แวมไพร์อโยธยา (อรรถพร)

แวมไพร์อโยธยา (อรรถพร)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167715407
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 217.00 บาท 54.25 บาท
ประหยัด: 162.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

1

ดาเนียล

กราคม ค.ศ. 1909 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

มันเป็นคืนที่หิมะตกหนักในกรุงปารีส ทำให้เมืองที่มีชื่อเสียง

ว่าเป็นนครแห่งแสงไฟของยุโรปเงียบเหงากว่าปกติ ทหารที่เดินยาม

อยู่รอบพระราชวังแวร์ซายต่างพากันหลบเข้าป้อมเพื่อไม่ให้ตัวเอง

แข็งตาย จึงไม่มีใครเห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งที่กำลังนั่งมองลงมา

จากหลังคาของพระราชวังแห่งนี้

ชายหนุ่มบนหลังคาสวมเสื้อผ้าแบบสามัญชน ดูท่าทางไม่

สะทกสะท้านต่อความหนาวเย็นเลยแม้แต่น้อย เขาหยิบสมุดบันทึก

เล่มหนึ่งออกมาพร้อมกับดินสอแบบใหม่ที่สามารถเหลาให้แหลมได้

ดินสอแบบนี้เพิ่งมีการคิดประดิษฐ์และผลิตขึ้นในอเมริกาเมื่อไม่ถึง

สิบปีมานี้ ชายหนุ่มเริ่มคิดและเขียนบันทึกลงในสมุดราวกับว่าเขามอง

เห็นทุกสิ่งได้ในความมืด...

 

หลังจากที่ข้าได้คุ้มครองทายาทของพี่สาวผู้มีพระคุณของข้า

 

 

 

 

ออกจากราชอาณาจักรสยาม ด้วยสามีของนางต้องพระราชอาญา ข้าจึง

ร่อนเร่ไปทั่ว เฝ้ามองปรากฏการณ์ของสังคมมนุษย์ด้วยสายตาของคนนอก...

เมื่อปลายปีที่แล้ว ข้าได้เห็นการวางยาพิษองค์จักรพรรดิและ

การสิ้นพระชนม์ของซูสีไทเฮาในพระราชวังต้องห้าม ทำให้แผ่นดินลุกเป็นไฟ

ช่างคล้ายกับเหตุการณ์ในบ้านเกิดแสนรักของข้าในอดีตยิ่งนัก ทำให้รู้สึก

เศร้าใจ ข้าจึงได้เดินทางออกจากจีน เพื่อไปยังนิวยอร์ก...

ข้ามาที่ปารีสอีกครั้ง เพื่อตามมาดูการทดลองบินข้ามทวีปจาก

อเมริกามาฝรั่งเศสและการบินข้ามช่องแคบอังกฤษของพี่น้องตระกูลไรท์

คงอีกไม่นานที่มนุษย์ทุกคนจะสามารถบินได้...

ข้าเคยใฝ่ฝันว่าสักวันจะได้บินไปบนฟ้า พร้อมกับนางอันเป็นที่รัก

บัดนี้ข้ามีอายุสองร้อยกว่าปีแล้ว

ได้แต่หวังว่าอีกร้อยปีให้หลัง ความฝันของข้าจะมีโอกาสเป็น

จริง...

ดาเนียลแห่งอโยธยา

 

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเก็บสมุดบันทึกให้เรียบร้อย ประสาท

สัมผัสเหนือมนุษย์ของเขาก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากบริเวณที่ห่างออกไป

หลายกิโลเมตร หญิงสาวชาวปารีสคนหนึ่งกำลังเร่งรีบเดินอยู่ในตรอก

มืดเพื่อจะกลับบ้าน

ประกายตาของดาเนียลลุกโชนกลายเป็นสีเลือดขึ้นมาทันที

ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวลงจากหลังคาพระราชวังมุ่งสู่ตรอกมืดแห่งนั้นด้วย

ความเร็วที่มองแทบไม่ทัน จนดูเหมือนราวกับหายตัวได้

หญิงสาวชาวปารีสคนนั้นเริ่มรู้สึกว่ามีใครตามมา เธอรีบเร่ง

ฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง แต่ก็ยังไม่ทัน จู่ๆ เสียงฝีเท้าที่

ดังอยู่ด้านหลังก็มาดังอยู่ด้านหน้าของเธอแทน

เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืน

ยิ้มให้กับเธอ แต่มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา เป็น

รอยยิ้มของความหิวโหยและชั่วร้าย จากนั้นชายหนุ่มคนนั้นก็พุ่งตัว

เข้าหาเธอด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ที่แม้แต่แค่คิดจะกรีดร้องก็ยังไม่ทัน

 

 

 

 

 

เพราะเขี้ยวคมของชายหนุ่มได้พุ่งเข้ามาแทบจะสัมผัสกับลำคอของเธอ

แล้ว

‘แวมไพร์!’ หญิงสาวทำได้แค่คิดขึ้นแวบหนึ่ง ขณะที่ร่างกาย

กลับยืนแข็งทื่อรอความตายอยู่กลางหิมะราวกับลูกแกะที่ต้องมนตร์

สะกดรอเป็นอาหารของหมาป่า

ทันใดนั้นเอง ก่อนที่เขี้ยวคมจะฝังลงบนลำคอของหญิงสาว

มือแข็งแรงข้างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจับลำคอของแวมไพร์ตนนั้นแล้วบีบ

พลางผลักเธอให้ถอยออกไปเบาๆ

“รีบหนีไปซะ”

เสียงอ่อนโยนนุ่มนวลนั้นดังมาจากปากของชายหนุ่มรูปงาม

ที่กำลังใช้มือเพียงข้างเดียวเค้นคอแวมไพร์หนุ่มหน้าตาชั่วร้ายอยู่ แม้

หญิงสาวที่เกือบเคราะห์ร้ายยอมวิ่งหนีไปตามคำสั่ง แต่ใบหน้าหล่อเหลา

ปานเทพบุตรของดาเนียลก็ทำให้เธอยังหันกลับมามองบ่อยครั้งเหมือน

อยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้ ก่อนจะตัดใจเลี้ยวลับเข้าตรอกหนีหายไป

“อังเดรย์อยู่ไหน!”

มันเป็นภาพที่ดูขัดสายตาไม่น้อยที่หนุ่มรูปงามผมดำที่ตัวเล็ก

กว่าใช้มือเพียงข้างเดียวเค้นคอแล้วยกร่างของแวมไพร์หนุ่มผมแดง

หน้าตาชั่วร้ายที่ตัวใหญ่กว่าจนตัวลอยขาไม่ติดพื้นและอ่อนเปลี้ยไร้แรง

ดิ้นรน

แวมไพร์ตนนั้นมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกชื่อของ

ท่านอังเดรย์ จอมแวมไพร์ที่น่ากลัวที่สุดในยุโรปด้วยน้ำเสียงเหมือน

ถามหาแวมไพร์ลูกสมุนกระจอกๆ

“แก...แกคือ...ดาเนียล!” แวมไพร์ตนนั้นเอ่ยชื่อของอีกฝ่าย

ด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพยายามกลบเกลื่อน

“ข้าไม่กลัวแกหรอก วันใดที่เจ้าได้พบกับท่านอังเดรย์ วันนั้น

คือวันตายของเจ้า!”

ดาเนียลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ถ้าอย่างนั้นนายของเจ้าคงไม่อยากให้ข้าตายเร็วสินะ ถึงได้

 

 

 

 

ยอมหนีข้าหัวซุกหัวซุนมาร้อยกว่าปี”

“ท่านอังเดรย์ไม่มีวันกลัวเจ้าหรอก!” แวมไพร์หนุ่มผมแดง

พยายามจะเถียง แต่ก็ลังเลสงสัยในคำพูดของดาเนียล

“เฮ้อ...พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้าเป็นแค่สมุนปลายแถวที่ไม่เคย

ได้พบกับอังเดรย์สินะ เสียดายเวลาจริงๆ” ดาเนียลถอนหายใจอย่าง

รู้สึกผิดหวัง

“ใช่ๆ ปล่อยข้าไปเถอะ”

“ดูจากพฤติกรรมเมื่อครู่นี้ของเจ้า ข้าคงปล่อยให้เจ้าไปฆ่า

ใครอีกไม่ได้ ส่วนบาปที่ต้องฆ่าอสุรกายอย่างเจ้า ข้าขออโหสิกรรมด้วย

ก็แล้วกัน”

น้ำเสียงของแวมไพร์หนุ่มรูปงามฟังดูนุ่มนวลเปี่ยมเมตตา

ก่อนที่แววตาของเขาจะลุกโชติขึ้นราวกับเปลวเพลิงจากนรก

ในวินาทีนั้น เปลวไฟที่เกิดจากพลังจิตอันแรงกล้าก็ลุกไหม้

ร่างของแวมไพร์หนุ่มผมแดงที่ยังถูกจับเค้นคออยู่อย่างรุนแรงและ

รวดเร็วจนสลายเป็นจุณไปในพริบตา

ใครจะเชื่อเล่าว่าวิชาลมปราณพระอาทิตย์ที่พระลามะทิเบต

ใช้ฝึกฝนกันเพื่อไม่ให้ร่างกายของตนเองต้องแข็งตายในขณะนั่งสมาธิ

ท่ามกลางหิมะนั้น วันนี้กลับถูกใช้โดยแวมไพร์ด้วยพลังที่แข็งกล้ากว่า

มากมายเช่นนี้

ดาเนียลปัดเถ้าถ่านที่เปื้อนมือข้างที่ใช้เค้นคอออก ก่อนจะ

ยกมือขึ้นมาพนมแล้วเอ่ยคำอธิษฐาน

“ข้าขออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้า ขอให้เจ้าจงไปเกิดในภพภูมิ

ที่ดีด้วยเถิด”

ภาพแวมไพร์หนุ่มรูปงามกำลังปฏิบัติตนในแบบวิถีแห่ง

ชาวพุทธเช่นนี้คงเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับทุกคนหากได้มาพบเห็น

เป็นแน่

หิมะหยุดตกแล้ว ดาเนียลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ากรุงปารีส

ในยามราตรี ฟ้าเริ่มกระจ่างมองเห็นหมู่ดาว บนกึ่งกลางท้องฟ้านั้น

 

 

 

 

ดาเนียลมองเห็นกลุ่มดาวเวอร์โก้หรือกลุ่มดาวแห่งหญิงพรหมจารีหรือ

กลุ่มดาวราศีกันย์นั่นเอง ดาวรวงข้าวที่สุกสว่างที่สุดซึ่งอยู่กลางหมู่ดาว

ทั้งแปดดวงนั้น ทำให้เขาพลันหวนนึกถึงประกายตาของนางอันเป็น

ที่รัก

ภาพของดวงหน้างามเด่นล้ำราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย กับ

ชุดไทยโบราณของสตรีสูงศักดิ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏขึ้นซ้อนทับ

ไปบนกลุ่มดาวราศีกันย์นั้น

รอยยิ้มของนางผุดขึ้นเหมือนจะทักทายเขา ทำให้แววตาแสน

เศร้าและว้าเหว่ของดาเนียลปรากฏประกายตาแห่งความหวังขึ้น ความ

ทรงจำต่อรอยยิ้มนั้นนั่นเองที่ทำให้เขายอมมีชีวิตเปลี่ยวเหงาปวดร้าว

ต่อมานับร้อยปี

ก่อนภาพแห่งความทรงจำนั้นจะสลายไปจากฟากฟ้า ดาเนียล

ก็เอ่ยพึมพำขึ้นราวกับจะย้ำเตือนกับตัวเองขึ้นว่า

“ธิดาแช่ม...อีกแค่ร้อยปีเท่านั้น...เราจะได้พบกัน!”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024