ผูกรักเพียงใจ (ฟ้าน้ำค้าง) (ซีรีส์ชุด ผูกรัก)

ผูกรักเพียงใจ (ฟ้าน้ำค้าง) (ซีรีส์ชุด ผูกรัก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715810
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 339.00 บาท 84.75 บาท
ประหยัด: 254.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

แรกพบ

สียงครึกครื้นของตลาดย่านเมืองกรุงดังเป็นประจำในช่วงเช้า

แม่ค้าที่ขายของบนแผงน้อยใหญ่เชิญชวนคนซื้อที่ผ่านไปผ่านมาให้สนใจ

ทั้งของกิน ของใช้ ของสดและแห้งคละกันไป ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเดินเป็น

พนักงานประจำที่ทำงานอยู่หลายบริษัทในละแวกนี้

“ป้า สองไม้ค่ะ” มือขาวนวลยื่นหมูปิ้งสีน้ำตาลอ่อนที่ดูแล้วหวานฉ่ำ

น่ารับประทานให้แม่ค้าเพื่อชำระเงิน

“จ้า แล้วเอาข้าวเหนียวไหมจ๊ะ”

“ห่อหนึ่งจ้ะ” หญิงสาวยื่นธนบัตรสีแดงให้ พร้อมทั้งรับถุงที่มีทั้ง

หมูปิ้งและข้าวเหนียวมาจากแม่ค้า

“วันนี้ป้าแถมข้าวเหนียวให้” แม่ค้าส่งยิ้มให้กับลูกค้าเจ้าประจำที่มา

อุดหนุนเธอแทบทุกเช้า

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวรับอาหารที่เธอมักจะซื้อไว้รับประทานทุกเช้าก่อนจะ

เดินไปที่รถของตัวเอง มือบางควานหากุญแจรถในกระเป๋าแบรนด์ดัง

ขนาดกะทัดรัดสีแดงที่เพิ่งซื้อมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนกดปุ่ม ปลดล็อก

เปิดประตูแล้วขึ้นไปบนรถ

ทว่ายังไม่ทันได้ปิดประตู เงาร่างผอมบางไม่สูงมากนักก็ปรากฏ

บนพื้นเมื่อแสงแดดสาดส่องผ่าน อีกทั้งเธอยังเห็นได้จากหน้าต่างกระจก

ข้างประตู ผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าสีดำทึบและหมวกแก็ป เมื่อพลัน

ตระหนักได้ หญิงสาวจึงรีบปิดประตู แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

มือหนาของผู้ร้ายจับประตูของเธอค้างไว้แน่น จากนั้นก็ดึงกระเป๋า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ใบสวยพร้อมเตรียมตัวจะวิ่งออกไป แม้จะกลัวสุดชีวิต แต่ความหวง

ก็มีมากกว่า เธอคว้ากระเป๋าของตัวเองไว้แล้วดึงกลับมา แต่ก็สู้แรงผู้ชาย

ที่มีมากกว่าไม่ได้ ถึงกระนั้นเธอก็ไม่มีทางยอมปล่อยไปเด็ดขาด!

กระเป๋าใบนั้นเฉียดหมื่นเชียวนะยะ! ไหนจะทรัพย์สินอื่นๆ ทั้งเงิน

บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม และบัตรต่างๆ อีก ไม่ยอมให้เอาไปง่ายๆ หรอก!

เธอดึงไว้สุดชีวิตจนผู้ชายคนนั้นยกมีดเล่มเล็กขึ้นมาขู่ มือบางจึง

รีบปล่อยก่อนที่ตัวเองจะไม่มีชีวิตกลับไป

แต่เธอก็ไม่คิดที่จะปล่อยเลยตามเลยโดยไม่ทำอะไรหลังจากนั้น

อย่างน้อยต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ ได้กระเป๋าคืนมา ถึงจะไม่มีหวัง

ก็ตาม

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย! มีโจรขโมยกระเป๋า!” เธอพยายามตะโกน

ร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผู้คนรอบข้างทำเพียงแค่มองดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เท่านั้น

ขณะที่คนร้ายกำลังจะวิ่งลับตาไปก็มีผู้ชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า

พับแขน กางเกงสแล็กสีดำเข้าตะครุบผู้ชายคนนั้น จากที่คิดว่าหมดหวัง

เรื่องกระเป๋า เธอก็เริ่มมีหวังอีกครั้ง หญิงสาวลุ้นกับผลตะลุมบอนที่กำลัง

ดุเดือดไม่ต่างจากคู่ชกมวยระดับโลก ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที พลเมืองดี

คนนั้นก็สามารถยื้อกระเป๋าของเธอคืนมาได้สำเร็จ แต่ไม่สามารถยื้อ

คนร้ายไว้ได้

ฮีโร่ผู้ช่วยเหลือเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น แต่ก็พยายามที่จะทรงตัว

ลุกขึ้นจนยืนและเดินเข้ามาหาเธอจนได้ เขายื่นกระเป๋าเจ้ากรรมที่เกิดการ

แย่งชิงกันเมื่อครู่คืนให้ ชายหนุ่มผู้กล้าหาญตรงหน้ามีรูปร่างสูงประมาณ

ร้อยแปดสิบเซนติเมตร สวมแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำซึ่งไม่ได้ทำให้ ใบหน้า

หล่อคมนั้นดูด้อยลงไป เหงื่อของเขาเริ่มซึมออกมาตามกรอบหน้า มุมปาก

มีรอยแดงช้ำเลือดจากการถูกต่อยเมื่อครู่

“นี่คือของคุณใช่ไหมครับ”

“คะ...ค่ะ” เธอรับกระเป๋าของตัวเองไว้แล้วหยุดมองเขาครู่หนึ่ง

ก่อนชั่งใจคิด แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าสีหวานจากในกระเป๋านั้นให้เขาซับเหงื่อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ชายหนุ่มมองเธออย่างแปลกใจ แต่เขาก็ยังคงยื่นมือมารับไว้

“คุณไปหาหมอก่อนไหม เดี๋ยวฉันพาไป”

“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง ก็ดูแผลที่ปากคุณสิ” คนที่เพิ่งจะรู้สึกตัวแตะ

บนมุมปากของตัวเองเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยด้วยสีหน้าที่แสดงถึง

อาการเจ็บ

“แถวนี้พอมีคลินิกอยู่บ้าง เดี๋ยวฉันจะพาคุณไป แล้วอีกอย่างฉันจะ

ไปแจ้งความแล้วให้คุณไปเป็นพยานให้ฉันด้วย ต่อจากนั้นฉันจะไป

ส่งคุณถึงที่ทำงานเลยค่ะ” เธอสรุปก่อนจะนำขึ้นรถ โดยมีเขาเข้าไปนั่งตาม

แต่โดยดี

 

ช่วงแปดโมงเช้ารถมักจะติดเป็นประจำไม่ว่าจะเส้นทางไหนของ

เมืองหลวง เนื่องจากผู้คนเดินทางไปทำงานพร้อมกัน ที่จริงเธอพยายาม

หลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดหนัก แต่วันนี้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น

และต้องเดินทางพาเขาไปที่คลินิกต่อ จากนั้นก็ไปแจ้งความที่สน. และ

ไปส่งเขาทำงาน ซึ่งนั่นคือความรับผิดชอบที่เธอพึงทำ

“เออ...แอ๊ว วันนี้พี่เข้าไปทำงานสายหน่อยนะ ฝากดูเมลที่เขาส่งมา

ด้วย...ได้...เดี๋ยวพี่ไปดูให้...โอเคจ้ะ...”

หญิงสาวกดวางสายโทรศัพท์ แม้จะผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่รถ

บนท้องถนนก็ยังไม่ขยับไปไหนสักเท่าไร เธอเหลือบตามองคนข้างๆ

สายตาของเขามองตรงไปบนท้องถนน และทันใดนั้นเขาก็เบนมองมาทาง

เธอเพราะเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่

เจ้าของรถสาวรีบดึงสายตากลับมามองทางข้างหน้าราวกับมีอะไร

น่าสนใจให้เธอหลงใหล หญิงสาวเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยแก้อาการเกร็ง

และคิดได้ว่าการเปิดวิทยุน่าจะช่วยให้บรรยากาศในนี้ดีขึ้น แต่เสียงที่

ดังขึ้นทันทีหลังจากการเปิดนั้นดันเป็นเพลงรักยอดนิยมที่กำลังฮิต

ซึ่งสถานีวิทยุมักจะเปิด มือบางเอื้อมหาคลื่นอื่นฟังโดยอัตโนมัติจนเจอกับ

ข่าวสารที่เกี่ยวกับการจราจร

 

 

 

“คุณเข้างานกี่โมงคะ”

“ปกติก็เก้าโมงเช้า แต่วันนี้คงได้เข้าสักใกล้เที่ยงแล้วละ” แม้ว่าเขา

จะพูดหยอก แต่มันช่างขัดกับน้ำเสียงที่แสนสุภาพของเขาเหลือเกิน

“ขอบคุณนะคะ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของคุณแท้ๆ แต่ต้องมาเดือดร้อน

และเสียเวลาด้วย” ผู้คนรอบข้างเห็นตั้งมากมาย แต่กลับไม่มีใครกล้าช่วย

เว้นเพียงแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เสี่ยงเข้าไปช่วย

“วันหลังถ้าคุณมาตลาดนั้นอีก คุณควรไปหาที่จอดที่อื่นที่ไม่ใช่

บริเวณหน้าตึกร้างนั้นนะครับ มันเป็นมุมอับ และค่อนข้างอันตรายสำหรับ

ผู้หญิงที่มาคนเดียว”

คนฟังนิ่งเงียบ ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาบอก เธอมักจะชะล่าใจจอดรถ

แถวนั้นอยู่บ่อยครั้ง เพราะคิดว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่วันนี้กลับ

พลิกผัน ซึ่งต่อไปเธอคงต้องระวังตัวให้มากขึ้น

“ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอยิ้มบางๆ ขอบคุณเขาด้วย

ความจริงใจ จนลืมไปว่าเขาเป็นผู้ชาย เป็นเพศที่เธอไม่ค่อยจะยินดียินร้าย

ด้วยเท่าไรนัก

ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ข้างๆ ลอบสังเกตใบหน้างามของหญิงสาวซึ่ง

อยู่ในระยะไม่ไกล...มีเพียงช่องว่างระหว่างเบาะแค่นั้นที่กั้นระหว่างเขา

กับเธอไว้

ผมสีดำสลวยถูกเกล้าลวกๆ ไปไว้ด้านหลัง มีไรผมปรกลงมาที่

ช่วงหน้าผากและข้างใบหน้า ดวงตากลมโตของเธอถูกแต่งเติมสีสัน

เพิ่มความโดดเด่น ยิ่งประกอบกับปากสีชมพูอ่อนและจมูกโด่งโค้งสวย

ได้รูป ยิ่งทำให้ ใบหน้าเรียวนั้น...น่ามอง

คนที่ตกเป็นเป้าสายตาเหมือนจะรู้ตัวว่าเขาเผลอจ้องมองเธออยู่

มือบางที่วางสบายๆ บนตักเมื่อครู่จึงเริ่มกลับมาจับพวงมาลัยแน่นขึ้น

พร้อมกับยืดตัวตรงเพราะรู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นและเกร็งจนไม่สามารถ

นั่งติดเบาะได้

ชายหนุ่มกระแอมครั้งหนึ่งคล้ายปลุกตัวเองเพื่อหยุดการกระทำ

ที่ดูเสียมารยาททันที เขาขยับแว่นสายตาแก้เก้อเขิน และหันไปมองถนน

 

 

 

 

 

 

 

 

เบื้องหน้าแทนเช่นเดียวกันกับเธอ

 

ลังจากพาชายหนุ่มแปลกหน้าไปทำแผลที่คลินิกและเดินทาง

ไปแจ้งความที่สน.ด้วยการฝ่า วิกฤตจราจรในเมืองใหญ่ หญิงสาวผู้ต้อง

รับผิดชอบก็อาสาไปส่งพลเมืองดีผู้นี้ให้ถึงที่ทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาด

ที่เกิดเหตุการณ์เมื่อครู่

“เด็กคนนี้น่ารักดีนะครับ” เป็นบทสนทนาแรกนับตั้งแต่กลับมา

ขึ้นรถอีกครั้ง

เขาหมายถึงเด็กผู้หญิงในรูปที่วางไว้หน้ารถ มีคละกันอยู่หลายรูป

แต่รูปที่ใหญ่และโดดเด่นที่สุดคงจะเป็นเด็กที่สวมใส่ชุดกิโมโนสีแดง

รวบผมแกละสองข้าง มองไปยังที่ใดที่หนึ่งโดยไม่ได้หันมาสนใจกล้อง

อาจจะเป็น ‘ลูกของเธอ’

ฉับพลันที่ความคิดนั้นแทรกเข้ามา ความรู้สึกที่หนักราวกับก้อนหิน

ทับอกก็เกิดขึ้น...แต่เพียงไม่นาน หินก้อนนั้นก็สลายไป คลายความทุกข์

นั้นลงทันที เมื่อเสียงหวานของคนที่นั่งข้างๆ บอกเล่าถึงบุคคลในภาพ

“น้องวันใหม่น่ะค่ะ นี่คุณไม่รู้จักเหรอ” เธอถามเมื่อเห็นแววตาคม

หลังแว่นมีแววสงสัย

“น้องบุญธรรมของบอย-ปกรณ์ ไงคะ ช่วงแรกก็หาซื้อยากอยู่นะคะ

โฟโต้บุ๊กน่ะ แต่ตอนนี้เริ่มมีในร้านหนังสือแล้ว” ใบหน้าสวยยิ้มละมุนด้วย

ความสุขขณะพูด

คำพูดของเธอทำให้เขาเข้าใจว่าคงหมายถึงดารานักแสดงสักคน

ที่เขาเคยได้ยิน “ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับคนบันเทิงเท่าไร ไม่ค่อยได้

ติดตาม”

“จริงๆ ฉันก็ไม่ต่างกันนะคะ ดูบ้างกับแม่ แล้วก็ตามกระแสข่าว

แต่ไม่ถึงขั้นเสพติด”

สายตาหลังกรอบแว่นดูเป็นประกายมีชีวิตชีวาขึ้นขณะฟังเรื่องราว

ของหญิงสาวที่เขาช่วยไว้...แม้มันจะมีเพียงไม่กี่ประโยคก็ตาม

 

 

 

ถเก๋งดีไซน์หรูแล่นเข้าสู่พื้นที่เขตเดิมตามที่เขาบอก รถบนถนน

เริ่มมีจำนวนน้อยลงเมื่อเป็นเวลาที่คนเริ่มเข้าทำงานแล้ว

ใกล้ถึงเวลาที่เขาต้องจากไปแล้ว...สิ่งรอบกายบนรถ ทั้งกลิ่น

น้ำหอม รูปถ่ายที่ประดับอยู่ข้างหน้า รวมถึง...คนขับ...ทำให้เขาไม่อยาก

ลงจากรถเลยสักนิด แต่ก็ไม่มีทางที่จะยื้อมันไว้...

“คุณจะให้ฉันจอดตรงไหนคะ” เสียงหวานแว่วเข้าสู่โสตประสาท

เรียกสติเจ้าของร่างที่กำลังอาลัยอาวรณ์รถคันนี้

“เดี๋ยวจอดก่อนถึงป้ายรถเมล์ข้างหน้านี้ก็ได้ครับ”

คนขับเริ่มชะลอความเร็วและชิดซ้ายเข้าไหล่ทางเพื่อส่งพลเมืองดี

หญิงสาวมองไปยังตึกสูงระฟ้าที่อยู่เยื้องบริเวณนั้น ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้าง

ชื่อดัง บวกกับเอกสารในมือเขามีชื่อของบริษัท จึงเดาได้ ไม่ยากว่าเขาคง

ทำงานที่นี่

“ถึงแล้วค่ะ คุณทำงานอยู่ที่บริษัทนี้เหรอคะ”

“ครับ แต่ไม่ใช่งานประจำนะ รับเป็นโปรเจ็กต์มากกว่า”

หญิงสาวพยักหน้า ก่อนจะกล่าวขอบคุณเขาอย่างซาบซึ้งใจ แต่

ชายหนุ่มผู้ติดรถมากลับยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมลงไป เขามองเธอเหมือนอยาก

จะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอได้สบดวงตาสวย เขาก็เข้าใจทันทีว่าเธอ

ต้องการให้เขาลงไปจากรถ

มือหนาขยับแว่น เสมองไปทางอื่น เขายังคงหวังว่าเธอจะพูดอะไร

อีกสักประโยคก่อนเขาจะจากไป แต่เมื่อหันไปมองสบตากลมโตสวยคู่นั้น

อีกครั้ง คำตอบของเธอก็ยังคงยืนยันคำเดิม นั่นก็คือ...เธอไม่มีอะไร

จะพูด

สายตาของเธอยังคงชัดเจน ส่งความหมายเฉกเช่นเดิม

เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยที่เจ้าของรถไม่ทันสังเกต ก่อนจะ

เปิดประตูเพื่อลงจากรถ

แต่ทันใดนั้นเสียงหวานที่หวังจะได้ยินก็ดังขึ้น เป็นสาเหตุให้ก้อนเนื้อ

ในอกข้างซ้ายกระตุกและเต้นผิดจังหวะไปชั่วขณะ

“เดี๋ยวก่อนค่ะ!” มือขาวบางที่ใส่สร้อยไข่มุกสีชมพูนวลยื่นกระดาษ

 

 

 

 

 

 

 

สีขาวให้คนที่กำลังจะจากไป

กระดาษใบนั้นมีกลิ่นหอม ผิวของมันระยิบระยับด้วยผงกากเพชร

ตัวอักษรสีดำบนกระดาษถูกพิมพ์แบบเรียบง่าย “เกือบลืมไปเลย นี่

นามบัตรของฉันนะคะ ถ้ามีปัญหาอะไรให้ช่วย หรือจะให้ฉันเลี้ยงขอบคุณ

ก็ติดต่อมาเบอร์นี้ได้เลยค่ะ”

ชายหนุ่มยื่นมือไปรับด้วยสีหน้าเรียบเฉยและสุภาพ แต่หากใคร

จะรู้ว่าภายในใจนั้นพองโตมากเพียงใด

ชายหนุ่มเปิดประตูลงจากรถแล้วมองรถเก๋งคันกะทัดรัดขับเคลื่อน

ออกไปกลืนกับพาหนะคันอื่นๆ บนท้องถนนจนแยกไม่ออก ก่อนจะหัน

กลับมามองกระดาษแผ่นเล็กที่อยู่ในมือ

สายตาคมอ่านตัวหนังสือบนนั้น...ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับจะ

ท่องจำทุกตัวอักษรบนนามบัตร โดยเฉพาะชื่อของหญิงสาวสวยที่เพิ่ง

จากไป

อารยา แซ่หลี่


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (94 รายการ)

www.batorastore.com © 2024