คุยเฟื่องเรื่องผู้ชนะสิบทิศ (โกวิท)

คุยเฟื่องเรื่องผู้ชนะสิบทิศ (โกวิท)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789741693016
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 280.00 บาท 70.00 บาท
ประหยัด: 210.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เกริ่นนำ

 

เบื้องนั้น พระพุทธกาลล่วงไปแล้ว ๒๐๗๓ พรรษา เมงกะยินโยตั้งตนเป็นมหากษัตริย์ ทรงนามพระเจ้ามหาสิริชัยสุระ ยกเศวตฉัตรขึ้น ณ เมืองตองอูเรืองกฤษฎานุภาพแผ่ไปทั่วดินแดน ถิ่นที่อยู่ ณ เวิ้งแม่น้ำอิระวดี อันชื่อว่าพุกามประเทศนั้น บรรดา หัวเมืองอันเป็นใหญ่ คือ เมืองอังวะ เมืองหงสาวดี เมืองแปร ก็ผูกพันเจริญราชไมตรีซึ่งกันและกันเป็นอันดี

แลพระเจ้ามหาสิริชัยะสุระมีราชธิดาเกิดแต่พระอักรมเหสี อันหาชีวิตไม่แล้วพระองค์หนึ่ง แลราชบุตรซึ่งเกิดกับพระราชเทวีองค์หนึ่ง ทั้งสองร่วมชันษาเดียวกัน แต่พระราชบุตรอ่อนวัยกว่าเล็กน้อย ราชดรุณทั้งคู่เติบกล้ามาด้วยธารถันของแม่เลาชี นางนม ทั้งแม่เลาชี ก็่มีบุตรคนหนึ่ง แก่เดือนกว่าราชบุตรหลวงเพียงเจ็ดเดือน ทารกทั่งสามจึงได้ดื่มเลือดในอกเดียวร่วมกันสืบมาแต่น้อย ๆ แลเจริญวัยใหญ่ แข็งขึ้นมาด้วยการฟูมพักของแม่เลาชีนางนม วิสัยของแม่เลาชีนั้น แม้จะมิโดยอำนาจที่เป็นพระนมลูกหลวง ก็โดยอัธยาสัยมักเกื้อกูลผู้น้อยต้องลักษณะนายคน จึ่งจะว่ากล่าวสิ่งใดชะ แม่นางกำนัลทั้งหลายก็เกรงอยู่ ฉะนั้นบุตรของแม่เลาชีจงละม้ายลูกหลวง ลูกเจ้าสองลูกไพร่หนึ่งก็เล่นหัวสนิทสนมเจริญวัยมาด้วยกันในพระราชวังเมืองตองอูจนวัยรุ่น พระเจ้ามหาสิริชัยะสุระพระราชทานนามราชกุมารว่า มังตรา ฝ่ายราชกุมารีว่าตะละแม่จันทรา แลแม่เลาชีก็ให้ชื่อลูกชายของตนว่า จะเด็ด... ฯลฯ

 

ข้อความทั้งหมดที่เขียนมานั้น ล้วนเป็นสำนวนของท่านยอดนักประพันธ์ สยามนามปากกาว่า ยาขอบ จากนี้ไปก็จะเป็นหน้าที่ของผมซึ่งขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ข้างกุฏิของท่านอาจารย์ หากอยากจะเขียนตามรอยเท้าท่านอาจารย์ยาขอบบ้าง คงจะต้องใช้นามปากกาว่า ยาเขียว นะขอรับ

ลำดับจากนี้ไปก็ขอเชิญท่านติดตามเรื่องราวของผู้ชนะสิบทิศไปจนกว่าจะจบ

 

อันว่าราชโอรสของพระเจ้ามหาสิริชัยะสุระ ซึ่งทรงพระนามว่า มังตรา นั้น ทรงมีพระชิวหา (ลิ้น) ดำมาตั้งแต่กำเนิด จึงมีคนเรียกว่า องค์ชายลิ้นดำ

เจ้าชายมังตราพระองค์นี้ทรงมีพระนิสัยมักโมโหโกรธาเอะอะอยู่เสมอ ตามประสาลูกเจ้านายซึ่งจะได้สืบราชสมบัติต่อไปในภายหน้า จึงเป็นที่เอือม ระอาของบรรดาข้าราชสำนักทั้งปวง ซึ่งผิดกับ จะเด็ด บุตรสามัญชนซึ่งเจียมตน เจียมใจ รู้จักใช้กิริยาวาจาอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่และผู้น้อย จึงเป็นที่รักใคร่นับถือ ของคนทั้งปวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้ามต่างหลงใหลในตัวจะเด็ดกันทั้งนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตะละแม่จันทรา เจ้าหญิงผู้เลอโฉมและสูงคักดิ์แห่งเมืองตองอู เมื่อทรงเจริญวัยขึ้นมาเป็นสาวรัยรุ่น ก็ทรงตกหลุมรักเจ้าจะเด็ดเสียแล้วอย่างถอนไม่ขึ้น

เจ้าชายมังตรา ชิวหาดำ ทรงรู้อยู่เต็มอกว่าพระพี่นางจันทรา เสน่หา ผูกพันกับจะเด็ด และไม่สนใจอะไรในตัวเองซึ่งเป็นพระอนุชาเลยแม้แต่น้อย คอย แต่จะหาเรื่องว่ากล่าวอยู่ตลอดเวลา มังตราจึงมีความอิจฉาริษยาจะเด็ดที่นางจันทราทรงผกพันอยู่ จำจะต้องหาทางพรากคู่นี้ให้ห่างจากกันไปเสีย คิดได้แล้วมังตราลิ้นดำแถมยังใจดำ ก็รีบไปเพ็ดทูลกับพระราชเทวี ถึงกิริยาพาทีของเจ้าพี่จันทรากับจะเด็ด ยามเมื่ออยู่กันลำพังสองต่อสอง ช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันเหลือเกิน

พระราชเทวีเชื่อถ้อยคำของมังตราพระโอรสทันที จึงมีพระดำรัสตรัสสั่ง กับนางเลาชีพระนมหลวง ขอรับเอาตะละแม่จันทราไปดูแลอบรมเอง เพราะเริ่มเป็นสาวแล้ว นางเลาชีสุดแสนจะอาลัยอาวรณ์ ร้องไห้ฟูมฟายนํ้าตา แต่พระราชเทวีก็ทรงมีรับสั่งว่า อย่าอาวรณ์ร้อนใจอะไรไปเลย ทุกๆ สิบวันจะให้จันทรามาเยี่ยมเยือน

ข่าวตะละแม่จันทราจะต้องถูกพรากจากพระนมหลวงเข้าไปอยู่ยังวังใน ทำให้ข้าทาสบริวารพากันร่ำไห้อาลัยรัก เว้นแต่มังตราเจ้าชายลิ้นดำใจดำเท่านั้น แอบยิ้มพอใจในผลงานของตนเอง ส่วนจะเด็ดเมื่อรู้ข่าวร้ายจากมารดาก็สุดแสนเศร้า พรุ่งนี้ตะละแม่จันทราก็จะอำลาจากไปแล้ว ทำอย่างไรหนอจึงจะได้พบน้องนาง จะเด็ดนั่งทอดอาลัยแบบสิ้นหวังอยู่บนคบไม้ริมชานเรือนเหมือน คนไร้วิญญาณ ไม่นานนักก็ได้เห็นตะละแม่จันทราเสด็จมา จะเด็ดรีบรุดเข้าไปหาด้วยหัวใจอันชุ่มชื่นแทบจะวิ่งผวาเข้าไปกอด ตะละแม่จันทราก็ทรงอาลัยอาวรณ์ยอดชายของนาง ปล่อยให้จะเด็ดกุมหัตถ์ทั้งสองเอาไปไว้แนบอก จากนั้นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์กับจะเด็ดลูกคนสามัญต่างก็พร่ำพลอดฝากรักอาลัยกันท่ามกลางแสงจันทร์อันอำไพ จะเด็ดกอดเอาตะละแม่จันทราไว้แนบอกแล้วพร่ำวาจาว่า

อันชีวิตจะเด็ดจะตายช้าตายเร็วประการใด ก็คงอยู่ที่ใจตะละแม่จะลืมข้าพเจ้าช้าหรือเร็วเป็นเที่ยงแท้ แลวิตกว่าชีวิตข้าพเจ้าเห็นจะสั้นเสียเป็นแน่แล้ว ไหนน้องท่านจะจำข้าพเจ้าไปได้นานวัน เพราะธรรมดาวิสัยของมนุษย์ย่อมมักใฝ่ด้วยความเจริญตาเจริญใจ จันทราละเรือนน้อยของพระนมไปสู่ตำหนักหลวง ความสุขทั้งปวงพรั่งพร้อมก็จะจูงพระทัยให้ยินดีในความสุขนั้น ๆ ทีละน้อยละน้อย เกรงว่านานวันเข้าจะจางข้าพเจ้า จะเด็ดจะราคาตํ่าเสียยิ่งกว่าทองรัดข้อพระบาทของน้องท่านเป็นแน่แท้

ตะละแม่จันทราทรงสดับวาจาของยอดชายในดวงหทัยแล้ว ก็ทรงปลอบ ด้วยมธุรสวาจา แสดงให้เห็นน้ำพระทัยที่แท้จริงว่า

โอกาสที่ข้าพเจ้าจะอยู่ร่วมเรือนท่าน เหลืออยู่เท่าที่โอกาสอันพระจันทร์ จะพึงได้อยู่ร่วมฟ้า ณ คืนนี้ ขอพี่ท่านจงอย่าพูดให้มีสิ่งใดแสลงใจเลย อันน้ำใสใจจริงของข้าพเจ้าท่านก็ประจักษ์สิ้น ควรหรือจะทรมานเอาด้วยถ้อยคำอย่างนี้อีก อย่าว่าแต่ตำหนักหลวง ราชเทวีเมืองตองอูเลย ถึงมาตรว่าจะเอาเศวตฉัตรเมืองอังวะกับเมืองหงสาวดีรวมกันมากั้น ราชูปโภคอันสูงคักดิ์นั้นก็จูงใจจันทราเมืองตองอูให้ถอยความซื่อกับจะเด็ดลงไม่ได้แล้ว

จะเด็ดได้ฟังพระวาจาพร่ำสัญญารักจากจันทราแล้วสุดแสนจะซาบซึ้ง ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม สวมกอดเจ้าหญิงโฉมงามไว้ด้วยความสุดรักสุดอาลัยท่ามกลางแสงจันทร์อันอำไพ ต่างก็พร่ำพลอดกันด้วยคำหวาน จุมพิตกันด้วยความซาบซึ้งแบบปลาสั่งน้ำ เสือสั่งปา จนใกล้เวลาพระอาทิตย์ ชักรถมาถึง จึงจำใจผละออกจากอ้อมกอดด้วยความอาวรณ์ ก็น่าเห็นใจใน ความรักครั้งแรกของหนุ่มสาวแรกรุ่นคู่นี้ แล้วในที่สุดเมื่อเจ้าหญิงโฉมงามจากไปแล้ว ทั้งคู่ก็ต่างรอเวลาสิบวันตามสัญญาที่ตะละแม่จันทราจะได้รับพระราชานุญาตให้เสด็จมาทรงเยี่ยมเยียนพระนมเลาชี

แต่เมื่อคนที่รักจากกันเพียงสิบวัน มันช่างนานแสนนานเหมือนสิบปี พอมาพบกันเข้าก็ต่างผวาเข้าหากันกอดจูบเล้าโลม พร่ำคำหวานแก่กันจนลืมองค์ลืมตัวลืมเวลาเสด็จกลับสู่ภายในราชสำนัก ความรักของหนุ่มสาวลูกเจ้าลูกข้าคู่นี้ล่วงรู้ชัดเจนถึงพระราชเทวี จะเด็ดยอดนักรักจึงได้รับคำพิจารณาโทษต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้าตองอู

จะเด็ดต้องโทษโบยตีตามบทพระอัยการอาญาแผ่นดิน ฐานละเมิดกฎ มณเทียรวัง เบื้องหลังของการต้องถูกโบยครั้งนี้ มิใช่ใครอื่น ที่แท้ก็เป็นผลงาน ของมังตรา เจ้าชายลิ้นดำ ใจดำ เจ้าเก่า เป็นตัวการ รู้แจ้งว่าพระพี่นางจันทรา กำลังพรํ่าพลอดกอดรัดกันอยู่กับจะเด็ดภายในห้องก็ไปขัดดานประตูห้องเสีย ปล่อยให้สองหนุ่มสาวมีความสุขกันตามลำพังอย่างสบายอารมณ์ ส่วนตนเองรีบวิ่งไปกราบทูลพระราชเทวีให้เสด็จมาพิสูจน์ด้วยพระองค์เอง

แต่งานนี้เกิดพลิกสถานการณ์ ในเมื่อโจรกลับใจ ซึ่งมิใช่โครอื่น ก็เจ้าชายลิ้นดำมังตรา เกิดทรงพระเมตตาสงสารจะเด็ดที่ถูกโบยจนแตกยับ ซ้ำยังจะโดนเนรเทศให้พ้นแผ่นดินตองอูอีกด้วย จึงรีบรุดเสด็จไปทูลสมเด็จพระสังฆราช หรือ ขรัวกุโสดอ ให้รีบเสด็จไปขอบิณฑบาตโทษเนรเทศเอาไว้ได้ทันเวลา

สังฆราชาเมืองตองอูทรงรู้ดีว่าพระเจ้าตองอูทรงโปรดการรบราฆ่าฟัน การสงครามแผ่ขยายอาณาเขตและพระราชอำนาจ จึงยกเอาประเด็นที่จะเด็ด ศิษย์ที่รักยิ่ง มีวิชาความรู้และฝีมือฉกาจฉกรรจ์ยิ่งนักในการศึกสงคราม ฝีมือเหนือชั้นราชบุตรมังตรา ยกขึ้นมาต่อรองไม่ให้เนรเทศจะเด็ด เจ้าขรัวกุโสดอ ฉลาดในการเพ็ดทูล ชี้แจงแสดงเหตุผลว่าในบรรดาศิษย์ทั้งปวงที่เข้าศึกษาวิชาการทหาร มองไม่เห็นใครจะฉลาดล้ำลึกและมีฝีมือเท่าจะเด็ด อาตมาจึงหวังเอามันไว้เป็นกำลังสำคัญในการปกป้องเมืองตองอู และแผ่กฤษฎาภินิหารชองพระเจ้าตองอูสืบไปเบื้องหน้า ส่วนมังตราพระราชบุตรชองมหาบพิตรนั้น ก็สืบสายสันตติวงศ์อยู่แล้ว อาตมาจึงตั้งใจจะให้จะเด็ดนี้มันเป็นเสมือนคชาธารตัวกล้าซึ่งมังตราจะได้ขับขี่ใช้สอยต่อไปในเบื้องหน้า วิชาการใดที่อาตมาได้เคยถ่ายทอดถวายแก่มหาบพิตรในอดีตกาลนั้น ปัจจุบันอาตมาก็ได้ถ่ายทอดสอนให้แก่มังตราราชบุตรและเจ้าจะเด็ดจนหมด กับเจ้าจะเด็ดเป็นพิเศษเพี่อมุ่งหวังเอาไวให้เป็นข้ารองบาทของมังตราราชาแห่งตองอูในเบื้องหน้า ถ้ามหาบพิตราจะขับไล่ไสส่งเนรเทศมันออกไปให้พ้นตองอู หากมันตกไปเป็นสมบัติของเมืองแปร หรือหงสาวดี หรืออังวะ ย่อมจะเป็น อันตรายและน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสูญเสียขุนพลตองอูในอนาคตไป ขอให้มหาบพิตรได้ทรงโปรดงดโทษเนรเทศมันไว้เถิด แล้วทรงคิดอ่านปรับโทษผิดกับมันในสถานอื่น

พระเจ้าตองอูทรงสดับเทศน์โปรดกัณฑ์ใหญ่จากพระมหาเถรกุโสดอก็ทรงเห็นดีเห็นชอบด้วย ส่วนเรื่องจะลงโทษจะเด็ดด้วยวิธีใด ก็ทรงโปรดให้องค์สังฆราชาว่าการไปตามความเหมาะสม จึงปรากฏว่าโทษที่จะเด็ดได้รับคือ ถูกขับออกไปเป็นพนักงานผู้น้อยอยู่ในกรมวัง และถูกสั่งห้ามไปมาหาสู่นางเลาชี ซึ่งเป็นมารดา เพราะเกรงว่าจะมีโอกาสได้พบกับตะละแม่จันทรายอดยาใจ

เจ้าขรัวกุโสดอ สังฆราชาเมืองตองอู ทรงรู้ดีว่าจะเด็ดศิษย์รักกับตะละแม่จันทราพระราชธิดาของพระเจ้าตองอูนั้น เป็นคู่บุพเพสันนิวาสมาแต่ชาติปางก่อน ถึงอย่างไรในชาตินี้ก็ไม่พ้นไปได้ จึงถวายความเห็นแก่องค์ราชาตองอูให้ทรงรับทราบว่า

อนึ่งตะละแม่จันทราพระราชธิดานั้นเล่า เมื่อเรื่องมันล่วงไปแล้วก็หาควร ลงทัณฑ์แก่นางไม่ ธรรมดาลูกหญิงเป็นของหวง แต่ถึงจะหวงห้ามประการใด วันหนึ่งนางก็ต้องไปสู่คู่ของนางตามบุพเพสันนิวาสเป็นแน่แท้ แม้นมหาบพิตรยังจะมาผูกพระทัยด้วยเรื่องเล็กน้อยก็จะเปลืองอารมณ์แลการแผ่นดิน

พระเจ้าตองอูทรงรับว่า สาธุ พระคุณเจ้าตรัสชอบแล้ว จะขออโหสิกรรม เรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวไว้แต่เพียงนี้ ถือเสียว่ายกถวายแด่พระคุณเจ้าไป รวมทั้งเรื่องของเจ้าจะเด็ดด้วย จะเอามันไปต้มยำทำแกงอย่างไรก็สุดแต่พระเดชพระคุณจะทรงโปรดเถิด ถวายให้เป็นสิทธิ์ขาด

สรุปแล้ว จะเด็ดก็รอดปลอดภัยจากอาญาแผ่นดินด้วยคารมคมคายของมหาเถรกุโสดอ

เมื่อพระอาจารย์กับจะเด็ดศิษย์รักมาถึงวัดกุโสดอแล้ว ท่านขรัวกุโสดอก็รีบทำการประคบประหงมริ้วรอยที่ถูกโบยตีด้วยความเมตตาปรานี ณ โอกาส นี้พระมหาเถรก็ทรงปลอบใจจะเด็ดศิษย์รักว่า

อันวิสัยชายชาตินั้น แม้จะรุ่งเรืองสติปัญญาประการใด ถ้าหากอยู่ใน ความดูแลของพ่อแม่ญาติสนิทแล้วก็ยากจะประมาณว่าราคาของตัวจะสูงตํ่า สถานใดได้ถูก ครั้งนี้เจ้าหลุดมาจากอกของผู้ใหญ่ ครองตัวรับผิดชอบด้วยตนเอง ย่อมเป็นผลดีแก่ตนเอง ซึ่งจะได้ฝึกราชการทั้งปวงแต่อายุยังเยาว์ อันดวงชะตาของเจ้านั้น เบื้องหน้าจะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวงในพุกามประเทศ

นอกจากจะทำนายอนาคตของจะเด็ดให้เจ้าตัวได้ฟัง จะได้เป็นกำลังใจในการศึกษาและมุมานะรับราชการให้ก้าวหน้าแล้ว องค์สังฆราชามหาเถรกุโสดอยังเล่าปูมหลังแต่ครั้งจะเด็ดยังเยาว์วัยให้ฟังว่า

ณ บ้านงะสะยอก ในพุกามประเทศ ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งเป็นชาว พม่า เจ้าผัวนั้นมีชื่อว่า สิงคะสุร์ ส่วนนางเมียชื่อ เลาชี มีอาชีพป่ายปีนต้นตาล ปาดงวงตาลรองน้ำตาลสดมาชาย แล้ววันหนึ่งผัวเมียคู่นั้นออกประกอบอาชีพ เช่นเคย เจ้าผัวขึ้นต้นหนึ่ง นางเมียขึ้นต้นหนึ่ง ละทิ้งลูกน้อยไว้กลางดินใกล้ บริเวณนั้น มีงูใหญ่ประมาณลำต้นหมากเลื้อยมาแล้วก็ขดเป็นวงอยู่รอบตัว ทารก แลทารกนั้นก็มิได้สะดุ้งสะเทือนหรือตกใจประการใด คงนิ่งดูงูใหญ่เป็นปกติอยู่ ต่อนางเมียมาพบก็ตกใจเร่งไปตามสิงคะสุร์ผู้ผัว เจ้าผัวมาถึงก็ตกใจกลัวเพราะไม่เคยเห็นงูยาวใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีปัญญาจะทำอันใดไม่กล้าไปหาไม้มาตีขับไล่ ได้แต่ภาวนาขอให้งูอย่าทำอันตรายแก่ลูกรัก ชั่วพักเดียวพญางูก็เลื้อยหลบไป ผัวเมียทั้งสองต่างเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงอุ้มลูกน้อยพาไปหาพระราชาคณะแขวงงะสะยอก ซึ่งเลื่องชื่อลือชาว่าเป็นยอดโหราจารย์ เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบ และวันเดือนปีเกิดเวลาตกฟากชองลูกน้อยให้ท่านเจ้าคุณฟังอย่างละเอียด

ท่านเจ้าคุณยอดโหราจารย์พิเคราะห์ลักษณะของทารกน้อย ประกอบ

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

 

รายละเอียด

จากพงศาวดารพม่าเพียง ๘ บรรทัด ?ยาขอบ? รังสรรค์ ผู้ชนะสิบทิศ ขึ้นเป็นอมตนิยายที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งวงวรรณกรรมไทย นำกลับมาเล่าใหม่โดย โกวิท ตั้งตรงจิตร นักเขียนสารคดีดีเด่นแห่งชาติ ชื่อเสียงและความประทับใจของประชาชนที่มีต่อ ผู้ชนะสิบทิศ มิได้สร่างซาลงไปตามกาลเวลา หนังสือยังคงได้รับการตีพิมพ์จำหน่ายในท้องตลาด เป็นนวนิยายยอดนิยมที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครเวที ละครโทรทัศน์ ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นวนิยายที่มีความยาวหลายพันหน้า อาจเป็นอุปสรรคสำหรับนักอ่านรุ่นปัจจุบันที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและไม่คุ้นชินกับสำนวนภาษาหนังสือยุคเก่า โกวิท ตั้งตรงจิตร นักเขียนสารคดีดีเด่นแห่งชาติ จึงนำเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ มาเล่าใหม่อย่างย่นย่อ แต่ยังคงรายละเอียดครบถ้วนทั้งตัวละคร ฉากและเหตุการณ์สำคัญตามท้องเรื่อง และได้ยกข้อความบางช่วงบางตอนจากต้นฉบับเดิมมาให้ผู้อ่านได้สัมผัสลีลาการเขียนและการใช้ภาษาอันพริ้งพรายของนักประพันธ์ชั้นครู


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024