ผูกรักคล้องใจ (ฟ้าน้ำค้าง) (ซีรีส์ชุด ผูกรัก)

ผูกรักคล้องใจ (ฟ้าน้ำค้าง) (ซีรีส์ชุด ผูกรัก)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715858
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 329.00 บาท 82.25 บาท
ประหยัด: 246.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

างทีเธออาจจะแค่ฝัน...เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้นมันก็แค่

ความฝัน...ฝันร้ายที่เธอจะฝังมันไปตลอดกาล

“บัวว่าอะไรนะ!”

“คุณแม่คะ...บัวขอโทษ” เธอทำได้เพียงพูดคำว่าขอโทษนับพัน

ครั้งต่อหน้ามารดาจนเหมือนว่ามันจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ที่ไม่ว่าเธอจะ

เอ่ยมันออกมามากเพียงใดก็ไม่สามารถชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย

สักนิด

แม้ความฝันจะไม่ได้ทลายไปหมดเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อย

เธอก็เรียนจบ...แต่ความฝันก็เพื่อวันในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้เท่านั้น...

วันรับปริญญาบัตรของเธอ

“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเป็นเพราะ

คืนนั้นใช่ไหม! ที่บัวไม่ได้กลับบ้าน!

มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ ให้มารดาได้ยินแทนคำตอบ แม้จะไม่ใช่

ความผิดของเธอทั้งหมด หากก็อดที่จะรู้สึกละอายไม่ได้

“บัวอยากจะเรียนอักษรค่ะ แล้วพอจบปริญญาตรีบัวก็จะต่อโท

ทันที ถ้าเป็นไปได้ก็อยากต่อเอกด้วย คุณพ่อเห็นด้วยไหมคะ

ความฝันที่เธอจะสวมชุดครุยเพื่อเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร

ได้สูญสิ้นสลายหายไปหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่เธอได้ทราบว่าเธอกำลังจะ

ได้เป็น ‘แม่คน’

“บัวคงไปรับปริญญาไม่ได้แล้วนะเหวิน ฮึก เพราะถ้าวันนั้นบัวไป

คุณพ่อคุณแม่จะต้องอายแน่ๆหน้าท้องที่เริ่มนูนออกมาจากอายุครรภ์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เกือบเจ็ดเดือนกว่าทำให้เธอไม่กล้าพอที่จะไปร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่

ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวสำหรับลูกซึ่งไม่เคยทำอะไรเพื่อบิดา

มารดาให้พวกเขาภาคภูมิใจด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่พ่วงมากับ

ใบปริญญา

และเธอคงจะอับอายมากกว่านี้เป็นแน่หากไม่ได้พี่ชายซึ่งอยู่ใน

ฐานะลูกพี่ลูกน้องที่เขาไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมมาช่วยออกโรง

ปกป้องรับว่าเขาคือพ่อของลูกในท้องเธอ

“ไม่เป็นไรแล้วนะบัว พี่จะช่วยบัวเลี้ยงลูกเอง”

คล้ายจะมืดมน แต่ในหนทางที่มองไม่เห็นนั้นก็พอมีแสงสว่าง

แห่งความสุขค่อยๆ ส่องประกายออกมาทีละน้อย แทรกซึมเป็นความสุข

ที่เธอแทบไม่เคยรู้ตัวมาก่อน...เรียนรู้ ในความเป็นแม่ด้วยอายุที่เธอ

ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะต้องมาแบกรับสิ่งเหล่านี้

“แม่จะเลี้ยงหนูเองนะคะ แม่จะตั้งชื่อหนูว่าใบตอง จะได้คล้องกับ

ชื่อแม่...ดีไหมคะเธอบอกกับลูกในท้องราวกับว่าเด็กสามารถรับรู้ ได้

ลูก...อยู่กับเธอทั้งในยามทุกข์และสุข เหงาและว้าเหว่ เธอเล่าเรื่อง

ที่ไม่สามารถระบายให้ ใครฟังได้ ให้ลูกฟัง...ลูกจึงกลายเป็นสิ่งเดียวที่เธอ

แทบจะยึดไว้และถือว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิต

บ่อยครั้งที่เธอพูดกับคนในท้อง ปฏิกิริยาจากหน้าท้องของเธอ

จะสื่อออกมาให้รับรู้ว่าเด็กรับฟังความรู้สึกของเธอทั้งหมด

ไม่ว่าใครจะตราหน้าเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ดี หรือกล่าวหาว่า

ลูกของเธอเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิด เธอก็ไม่สน...ขอเพียงชีวิตเธอได้อยู่กับ

ลูกอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว...เธอสามารถละทิ้งความฝันทุกอย่าง

เพื่อมาอยู่กับลูกน้อยได้ตลอดชีวิต โดยไม่สนใจความฝันอีกต่อไป

เพราะต่อจากนี้ ‘ลูก’ คือทุกอย่าง เป็นตัวแทนแห่งความฝันและความหวัง

ที่เปรียบเหมือนแสงสว่างในชีวิตเธอทั้งหมด

หากดูเหมือนชะตาจะเล่นตลกกับเธออีกครั้ง เมื่อมันได้พัดหวน

คนที่สร้างความยุ่งยากลำบากให้กลับมาพบเธอและลูก

ผู้ชายคนนั้นกลับมาทวงสิทธิ์...สิทธิ์ที่เขาไม่ควรมีมาตั้งแต่แรก...

 

 

 

 

 

 

 

มารับผิดชอบผู้หญิงที่แทบจะไม่รู้จักกันในฐานะ ‘ภรรยา’ และเด็กที่

ไม่เคยเห็นหน้าในฐานะ ‘ลูก’

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 1

พบกันอีกครั้ง

รรยากาศในห้างสรรพสินค้าครึกครื้น เต็มไปด้วยผู้คนที่มา

จับจ่ายใช้สอยในช่วงวันหยุด ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ ดูพฤติกรรม

ผู้บริโภคที่มีความสนใจในสินค้า ทั้งข้าวของเครื่องใช้และเทคโนโลยี

ต่างๆ อีกทั้งยังแฝงตัวเป็นพนักงานขายของบริษัทเครื่องใช้ ไฟฟ้าชื่อดัง

และทำหน้าที่แทนเมื่อลูกค้าสงสัยแล้วพนักงานตอบไม่ได้ เพราะเขา

ต้องการทราบความคิดของลูกค้า เพื่อจะได้นำไปพัฒนาและปรับปรุง

สินค้าที่จะผลิตต่อไป

กันตภัทรจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง

ของเมืองนอก เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของเจ้าสัวตระกูลดังที่ใช้ชีวิต

ไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่ ที่พ่อแม่มีฐานะร่ำรวยแล้วสนับสนุนด้านการศึกษา

อย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกได้คุณวุฒิอย่างเต็มภาคภูมิ เป็นหน้าตาแก่วงศ์ตระกูล

หลังจากจบมา ชายหนุ่มฝึกและทำงานประจำที่ต่างประเทศ ไม่สิ...

เรียกว่าอิสระน่าจะดีกว่า เขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะยอมกลับมาเรียนรู้งาน

ที่บริษัทของครอบครัวตามคำขอของมารดา

เขาไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก ก็ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ออกจะ

เสเพลด้วยซ้ำ กินเที่ยววันต่อวัน แค่พอหาเงินได้ โดยไม่ขอพ่อแม่ก็

เท่านั้น

แม้ว่าตลอดเวลาจะควงผู้หญิงมา แต่ชายหนุ่มยังคงหวงชีวิต

หนุ่มโสดเป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นเพียงแค่เจอกัน ถูกใจ และจบลงด้วย

ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ไม่สานต่อใดๆ ให้เป็นภาระผูกพันหรือปัญหา

ตามมา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แม้วัยจะสามสิบสองปีแล้ว แต่ยังคงไม่อยากลงหลักปักฐาน

ใช้ชีวิตครอบครัวกับใครให้เป็นบ่วงผูกมัดตัวเองไว้ เพราะมันจะตามมา

เป็นความรับผิดชอบอีกหลายสิ่งที่เขาคิดว่ายังไม่พร้อมและยังไม่สามารถ

ทำได้ดีพอ

ยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงปรับตัวที่ต้องเรียนรู้งานในบริษัทต่อจากบิดา

มารดา จึงไม่มีสิ่งใดมาดึงดูดความสนใจไปได้นอกจากเรื่องงาน

แต่หากถามเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า...มันก็ไม่ได้หายากเท่าไรหรอก

สำหรับเขา เพราะแม้ ไม่มีเวลาออกไปเที่ยว แต่ก็มีหญิงสาวที่เคยติดต่อ

ด้วยผลัดเปลี่ยนเข้ามาไม่เว้นช่วง จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเข้าสถาน

บันเทิง

ถ้าจะให้นับจำนวนดูแล้วก็ไม่ได้เยอะสักเท่าไร เพียงแต่บางคนนั้น

เขาจำหน้าไม่ได้...แม้ว่าพวกเธอจะย้ำและยืนยันว่ารู้จักเขาดีและมี

ความสัมพันธ์กันไปแล้วหลายครั้งก็ตาม ซึ่งตลอดมาเขายอมรับว่าจะ

สนุกกับเรื่องพวกนี้ไม่เคยขาด แต่เรื่องสำคัญที่เขาไม่เคยลืมและต้อง

เน้นย้ำกับตัวเองก็คือการป้องกัน

แต่เหมือนจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาไม่ได้ป้องกัน เขามีความสัมพันธ์

กับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความมึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรืออาจจะเรียก

ได้ว่าหลงจนลืมเสียตัวมากกว่า เพราะทุกครั้งที่เมาก็ไม่ได้หนักถึงขนาดนี้

หากสิ่งที่แปลกกว่าคือสมองของเขาดันจำใบหน้าแสนหวานของ

ผู้หญิงเพียงคนเดียวได้อย่างแม่นยำ...เธอสวย หวาน และบริสุทธิ์

ต่างจากที่เคยพบ...ซึ่งมันทำให้เขากล้าบ้าบิ่นพอที่จะทำโดยไม่มีสิ่งใด

ขวางกั้น

น่าเสียดายที่เรื่องราวระหว่างเขากับเธอมันเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน

เท่านั้น แต่กลับรู้สึกอิ่มเอมและทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม

วันเวลาผ่านไปเกือบสามปี แต่กลับไม่เคยลืมเหตุการณ์ทุกอย่าง

ในคืนนั้น...ทั้งเสียง สัมผัส การเคลื่อนไหว กลิ่น รสชาติ ยังคงอยู่

ในความทรงจำ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่

‘ความฝัน’

 

 

 

 

 

 

 

ร่างสูงเดินสำรวจตลาดสินค้าไปเรื่อยๆ จนหยุดชะงักเมื่อเห็นใคร

บางคนที่เขาหวนนึกถึงอยู่เสมอ...ใบหน้าสวยใสบริสุทธิ์ราวกับดอกบัว

แรกแย้ม ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ได้เชยชม

ผู้หญิงคนนั้น!

เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ เมื่อได้เห็นนางในฝัน

ตรงหน้า คนที่เขาจินตนาการถึงแทบทุกคืน และสะกดจิตตัวเองทุกครั้ง

ให้มองผู้หญิงคนอื่นที่เข้ามาหาให้เป็นเธอ เพื่อจะได้ลืมๆ ความทุกข์

ทรมานที่โหยหาเธอผู้นี้มาตลอด

สายตาคมทอดมองร่างบางด้วยท่าทางเหม่อลอย ขาของเขาขยับ

ไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลโดยที่สมองไม่ได้สั่งการใดๆ เลยสักนิด

เธอยังคงสวยไม่สร่าง เมื่อก่อนงดงามเช่นใด วันนี้ก็ยังคงเป็น

เช่นนั้น...หรืออาจจะมากกว่าเดิม ผิวขาวสวยที่เขาเคยต้องสัมผัสดู

ผุดผ่องมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง และน่าทะนุถนอม

หญิงสาวกำลังยืนดูของเล่นเด็กตามชั้นวางเพียงลำพัง ด้วยสายตา

และกิริยาท่าทางอ่อนโยนราวกับนางฟ้า เธอทอดมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ด้วยความเอ็นดู ซึ่งนั่นถือเป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่ทำให้คนที่คิดคำนึง

ถึงเธอมาตลอดต้องเดินไปหาราวกับต้องมนตร์สะกด

พลันไม่กี่ก้าวที่จะถึงตัวเธอ ชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่ง

ซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ บุคลิกดี ดูสุภาพเรียบร้อย อุ้มเด็กผู้หญิงตัวขาวอวบ

น่ารักน่าชังในอ้อมแขนเดินเข้ามาตัดหน้า แต่เด็กคนนั้นกลับไม่สนใจ

คนที่อุ้มอยู่เท่าไรนัก เด็กหญิงมองมาทางเขาด้วยแววตาบ้องแบ๊ว ขณะที่

ถูกอุ้มไปหา ‘ผู้หญิงของเขา’

ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้เห็น ก็ต้องคิดว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน

พ่อ แม่ และลูก...ความสัมพันธ์ที่แสนอบอุ่น

เพียงแค่คิด ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเขาก็คล้ายจะปวดหนึบ

ขึ้นมากะทันหัน...บางทีผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นควรจะเป็นเขาหรือเปล่านะ

คนเห็นได้แต่ภาวนาว่าทุกสิ่งจะไม่ใช่อย่างที่เขาคาดเดา เพราะ

ไม่เพียงความต้องการที่เขาอยากจะสานต่อกับผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายที่เดิน

 

 

 

 

 

 

 

ไปหาเธอก็เป็นอีกคนที่เขารู้ว่าอยู่ในสถานะใดกับน้องรหัสสาวที่สนิทกัน

หรือที่เรียกว่า ‘แฟน’ ของอารยา

แม้จะอดคิดไม่ได้ แต่กันตภัทรก็ได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะ

ไม่ทำให้น้องรหัสของเขาต้องเสียใจ...ซึ่งรวมถึงเธอตรงหน้า...เธอที่

เคยเป็นของเขาด้วย

คุณแม่ยังสาวมองเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเล่นกับพี่เลี้ยงด้วย

ความเอ็นดู มือบางเก็บของเล่นที่หล่นจากมือน้อยแล้วยื่นให้ ยิ้มขอบคุณ

ที่สดใสจึงปรากฏให้มารดาเห็น สัญลักษณ์แห่งความสุขของหัวใจผู้เป็นแม่

แม้ชีวิตนี้จะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตามที่ไม่พึงปรารถนา แต่

ต่อจากนี้ไปจนถึงอนาคตข้างหน้า เธอจะไม่ยอมให้ ใครมาทำให้ดวงแก้ว

ของเธอต้องเสียใจและบอบช้ำเป็นอันขาด

ทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันถูกฝังกลบไปหมดแล้ว หาก

ไม่รื้อฟื้นก็ไม่มีทางที่จะตามมาหลอกหลอนเธอได้อีก

แม้จะผ่านช่วงเวลาก่อนหน้านี้มาอย่างยากลำบาก แต่ตอนนี้เธอ

สามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข ไม่ต้องการให้ใคร

มาช่วยประคับประคองและแบ่งเบาภาระ เพียงแต่ขออย่าให้มีใครมา

ขุดอดีตให้เธอได้ยินเท่านั้นก็พอ

ไม่นานร่างสูงของใครบางคนก็ปรากฏขึ้น เขาเตรียมพร้อมที่จะ

มารับเธอกับลูกไปส่งที่ศูนย์การเรียนรู้ของเด็ก ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับให้

คุณแม่และลูกได้ ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน พร้อมกับสร้างการเรียนรู้และพัฒนา

อย่างต่อเนื่อง

ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหลานสาวพร้อมทั้งหยอกล้อพูดคุยกันจน

ใบตองที่งอนเขาอยู่ต้องยอมจำนนอย่างชอบใจ

“พี่ตั้ม กินข้าวมารึยังคะ ถ้ายังไม่ได้กินจะกินก่อนไหม”

อภิวัชรเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต

ไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ เขาเป็นสถาปนิกที่ทำงานที่ต่างประเทศเป็นหลัก

จึงไม่ค่อยมีที่ประจำให้พักอาศัยได้นานนัก ต้องบินไปกลับประเทศไทย

 

 

 

 

 

 

 

อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาเยือนเขาก็จะมาพักที่บ้านหลังนี้ซึ่งเขาเติบโต

มาพร้อมกับเธอ แต่เขาเพิ่งย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ทว่ายังคงตามมา

เยี่ยมและทำหน้าที่ไปรับส่งเธอกับลูกเหมือนเดิม

“พี่กินมาแล้ว แล้วบัวล่ะกินรึยัง” เพราะเธอเป็นคนกินอาหาร

ไม่ตรงเวลา พี่ชายจึงมักจะคอยถามไถ่อยู่เสมอ “กินแล้วค่ะ”

“งั้นไปกันเลยไหม” เขาอุ้มเด็กน้อยขึ้น พร้อมทั้งหยิบสัมภาระ

ของเจ้าตัวเล็กไปด้วย

“ค่ะ”

อภิญญารู้มาตลอดว่าพี่ชายของเธอย้ายไปอยู่กับใครและที่ไหน

แต่ก็ไม่เคยปริปากถาม เพราะเธอรู้ดีว่าเขากำลังทำในสิ่งที่เป็นอนาคต

ของตัวเขา ซึ่งใจจริงเธอก็อยากให้พี่ชายคนนี้มีความสุขบ้าง หลังจากที่

เสียสละชีวิตดูแลเธอกับลูกมาตลอด

“พี่ตั้มไปอยู่กับเขาแบบนี้แล้วไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ระวังผู้หญิง

เขาจะเสียหายเอานะคะ”

เขามองเธออย่างประหลาดใจที่รู้เรื่องนี้ ก่อนจะตอบมาด้วยเสียง

เรียบๆ ที่เธอคาดเดาความคิดของเขาไม่ออก

“พี่ทำแล้วละ เพียงแต่เจ้าตัวยังไม่รู้เท่านั้นเอง”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างสงสัย อภิวัชรจึงอธิบายเพิ่มเติม

“ผู้ใหญ่ทราบเรื่องหมดแล้ว เว้นแต่เขายังไม่รู้ พี่กลัวว่าเจ้าตัว

จะตื่นตระหนกจนหาทางหนีไม่ยอมแต่งงานกับพี่น่ะสิ”

ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ เป็นคนดี มีความรับผิดชอบอย่างพี่ตั้ม

มีผู้หญิงที่ไม่อยากแต่งงานด้วยอีกเหรอ...แต่เธอก็พอจะเข้าใจว่าไม่ใช่

ผู้หญิงทุกคนที่อยากใช้ชีวิตคู่ หลังจากเธอประสบปัญหาชีวิตครั้งใหญ่มา

มือบางของคนเป็นแม่หยิบตุ๊กตายูนิคอร์นตัวเล็กขึ้นมาให้

ลูกสาวดูใกล้ๆ เมื่อเจ้าตัวเล็กสนใจและพยายามเอื้อมมือคว้า

“น้องคอนน่ารัก จุ๊บๆ เย้” เสียงใสของเด็กหญิงใบตองร้องขึ้น

เมื่อได้ม้าที่ต้องการไว้ ในมือ สีหน้าและแววตาของเธอฉายความสดใส

 

 

 

 

 

 

 

ดีใจ และมีประกายบริสุทธิ์

อภิญญาพาลูกสาวตัวน้อยมาเดินเที่ยวเล่นอยู่ในแผนกของเล่น

ระหว่างรอพี่ชายมารับหลังจากพาลูกน้อยเรียนเสริมสร้างสมองและ

ปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเด็กในวัยเดียวกัน อีกทั้งยังสร้างความสัมพันธ์

ระหว่างแม่กับลูกด้วย

ร่างบางอุ้มลูกสาววัยเตาะแตะเดินดูสิ่งของน่ารักๆ แม้ร่างอ้วน

ป้อมในอ้อมแขนจะน้ำหนักขึ้นเพราะช่วงนี้กินเก่ง แต่คนเป็นแม่อย่างเธอ

ก็ไม่รู้สึกหนักเลยสักนิด

จวบจนทั้งสองแม่ลูกเลือกของเล่นเสร็จ หญิงสาวจึงพาลูกไป

ชำระเงิน ก่อนจะพาเดินออกไปนั่งพักที่มุมเด็กซึ่งห้างสรรพสินค้าจัดไว้ ให้

น้ำลายเด็กหญิงเริ่มไหลลงมาจากปาก เมื่อใบตองเผลออ้าปาก

ค้างเพราะกำลังติดของเล่นชิ้นใหม่ที่อยู่ในมือ คนเป็นแม่จึงเอาผ้าขาว

สะอาดในกระเป๋ามาซับให้ เพื่อไม่ให้เลอะเทอะหน้าตาและเสื้อผ้าของ

ลูกสาว

เธอมัวแต่สนใจร่างป้อมที่นั่งข้างๆ จึงไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคน

ยืนอยู่ข้างหลังในระยะประชิด ซึ่งเป็นบุคคลที่เธอไม่ค่อยได้คุ้นเสียง

ของเขา แต่กลับจำมันได้ดีอย่างน่าประหลาด

“ไง...รอสามีมารับเหรอ”

เสียงนั้นเรียกประสาทสัมผัสของคนเป็นแม่ให้ตื่นตัวทันใด

ใบหน้าใสหันขวับเงยขึ้นไปมองต้นเสียง นัยน์ตาของเธอที่ดูสวยบริสุทธิ์

เบิกกว้าง ก่อนจะรีบหลุบลงต่ำเพราะไม่กล้าสบตา

นี่เธอไม่ได้จำคนผิดใช่ไหม...

อภิญญาทำเป็นหันไปสนใจลูกสาวต่อ ทั้งที่สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อ

กับตัวแล้ว...ไม่จริง...เขาก็แค่คนหน้าเหมือนที่ทักคนผิดเท่านั้น!

แม้ว่าเธอจะไม่ใส่ใจ แต่ชายหนุ่มก็ยังก้าวเข้ามาใกล้อย่างอุกอาจ

ร่างสูงเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตัวเล็กฝั่งตรงข้ามเธอและลูก ซึ่งระยะห่างระหว่าง

เก้าอี้นั้นก็ไม่ได้มากเท่าไรนัก ก่อนเขาจะพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้ง

ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เธอ...ใบหน้าที่เธอเกลียดที่สุด!

 

 

 

 

 

 

 

“ไม่ตอบหน่อยเหรอ”

หัวใจของคนที่พยายามจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเต้นกระหน่ำ

มันกำลังขยับอย่างตื่นตูม เพราะอดีตที่เธอหนีมาตลอดกำลังย่างกราย

เข้ามาเยือน ร่างบางจึงตัดสินใจอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะ

ลุกขึ้นเดินหนีทันที และหวังว่าเขาจะไม่ได้ตามมา ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็น

อย่างที่คิด

ร่างสูงเดินตามประกบคุณแม่ที่กำลังเดินหนีพร้อมลูก เขาก้าวเร็ว

เสียจนตามเธอทันได้ไม่ยาก หากเป็นยามปกติตัวคนเดียวเธอก็คงจะ

วิ่งหนีไปแล้ว แต่นี่เธอยังมีหนูใบตองอยู่ในอ้อมแขน ถึงอย่างไรเธอก็

ไม่กล้าเสี่ยง

“ทำไมต้องเดินหนีกันด้วย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

แม้จะไม่อยากเห็นหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองคนพูดที่ทำ

ท่าทียียวนกวนใส่ ทั้งยิ้มและเหมือนจะกึ่งขำในสิ่งที่เธอกำลังทำ

ร่างบางจึงเริ่มโมโห ยิ่งได้ยินหนูตัวน้อยในอ้อมแขนยิ้มชอบใจ

และหัวเราะให้เขาราวกับเป็นพวกเดียวกัน เธอก็ยิ่งกลัวและเกลียด

มากขึ้น...เธอไม่ต้องการให้ลูกรู้จักบุคคลนี้...

เหมือนโชคจะเข้าข้างเธอในที่สุด เมื่อพี่ชายปรากฏตัวขึ้น เขากำลัง

เดินตามหาเธอและลูก หญิงสาวจึงใช้ โอกาสนี้บอกคนที่เธอชังมาตั้งแต่

อดีตเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

“ไม่ต้องตามมาแล้วนะคะ สามีดิฉันมารับแล้ว หวังว่าคุณคงเข้าใจ

ที่จะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว” ดวงตาใสบริสุทธิ์ในคืนนั้นที่เขาเคย

พบพานจางหายไปหมดสิ้น เหลือแต่เพียงความแข็งกร้าวขณะที่บอกเขา

ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วเดินจากไปหาชายหนุ่มอีกคนที่เธอกล่าวอ้างว่าเป็น

‘สามี’

กันตภัทรจำได้ดีว่าคนที่มารับเธอเป็นใคร เขาพอจะรู้มาว่าผู้ชาย

คนนั้นกำลังคบหาดูใจกับอารยาซึ่งเป็นน้องรหัสของเขาสมัยเรียน

มหาวิทยาลัย แต่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นสามีของผู้หญิงที่เพิ่งจะ

เดินจากเขาไปเมื่อครู่

 

 

 

 

 

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมามองเขาขณะยืนข้างภรรยา แล้วยิ้ม

ให้เป็นการทักทายตามประสาคนเคยพบกันมาก่อนหน้านี้พร้อมกับอารยา

โดยที่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นหรือเกรงกลัวใดๆ เลย

เมื่อเห็นเขาโดยบังเอิญ

น่าแปลกใจนัก...ไม่กลัวว่าเขาจะเอาไปบอกยายหลินหรือไงว่า

ตัวเองมีลูกเมียแล้ว

ภิญญาเดินไล่ตามอภิวัชรไม่ห่างเพราะกลัวว่าใครบางคนที่เธอ

หนีมาจะบ้าบิ่นเข้ามาด้วย สีหน้าของเธอดูกระวนกระวาย ลนลานจน

พี่ชายผิดสังเกต

“บัวเป็นอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเหมือนตกใจอะไรเลย”

คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือของอภิวัชรเข้ามาแตะที่มือเธอ

เพื่อเรียกสติ แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลงและเป็นปกติไว้

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”

ดูเหมือนว่าอาการของคนเป็นแม่จะส่งผลต่อเจ้าตัวเล็ก เมื่อใบตอง

เริ่มงอแงมองหน้าแม่อย่างไม่ชอบใจ

“ม้าบัว ร้องทำไม” มือบางปัดป่ายไปที่ใบหน้าของมารดาคล้ายจะ

ทำให้ยิ้ม

“โอ๋ ไม่ร้องไม่งอแงนะคะคนดี” มือบางลูบไล้ก้นน้อยๆ ของบุตรสาว

อย่างอ่อนโยน

ความกลัวทำให้เธอตื่นตัวควบคุมสติไม่ได้จนส่งผลกระทบต่อลูก

ความรู้สึกของเด็กน้อยที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอรู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง...

แม่ขอโทษนะลูก

เพราะเธอตั้งสติไม่ดีพอ ควบคุมอารมณ์ ไม่อยู่ คนที่เดือดร้อนนั้น

ไม่ใช่ตัวเธอเอง แต่กลับเป็นลูกที่ต้องปกป้อง...ซึ่งต่อจากนี้มีเพียงเธอ

เท่านั้นที่จะปกป้องหนูใบตองจากภัยทุกอย่างได้ รวมถึง ‘เขา’ คนที่เธอ

เจอเมื่อครู่นี้ด้วย!

 

 

 

 

 

 

 

ายในห้องนอนหรูที่ถูกจัดแต่งไว้ตามสไตล์ของเจ้าของห้อง

ทุกอย่างถูกจัดแบบสมัยใหม่ ทั้งเครื่องเรือนและของตกแต่งซึ่งเต็มไปด้วย

สีแห่งความคลาสสิกเข้ากับธีมที่คนเลือกวางไว้เป็นอย่างดี

หากความสงบในห้องนั้นขัดกับอารมณ์ของร่างสูงที่กำลังเดินไป

เดินมาอยู่รอบๆ ด้วยความกระวนกระวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทำไมเขาต้องมาร้อนใจกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองด้วยนะ!

ในที่สุดเขาก็แพ้ความกลัวที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียใจหากได้รู้

ความจริง มือหนากดโทรศัพท์ติดต่อหาน้องรหัสทันที

เพราะเขาเป็นห่วงเธอ...อยากเตือนให้เธอรู้ถึงสิ่งที่กลัวมาตลอด...

นั่นก็คือการถูกผู้ชายหลอก!

ขณะรอสัญญาณจากปลายสาย ความคิดของเขาก็กระหวัดหวน

ไปถึงเรื่องของใครบางคน ทั้งที่คิดซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาทั้งคืน

ผู้หญิงคนนั้นจะรู้ ไหมว่าสามีไม่ได้มีเธอเพียงแค่คนเดียว...

ไม่นานเสียงใสหวานของอารยาก็ทักทายเขาอย่างประหลาดใจ

เมื่อเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาติดต่อไปหาเธอ

“พี่กันต์ โทร.หาหลินมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย หรือจะพาไปเลี้ยง”

น้ำเสียงของหญิงสาวยังคงแจ่มใสแกมหยอกเขา

แต่ปากของคนโทร.ไปกลับไม่ขยับ เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจ

น้องรหัสที่แม้ภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่เขาดูออกว่าภายในจิตใจของเธอ

นั้นแสนเปราะบาง แต่ถึงจะอย่างไรเขาก็ต้องพูด!

“หลิน...พี่ถามอะไรหน่อย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างใจเย็นและจริงจัง

ทำให้คนฟังต้องลุ้นระทึก

“...”

“หลินยังคบกับนายคนนั้นอยู่หรือเปล่า”

เกือบสามวินาที เสียงปลายสายจึงตอบกลับมา

“คบ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“หลินมีความสุขดีใช่ไหมที่คบกับเขา”

“กะ...ก็ดีค่ะ ทำไมจู่ๆ พี่กันต์ถึง...”

 

 

 

 

 

 

“พี่แค่อยากจะเตือนน่ะ...บางทีความคิดของหลินที่เคยคิดเมื่อก่อน

อาจจะเป็นจริงก็ได้นะ”

“พี่กันต์หมายความว่ายังไง”

“ผู้ชายน่ะ ไม่มีคนไหนซื่อสัตย์ต่อคนรักจริงๆ ได้ทุกคนหรอก

ระวังหน่อยก็ดีนะ เขาอาจจะไม่ได้มีแค่เราคนเดียวก็ได้”

ปลายสายเงียบจนเขาใจหาย หวังว่าที่พูดไปคงทำให้เธอได้สติ

รู้ทันมากกว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจเธอนะ

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมาก พี่ก็แค่พูดเตือนตามประสาที่เห็น

ผู้ชายด้วยกันน่ะ”

ไม่นานเขาก็เป็นฝ่ายขอวางสายไป โดยทิ้งความสงสัยไว้ ให้หญิงสาว

ครุ่นคิดและเริ่มระวังคนที่เธอเรียกว่า ‘แฟน’

ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่มสปริงอย่างดี พร้อมกับถอนหายใจ

ออกมาอย่างแรง

มันเหมือนจะโล่ง แต่ก็ไม่โล่งแฮะ...บางทีเขาก็แยกไม่ออกว่าตอนนี้

ควรจะสงสารใครดี ระหว่างน้องรหัสที่สนิทกันหรือผู้หญิงคนนั้น...คนที่

เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วย ซึ่งทั้งคู่ก็คงถูกหลอกไม่ต่างกัน


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024