“อ้าว ยังไม่ได้กินก็จะไปแล้วหรือครับนาย” กล้าหาญเอ่ยถาม

ด้วยท่าทางสับสน เขาจ้องมองเจ้านายของตนเองมาสักพักแล้ว แต่ก็

ไม่กล้ารบกวน เพราะวันนี้ท่าทางนายเมฆดูเครียด แต่สุดท้ายก็ต้องเดิน

เข้าไปเรียกเพียงเพื่อจะให้ขยับขยายที่นั่ง ด้วยเกรงว่าแสงแดดยามเช้า

จะแยงตาจนแสบพร่าไปเสียก่อน

แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป

 

 

 

 

 

 

“อืม จะเข้ากรุงเทพฯ สักสามสี่วัน ยังไงฝากดูร้านด้วยก็แล้วกัน”

นภนต์ฝากฝังทั้งที่เขาเองก็รู้จักกล้าหาญดีพอว่าชายหนุ่มจะต้องดูแล

ร้านกาแฟโบราณแห่งนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

“ครับนาย ผมจะดูแลชนิดที่ว่ายุงไม่ให้ ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยครับ”

นภนต์ยิ้มกับท่าทางขึงขังของกล้าหาญ เขาตบไหล่ชายหนุ่มเบาๆ

สองทีแล้วหันไปคว้าแก้วกาแฟเย็นชืดนั่นมาซดรวดเดียวจนหมด เขาไม่ใช่

พวกชอบกินทิ้งกินขว้าง ถึงจะเป็นร้านกาแฟของเขาเอง แต่เมื่อสั่งมา

แล้วก็ต้องรับผิดชอบให้หมด

“ไปละ”

ายการบินดับเบิลยู.เค.เอส. แอร์ ไลน์ (W.K.S.Airline) แลนดิ้ง

ที่สนามบินดอนเมือง จากเชียงรายถึงกรุงเทพฯ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเศษๆ

นภนต์คิดว่ามันใช้เวลาน้อยกว่าการนั่งรถยนต์บริการจากสนามบิน

ไปถึงบ้านอมตาประภากรณ์ที่อยู่ในย่านรถติดอย่างทองหล่อเสียอีก

นภนต์จ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานขับรถทั้งที่ไม่จำเป็น เพราะ

การมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสายการบินดับเบิลยู.เค.เอส.แอร์ ไลน์

ทำให้เขามีสิทธิ์แม้แต่จะเอาเครื่องบินไปขับเล่นด้วยซ้ำ ถ้าเขาจะไม่ขับไป

พุ่งชนอะไรขึ้นมาเสียก่อนนะ

ดวงตาคมหรี่ลงเมื่อเห็นร่างเล็กสมส่วนเดินออกมาจากโรงจอดรถ

ดูเหมือนหญิงสาวจะชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน

ก่อนที่สาวเจ้าจะอ้าปากค้างแล้วรีบวิ่งโร่มาหาเขา

“นายมาทำไม”

นภนต์ยักไหล่ให้กับใบหน้าที่ฉายแววเอาเรื่องของประพิมพรรษ์

เขาไม่คาดหวังอยู่แล้วละ ว่าไอ้การที่เธอวิ่งมาเมื่อกี้มันเกิดขึ้นเพราะ

ความดีใจ คงกะจะมากันท่าไม่ให้เขาเข้าบ้านละสิท่า

“ก่อเรื่องอะไรเอาไว้ล่ะ” เขาดันประตูรั้วให้เปิดออกโดยไม่สนว่า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อีกคนจะต้านเอาไว้สุดแรง ตัวเท่าลูกหมาแล้วยังจะคิดมาสู้แรงเขาอีกน้อ...

ยายสมองกลวงเอ๋ย

คำพูดคล้ายกับจะให้ร้ายของชายหนุ่มทำเอาประพิมพรรษ์ปล่อย

มือที่ต้านแรงเขาจากประตูรั้วบ้าน ดวงตากลมโตเบิกกว้างพร้อมกับที่

คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นราวกับจะตั้งคำถาม

“ฉันเนี่ยนะก่อเรื่อง อย่ามาใส่ความกันดื้อๆ นะโวล์ค คิดว่าตัวเอง

เป็นลูกรักหรือไง ถึงนึกอยากจะพูดอะไรสั่วๆ ก็ได้น่ะ” เธอเท้าสะเอววีน

ด้วยท่าทางเอาเรื่องจนคนมองต้องส่ายศีรษะไปมา

“หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่พูดจาไม่เพราะ” จริงๆ จะด่าว่าพูดจา

สุนัขไม่รับประทานก็เกรงว่าจะแรงไป ประพิมพรรษ์นอกจากสมองกลวง

แล้วยังทำตัวแบบคนที่มีความคิดแปลกประหลาดอีกด้วย

ก็หญิงสาวคิดไปได้อย่างไรว่าเขาน่ะเป็นลูกรัก ทั้งๆ ที่ตัวเอง

นั่นแหละที่เป็นลูกแท้ๆ ของคุณภาสกรกับคุณนภาศรี ส่วนเขาน่ะเป็นแค่

ลูกบุญธรรมเท่านั้น!

ความจริงแล้วชื่อเต็มๆ ของเขาคือ นภนต์ โวล์ค อมตาประภากรณ์

พ่อแท้ๆ ของเขากับคุณภาสกร...พ่อของประพิมพรรษ์เป็นเพื่อนกันมา

หลายสิบปีแล้ว ทั้งคู่สนิทสนมกันชนิดที่เรียกได้ว่าเพื่อนตาย พ่อของเขา

ป่วยด้วยโรคมะเร็งมายาวนาน ท่านเริ่มป่วยก่อนที่เขาจะเกิด พอมารดา

ของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้ราวๆ สองขวบ พ่อก็ยกเขาให้คุณภาสกร

รับไปเป็นลูกบุญธรรม

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอาศัยอยู่กับพ่อของเขาที่อังกฤษจนท่านเสียชีวิต

คุณภาสกรจึงรับเขามาเลี้ยงดูต่อที่ประเทศไทยในฐานะลูกอีกคน เขามา

บ้านอมตาประภากรณ์ครั้งแรกตอนอายุสิบห้าปี

“ฉันไม่จำเป็นต้องพูดเพราะกับนาย”

แต่ก็นั่นแหละ...แม้ว่าคุณภาสกรกับคุณนภาศรีจะต้อนรับรักใคร่

นภนต์ราวกับลูกแท้ๆ แต่มีคนหนึ่งที่ไม่ชอบใจ จะใครเสียอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ลูกสาวตัวจริงอย่างประพิมพรรษ์

หญิงสาวกล่าวหาว่าเขามาแย่งความรักความอบอุ่นจากครอบครัว

ไปจากเธอ แถมยังมีการบอกว่าเขาขยันทำเกรดดีให้พ่อแม่ชมเชย

จนกระทั่งส่งเสียให้ไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยถึงเมืองนอกเมืองนา

ในขณะที่เธอซึ่งเป็นลูกแท้ๆ กลับได้เรียนแค่มหาวิทยาลัยในเมืองไทย

ก็สมควรอยู่หรอก...ระดับการเรียนกลางๆ แถมภาษาอังกฤษ

ยังง่อยเปลี้ยเสียขา ใครเขาจะอยากส่งลูกไปเป็นใบ้ ในต่างแดนกัน

“เธอควรเรียนรู้ ไว้ว่าผู้หญิงจะต้องหัดพูดจาไพเราะ” เขาสั่งสอน

ประพิมพรรษ์เป็นประจำนั่นแหละ แต่มันจะเข้าหูเธอหรือเปล่าก็อีกเรื่อง

หนึ่ง ถ้าบางอย่างเธออยากจะรับไว้เธอก็จะยอมรับมันไปเสียดื้อๆ แต่ถ้า

ไม่ต้องการหญิงสาวก็ต่อต้านสุดใจขาดดิ้นเหมือนกัน

ประพิมพรรษ์สะบัดหน้าไปอีกทางจนผมบ็อบดัดลอนปลายยาว

ระคอสะบัดเด้ง เธอเลือกที่จะไม่ต่อกรกับเขาเพราะรู้ดีว่ายากที่จะต่อล้อ

ต่อเถียงกับนภนต์แล้วตัวเองเป็นต่อ ก็สกิลสมองของเธอมันคนละชั้น

กับเขานี่

“นี่ นายมาทำไมอะ”

“มาหาเธอไง”

“มาหาฉัน?” ประพิมพรรษ์มองชายหนุ่มราวกับเจอของแปลก

ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเผลอทำยี้ใส่เขาไปด้วย “มาทำไม”

“มาขัดขวางไม่ให้เธอไปเรียนบาริสต้าบ้าบอที่อิตาลีไงล่ะ” มีแวว

เย้ยหยันในน้ำเสียงคล้ายกับว่าเขามั่นใจว่าจะขัดขวางเธอสำเร็จอย่างไร

อย่างนั้น

นภนต์ไม่แยแสต่ออาการตกตะลึงในคำพูดเขาของประพิมพรรษ์

ชายหนุ่มกระชับเป้สะพายก่อนจะเดินลิ่วๆ เข้าไปในบ้าน แต่เขายังก้าว

ไม่ถึงสามก้าวมือเล็กสองมือก็เอื้อมมาคว้าแขนเขาเอาไว้

“นายคิดจะทำบ้าอะไรน่ะ” คล้ายกับมีคลื่นแม่เหล็กทะลวงเข้ามา

 

 

 

 

 

 

ในสมองให้ ได้ปวดหัวจี๊ด ประพิมพรรษ์มั่นใจว่าเธอเตรียมการมาดีแล้ว

สำหรับการเดินทางไปอิตาลีในวันมะรืน แต่เธอก็มั่นใจอีกว่านภนต์

สามารถทำเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ

“ฉันสิต้องถามว่าเธอคิดจะทำบ้าอะไรถึงได้ขอวีซ่าไปเรียนบาริสต้า

ที่อิตาลีตั้งสามเดือน แถวบ้านเธอเนี่ยเขาเปิดสอนกันเยอะแยะ แค่สามวัน

ก็จบคอร์สแล้วมั้ง”

ความจริงที่นภนต์ตอกใส่หน้าทำเอาประพิมพรรษ์เม้มปากเข้าหา

กันสนิท ทำไมล่ะ เธออยากไปเรียนที่ต่างประเทศบ้างไม่ได้หรือไร ทีเขา

ยังได้ ไปตั้งแต่ปริญญาตรียันปริญญาเอก ถึงไม่ได้ ไปเรียนก็เทียวไป

เทียวมา คล้ายว่ามันง่ายราวกับนั่งรถไฟฟ้าจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ไปสยามสแควร์อย่างไรอย่างนั้น

พอเธอขอไปแค่สามเดือน ทำไมทุกคนดูจะมีปัญหาไปเสียหมด

“ก็ฉันอยากไปเรียนกับบาริสต้าระดับโลก” เธอเชิดหน้าตอบคำถาม

ของชายหนุ่ม อย่างไรก็ไม่ยอมให้เขามาขัดขวางเธอหรอก ค่าสมัครเรียน

เธอก็จ่ายไปแล้ว ค่าตั๋วเครื่องบินเธอก็จ่ายไปแล้ว เสื้อผ้าชุดใหม่เธอก็

เตรียมไว้หมดแล้ว ต่อให้ต้องหนีออกจากบ้านไปถึงสนามบิน เธอก็จะทำ!

“เพื่อ?” นภนต์ไม่เข้าใจตั้งแต่แรกเริ่มเลยด้วยซ้ำว่าประพิมพรรษ์

นึกบ้าอะไรขึ้นมาถึงอยากไปเรียนชงกาแฟนั่น กับอีแค่ชงกาแฟ นั่งเปิด

ยูทูบแล้วหัดทำตามอยู่ที่บ้านยังได้เลย

“ฉันจะเปิดร้านกาแฟ”

“อย่างเธอเนี่ยนะ” ก็ไม่ได้อยากจะดูถูกหรอก แต่ดูอย่างไร

ประพิมพรรษ์ก็ไม่เหมือนคนที่จะจัดการเรื่องจุกจิกในธุรกิจร้านกาแฟ

ในฝันของหญิงสาวได้เลย

“ใช่ คุณพ่อก็อนุญาตแล้วด้วย ถ้าฉันกลับมาท่านจะเปิดร้านกาแฟ

ให้ฉัน”

นภนต์แบะปากใส่คนตาโตตรงหน้า เพราะมีคนคอยให้ท้ายอย่างนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ไงล่ะ ประพิมพรรษ์ถึงเป็นได้แค่ยายเพลงฝนสมองกลวงในสายตาเขา

ยายนี่จับอะไรไม่เคยเป็นชิ้นเป็นอัน ตอนเรียนจบใหม่ๆ ก็เคยได้งานทำ

แต่ทำอยู่ไม่ถึงเดือนก็ลาออกเสียก่อนเพราะทนเพื่อนร่วมงานไม่ไหว

แล้วนี่คุณภาสกรยอมตามใจถึงขนาดจะเปิดร้านกาแฟให้ ทั้งที่รู้อยู่แล้ว

ว่าคงเปิดไว้รอวันเจ๊งเนี่ยนะ

“พ่อนี่ก็ยอมไปได้ ทั้งที่รู้ว่าให้เงินเธอไปก็เหมือนให้ไปทิ้งเปล่า”

ว่าจะไม่บ่นเรื่องนี้แล้วเชียว แต่จะให้อดอย่างไรไหว คุณภาสกร

ตามใจประพิมพรรษ์เพราะรู้สึกผิดต่อลูกสาวที่รับเขามาเลี้ยงนั่นแหละ

ท่านพยายามจะชดเชยในสิ่งที่ประพิมพรรษ์อยากได้เพื่อไม่ให้หญิงสาว

มาต่อว่าเอาได้ว่ารักลูกนอกไส้อย่างเขามากกว่า

“ที่ครอบครัวฉันเอาเงินไปส่งเสียเลี้ยงดูนายก็เหมือนทิ้งเปล่าเหมือน

กันนั่นแหละ” จะว่าเธอใจแคบก็ได้นะ แต่ประพิมพรรษ์ไม่เคยต้อนรับ

นภนต์ในฐานะพี่ชายเลยสักครั้ง ในสายตาเธอ เขาเหมือนเจ้ากรรมนายเวร

ที่เธอต้องแบ่งส่วนบุญให้อะไรทำนองนั้นมากกว่า

“เลี้ยงฉันน่ะไม่เสียเปล่าหรอก เห็นไหมว่าฉันก็ได้ดีมีอาชีพทำ

และถ้าเธอจะสมองดีหน่อยคงจะพอนึกออกนะ ว่าฉันไม่ใช่หรือที่ช่วยสอน

ช่วยติวภาษาอังกฤษของเธอที่มันไม่เอาอ่าวให้อยู่ในสกิลฟังพูดอ่านเขียน

ได้น่ะ”

จำได้ว่าตอนนั้นประพิมพรรษ์กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย หญิงสาว

จำต้องบากหน้ามาเพื่อให้เขาติวภาษาอังกฤษให้เธอแบบหนักหน่วง

“ก็ฉันไม่ได้เกิดที่อังกฤษเหมือนนายนี่ จะได้พูดคล่องปรื๋อแบบนั้น”

เธอเถียงไปข้างๆ คูๆ ไม่อยากจะยอมรับให้เสียหน้าหรอกว่า

ตอนนั้นภาษาอังกฤษของเธอมันห่วยแตกอย่างที่นภนต์ว่าจริงๆ นั่นแหละ

ขณะที่นภนต์คิดไม่ออกว่าบทสรุปของการปะทะฝีปากของเขากับ

ประพิมพรรษ์มันจะจบลงตอนไหนก็มีระฆังพักยกดังขึ้นพอดี คุณนภาศรี

เดินออกมาชะเง้อมองดูที่หน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงแว่วๆ คล้ายว่ามีใครพูด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คุยกันอยู่ที่หน้าบ้าน

“เพลงฝน คุยกับใครน่ะลูก” คุณนภาศรีหรี่ตามองผู้ชายร่างสูง

ที่ยืนอยู่กับลูกสาวอย่างเพ่งพินิจ ก่อนจะรีบปรี่ไปหาเมื่อเห็นถนัดตาว่า

ชายหนุ่มเป็นใคร

“ตาเมฆ! มาถึงตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมไม่เข้าบ้าน มายืนคุยอะไร

กันอยู่ตรงนี้”

ประพิมพรรษ์แอบหันหน้าไปแบะปากเมื่อได้ยินชื่อเล่นไทยจ๋า

ของนภนต์ เขาเป็นลูกครึ่งก็จริง แต่หน้าตาค่อนไปทางฝรั่ง ชื่อที่เธอ

เรียกเขาคือโวล์ค มันเป็นชื่อเดียวของเขาที่ไม่ได้ถูกตั้งโดยครอบครัวเธอ

หญิงสาวมาทราบเอาตอนโตว่าโวล์คเป็นภาษาดัตช์ แปลว่าก้อนเมฆ

แม่เธอเลยตั้งชื่อเล่นแบบไทยๆ ว่าเมฆให้อย่างไรล่ะ อันที่จริงเธอก็ไม่ได้

อยากจะรังเกียจเดียดฉันท์อะไรหรอกนะ ถ้าชื่อเล่นของนายนั่นจะไม่มา

พ้องกับชื่อเล่นของเธอ

เพลงฝน...เมฆกับฝน!

“สงสัยเพลงฝนจะดีใจน่ะครับที่เจอผม ก็เลยทักทายกันเสียนาน

เลย” ดูเอาเถอะ แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าทั้งคู่ไม่ได้ทักทายกันแบบ

ธรรมดาแน่ๆ

คุณนภาศรีส่ายศีรษะอย่างเอือมระอากับสองคนที่ทะเลาะกันได้

ตั้งแต่เด็กยันโต เธอกลัวว่าทั้งคู่จะเปิดศึกกันใหม่อีกรอบ เลยรีบตัดบท

ชวนเข้าบ้าน

“เข้าบ้านไปหาน้ำท่ากินเถอะลูก แล้วนี่เพลงฝนนัดกับเพื่อนไว้

ไม่ใช่หรือลูก ป่านนี้ยังไม่ไปเดี๋ยวก็สายหรอก” คุณนภาศรีเอ่ยเตือน

บุตรสาวที่ห่วงต่อล้อต่อเถียงกับนภนต์จนลืมไปสนิทใจแล้วกระมังว่า

นัดเพื่อนเอาไว้

คนถูกเตือนรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดูแล้วทำหน้าตาตื่น นี่มันจวนจะถึง

เวลานัดอยู่แล้ว แต่เธอยังไปไม่พ้นรั้วบ้านเลยให้ตายสิ

 

 

 

 

 

 

“อย่ามาเป่า หูพ่อแม่ฉันนะ” คนที่รีบร้อนจะออกไปไม่วายหันมา

เข่นเขี้ยวใส่คู่ปรับตลอดกาล

นภนต์ไหวไหล่อย่างไม่แยแส มุมปากข้างหนึ่งยกยิ้มในขณะที่

ดวงตาสีนิลพราวระยับยามที่สบกับดวงตาสีน้ำตาลขุ่นขวางของอีกฝ่า ย

“ของแบบนี้ทีใครทีมันสิ ฉันอุตส่าห์ต่อให้เธอโดยการไม่มาออดอ้อน

พ่อแม่ตั้งสองปี กลับมาทั้งทีทำไมจะไม่เอาให้คุ้ม จริงไหม...น้องสาว”

ให้ตายสิ! ให้ตาย! หมอนั่นเรียกเธอว่าน้องสาว โอย...ขนลุกไป

ทั้งตัวแล้วเพลงฝนเอ๋ย นี่เธอยกเลิกนัดกับเพื่อนๆ ตอนนี้ทันไหมเนี่ย

ไอ้บ้า! เธอด่าได้แค่ในใจเท่านั้นแหละ เพราะมารดายังยืนอยู่ตรงนี้ ฮึ่ย...

ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่ชายจอมปลอม

“ต่อให้ฉันต้องผิดนัดเพื่อนเพราะขัดขวางนายฉันก็จะทำ”

ประพิมพรรษ์ไม่ได้พูดเล่นๆ มือบางรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพาย

หมายจะโทรศัพท์ไปบอกเพื่อนที่นัดหมายกันไว้ว่าเธอไปไม่ได้แล้ว

เพราะต้องอยู่สกัดดาวรุ่งนายโวล์คนี่ก่อน

นภนต์มองการกระทำของประพิมพรรษ์แล้วก็นึกขำ เขาโคลงศีรษะ

ไปมาอย่างเอือมระอากับความคิดที่ไม่รู้จักโตของหญิงสาว

“ดูเอาสิ ขนาดฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอก็เปลี่ยนใจจะไม่ไปเจอเพื่อน

เสียแล้ว และที่เธอจะไปอิตาลีสามเดือนทำไมฉันจะขัดขวางเธอไม่ได้”

น้ำเสียงเย้ยหยันของนภนต์ทำเอาประพิมพรรษ์อยากจะกรี๊ดใส่หน้า

เขา แต่เธอรู้ดีว่าหากทำอย่างนั้นมารดาจะต้องเฉ่งเอาแน่ มือบางที่เตรียม

จะกดโทรศัพท์ชะงักค้างก่อนที่เจ้าตัวจะเก็บมันยัดใส่ในกระเป๋าตามเดิม

เธอไม่อยากเป็นคนแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเกมหรอก หญิงสาวสะบัดหน้า

พรืดแล้วเดินไปที่รถโดยไม่พูดไม่จาอีก

แล้วนภนต์กับเธอจะได้เห็นดีกัน เขาควรจะรู้ว่าพี่ชายนอกไส้

อย่างเขาไม่มีสิทธิ์มาบังคับชีวิตเธอ!

นภนต์ได้แต่มองตามรถยนต์ที่แล่นออกจากบ้านไปด้วยความ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่อนใจ เขาหันมาสบตากับมารดาบุญธรรมก่อนจะชวนกันเข้าบ้าน หากยัง

ไม่วายบ่นถึงแม่จอมแสบ

“เพลงฝนคิดว่าตัวเองเป็นเด็กอายุแปดขวบเหมือนตอนที่เจอ

ผมครั้งแรกหรือไง ถึงนึกที่จะทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่สนหน้าอินทร์

หน้าพรหม”

“เมฆก็ชอบแกล้งไปยั่วน้องให้ โมโหอยู่เรื่อย” คุณนภาศรีว่าอย่าง

ไม่จริงจังนัก สำหรับประพิมพรรษ์นั้น ระดับอารมณ์แทบจะเกินคำว่าโมโห

จนกลายเป็นสติแตกไปแล้วด้วยซ้ำ

เอาเข้าจริงคุณนภาศรีก็รู้ว่านภนต์ต้องการจะสั่งสอนประพิมพรรษ์

ลูกสาวเธอไม่ควรทำอะไรตามใจตนเองโดยลืมนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น

อย่างเช่นกรณีเมื่อครู่ มีอย่างที่ไหน จะทิ้งเพื่อนที่นัดกันดิบดีเพื่อจะมา

จิกกัดต่อล้อต่อเถียงกับนภนต์

“เพลงฝนอายุยี่สิบสามแล้วนะครับ ควรจะโตได้แล้ว ตอนผมอายุ

ยี่สิบสามผมหาเงินได้เป็นล้านๆ ด้วยซ้ำ” อาจจะหลายสิบล้านหรือมากกว่า

นั้นอีก แต่ประพิมพรรษ์นี่สิ เอาแต่เที่ยวเล่นใช้เงินไปวันๆ นี่ถ้าหากพ่อแม่

หรือเขาเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะผลิตเงินให้เธอผลาญใช้กัน

“เมฆก็รับปากสิว่าจะดูแลน้อง พ่อกับแม่จะได้หมดห่วง”

คุณนภาศรีหันไปบอกบุตรชายบุญธรรมที่เธอเองก็รักเหมือนลูก

แท้ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอนะครับแม่ เพลงฝนควรหัดรู้จัก

อยู่ได้ด้วยตนเอง” นภนต์พูดตามสัจธรรมของโลก อะไรๆ ล้วนไม่แน่นอน

หากประพิมพรรษ์ยังพึ่งพาตัวเองไม่ได้ทั้งที่โตป่านนี้ เขาก็มองว่ามัน

น่าเป็นห่วง “ผมเชื่อว่าพ่อกับแม่ก็ต้องคิดไม่ต่างจากผมหรอกครับ”

“นินทาอะไรพ่อฮะเมฆ” คนที่ถูกดึงเข้าไปอยู่ในบทสนทนาเอ่ยขึ้น

เมื่อเห็นร่างสูงของบุตรชายบุญธรรมเดินเข้ามาพร้อมกับภรรยาของเขา

คุณภาสกรละหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ลง วางมันไว้บนโต๊ะรับแขก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แล้วถอดแว่นตาวางทับเอาไว้อีกที

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

ภาสกรพยักหน้ารับพร้อมกับกวักมือเรียกลูกชายให้มาใกล้ตัว

“ไม่มาให้เห็นหน้าหลายปีเลยนะพ่อตัวดี”

พ่อตัวดีของภาสกรได้แต่หัวเราะเบาๆ แว่บหนึ่งที่เขานึกย้อนไปถึง

เหตุการณ์ที่ทำให้เขาไม่ได้กลับมาบ้านอมตาประภากรณ์ได้สองปีแล้ว

แต่นภนต์ก็สลัดความคิดนั้นออกก่อนที่ตัวเองจะจมอยู่ในภวังค์จนชวน

ให้ผิดสังเกต

“ปล่อยให้เพลงฝนได้ทำคะแนนกับพ่อแม่บ้างไงครับ เดี๋ยวจะมา

พาลใส่ผมอีก หาว่าผมเป็นลูกรัก”

นั่นเป็นอีกเรื่องที่นภนต์ก็รู้ดีว่าภาสกรติดค้างกับประพิมพรรษ์

ทุกวันนี้ที่ท่านยอมให้ลูกสาวสุดรักสุดหวงทำนู่นทำนี่ตามใจก็เพราะ

รู้สึกผิดที่รับเขาเข้ามาในครอบครัว แถมเขายังทำอะไรๆ ออกมาดีกว่า

ประพิมพรรษ์จนได้รับคำชมอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งความเชื่อใจในตัวเขา

ทำให้คุณภาสกรกล้าที่จะส่งเขาไปเรียนในระดับปริญญาที่ประเทศอังกฤษ

แต่ตอนลูกสาวแท้ๆ มาขอกลับไม่ได้ไป ทำให้ประพิมพรรษ์น้อยใจ

แล้วก็คิดไปว่าตัวเองไม่ใช่ลูกรักของครอบครัว

ถ้ายายนั่นมีปัญญาหน่อยก็ควรจะคิดออกว่าพ่อแม่ดีๆ ที่ไหน

จะรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง

“พ่อกับแม่ถึงยอมให้เพลงฝนไปอิตาลีครั้งนี้อย่างไรล่ะ”

พูดออกมาแล้วก็ต้องถอนหายใจ ลูกสาวทั้งคนจะไปต่างบ้าน

ต่างเมืองนานตั้งหลายเดือน จะไม่ให้เป็นห่วงอย่างไรไหว

“แล้วถ้าผมทำให้เพลงฝนไม่ไปอิตาลีได้ล่ะครับ”

คุณนภาศรีไม่แน่ใจนักว่านภนต์จะทำอย่างที่พูดได้ “ตอนนี้เอาช้าง

มาฉุดเพลงฝนก็จะไปอยู่ดี”

“ช้างฉุดไม่อยู่ แต่ผมนี่แหละครับจะฉุดให้อยู่” รอยยิ้มมาดหมาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปรากฏบนใบหน้าคมสัน นภนต์ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะหาวิธีทำให้

ประพิมพรรษ์ โบกมือลาคอร์สเรียนบาริสต้าที่อิตาลีได้ โดยที่เจ้าตัว

สมัครใจด้วยซ้ำ

ก็มีแต่เมฆไม่ใช่หรือไงที่จะทำให้ฝนตกหรือไม่ตกในทิศไหนก็ได้

คราวนี้เมฆอย่างเขานี่แหละที่จะบังคับเพลงฝนให้ ไปยังทิศทางที่เขา

อยากให้เป็น

ให้ตายอย่างไรชายหนุ่มก็ไม่มีทางปล่อยให้ประพิมพรรษ์ ไปโลดแล่น

สนุกสนานอยู่ที่อิตาลีนานถึงสามเดือนได้หรอก เขาค่อนข้างแน่ใจใน

ลางสังหรณ์ของตัวเอง หากครั้งนี้เขาปล่อยมือจากประพิมพรรษ์ไป

หญิงสาวอาจจะหายไปจากชีวิตเขาตลอดกาล

นภนต์กระตุกยิ้มมุมปาก เขาไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่ๆ เขาสาบาน!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024