เพลิงพ่ายไฟตะวัน (รุ้งจันทรา) (จอมใจเจ้าพ่อ)

เพลิงพ่ายไฟตะวัน (รุ้งจันทรา) (จอมใจเจ้าพ่อ)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715315
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 267.00 บาท 66.75 บาท
ประหยัด: 200.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

ลูบคมราชาปีศาจ

 

กรุงลอนดอน เมืองหลวงของอังกฤษ เด็กหนุ่มสองคน    

ยืนสงบนิ่งอยู่หน้าป้ายหลุมศพในสุสานแห่งหนึ่งโดยมีชายสูงวัยเฝ้ามอง    

ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารอยู่ด้านหลังพวกเขา       

โจนาธาน เบอร์ริงตัน เดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มทั้งสอง นัยน์ตา 

สีเทาซึ่งนับวันมีแต่จะฝ้าฟางลงไปทุกทีมองป้ายหลุมศพด้วยความรู้สึก

เสียใจและเสียดายชายหนุ่มผู้จากไปก่อนวัยอันควร ราชราชา หิรัญเมธา

ลูกเขยเพียงคนเดียวของเขา นักธุรกิจชาวไทยที่ประสบความสำเร็จ   

สูงสุด และเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่ทำให้เขายอมแพ้ทั้งใจและกาย   ถ้า

ไม่มีราชราชา เขาคงยังเป็นเจ้าพ่อที่โหดเหี้ยม และใช้ชีวิตแขวนอยู่บน

เส้นด้าย รอวันสิ้นชีพตามวิถีของพวกมาเฟีย คงไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิต

อย่างสงบยามบั้นปลาย เฝ้ามองดูลูกหลานเติบโตอย่างทุกวันนี้ใครจะ

คิดว่าวันนี้ตาแก่อย่างเขาต้องมายืนส่งวิญญาณคนที่เขารักราวกับเป็น

บุตรชายแท้ๆ เขาวางฝ่ามือเหี่ยวย่นลงบนบ่าเด็กหนุ่มทั้งสอง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ราชา เดฟลิน หิรัญเมธา เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปียืนมองป้ายชื่อ

ของบิดาด้วยแววตาเย็นชา เมื่อนึกถึงสาเหตุการตายของท่าน มือหนา     

กำแน่น ภาพสุดท้ายของบิดายังจำติดตาไม่มีวันลืมตลอดชาตินี้ พ่อที่     

ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างเต็มภาคภูมิต้องมาจบชีวิตลง เพราะ

ผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักเขา รักพ่อมากที่สุดในโลก แต่ความรักของผู้หญิง

เป็นสิ่งจอมปลอม ไม่ว่าความรักแบบไหนมันก็ปลอมทั้งนั้น ตาคู่สีเทา  

ทอประกายรังสีแห่งความเกลียดชัง เมื่อนึกถึง...ผู้หญิงคนนั้น

“เดฟลิน กลับเถอะ ยังมีเรื่องยุ่ง ๆ ให้เราจัดการอีกมาก ว่าง

เมื่อไรตาจะพามาเยี่ยมพ่อนะ”โจนาธานบีบบ่าหลานชายเพียงคนเดียว

เบาๆ หันไปมองร่างสูงใหญ่ของ ดีน เพรตัน เด็กหนุ่มวัยยี่สิบ ลูกชาย   

อีกคนของราชราชาซึ่งชายหนุ่มรับมาอุปการะตั้งแต่เด็ก

“ดีนพาเดฟลินกลับบ้านเถอะ น้องเหนื่อยมามากแล้ว ดีนเอง   

ก็ต้องพักบ้างนะลูก”

“ขอบคุณครับคุณตาโจนาธาน ผมไม่เหนื่อย ถ้าเดฟลินอยู่     

ผมก็อยู่ ถ้ากลับ ผมก็กลับ”

ดีน เพรตัน เบนหน้าไปมองลูกชายของผู้มีพระคุณที่ยังคงยืน

นิ่งเงียบ ตาคู่สีฟ้ามองร่างสูงใหญ่พอ ๆ กับตนเองอย่างเห็นใจ ดีนเข้าใจ

ความรู้สึกนี้ดี เพราะเขาเองก็เคยสูญเสียบิดามาก่อน และวันนี้เขาเองก็

ต้องเสียบิดาบุญธรรมไปอีกคน

“ตั้งแต่นี้ไปผมคือราชา ไม่ใช่เดฟลินอีกต่อไป ชื่อที่ผู้หญิง     

คนนั้นตั้งให้คือมนตราของแม่มด สัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ผมไม่

ต้องการได้ยินจากปากของคนในครอบครัว ชื่อนั้นจะใช้ต่อเมื่อผมต้อง  

ทำสิ่งใดก็ตามที่เลวร้ายเท่านั้น” ราชาหันหน้าไปมองบุรุษต่างวัยที่เขา  

ยอมรับเป็นครอบครัวด้วยแววตามุ่งมั่น

ราชาตัดใจหันหลังเดินกลับออกไปตามทางเดิน ริมทางเดิน

เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจีลู่ไปตามแรงลม สามชีวิตเดินมาหยุดยืนข้าง

รถยนต์สีดำคันใหญ่ ราชาหันไปมองเบื้องหลัง แววตาวาววับยิ้มเย็น

‘พ่อครับ ผมสาบาน ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันได้อะไรจาก

 

 

 

ครอบครัวเราอีก ความรักจากผู้หญิงมันไม่มีจริงหรอกครับ แม้แต่     

ความรักของแม่กับลูก ’

 

สิบห้าปีต่อมา ณ ท่าอากาศยานนานาชาติฮีทโธรว์สนามบิน   

ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอน ร่างสูงใหญ่ของหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีนั่งรอ

เวลาเครื่องออกอยู่ในห้องพักรับรองสุดหรูของสนามบินดวงตาคู่สีเทา 

เย็นชากวาดตามองเอกสารในมือ   ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดิน

นำบอดี้การ์ดร่างโตเกือบสิบคนไปขึ้นเครื่องเมื่อถึงเวลา   ราชาปรายตา

มองหญิงสาวที่ส่งสายตาเชิญชวนอย่างรังเกียจ พลางเอ่ยถ้อยคำเย็นชา 

บาดหูให้ลอยไปกับสายลมโดยไม่แยแสแม้แต่น้อยว่าใครจะได้ยิน    

“ผู้หญิงไร้ค่า”

โรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ ห้องพักระดับวีไอพีจัดเตรียม 

ไว้สำหรับต้อนรับนักธุรกิจแสนล้าน ราชา เดฟลิน หิรัญเมธา เจ้าพ่อ   

แห่งการขนส่ง ดีน เพรตัน หนุ่มหล่อชาวอังกฤษวัยสามสิบห้าปีเดินทาง

มาประเทศไทยเพื่อติดต่อประสานงานตามประกาศิตของนายเหนือหัว  

ตาคู่สีฟ้ามองความเรียบร้อยของห้องพักเป็นขั้นตอนสุดท้าย

พจนานุกรมฉบับราชาปีศาจไม่มีคำว่าผิดพลาด ถ้าพลาดด้วย

เหตุแห่งความไม่สมควร นั่นอาจหมายถึงหายนะที่เดินมาเยี่ยมเยือน       

ถึงหน้าประตูบ้าน

บุรุษหนุ่มสายเลือดอังกฤษก้มลงมองนาฬิกาสุดรักสุดหวง   

สุดยอดนาฬิกาที่มีความสามารถพิเศษ มันสามารถส่งสัญญาณคลื่น  

ความถี่สูงยาวนานถึงสี่สิบแปดชั่วโมง ระยะทางไกลถึงหนึ่งร้อยไมล์  

และที่พิเศษสุดคือมันสามารถส่งสัญญาณไปถึงเครื่องบินที่บินสูงถึง   

สองหมื่นฟิต วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามค้นหา     

ยามเกิดเหตุร้าย นาฬิการุ่นนี้ราชาสั่งทำเป็นพิเศษ มีเพียงสามเรือน

 

 

 

 

 

 

เท่านั้น และเขาเป็นหนึ่งในผู้ครอบครอง จะถอดได้ก็ต่อเมื่อเขาหมด

ลมหายใจแล้ว เขามองเวลาที่เลยกำหนดการไปเกือบชั่วโมง คิ้วหนา

ขมวดอย่างสงสัย มือหนาควานหาโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็ละมือจากการ

ค้นหา หันหน้ามามองเจ้าของเสียงทักเบื้องหลัง

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับคุณเพรตัน” ผู้จัดการโรงแรม              

วัยห้าสิบปีส่งยิ้มให้ลูกค้าชาวต่างชาติรายใหญ่ ซึ่งเบื้องบนมีคำสั่งลงมา      

ให้ดูแลอีกฝ่ายให้ดีที่สุด อย่าให้เกิดปัญหาใดๆ กับนักลงทุนข้ามชาติ          

กลุ่มนี้เด็ดขาด

“ห้องพักและห้องประชุมทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอบคุณมาก           

คุณผู้จัดการ” ดีน เพรตัน หันกลับมามองผู้จัดการโรงแรมด้วยสีหน้า          

พึงพอใจ

“ยินดีครับ เป็นความภาคภูมิใจของทางโรงแรม รู้สึกยินดีที่          

คิงแอนด์ควีนคอร์ปอเรชั่น ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นราชาแห่งการ     

ขนส่งระดับโลกให้เกียรติมาใช้บริการของเรา” ผู้จัดการสูงวัยชื่นชมด้วย     

สีหน้าอิ่มเอมใจปนกระแสความตื่นเต้น

“ผมคิดว่าครั้งหน้าโรงแรมคุณจะเป็นตัวเลือกแรกที่คุณราชา        

สนใจ ขอบคุณมากสำหรับความร่วมมือและการดูแลที่ดี โชคดีครับ”           

ดีนยิ้มพร้อมส่งมือให้จับเป็นการกล่าวลา ชายสูงวัยมองมือ                 

ที่ชายหนุ่มยื่นมาตรงหน้า ถึงแม้อยากคุยต่อแค่ไหนก็คงต้องยุติแค่นี้        

“ด้วยความยินดีครับ” ชายสูงวัยส่งยิ้มพร้อมทั้งยื่นมือสัมผัส            

หันหลังเดินจากไปด้วยความภูมิใจที่สามารถทำให้ลูกค้าพอใจ                   

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผมสีน้ำตาลประกายทองเดินไปหยุดอยู่      

หน้ากระจกบานใหญ่ริมผนังห้อง ตาคู่สีฟ้ามองไปยังเบื้องล่าง เห็นเพียง    

ตึกและยวดยานพาหนะที่เคลื่อนไหวไปมาเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ คล้าย       

รถเด็กเล่น ปล่อยความคิดล่องลอยไปถึงสาเหตุที่เขาต้องมายืนอยู่ใน     

ประเทศแถบเอเชียในวันนี้ เมืองไทยใช่ว่าจะไม่เคยมา แต่ส่วนใหญ่ที่          

มาเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณราชาซึ่งล้วนเป็นเรื่องดี ๆ ทั้งนั้น  ปีที่แล้วเขา

ถูกส่งมาเป็นตัวแทนนำของขวัญแต่งงานมาให้เจ้าพ่อชื่อดังทางภาคเหนือ

 

 

 

เพื่อนตายหนึ่งในสองของคุณราชา

คุณไฟ สุริยะ สุริยะสงคราม เจ้าพ่อเมืองเหนือซึ่งเข้าพิธี

แต่งงานกับหญิงสาวร่างเล็กบุคลิกเยือกเย็นที่ต่างกันสุดขั้วกับเจ้าบ่าว

เหลือเกิน ตอนพบกับเจ้าสาวครั้งแรก ความรู้สึกเหมือนตอนอยู่กับ       

คุณราชาไม่มีผิด เคยคิดเล่น ๆ ว่าหากเจ้าบ่าวจอมโหดได้ยินเข้า คงฝัง     

เขาเอาไว้ที่ไร่แน่ ถ้าเปลี่ยนเจ้าบ่าวมาเป็นคุณราชา เขาคงต้องสั่งเครื่อง   

ทำความร้อนมาติดทั่วทุกมุมของบ้าน คุณราชาขึ้นชื่อว่าเย็นชาราวกับ    

น้ำแข็งขั้วโลก ส่วนเจ้าสาวคุณสุริยะเยือกเย็นเหมือนละอองหมอกบน

เทือกเขาแอลป์ ตอนนั้นเขายังอดหัวเราะในความคิดพิลึกพิลั่นของ   

ตนเองไม่ได้

ภาพใบหน้าของราชา เดฟลิน หิรัญเมธา หนุ่มเนื้อหอมที่สุด

แห่งกรุงลอนดอนลอยขึ้นมาในความคิด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายซึ่ง  

ถอดแบบบิดามาราวกับคนคนเดียวกัน รูปร่างสูงใหญ่ ตาคู่สีเทาคมกริบ

เย็นเยือกราวน้ำแข็ง ผู้ที่ได้ฉายาจากนักธุรกิจร่วมชาติว่า ‘ราชาปีศาจ’     

นักเจรจาที่ใช้คำพูดน้อย แต่แววตาที่มองราวกับจะสาปให้อีกฝ่ายกลาย

เป็นหิน คงไม่มีใครกล้าตั้งข้อกังขา ถ้าเมดูซาในตำนานกรีกมีลูกชาย   

กลับชาติมาเกิดเป็นราชาแห่งความเหน็บหนาวคนนี้ บุรุษหนุ่มชื่อดัง   

แห่งยุคประสบความสำเร็จจากการลงทุนหลากหลายแขนง โดยเฉพาะ

ธุรกิจขนส่งทั่วโลก ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมไปจนถึง

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ โจนาธาน เบอร์ริงตัน

ราชาเป็นบุรุษที่สังคมชนชั้นผู้ดีอังกฤษต้องการเกี่ยวดองด้วย

มากที่สุดพยายามส่งสุภาพสตรีผู้เพียบพร้อมจากตระกูลของตนเข้ามา  

เพื่อสานสัมพันธ์ แต่ยังไม่มีสตรีสาวสวยจากตระกูลสูงคนใดคว้าหัวใจ

ของราชาปีศาจไปครองได้แม้แต่คนเดียว และยังมีข่าวลือที่กล่าวถึง     

ชายหนุ่มว่าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเบอร์ริงตัน ตระกูล     

มหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลหรืออดีตเจ้าพ่ออันดับต้น ๆ ของกรุงลอนดอน

มากไปด้วยอำนาจบารมี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์    

ในประเทศเป็นของตระกูลนี้ทั้งสิ้น  ถ้าเจ้านายเขาเป็นทายาทสืบทอด

 

 

 

จริงตามคำร่ำลือจะมีใครหน้าไหนกถ้าปฏิเสธชายหนุ่มที่เพียบพร้อม    

ราวกับเจ้าชายสูงศักดิ์ผู้นี้กัน แค่สถานะนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงยังเป็น         

ที่ต้องการของตลาดขนาดนี้ ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าสักวันคิงจะค้นพบ   

ควีน เพื่อหัวใจที่เหน็บหนาวจะได้รู้จักความอบอุ่นกับเขาบ้าง

 

สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

โจแอล ทิลเลอร์ ชายหนุ่มผิวเข้ม ผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบดำ  

วัยสามสิบมารอรับผู้มีอำนาจสูงสุดของคิงแอนด์ควีนคอร์ปอเรชั่น   

บริษัทขนส่งครบวงจรชื่อดัง

ชายร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าราวรูปปั้นสลักน้ำแข็ง

ดวงตาสีเทาเย็นชาถูกซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตายี่ห้อหรู เดินออกมาจาก   

ช่องผู้โดยสารพร้อมบอดี้การ์ดร่างโตนับสิบคน ร่างสูงใหญ่หยุดเดิน  

ทันที เมื่อเห็นหนึ่งในสองคนสนิทที่ไว้ใจมากที่สุดยืนรอพร้อมรอยยิ้ม

ทะเล้น

“ทุกอย่างเรียบร้อยใช่ไหม” คำถามง่ายๆ แม้ว่าน้ำเสียงจะ

ราบเรียบ แต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจ

“ทุกอย่างเตรียมพร้อมตามที่คุณราชาสั่ง แม้แต่หนอนที่  

พยายามชอนไช ผมจัดการเก็บมันไว้เป็นอย่างดี กว่ามันจะมีโอกาส       

ไปรายงาน แผนทุกอย่างคงเรียบร้อยเกินกว่าที่ทางนั้นจะทำอะไรได้”

โจแอลรายงานพร้อมทั้งลอบมอง ผู้เป็นนายยังคงมีสีหน้าที่

เรียบเฉยไม่แสดงว่ารู้สึกอะไรกับข่าวที่ได้รับรายงานแม้แต่น้อย โลกใบนี้

คงมีสี่คนเท่านั้นที่สามารถรู้ว่า ราชาปีศาจรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่ คนหนึ่ง

ล่วงลับไปแล้ว สองคนเป็นเพื่อนตาย คนสุดท้ายคือคู่หูเขาเอง ดีน เพรดัน

ราชากวาดตามองสภาพรอบตัวโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา ก่อนจะ

เดินตรงไปยังทางออกของท่าอากาศยาน บอดี้การ์ดเข็นรถสัมภาระตาม  

มาด้านหลัง เขาไม่ได้มาเหยียบแผ่นดินพ่อนานหลายปี สภาพแวดล้อม

เปลี่ยนไปมาก แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคงในใจว่าที่นี่

 

 

 

 

 

คือบ้านอย่างแท้จริง ชายหนุ่มก้าวขึ้นลีมูซีนคันหรู ปรายตามองเอกสาร   

ที่วางเตรียมไว้ คว้ามากวาดตาอ่านเพียงแค่เสี้ยววินาทีจึงวางลงและ          

ไม่แลอีกเลย

โจแอลมองผู้เป็นนายว่ามีปฏิกิริยาเช่นไรกับเอกสารที่อ่าน    

แต่ไม่สามารถเดาได้ตามเคยว่าคุณราชารู้สึกเช่นไรกับข้อมูลพวกนั้น    

เขาหันมาสนใจมือถือที่สั่น ลอบทำหน้าเบ้ เมื่อเห็นชื่อคนในสาย มือหนา

กดรับพร้อมส่งเสียงยียวนกวนประสาทกลับไป

“สวัสดีครับท่านพ่อ โทร.มาหาด้วยธุระอะไรมิทราบครับ

กระผม” ไม่ทันจบประโยคดี เขาต้องรีบเบี่ยงโทรศัพท์ออกห่างก่อนที่  

แก้วหูจะชำรุด เมื่อเสียงฝ่ายตรงข้ามโวยลั่นมาตามแรงอารมณ์

“ไอ้โจไปรับคุณราชามาหรือยัง ทำไมถึงสายเป็นชั่วโมง ใกล้

ถึงเวลานัดหมายแล้วนะ ไอ้เด็กเวร” ดีน เพรตัน ผู้เคร่งขรึมนอตหลุด      

ใส่คู่หูทันทีที่ได้ยินเสียงกวนๆ ของมัน เขาสั่งให้ไปรับเจ้านาย แต่นี่      

เลยเวลาเครื่องลงไปเป็นชั่วโมง มันกลับหายเงียบ หนำซ้ำยังไม่โทร.มา

รายงาน มันน่าถลกหนังหัวนัก

“โธ่...ท่านพี่ดีนเห็นผมเป็นเด็กสามขวบไปได้เรียบร้อยแล้ว  

น่า เครื่องดีเลย์นิดหน่อย”

“แล้วทำไมเอ็งไม่โทร.มาบอกไอ้เด็กบ้า” ปลายสายโวยกลับ 

มาเสียงดัง

“ลืม” โจแอลทำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่สีหน้ายิ้มระรื่น   

“ลืม...พจนานุกรมของแกมีคำนี้ด้วยหรือไง ฉันรู้นะโว้ยว่า   

แกตั้งใจกวนประสาทฉันไอ้เลว”  ดีนตวาดกลับเสียงก้องอย่างรู้เท่าทัน

“ลืมจริง ๆ ใส่ร้ายประจำเชียว ไม่เกินสิบนาทีคงถึง” โจแอล

หัวเราะครื้นเครง ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ก็ใครใช้ให้คู่หูเขาเคร่งกฎ

ระเบียบจัด ทั้งยังบ้างาน เลยต้องหาวิธีช่วยคลายเครียดเสียบ้าง เกิด      

เส้นเลือดในสมองแตกไป ใครจะมาด่าเขากันเล่า โจแอลมองออกไป  

นอกรถ ยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงคู่หูที่แก่กว่าห้าปี พ่อสุภาพบุรุษผู้ดีอังกฤษ

ขนานแท้ อาการโวยวายของฝ่ายนั้น เขาไม่เคือง กลับสนุกเสียด้วยซ้ำ

 

 

 

ที่ถูกอีกฝ่ายเล่นงาน เขารู้ดีว่าฝ่ายนั้นโวยวายไปอย่างนั้นเอง คนอย่าง     

โจแอล ทิลเลอร์ไม่มีทางทำให้งานเสียเด็ดขาด จริงอย่างที่ทางนั้นโวย   

เขาไม่ได้ลืม ทราบว่าเครื่องบินจะดีเลย์ แต่แกล้งไม่รายงาน เพราะรู้ว่า   

คู่หูต้องเต้นแน่ ถ้าคุณราชาไปไม่ถึงตามเวลานัดหมาย

“ไอ้เด็กบ้า คราวหน้าแกเล่นแบบนี้อีก ฉันจะถลกหนังหัวแก

เสีย คู่สัญญามาถึงแล้ว แกดูแลคุณราชาให้ดี” ดีน เพรตัน กดตัดสาย    

ทันทีที่จบประโยค แสยะยิ้มร้าย สักวันฉันต้องหาทางเล่นงานแกให้ได้  

ไอ้ตัวแสบ

โจแอล ทิลเลอร์ หนุ่มอเมริกันจอมกวนยัดโทรศัพท์สุดหรูเข้า

ในกระเป๋าเสื้อสูทก่อนหันไปรายงานตามที่คู่หูกำชับมา

“คุณราชาครับ มิสเตอร์เฉิงและมิสเตอร์โจว์รออยู่ที่โรงแรม

เรียบร้อยแล้วครับ”

“ดี” สั้นๆ แต่ได้ใจความตามแบบฉบับของราชาปีศาจ

 

 

ช่วงเวลาเดียวกัน สำนักงานทนายความและนักสืบชื่อดังเป็น 

ที่ยอมรับในความสามารถและมั่นใจในศักยภาพของบุคลากรในองค์กร

สำนักงานแห่งนี้รับว่าความให้กับทุกชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน

หรือชาวบ้านชนชั้นรากหญ้าต่างได้รับความเท่าเทียมกัน คดีความ  

มากมายที่รับเข้ามามีบุคลากรทางกฎหมายมากความสามารถเรียกร้อง

ความยุติธรรมให้ ที่นี่จึงเป็นเหมือนแหล่งความรู้ชั้นเยี่ยมในแวดวง

กฎหมาย นักกฎหมายจบใหม่ไฟแรงต่างฝันที่จะมีโอกาสเข้ามาเป็น    

หนึ่งในทีมงานของที่นี่   รุ้งตะวัน กรกานต์ หลังจากจบการศึกษาระดับ

ปริญญาตรีด้านกฎหมาย เธอยื่นสมัครสอบตั๋วรุ่นกับสภาทนายความ

หลังจากที่ผ่านการอบรม หญิงสาวสอบภาคทฤษฎีผ่าน จึงได้รับโอกาส 

ให้มาฝึกงานที่สำนักงานแห่งนี้หกเดือน  ก่อนจะเข้าสอบภาคปฏิบัติและ

สอบปากเปล่าตามลำดับ ทันทีที่สอบตั๋วทนายผ่าน สำนักงานแห่งนี้      

ชื่นชมในความสามารถ รวมทั้งนิสัยเอางานเอาการ รักความยุติธรรม

 

 

 

แบบซึมลึกถึงไขกระดูก   เธอจึงถูกทาบทามมาเป็นทนายความประจำที่

สำนักงาน

รุ้งตะวันเป็นทนายความสาววัยยี่สิบสี่ปีแต่เหมือนคุณป้า  

ทนายวัยสี่สิบ รุ่นพี่ประจำสำนักงานเอ่ยเรียกอย่างล้อเลียน เพราะการ  

แต่งกายที่เพื่อนสาวคนสนิทจัดหาชุดคุณครูสมศรีวัยหกสิบมาให้เธอ  

เต็มยศ เสื้อแขนยาวสีขาวมีระบายระหว่างอก นัยว่าเพื่อนเธอพยายาม   

ซ่อนภูเขาไฟฟูจิจำลองขนาดสามสิบหกนิ้วบนกายเธอหลังจากที่พัน       

ผ้ารัดหน้าอกไว้ชั้นหนึ่งแล้ว กระโปรงสีดำทรงตรงจีบรอบยาวเลยเข่า  

ไปสองนิ้วเพื่อพรางสะโพกทอร์นาโดขนาดสามสิบหก ช่วงเอวคอดยี่สิบ

ห้านิ้วถูกเข็มขัดผ้าคาดไว้หลวม ๆ รองเท้าสีดำส้นเตี้ยทำให้เธอดูเตี้ย  

สมใจคนจัด ใบหน้าสวยหวาน ตาคมดังตาหงส์ที่เคยฉาบเครื่องสำอาง 

บาง ๆ ตอนนี้กลายเป็นใบหน้าขาวจืด ๆ พร้อมกับแว่นตาทรงสี่เหลี่ยม

รับกับมวยผมติดเน็ตสีดำ

สมัยเป็นนักศึกษาเธอก็แต่งตัวเรียบง่ายตามปกติ พอเข้า   

ทำงานใหม่ ๆ ก็แต่งกายตามแบบของสตรีทั่วไปสมวัย แต่ที่ไม่ปกติคือ

ความสวยมากเกินไปของเธอมักเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ลูกความ      

ที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมองเธอตาหวานเชื่อม หวังสานสัมพันธ์       

ทำให้เธอเกิดความรู้สึกอึดอัด ผู้ต้องหาหรือจำเลยกวาดตามองเธอด้วย

สายตาโจรบ้ากาม สร้างความกดดันมากถึงขนาดที่ทนายสาวต้องการ    

ส่งพวกนั้นขึ้นแดนประหารแทนที่การให้โอกาสแก้ตัวด้วยการจองจำ

เพราะดูแล้วคงสำนึกยาก พิมพ์วลัญช์  เพื่อนสนิทของเธอ จึงออกอุบาย 

ให้และได้ผลดี เมื่อลูกความสนใจกับคดีมากขึ้น ผู้ต้องหาก็มองเธอ

ราวกับวัตถุโบราณที่น่าเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์

ทนายความก้องภพ หัวหน้างานและเป็นเจ้าของสำนักงาน  

แห่งนี้ส่งแฟ้มเอกสารให้อดีตรุ่นน้องสาวที่กลายร่างเป็นคุณป้าทนาย    

เห็นมาเป็นเดือนก็อดลอบยิ้มขำไม่ได้สักที

“ตะวันช่วยดูคดีนี้ให้พี่ได้ไหม”

เธอมองหัวหน้างานที่อมยิ้มกับการแต่งกายของเธอ ส่งค้อน

 

 

 

ให้ทันที ไม่รู้จะล้อกันไปถึงไหน เธอก้มลงอ่านเอกสาร เงยหน้าขึ้นมอง

หัวหน้า แววตาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

“คดีเสี่ยใหญ่เจ้าของโรงแรม...โกงเงินชดเชยพนักงานที่

ประสบอุบัติเหตุใช่ไหมคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวป้าตะวันจัดการให้นะ   

เจ้าคะ” เธอเห็นข่าวอุบัติเหตุครั้งนี้แล้วยังเห็นใจผู้รับเคราะห์อยู่เลย        

ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ช่วยเหลือ

“ช่วยจัดการให้เร็วที่สุดนะพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อน

กำลังลำบากมาก ต้องการความช่วยเหลือเร็วที่สุด” ทนายความหนุ่ม      

หุบยิ้มทันทีที่นึกถึงสภาพของพนักงานของโรงแรมที่ถูกลอยแพหลัง    

เกิดอุบัติเหตุสยอง เป็นเหตุให้พนักงานเสียชีวิตสองรายและบาดเจ็บ

สาหัสสิบราย สาเหตุเกิดจากพาหนะของโรงแรมที่ขาดการดูแล เบรก              

ไม่สามารถใช้งานได้ รถที่พาพนักงานไปจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน       

ริมหาดให้ลูกค้าพุ่งเข้าชนราวสะพาน เป็นที่มาของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ 

แต่ทางเจ้าของโรงแรมกลับปัดความรับผิดชอบ อ้างว่าคนขับรถซึ่ง

เสียชีวิตคาที่ขับรถโดยประมาท จึงเกิดการเรียกร้องความเป็นธรรม       

กันขึ้น ที่สำคัญเสี่ยนั่นจัดเป็นผู้มีอิทธิพลจึงไม่กลัวเกรงกฎหมาย

“ไม่ต้องห่วงค่ะ คดีนี้ตะวันจะพยายามจัดการให้เร็วที่สุด   

ตะวันขอตัวนะคะ” เธอเงยหน้าจากแฟ้มข้อมูลที่อ่าน ส่งยิ้มหวานเจี๊ยบ  

ให้หัวหน้า ก่อนลุกขึ้นหอบแฟ้มเดินออกไป

รุ้งตะวันเดินทางมาที่โรงแรมของเสี่ยใหญ่ผู้บริหารเห็นแก่ตัว

เพื่อขอเจรจา หลังจากดูเอกสารอย่างละเอียดแล้ว ทางนี้เสียเปรียบ        

ค่อนข้างมาก ถ้าทั้งสองฝ่ายยอมประนีประนอมกันได้จะได้ไม่ต้องขึ้น  

ศาลให้เสียเวลา เธอลงจากรถแท็กซี่ ก้าวเดินตรงไปด้านข้างของโรงแรม

ไม่ต้องการเข้าด้านหน้า เพราะจะเป็นจุดสนใจเสียเปล่า ๆ คิ้วเรียวสวย

ขมวดมุ่น เมื่อเห็นบางอย่างผิดปกติบริเวณลานจอดรถของโรงแรม เธอ

มองเห็นชายร่างสูงใหญ่พยายามแย่งกระเป๋าเอกสารสีดำใบใหญ่จาก    

ชายสูงวัยร่างผอมอายุราวหกสิบปี ซึ่งอีกฝ่ายก็สู้ไม่ถอย พยายามดึง

กระเป๋ากลับมาเต็มกำลัง แต่ด้วยวัยและสรีระที่ต่างกัน สุดท้ายชายสูงวัย

 

 

 

ถูกผลักจนล้มไปนอนที่พื้น ฝ่ายคนร้ายวิ่งข้ามถนนหนีเข้าไปโรงแรม        

ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินเสียงโวยวายขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วยค่ะ มีคนถูกทำร้าย” รุ้งตะวันร้องโวยวายเสียงดัง          

แต่ไม่มีใครสักคนในบริเวณนั้น หญิงสาวยังไม่ทันคิดหน้าคิดหลังให้ดี    

ขาเธอก็วิ่งออกไปก่อนเรียบร้อยแล้ว

            “หยุดนะไอ้โจรชั่ว คิดปล้นคนแก่หรือไง” เธอตะโกนไล่หลัง

เสียงดัง ยัยพิมพ์ต้องฆ่าเธอแน่ถ้ารอดไปได้ เอาน่า ตายเป็นตาย เธอ     

ควานหาเครื่องช็อตไฟฟ้าที่เพื่อนเลขาฯ ตัวแสบบังคับให้เธอพกเอาไว้    

ป้องกันตัว เผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำ    

ด้วยความหวาดหวั่น แต่ศีลธรรมที่อยู่ในสายเลือดสั่งให้เธอทำหน้าที่

พลเมืองดีทั้งที่รู้ว่ามันเสี่ยง

เธอถลกกระโปรงวิ่งตามคนร้าย ทันเห็นแผ่นหลังกว้างหาย   

เข้าไปทางด้านประตูพนักงานของโรงแรมชื่อดัง เธอหยุดแอบมอง เมื่อ

คนร้ายดึงเสื้อสูทสีเทาที่พาดไว้บนเก้าอี้มาสวม คงเป็นของแขกมาลืม       

ไว้ ทนายสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างในสูทสีเทาเข้มที่คนร้ายสวม              

อำพรางตัวไปติดๆไม่กล้าบุ่มบ่ามด้วยกำลังของเธอคงสู้ชายร่างใหญ่      

ยักษ์ไม่ได้แน่ เธอกวาดตามองหาพนักงานโรงแรม คิดว่าถ้าเดินตามไป

เรื่อย ๆ ถ้ามีใครผ่านมาจะได้ให้ช่วยจับกุม แต่โรงแรมแห่งนี้กลับมีผู้คน

บางตาราวกับว่าเป็นโรงแรมร้าง ทั้งที่สถานที่ก็กว้างขวางใหญ่โต

รุ้งตะวันหลบเข้ามาซ่อนหลังกำแพง หัวใจสั่นไหวเต้นแรง   

เมื่อคนร้ายหันมามองด้านหลังเพราะความหวาดระแวง หญิงสาวแอบ   

มองตามหลังคนร้ายที่หายเข้าไปในห้องริมทางเดินพร้อมกับพนักงาน

โรงแรมสามคนเดินเลี้ยวออกมาจากฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นบน

ใบหน้าชื้นเหงื่อ นึกว่าเป็นโรงแรมร้างเสียอีก คราวนี้ละหนีไม่รอดแน่     

ไอ้โจรใจบาป

“ช่วยด้วยค่ะ มีคนร้ายวิ่งราวกระเป๋าหนีเข้ามาในโรงแรมค่ะ   

มันเข้าไปในห้องนั้น” เธอรีบวิ่งไปหาพนักงานสามคนพร้อมกับขอ      

ความช่วยเหลือด้วยสีหน้าและแววตาตื่นตระหนก นิ้วเรียวชี้ไปที่ประตู

 

 

 

ห้องเป้าหมายทันควัน

พนักงานโรงแรมพร้อมใจหันมามองหน้ากัน เมื่อมองไปยัง

ประตูห้องที่ปิดสนิทซึ่งกำลังถูกกล่าวหาว่าเป็นที่ซ่อนตัวของคนร้าย

พนักงานต่างรู้กันดีว่าห้องนี้ถูกจัดไว้เป็นพิเศษสำหรับการเจรจาธุรกิจ   

ของลูกค้าชาวต่างชาติ และตอนนี้ห้องนั้นก็กำลังถูกใช้งานอยู่ จะมีโจร      

ที่ไหนกล้าเข้าไปซ่อนตัว

“มั่นใจนะครับว่าคนร้ายเข้าไปในห้องนั้น” หนึ่งในสามถาม   

ซ้ำเพื่อความมั่นใจ รู้สึกลังเลใจอยู่ไม่น้อย แต่คำเตือนจากผู้หญิงคนนี้        

ก็ดูน่าเชื่อถือ

“จริงสิคะ ฉันจะหลอกพวกคุณทำไม ฉันเป็นทนายนะ เห็น

เหตุการณ์เข้าพอดีจึงตามมา ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงจัดการมันเองแล้ว”

เธอจ้องหน้าทั้งสาม ยืนยันเสียงแข็ง

“เอาไงวะ ถ้าเข้าไปแล้วเกิดผิดพลาดโดนไล่ออก แต่ถ้ามีจริง

แล้วแขกด้านในมีอันตราย ถ้าพวกเราไม่ช่วยได้ซวยกันหมดแน่”

หนึ่งในสามปรึกษาหารือกับเพื่อนร่วมซะตากรรมอีกสองคน     

ที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดพอกัน

“ลีลาทำมากจริง ๆ ฉันเข้าไปดูเองก็ได้ ป่านนี้เจ้าของกระเป๋า

หัวใจวายตายไปแล้วละ พวกคุณตามมาละกัน ไม่ได้เรื่อง ผู้ชายสมัยนี้      

ไม่มีความกล้าเอาเสียเลย” เธอบ่นออกมาแบบเสียไม่ได้ และเกินกว่า       

ใครจะห้ามทัน ร่างคุณป้าหน้าเด็กก็เดินลิ่ว ๆ เปิดประตูเข้าไปทันที

“เฮ้ย...คุณ” เสียงเรียกที่ดังตามหลังเงียบหายไปทันทีที่        

ประตูปิดลง

รุ้งตะวันกวาดตามองบุรุษร่างโตหกคนในห้องด้วยความตั้งใจ

และเก็บรายละเอียดเท่าที่เธอจะทำได้  ร่างบางชะงักกึก เมื่อมองเห็น       

ชายร่างใหญ่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะสวมสูทสีเทาเข้มเหมือนคนร้ายที่ตามมาและ

กระเป๋าหนังสีดำก็วางอยู่กลางโต๊ะ ทนายสาวมองกระเป๋าหนังสีดำอย่าง

สนใจ วกกลับไปมองหน้าขาว ๆ ของโจรอีกครั้ง

‘นี่มันการเจรจาค้ายาหรือเปล่า ยัยตะวัน หล่อนนี่มันซ่าไม่ดู

 

 

 

ตาม้าตาเรือจริง ๆ แล้วจะมีชีวิตรอดกลับไปหรือเปล่านี่,

ทุกคนในห้องหันมองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยความแปลกใจ

ดีน เพรตัน ลุกขึ้นเดินมายังสตรีที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความสงสัย นิ่วหน้า  

เมื่ออีกฝ่ายถอยหลังไปจนติดประตู ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาคู่สีดำจ้อง

เจ้านายเขาเขม็งตูตื่นตระหนกจนเห็นได้ชัด และไม่คิดว่าจะมีเรื่อง         

แบบนี้เกิดขึ้น เมื่อแม่สาวแปลกหน้าหันหลังเปิดประตูตะโกนโวยวาย              

ด้วยภาษาไทยที่เขาฟังรู้เรื่องเป็นอย่างดี แต่ประโยคของเธอมันไม่ใช่            

เรื่องดีแม้แต่น้อย

ทนายสาวมองยักษ์ที่เดินย่างสามขุมตรงมาหาเธอด้วยท่าทาง

คุกคามหน้าตาตื่น  ไม่ไหวแล้ว หนีดีกว่าโจรพวกนี้คนหรือรถถัง ทำไม   

ตัวใหญ่ยักษ์กันขนาดนี้ เธอผงะถอยหลังตั้งท่าจะโกย ส่งเสียงร้องขอ   

ความช่วยเหลือลั่น

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย มีโจรวิ่งราวอยู่ในห้องนี้”

“คุณ...” ดีนหลุดเสียงออกมาได้แค่นั้น พนักงานชายสามคน

ของโรงแรม รวมทั้งผู้จัดการที่เคยติดต่องานด้วย พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่     

รักษาความปลอดภัยอีกสองนายกรูกันเข้ามาในห้อง

“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นผู้จัดการ พวกคุณเล่นตลกอะไรกัน     

รู้ไหมว่าทำแบบนี้มันเสียหายมากขนาดไหน” โจแอลคำรามลั่นตาม      

นิสัยคนใจร้อน

“ขอโทษครับ คุณผู้หญิงท่านนี้แจ้งว่ามีโจรลักลอบเข้ามาใน

ห้องนี้ ผมเลยรีบมาดูว่าพวกคุณปลอดภัยดีหรือเปล่า” ผู้จัดการเหงื่อ      

แตกซิก ในใจหวั่นเกรงมิใช่น้อย ทันทีที่พนักงานวิทยุไปรายงาน เขาก็    

รีบตรงมาทันที สายตาทุกคู่ต่างมองไปที่หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวซึ่งยืน     

ตัวลีบอยู่ข้าง ๆ พนักงานชายของโรงแรมคนหนึ่ง

“ว่าไงครับคุณผู้หญิง ไหนโจรที่คุณว่า มีหรือเปล่า”

ผู้จัดการชะตาขาดหันมาถามหญิงสาวต้นเหตุของเรื่องทันที  ๆ

“คนนั้นไงคะ ที่สวมสูทสีเทา นั่นก็กระเป๋าที่เขาขโมยมา ฉัน     

เห็นกับตา”  รุ้งตะวันใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม ปรายตามองเป้าหมาย

 

 

 

ตาขุ่น หน็อย...พ่อโจรมาดเฉียบทำเนียนเชียวนะ รุ้งตะวันเบ้ปากใส่         

นิ้วเรียวชี้หน้าคนร้ายท่ามกลางอาการอึ้งของคนในห้องที่พร้อมใจมอง    

ไปยังคนร้ายที่หญิงสาวชี้ตัว ซึ่งตอนนี้ผู้ถูกกล่าวหาเอนหลังพิงพนัก      

เก้าอี้นวมสีครีมตัวใหญ่ด้วยท่วงท่าแสนสบาย และไม่มีทีท่าตกใจกับ   

ข้อหาที่ได้รับมาแบบฟลุก ๆ แม้แต่น้อย

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง เข้าใจผิดหรือเปล่า เจ้านายของผม      

ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ” ดีนพยายามจะไกล่เกลี่ยอย่างสุภาพ           

เพราะคิดว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแน่ ๆ

“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกคุณก็เป็นพวกเดียวกัน คุณผู้จัดการ      

เรียกตำรวจเลยค่ะ สงสัยคุณได้แจ้งจับแก๊งโจรข้ามชาติแน่ หน้าฝรั่งจ๋า

ขนาดนี้ อ้อ มีตี๋เอเชียมาด้วยสองคน” ทนายสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ        

ยิ้มหวานเจี๊ยบให้โจร พลางหันไปแนะนำผู้จัดการที่ยืนทำหน้าเหมือน     

ถูกบังคับให้กลืนยาฆ่าหญ้าทั้งขวด

ราชามองหญิงสาวผ่านแว่นสีชาด้วยความไม่พอใจ   ผู้หญิง    

เชยเฉิ่มคนนี้ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องประชุมที่เขานัดเจรจา    

ธุรกิจสำคัญกับคู่ค้าชาวจีน และกรุ่นในอารมณ์มากขึ้น เมื่อข้อกล่าวหา      

ดูจะหนักข้อขึ้น เขานั่งนิ่งเฉย ไม่ท้วงติง เพราะไม่นานดีนคงจะจัดการ    

ทุกอย่างได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเรื่องงี่เง่าแบบนี้แต่นั่นเป็นความคิด     

ก่อนหน้าที่เขาจะเห็นรอยยิ้มที่เจ้าของความวุ่นวายในวันนี้ส่งให้มือขวา   

คนสนิท ความรู้สึกวูบโหวงในช่องท้องและเหมือนใครเอาค้อนปอนด์   

หนักร้อยตันมาทุบหัว ทำเอาเขามึนงงและต้องมนตร์ของรอยยิ้มที่      

เหมือนจุดโลกทั้งใบให้สว่างไสวราวกับยืนอยู่ท่ามกลางดวงตะวันใน      

ฤดูใบไม้ผลิ

“ขอโทษด้วยคุณเฉิง คุณโจว์ วันนี้เราคงต้องยุติการเจรจา     

เพียงเท่านี้ ผมคิดว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นคงใช้เวลาสะสางนานพอควร     

ผมจะนัดคุณทั้งสองอีกครั้ง” เสียงราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก ติดจะ   

เย็นชา บอกกับคู่ค้าที่นั่งหน้ามึนงงด้วยไม่เข้าใจภาษาไทยแม้แต่น้อย      

และทั้งสองก็ยินดีที่จะหยุดเจรจาตามที่ชายหนุ่มประสงค์  ต่างเก็บ

 

 

 

เอกสารใส่กระเป๋าหนังและเดินตามกันออกไปเงียบ ๆ

“คุณผู้จัดการ ผู้ต้องสงสัยจะหนีไปแล้ว ทำไมไม่ช่วยกันจับ    

ล่ะ แล้วนี่เมื่อไรตำรวจจะมา อย่าบอกนะว่าพวกคุณเชื่อว่า พวกเขา       

เจรจาธุรกิจถูกกฎหมายกัน ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะฉันเห็นกับตาว่า       

นายคนนี้เพิ่งวิ่งราวกระเป๋ามาหยก ๆ รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาพิสูจน์      

ก่อนสิ” คนที่ไม่ยอมเงียบมองตามคนร้ายในความคิดของเธอแล้วหัน        

มาโวยกับผู้จัดการโรงแรมที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มไหว้เจ้าอยู่ข้าง ๆ

“คุณผู้หญิงเข้าใจผิดแล้วครับ สุภาพบุรุษกลุ่มนี้เป็นนักธุรกิจ  

จริง ๆ พวกเขาจองห้องเจรจาธุรกิจถูกกฎหมายแน่นอนครับ ผมยืนยัน     

ได้” ผู้จัดการโรงแรมพยายามอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ มันต้องมีอะไร

ผิดพลาดแน่ๆ เพราะหญิงสาวเองก็ดูมั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกิน ดูแล้ว        

ไม่น่าจะใช่พวกมาก่อกวน สำหรับแขกกลุ่มนี้ เขาก็ตรวจสอบข้อมูลมา

เรียบร้อยแล้ว

รุ้งตะวันกวาดตามองบุคคลในห้องทีละคนและเพ่งพิจารณา   

อีกครั้งด้วยท่าทางครุ่นคิด คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ดวงตาคู่งามลอบมอง    

ชายร่างใหญ่สวมสูทสีเทาอีกครั้งอย่างพิจารณา ไล่มองตั้งแต่เส้นผม           

สีดำซึ่งถูกตัดสั้นพอประมาณและถูกจัดทรงให้ดูเป็นระเบียบ หน้าผาก    

กว้าง จมูกโด่งสวย  ริมฝีปากสีสดหยักสวยราวอิสตรี  ไหล่กว้าง และช่วง

ลำตัวบึกบึนซึ่งหายไปกับขอบโต๊ะ เธอไล่สายตามองกลับมายังใบหน้า    

ซึ่งรวมสิ่งที่ดีที่สุดของสองชาติตะวันตกและตะวันออกไว้ได้อย่างลงตัว   

จนน่าอิจฉา ตาคู่งามสบกับตาสีเทาเหลือบดำ ซึ่งชวนให้รู้สึกเหมือน        

ยืนอยู่ท่ามกลางละอองหมอกหนาบนยอดเขาสูง เธอรีบหลบกระแส       

เย็นเยียบที่เจ้าของส่งมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

‘หรือเราจะเข้าใจเขาผิด ยัยตะวันเอ๋ย ผู้ร้ายตัวจริงก็หนีไปได้

แถมจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทเป็นของรางวัลมากกว่า งานนี้อะไรมัน     

จะซวยแบบนี้หนอ’

“ออกไปให้หมด” เสียงเย็น ๆ ดังขึ้น ทำให้ทุกคนต่างขยับตัว  

กันด้วยอิริยาบถต่างๆ กัน พนักงานโรงแรมต่างถอยหลังออกไปทันที

 

 

 

ที่ผู้จัดการโบกมือส่งสัญญาณ ส่วนเจ้าตัวปาดเหงื่อเดินรั้งท้ายออกมา      

ด้วยท่าทางโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก หนุ่มต่างชาติที่ดูอายุน้อย    

กว่าใครหันไปคุยบางอย่างกับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน ก่อนเดิน    

ตามกันออกไปพร้อมกับโจรสุภาพที่เดินผ่านหน้าเธอไปด้วยสีหน้า      

ประหลาดใจ ภายในห้องเย็นฉ่ำราวกับเทือกเขาหิมาลัย เหลือเพียงแค่    

หญิงสาวต้นเรื่องและชายร่างใหญ่ผู้ถูกกล่าวหาที่ยังคงอยู่ในห้อง

รุ้งตะวันเหลียวมองรอบห้อง ค่อยๆย่องออกไปอีกคน เธอ    

กลั้นใจก้าวเท้าเบาๆ เพราะกลัวอีกฝ่ายที่ยืนหันหลังจะได้ยิน มือบาง        

สั่นระริกเมื่อเอื้อมไปจับลูกบิดประตู

‘สาธุ ขอให้ลูกรอดไปด้วยเถอะ ต่อไปนี้จะไม่ทำอะไรเกินตัว  

อีกแล้ว’   ทนายสาวคนเก่งสัญญากับตนเองในใจ หัวใจสั่นรัวด้วยความ

ตื่นเต้น นึกหวาดหวั่นไปหมด พวกนี้เป็นมาเฟียหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขนลุก

เกรียวเมื่อนึกภาพตัวเองถูกฆ่าตายอนาถเหมือนภาพของเหยื่อในคดี         

เก่า ๆ ที่เคยเห็นไหลผ่านเข้ามาในความทรงจำ

“จะไปไหน”

ร่างบอบบางที่กำลังจะเปิดประตูสะดุ้งโหยง เธอหวีดร้อง       

ลั่นห้อง ไม่คิดว่าร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ไกลคนละมุมห้องจะเร็วขนาดคว้า   

ข้อมือเธอทันทีที่เธอเปิดประตูเตรียมโกยอ้าวออกไป

“จะไปไหนยัยตัวดี รู้ไหมเข้ามาทำให้งานคนอื่นเขาเสียหาย   

บอกมาว่าต้องการอะไร”  ราชามองลูกเจี๊ยบในกำมือที่ตอนนี้ตื่นตระหนก

จนเห็นได้ชัด ชายหนุ่มแสยะยิ้มชั่วร้ายราวปีศาจ เมื่อมือเล็กนวลเนียน     

ราวน้ำผึ้งพยายามแกะมือใหญ่สีน้ำตาลที่กำข้อมืออีกข้างไว้แน่นอย่าง       

เอาเป็นเอาตาย ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริก

“ปล่อยนะ จะรังแกผู้หญิงหรือ ถ้าฉันหลุดไปได้จะฟ้องเรียก

ค่าเสียหายให้หน้ามืดเลย” รุ้งตะวันเสียงสั่น เมื่อสบตาเย็นชาคู่สีเทา          

หัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดหวั่น สะบัดแขนเร่าๆ จนผิวนวลเริ่มมี         

รอยแดงจากการบีบรัดของมือหนาที่เพิ่มแรงยึดเหนี่ยวมากขึ้น

ราชามองลูกเจี๊ยบในมือดิ้นหนีสุดชีวิต เริ่มเป็นฝ่ายไม่พอใจ

 

 

 

เสียเอง เมื่อเหลือบเห็นรอยแดงที่เกิดจากน้ำมือตนเอง

‘‘หยุดดิ้นได้แล้วยัยลูกเจี๊ยบ” เสียงเหี้ยมดุดันข่มขู่ ดวงตา         

สีเทาเข้มขึ้นส่งสัญญาณอันตราย

‘ผู้หญิงบ้าอะไรแรงดีชะมัด ตัวเท่าเมี่ยงสู้สุดใจเชียว สงสัย   

ต้องใช้วิธีแบบพระเอกในหนังไทยที่เคยยืมยัยแพรวามาดูบ่อย ๆ ถึงจะ

หยุดยัยลูกเจี๊ยบขนฟูตัวนี้ได้’

แววตาเย็นเยียบเป็นนิจส่อประกายความเจ้าเล่ห์ ซึ่งน้อยคน      

ที่จะมีโอกาสเห็น เขาลอบมองเหยื่อในอุ้งมืออย่างหมายมาด ฝ่ามือหนา 

วาดไปโอบเอวคอด เสื้อตัวหลวมแนบไปตามแรงกดทับของอ้อมแขน    

ดึงร่างเล็กเข้าหาแผงอกกว้าง ร่างนุ่ม ๆ ของสาวตัวเล็กจึงหลุดเข้ามาใน

พันธนาการของปีศาจร่างโต ลูกเจี๊ยบขนฟูยืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาคู่สวย    

เบิกกว้าง เมื่อถูกโอบกอดแนบแน่นจนสัมผัสเสียงหัวใจที่เต้นแรงราว

แผ่นดินไหวของกันและกันได้ชัดเจน สีหน้าตื่นตระหนกเงยขึ้นมาจน     

คอตั้งบ่า มองคนตัวโตตาขุ่น เม้มปากแอบด่าลอดไรฟัน

“หน็อย...นิสัยผู้ชายโดยแท้เชียว ไอ้หื่น”

ราชามองดวงตาที่กำลังตื่นตระหนกก่อนกลายเป็นเขียวขุ่น

อย่างเอาเรื่อง ตาคู่สีเทาเป็นประกายอย่างถูกใจ เขามองริมฝีปากจิ้มลิ้ม       

สีสวยรูปตัวโอ อุ้งมือหนาช้อนศีรษะเล็กๆ กระชับแน่นริมฝีปากนุ่มแต่  

ร้อนลวกราวเปลวเพลิงครอบครองริมฝีปากจิ้มลิ้มสีระเรื่อ ปลายลิ้น      

ร้อนสอดเข้าไปในโพรงปาก เกี่ยวรัดกวาดต้อนความหวานล้ำราวกับ      

จะสูบให้แห้งเหือดเพียงจูบเดียว ฝ่ามือร้อนลากไล้ไปตามแผ่นหลัง       

บอบบางที่กำลังสั่นระริก ปลายนิ้วดึงชายเสื้อขึ้นเพื่อสอดฝ่ามือหนา       

เข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ราวกับจะพิสูจน์ว่าปีกลูกเจี๊ยบตัวนี้นุ่มมือเพียงใด

เสียงครางหลุดลอดออกมาจากลำคอหนาราวกับเจ้าตัว           

พึงพอใจในสัมผัสที่ได้รับ ใบหน้าหวานเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ดวงตา     

คู่สวยหรี่ปรือ ริมฝีปากถูกวนเวียนดูดดื่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า หญิงสาวร้อน      

วูบวาบในช่องท้อง มือเท้าเย็นเฉียบอ่อนแรงราวกับไร้กระดูก ล่องลอย  

ราวกับอยู่ในห้วงความฝัน ความรู้สึกนึกคิดแตกกระจายจนไม่สามารถ

 

 

 

ปะติดปะต่อเรื่องราวเป็นรูปเป็นร่างได้  ลมหายใจสะดุด เมื่อฝ่ามือหนา   

วกมาเคล้าคลึงด้านหน้า พยายามจะดึงทึ้งผ้ารัดหน้าอกของเธออย่าง         

ตั้งอกตั้งใจ เสียงจิ๊จ๊ะด้งขึ้นเพราะคนทำขัดใจ เมื่อมันแน่นหนาเกินกว่า     

จะดึงออกมาง่าย ๆ เหมือนเป็นการปลุกสติที่แตกกระจายของหญิงสาว    

ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน มือบางที่อ่อนแรงและสั่นเทาตวัดฟาดลงข้างแก้ม    

สากฉาดใหญ่

ปีศาจต้องมนตร์ชะงักกึก  หยุดการกระทำเหมือนสับสวิตซ์

ปรายตาคู่สีเทาเย็นชามองเจ้าของฝ่ามือราวกับจะสาปให้เป็นหินและ      

คาดไม่ถึงว่าจะเจอไม้เด็ดในเวลาต่อมา ร่างเล็กแต่ปราดเปรียวกระทุ้ง      

เข่าเล็ก ๆ เข้าจุดตายของชายชาตรี ทำเอาปีศาจร่างโตทรุดฮวบ   ใบหน้า

หล่อเหลาฉาบน้ำแข็งอยู่เป็นนิจเหยเก นิ่วหน้าเมื่อความปวดหนึบแล่น    

เข้าสู่กลางใจ ลูกเจี๊ยบขนนุ่มหลุดจากพันธนาการ วิ่งสะเปะสะปะไปที่

ประตูห้อง เปิดออก แล้ววิ่งฉิวหายลับ เห็นเพียงผมยาวสลวยสีดำขลับ    

เป็นลอนราวเกลียวคลื่นที่หลุดลุ่ยเพราะช่วงเวลาหวามอารมณ์เมื่อครู่

“โอ๊ะ! แสบนักยัยลูกเจี๊ยบอย่าให้จับได้นะ พ่อจะจับถอนขน   

ชุบแป้งทอดเคี้ยวทั้งกระดูกเชียว โอย จะเป็นหมันหรือเปล่าวะ”

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นอย่างหมดฟอร์ม มองบานประตู

อย่างอาฆาต

ดีนและโจแอลเปิดประตูเข้ามาทันทีที่เห็นหญิงสาววิ่งตัวปลิว

ผ่านหน้าพวกเขาไปราวกับถูกปีศาจร้ายไล่หลัง จากสภาพที่เห็นเพียง    

แวบเดียว ก็ทราบทันทีว่าเจ้านายคงรังแกคุณป้าหน้าเด็กนั่นแน่ๆ พอ        

มาพบชายหนุ่มในสภาพแบบนี้ยิ่งชัด

“คุณราชาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”

“เออ เด็กบ้า ตัวเท่าลูกเจี๊ยบแต่แสบจริง ๆ จับได้เมื่อไร พ่อ     

จะจับหักคอจิ้มน้ำพริกซะเลย” คนถูกเล่นงานยันร่างลุกขึ้น แต่ก็ยังมี        

อาการขัด ๆ หลงเหลืออยู่ ตาคู่สีเทามองประตูห้องอย่างไม่เป็นมิตร        

ราวกับหญิงสาวคู่กรณียังคงอยู่หน้าประตู สร้างความประหลาดใจให้      

คนสนิททั้งสองไม่น้อย ท่าทางจะเคืองจัด ถึงได้อาฆาตฝังหุ่นขนาดนี้

 

 

 

ได้แต่มองหน้ากันไปมา แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ถึงจะประหลาดใจ

เล็กน้อยที่เห็นราชาถูกเล่นงานจุดตาย จนหลุดมาดหมดสภาพขนาดนี้    

อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้หญิง

ปีศาจร้ายหัวเสียที่ถูกลูบคมขยับร่างขึ้นจากพื้นนั่งลงบนเก้าอี้

ราชาโบกมือห้ามไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากดีนและโจแอลที่ทำท่า      

จะเข้ามาพยุง ใบหน้าชายหนุ่มบูดบึ้ง รู้สึกเสียหน้าไม่น้อย   เขาเอ่ยถาม  

เสียงห้วน

“เรื่องที่ยัยลูกเจี๊ยบกล่าวหามีมูลแค่ไหน” แววตาเย็นเยียบ     

มองหน้าคนสนิททั้งสองอย่างรู้เท่าทัน สองคนนี่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้

ผ่านเลยไปง่าย ๆ แน่

“มีคนร้ายจริงอย่างที่เธอพูด มันแอบอยู่ห้องข้างๆ พร้อม  

กระเป๋าเอกสารของพ่อค้าอัญมณีที่พักอยู่โรงแรมตรงข้ามเรานี่เอง ผม

จัดการลากคอมันโยนเข้าซังเตเรียบร้อยแล้วครับ” ดีนรายงานข้อมูล           

ที่สืบมาอย่างดี ทันทีที่ถูกไล่ออกไป เขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบดูและค้นห้อง

ทุกห้องบริเวณนี้  คุณผู้หญิงคนนั้นบอกถูกหมดทุกอย่าง ยกเว้นเกี่ยวกับ

ห้องที่คนร้ายซ่อนตัว เธอคงมองผิดไป เพราะประตูห้องตั้งคู่กัน ถ้า     

ไม่ได้มองมุมตรงคงจะเห็นไม่ชัดนักว่าใครเดินเข้าห้องไหน

“โจแอล ไปสืบมาว่ายัยเด็กนั่นเป็นใคร” คำสั่งราบเรียบที่         

ไม่มีใครคาดคิดหลุดออกมาจากปากเจ้านายหนุ่มผู้ที่ขึ้นชื่อว่าไม่สนใจ

อิสตรี ต่อให้สวยหยาดฟ้ามาดินแค,ไหน เจ้านายเขามักปรายตามอง         

ราวกับอากาศธาตุ สองหนุ่มคู่หูคนสนิทมือซ้ายมือขวามองหน้ากัน ต่าง     

มีความสงสัยในแววตา แต่...ใครจะกล้าถาม

โจแอลขยิบตาใส่คู่หูรุ่นพี่เดินลอยชายผ่านหน้าไปทำงานของ

ตนตามคำสั่ง ดีนถลึงตาใส่ไอ้เด็กปีนเกลียวอย่างฝากไว้ก่อน หันมา     

สนใจชายหนุ่มที่นั่งเหม่อมองบางสิ่งในมือที่เขามองไม่เห็น

“จะขึ้นไปพักบนห้องเลยหรือเปล่าครับ เอ่อ...ถ้าต้องการ     

ผู้หญิง ผมจะจัดการให้” ดีนตัดสินใจเอ่ยถามคำถามอันตรายออกไป      

หนุ่มอังกฤษหลบตาวูบ เมื่อรู้สึกว่าเหมือนถูกสาปด้วยสายตาเย็นชา

 

เชือดเฉือนไปเรียบร้อย หลังจากพูดจบประโยค เขาเสนอให้เพราะคิด       

ว่าราชาคงเก็บกดพอดูถึงลุกขึ้นมาปล้ำผู้หญิง ปกติทำท่าขยะแขยง           

ราวกับเชื้อโรค

“ไม่ต้อง ยกเลิกห้องพัก ฉันจะไปพักบ้านเจ้าพ่อคนดังของ

เมืองกรุงเสียหน่อย เห็นว่ามันกำลังมีเรื่องปวดหัววุ่นวาย” น้ำเสียง    

ราบเรียบบอกวัตถุประสงค์ออกมาโดยที่สายตาคู่สีเทายังไม่ละไปจาก     

ของชิ้นเล็กๆในมือ

ดีนมองชายหนุ่มที่โตมาคู่กัน    ลอบยิ้มพลางนึกถึงเจ้าของบ้าน

ที่ต้องต้อนรับราชาปีศาจตนนี้  คุณเพลิงพายุคงความดันขึ้นพอดูที่เพื่อน     

คู่รักคู่กัดจะไปหาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเสียด้วย


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024