รัก...หลังบัลลังก์เลือด (นิดา)

รัก...หลังบัลลังก์เลือด (นิดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534202
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 330.00 บาท 82.50 บาท
ประหยัด: 247.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

“มาดอนนาประดับเพชร,,

 

ฉันถือกำเนิดในเดือนกันยายน ค.ศ.๑๔๒๓ นับเวลาได้ ๙ เดือนหลัง

จากปาฏิหาริย์ที่วัดเซนต์ บรูโน ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันว่า เจ้าอาวาสและลูกวัด

ของท่านได้พบเด็กทารกนอนอยู่ในเปลศักดิ์สิทธิ์ในเช้าวันคริสตสมภพของ

ปีนั้น

แต่คุณพ่อของฉันมักจะกล่าวว่า การอุบัติของฉันนั้นเป็น ‘ปาฏิหาริย์’

ของท่านและครอบครัวของเราเช่นกัน คิดว่าฉันจะมาเกิดใน

เมื่อคุณพ่อมีอายุมากถึง๔๐ปีแล้ว แต่ท่านก็เพิ่งจะสมรสกับคุณแม่ของฉัน

ซึ่งมีอายุเยาว์กว่าถึง ๒๐ ปี หลังจากภรรยาคนแรกของท่านสิ้นชีวิตไปเพราะ

คลอดบุตร'ซึ่งสิ้นชีวิตเสียแต่ในครรค์ เธอนั้นมีสุขภาพอ่อนแออันเนื่องมาจาก

การแท้งลูกหลายครั้งหลายครา

ดังนั้น เมื่อฉันเกิดมา ท่านจึงถือว่าเป็นเหตุมหัศจรรย์ยิ่งนัก         

ไม่เป็นการยากเย็นอะไรเลยสำหรับฉันที่จะหวนรื้อฟื้นความทรงจำรำลึก

ถึงชีวิตที่ล่วงผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกที่เต็มไปด้วยความสุขแจ่มใส

ในบ้านอันงามสงบของเรา...เคเซียห์ ผู้เป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของฉันมักจะย้ำความ

ทรงจำของฉันในเรื่องต่าง ๆ ให้แม่นยำมั่นคงขึ้น

“เชื่อไหมคะ คุณหนู...’’ หล่อนมักจะขึ้นด้นประโยคเช่นนั้น “งานเลี้ยง

ใหญ่โตมโหฬารยังกะเลี้ยงฉลองแต่งงานแน่ะ กลิ่นหมูอบหอมตลบไปนั่งบ้าน

แล้วยังขนมเค้กแทนซีกับขนมเค้กหญ้าฝรั่นอีกมากมาย กินเท่าไหร่ไม่มีวันหมด

อีกล่ะ...คนขอทานมาจากตำบลที่อยู่ไกลเป็นไมล์ๆ ทีเดียวนะคะ ด้นดั้นลันมา

เป็นทิวแถว ถึงกับต้องเข้าไปอาศัยนอนที่วัดเซนต์ บรูโนลันเต็มไปหมด พอ

พักผ่อนแล้วถึงตรงมาที ‘บ้านใหญ่’ ของเราเพื่อรับเลียง...ทั่งหมดนั่นน่ะ เพื่อ

ฉลองการที่คุณหนูเกิดมานะคะ”

“แล้วเด็กคนนั้นด้วยซี” ฉันรีบท้วง “ใครๆ ก็อยากฉลองให้เขา”

“ค่ะ ‘เด็ก’ ศักดิ์สิทธิ์คนนั้นด้วย” ใบหน้าของเคเซียห์แจ่มใส กระตือ

รือร้นทุกครั้งที่พูดถึง ‘เด็ก’ คนนั้น สีหน้าและแววตาเช่นนั้นทำให้หล่อนสวยขึ้น

อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงฉันเองก็เช่นกัน มีความรู้สึกผูกพันกับ ‘เด็ก’ คนนั้นอย่าง

ประหลาด นั่ง ๆ ที่ไม่เคยพบเห็นกัน

คุณแม่ของฉันเพลิดเพลินอย่างยิ่งยวดกับงานทำสวนดอกไม้ของท่าน

ดังนั้นฉันจึงได้นามว่า ‘ดามัสค์’ ซึ่งเป็นสมญานามของดอกกุหลาบแสนสวย

พันธุพิเศษ ดร.สีนาเคร แพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าอยู่หัวได้เป็นผู้นำ

พันธุเข้ามาแพร่ในแผ่นดินอังกฤษในปีที่ฉันเกิด

ดังนั้นฉันจึงเจริญวัยขึ้น ด้วยความรู้สึกถึงความเป็นคนสำคัญของตนเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,ในความเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อและคุณแม่ ผู้พยายาม

แล้วพยายามอีกที่จะมีลูกมากกว่าหนึ่งคน แต่การตั้งครรภ์ของท่านประสบความ

ล้มเหลวอย่างน่าสงสารด้วยการแท้งถึง ๓ ครั้งในระยะเวลา ๕ ปีหลังการเกิด

ของฉัน

คุณพ่อเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนประเสริฐในสายตาของฉัน ท่านมีธุรกิจของ

ท่านท่าอยู่ที่เมืองหลวงดังนั้นท่านจึงต้องเดินไปยังพระมหานครทุกวันโดย

เรือประจำบ้าน ซึ่งจะมาจอดรับที่ท่าน้ำส่วนตัวของเราและคนใช้ไนเครื่องแบบ

สีน้ำเงินแค่ก็จะเป็นผู้แจวเรือพาท่านลับไปจากสายตาของฉันทุกเช้า เพราะคุณ

แม่มักจะอุ้มฉันไปส่งท่านที่ท่าน้ำเป็นประจำ พอเรือเคลื่อนจากที่ท่านก็จะสอน

ใบ้ฉันยกมือขึ้นโบกอำลา คุณพ่อก็จะส่งสายตาอันแสดงถึงความรักมายังฉัน

และคุณแม่ จนกระทั่งภาพของท่านค่อย ๆ ห่างไกลออกไปทุกที

บ้านหลังใหญ่ที่เราอาศัยอยู่นี้ มีกรอบประตูหน้าต่างและหน้าจั่วทำด้วย

ไม้สลักเสลาแบบโบราณ คุณปู่เป็นผู้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นอย่างสวยงามและใหญ่

โต มีบ้องนอนมากมายหลายบ้อง บ้องโถงใหญ่และบ้องรับรองรวมทั้งห้อง

สบายสำหรับฤดูหนาว มีบันไดใหญ่ถึง ๓ บันได ส่วนทางปีกด้านตะวันออก

นั้น มีบันไดหินสูงชันสำหรับไต่ขึ้นไปยังบ้องนอนบนหอคอยใต้หลังคา ซึ่งเป็น

ที่อยู่ของพวกคนใช้

บริเวณภายนอกมีโรงครัว โรงรีดนมวัว โรงซักรีดเสื้อผ้า และคอกม้า

คุณพ่อเป็นเจ้าของที่นามากมายหลายไร่ โดยมีพวกชาวนาเช่าอาศัยทำมาหากิน

อยู่อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง นอกไปจากการทำนาทำไร่แล้ว พวกเขายังเป็นเจ้าของ

คอกปศุสัตว์อีกด้วย

ที่ดินของเรามีอาณาเขตติดต่อกับอาณาเขตของวัดเซนต์ บรูโน ดังนั้น

คุณพ่อ'จึงเป็นมิตรดีกับท่านเจ้าอาวาสและลูกวัดเกือบทุกคน เล่ากันว่าตัวท่าน

เองเมื่อยังหนุ่ม ๆ อยู่นั้น ก็ได้เคยเข้าไปได้รับการศึกษาอมรม จนเกือบจะบวช

เป็นพระด้วยซ้ำ

ระหว่างตัวบ้านใหญ่กับท่าน้ำนั้นคือสวนดอกไม้และสนามกว้างใหญ่เขียว

ขจี คุณแม่ปลูกไม้ดอกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และทำงานหนักในสวนของท่านเกือบ

ตลอดนั่งปี ดอกไม้แสนสวยนานาพันธุปลูกเรียงรายอย่างงดงามสะพรั่งตา และ

...แน่ละ กุหลาบพันธุ ‘ดามัสค์’ คือพันธุ์ไม้ที่ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ทะนุถนอม

เป็นพิเศษ

สนามใหญ่ที่เขียวชอุ่มเพราะอยู่ริมน้ำนั้นมีฝูงนกยูงเดินวนเวียนอยู่อย่าง

แสนสุข และทำให้ทัศนียภาพตรงบริเวณหน้าบ้านของเรา งดงามอย่างสุดจะ

พรรณนา นอกจากนกยูง ไก่ฟ้า และนกที่บินมาเยี่ยมเยือนเรายังมีสุนัขอีก

ฝูงหนึ่ง เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่รักต่างๆมากมาย เรามักจะหัวเราะ

สนุกสนาน เมื่อเจ้าสุนัขตัวโปรดของคุณพ่อวิ่งไล่นกยูงตัวงามของคุณแม่ เป็น

เหตุให้ท่านทะเลาะถกเถียงกันอย่างกระจุ๋มกระจิ๋มเป็นประจำ ตัวฉันเองนั้น ยัง

จำได้ดีว่าสนุกตื่นเต้นนี่กระไรที่คุณแม่ยอมให้เอาคั่วใส่มือให้นกยูงมาจิกกิน

ด้วยเป็นอาหารโปรดของมัน

การที่ไดออกมานั่งบนเขื่อนหินริมแม่น้ำก็เป็นความสุขใจอีกอย่างหนึ่ง

ของฉัน เมื่อหวนกลับมาคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครั้งกระโน้นฉันก็เข้าใจดี

ว่า นาทีอันเงียบสงบเช่นนั้นคือการเริ่มแสวงหาความสุขอันสงบเป็นนิรันดร มัน

ทำให้ความเป็นอยู่ของฉันในวัยเยาว์เต็มไปด้วยความสดชื่นแจ่มใสและมั่นคงใน

สถานะของครอบครัว แม้ว่าอะไรบางอย่างจะกระซิบบอกฉันว่า ความสุขเหล่า

นั้นมิใช่จีรังกาลแท้จริง แต่ความอ่อนเยาว์ และปราศจากความฉลาดเฉลียวใน

สติปัญญาก็ท้าให้ฉันไม่อาจตรึกตรองได้ถึงความจริงแท้แน่นอนของชีวิต

ยังจำได้ว่าเมื่อฉันอายุประมาณ ๔ ขวบ สิ่งที่โปรดปรานที่สุดก็คือการที่

เคเซียห์พามานั่งที่เขื่อน มองดูขบวนแพอันยาวเหยียดฝานไปตามลำแม่น้ำ

บางครั้งคุณพ่อก็จะเป็นผู้อุ้มพาฉันไปนั่งเล่นที่ริมเขื่อนด้วยตัวของท่านเอง ทั้ง

คุณพ่อและคุณแม่สั่งเป็นเด็ดขาดมิให้ฉันไปเล่นที่ริมน้ำตามลำพัง ด้วยเกรงว่า

อุบัติเหตุจะเกิดกับลูกผู้เป็นดวงตาและดวงใจของท่าน

บ่อยครั้งที่ท่านจะชี้ไท้ดูขบวนเรือลำโอ่อ่า แล้วบอกว่า

“นั่นไงลูก มายลอร์ตนอร์ฟอล์ค...”

หรือ... “เอ๊ะ นั่น,ขบวนเรือของยุคแห่งซัฟโฟล์คนี่...”

ฉันรู้ดีว่าคุณพ่อรู้จัก,ขุนนางคนสำคัญเหล่านั้นเพียง ผิวเผิน เพราะธุรกิจ

และราชการของท่านเกี่ยวพันกันกับท่านเหล่านั้นบ้าง

แล้ววันหนึ่งในยามบ่ายของฤดูกันสดใส เราก็ได้ยินเสียงดนตรีเจื้อย

แจ้วมาตามลำน้ำ แล้วขบวนเรือยาวเหยียดก็ปรากฎแก่สายตา เสียงดนตรีดัง

ขื่น ไพเราะหวานหูด้วยเสียงเครื่องดีดสีและเสียงร้องเพลงวังเวง

“ดาบัสค์...” พาอกระซิบเรียกชื่อฉันราวกับกลัวว่าเสียงที่ดังไปกว่านั้น

จะได้ยินไปถึงหูผู้อื่น “นั้นขบวนเรือเสด็จพระราชดำเนินนะลูก”

เรือลำหนึ่งสวยงามโอ่อ่ากว่าลำไหนๆ ที่ชีวิตฉันเคยได้เห็น ธงแพรสีต่าง ๆ

ประดับสองข้างลำเรืออย่างสวยงาม ถึงกระนั้นก็ยังสามารถมองเห็นผู้คนที่นั่ง

อยู่ในเรือพระที่นั่นลำนั้นอย่างถนัดชัดเจน แสงอาทิตย์ส่องลงไปต้องอาภรณ์

เพชรทองที่ประดับเสื้อผ้าเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราวไปทั่วทุกคน จน

ท่าให้สายตาของฉันรางเลือนไปหมด

คุณพ่อท่าทาจะอุ้มฉันขื่นและพาหนีกลับเข้าไปในบ้าน แต่ฉันร้องเสียง

ลั่น

“ไม่เอา...หนูไม่ไป...หนูจะดู”

แต่คุณพ่อท่าเหมือนไม'ได้ยินเสียงทักท้วงของฉันเลย ท่านมีทีท่าลุกลี้

ลุกลนเมื่อลุกขื่นยีนและจับแขนฉันไว้แน่น อะไรอย่างหนึ่งบอกฉันว่า ท่านผิด

ไปเสียแล้วจากสุภาพบุรุษผู้งามสง่าและเข้มแข็งเฉลียวฉลาด กลายเป็นชายที่

ตกอยู่ภายใต้ความตื่นกลัว...

บัดนั้นขบวนเรือก็ใกล้เข้ามาทุกที เสียงดนตรีดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณสลับ

กับเสียงสรวลเสเฮฮา วินาทีนั้นเองสายตาของฉันก็จับอยู่ที่ภาพของบุรุษร่างยักษ์

ผู้หนึ่งเข้าพอดี...เขาผู้นั้นมีใบหน้าอ้วนใหญ่ มีหนวดเคราที่เป็นสีแดงปนทอง

งามระยับ หมวกที่เขาสวมอยู่นั้นปักด้วยเพชรพลอยเต็มไปหมดจนแทบไม่เห็น

เนื้อผ้า เช่นเดียวกับเสื้อแบบติดกระดุมสองแกทีคือเพชร

สื้าค่าส่งประกายแพรวพราว

เคียงข้างร่างยักษ์ที่ยืนตระหง่านอยู่นั้นร่างของบุรุษในเสื้อคลุมสีแดงฉาน

คุณพ่อถอดหมวกออกถือไว้แล้วกระซิบบอกฉันด้วยเสียงร้อนรนว่า

“ถวายคำนับเร็ว...ดาบัสค์” *^^

นั่นไม่จำเป็นเลย เพราะบัดนั้นฉันก็รู้แล้วว่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร...

การถวายคำนับอย่างแช่มข้อยเป็นที่^ของฉันคงจะได้ผลงดงามน่าพึงพอใจ

เพราะเจ้าของร่างยักษ์นั้นเปล่งเสียงหัวเราะเอ็ดอึงแล้วยกมือใหญ่ที่ประดับเพชร

ทองวูบวาบโบก,ให้อย่างรื่นเริง

เรือพระที่นั่งผ่านคุ้งน้ำไปแล้วหากเสียงดนตรียังอ้อยอิ่งอยู่ คุณพ่อถอนใจ

ใหญ่อย่างโล่งอก แต่ท่านก็ยังคงยืนนิ่งเฉยเหมือนถูกสะกด มือยังคงจับแขน

ฉันไว้แน่นเหมือนจะไม่มีวันปล่อย

“คุณพ่อคะ...” ฉันร้องถามเพื่อยํ้าความเข้าใจของตัวเอง “นั่นใครคะ”

“ลูกรัก...รู้ตัวหรือเปล่าว่าลูกได้เผ้าเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าแผ่นดินแล้ว

ละนะคุกัง-ข้างพระองค์คือท่านคาร์ดินัล”

ฉันตื่นเต้นและปลาบปลื้มปีติมาก เท่าที่สมองเล็กๆจะรับได้ และเกิด

ความปรารถนาที่จะได้สดับเรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มากขึ้น

กว่านี้อีก เพราะเท่าที่ได้ลังเกดมาฉันมักจะเห็นผู้คนเอ่ยถึงพระนามของพระองค์

ด้วยเสียงกระซิบกระซาบแสดงความหวาดกลัวอย่างยิ่งยวด ทุกคนแสดงว่ามี

ความเคารพบูชาพระองค์อย่างสูงสุดราวกับพระองค์คือพระเป็นเจ้าแห่งสรวง-

สวรรค์ และเหนือสิ่งอื่นใดทุกคนกลัวพระองค์...ราวกับว่าพระองค์คือยมทูต

คุณพ่อและคุณแม่ของฉันก็ไม่ผิดอะไรกับคนอื่นๆในกรณีนี้

“ท่านจะไปไหนคะ” ฉันถาม

“กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปยัง ‘แฮมพ์ตัน คอร์ด’ น่ะซี ดามัสค์...ลูก

เคยไปเที่ยวที่นั่นมาแล้วนี่ จำได้ไหม”

แน่นอน ฉันย่อมจะจำสถานที่กันสวยงามนั่นไต้ชัดเจน เป็นคฤหาสน์

ใหญ่โตโอฬารสำหรับสายตาเด็กๆของฉันยิ่งนัก

“เป็นบ้านของใครคะ คุณพ่อ” ฉันถามอีก

“ไม่ใช่บ้านลูก ต้องเรียกว่าพระราชวัง “ท่านแก้ให้ “เป็นที่ประทับของ

พระเจ้าอยู่หัวยังไงล่ะลูก”

“อ้าว ไม่ใช่ว่าท่านประทับอยู่ที่พระราชวัง’ ‘กรีนนิช’ หรอกหรือคะ วัน

นั่นคุณพ่อบอกหนูเองนี่นา”

“พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวังมากมายหลายแห่ง ‘แฮมพ์ตัน คอร์ด’ นี่

เป็นพระราชวังแห่งใหม่ท่านคาร์ดินัลถวายให้พระองค์”

“เอ๊ะ ท่าไมล่ะคะ...ทำไมถึงต้องถวาย” ฉันชักไซ้

“ก็เพราะ...เพราะพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์น่ะซี ลูก” คุณพ่อตอบ

เบาๆ

‘‘แปลว่าพระเจ้าอยู่หัวแย่งไปหรือคะ...” ฉันร้อง

‘‘ดามัสค์...ลูกต้องไม่พูดอะไรยังงั้นนะ แบบนี้เรียกว่ากบฎทีเดียวละ”

กบฎ...กบฎคืออะไรกันเล่า ฉันเกิดความฉงนแต่ก็มิไต้ถามใบ้ประจักษ์

แจ้ง เพราะในบัดนั้นฉันอยากจะรู้เรื่องที่พระเจ้าแผ่นดินแย่งเอาเคหาสน์อันแสน

สวยไปเสียจากท่านสังฆราชมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเซ้าซี้ซักถามอย่างไรคุณพ่อก็

ไม่ตอบเสียแล้ว

“ท่านคาร์ดินัลคงไม่อยากถวายแน่ๆ” ฉันว่า

“ลูกชักแก่แดดมากเกินไปเสียแล้วละ ดามัสค์...” คุณพ่อพูดหัวเราะ

พลางเขย่าศีรษะของฉันไปมาอย่างรักใคร่ ฉันรู้ดีว่าท่านภูมิใจในตัวฉันมาก ท่าน

เอ่ยอยู่เสมอว่าอยากจะใบ้ฉันเป็นเด็กที่มีการศึกษาและมีสมองที่ฉลาดปราดเปรื่อง

ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีอายุน้อยนัก แด'ฉันก็มีครูมาสอนหนังสือใบ้ที่บ้าน

ฉันรู้จักอ่านและเขียนมากขึ้นทีละน้อย ยิ่งเรียนมากสมองของฉันก็ถูกเผาผลาญ

ไปด้วยเพลงแห่งความอยากรู้อยากเรียนไม่มีวันสิ้นสุด คุณพ่อก็ยิ่งสนับสนุนต่อ

ไปโดยไม่หยุดยั้ง

“ห่านคาร์ดินัลคงจะเสียดายเหมือนกัน” ท่านว่า “ห่านคงเศร้าใจไม่น้อย”

“คุณพ่อก็เศร้าใจเหมือนกัน” ฉันว่า “หนูรู้นี่คะว่าคุณพ่อไม่อยากให้

ท่านคาร์ดินัลเสียใจ ท่านเป็นคนดี...”

“ลูกไม่พูดยังงั้นอีกต่อไปนะลูกรักของพ่อ อะไรที่เป็นพระราชประสงค์

เราซึ่งเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทก็จะต้องเต็มใจถวาย ไม่ว่าท่านคาร์ดิหรือ

ว่าพ่อหรือว่าลูกเอง”

“ค่ะ หนูเข้าใจแล้วละ หนูก็เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทเหมือนคุณพ่อ

ใช่ไหมคะ”

“ดีมาก ลูกคนฉลาดของพ่อ” ท่านมีสีหน้าปลาบปลื้มเมื่อไต้ยินฉันพูด

เช่นนั้น

“งั้นก็หัวเราะสิคะ คุณพ่อ” ฉันร้อง “หัวเราะที่ปาก ที่นัยน์ตา หัวเราะ

เสียงดังๆด้วย ท่านคาร์ดินัลต่างหากที่เสียบ้านไป ไม่ใช่เราสักหน่อย”

ท่านกสับมองดูฉันด้วยแววตาประหลาด แล้วพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม

จริงจังราวกับว่าฉันมีอายุแก่ภราดาจอร์น  เพื่อนสนิทที่ชอบมาคุยกับท่าน

บ่อยๆ

“ลูกไม่เข้าใจที่ท่านพูดเลยไปได้ คนเราจะอยู่ตามลำพังไม่ไต้ เมื่อใครมีทุกข์

เราควรจะทุกข์ด้วย ไม่มีใครหรอกจะรู้ว่าสักวันหนึ่ง ทุกข์เช่นเดียวกันนั้นจะ

ตกมาถึงตัวเราเมื่อไร...

ฉันไม่เข้าใจที่ท่านพูดเลย...จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกนาน

แล้วความสนใจของฉันก็แปรเปลี่ยน เมื่อห่านหันเหการสนทนาเสียโดย

กะทันหัน

“ดอกไม้พวกนั้นสวยจังเลย...ไปเก็บกันเถอะ เอาขึ้นไปให้คุณแม่ดีไหม”

 “ดีสิคะ” ฉันร้องอย่างดีใจ การเก็บดอกไม้เป็นความเพลิดเพลินอย่าง

หนึ่งของฉัน เพราะมันทำให้ไต้เห็นใบหน้าสวยงามของคุณแม่อิ่มเอมไปด้วย

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024