มาลัยที่ปลายทาง (นายา)

มาลัยที่ปลายทาง (นายา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742535100
สั่งจองสินค้า (ต้องการสินค้า)
ราคา: 310.00 บาท 77.50 บาท
ประหยัด: 232.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เขามองดวงหน้างดงามของผู้พูดด้วยความตันอกตันใจ เป็นสามประ-

โยคที่เขาได้ฟังมิรู้กี่หนกี่ครั้ง และทุกครั้งก็ทำให้คนฟังรู้สึกสะทกสะท้าน

“รอไปก่อนเถิดค่ะ นันต์ยังไม่อยากแต่งงาน อยาก'ไข้ชีวิตอย่างสนุกสนาน

อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ”

“เรื่อยๆ?” ปุณยาทำเสียงย้อนถาม...อย่างที่เขาเคยถาม...แม้จะรู้คำตอบดี

แสนดี หากแต่จิตไต่สานึกหรือแม้แต่จิตสำนึกซึ่งอยู่ตื้นกว่ายังมิยอมรับรู้ “เรื่อย ๆ

หมายความว่านานแค่ไหน”

“บอกไม่ถูกหรอกค่ะ” อนันต์สวาทตอบด้วยถ้อยคำที่เขาฟังจนเจนหู “นาน

เท่าที่นันต์ยังรูสกสนุกกับความโสดอยู่นั่นน่ะชีคะ”

“นันต์อยู่กับผมไม่สนุกหรือ...นันต์บอกว่ารักผม และผมก็รักนันต์มากมาย

อย่างนี้” เขากอดร่างหล่อนเข้ามาแนบแน่น ริมผี!ปากเบียดบดลงบนริมฝีปากที่นุ่ม

เหมือนกลีบบุหงารำไป หญิงสาวปล่อยเรือนกายให้อ่อนโอนไปตามพลังเร่งเร้าของ

คนรัก อารมณ์สนิทเสน่หาที่พลุโพลงตื้นมาทำให้หล่อนสอดแขนรัดรอบแผ่นหลัง

ของเขา เบียดตนเองเข้าไปจนเนื้อแนบเนื้อ เป็นการสนองและเสนอที่บอกปุณยา

ทุกครั้งว่าอนันต์สวาทรักเขาไม่น้อยไปกว่าที่เขารักหล่อน

ณ ที่รโหฐานด้งเช่นในห้องคอนโดฯของชายหนุ่มบนตื้นลีบเถ้าของอาคาร

มองออกไปแลเห็นแต่เมฆลีขาวประปรายทั่วแผ่นฟ้าลีครามกับยอดตึกระฟ้าหลาย

หลังไกลลีบ ทั้งสองมิอิสระเสรีที่จะปล่อยใจกายให้โลดเต้นไปตามจังหวะที่ความรู้สึก

พาไป...โดยไม่มีขอบเขตจำกัด

ครู่ใหญ่ต่อมา เมื่อร่างของอนันต์สวาทนอนเกยอยู่บนสำกายเหยียดยาวของ ชายหนุ่มบนโซฟา ศีรษะซบอยู่บนแผ่นอกอันเต็มไปด้วยมัดกล้าม มือเขาลูบไล้

 

เส้นผมดำลื่นเป็นเงาเพราะได้รับการดูแลอย่างดีจากห้องเสริมสวย ปุณยาเอ่ยขึ้น อีกว่า

“นันต์เป็นของผม และผมก็เป็นของนันต์ ขาดอยู่ก็แต่การป่าวประกาศให้

โลกรู้ กับแผ่นกระดาษพร้อมด้วยลายเซ็นของเราตามกฎหมาย แต่งงานแล้วเรา

ก็จะกังเป็นอย่างนี้ ผมไม่เคยเรียกร้องไม่ให้นันต์มีอิสระที่จะไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง...ไป

เต้นรำ...'ไปผับอย่างที่นันต์ชอบ ผมถึงกับสัญญาแล้วว่าจะไม่เร่งเร้าให้นันต์มีลูก จะ

ควบคุมอย่างที่เราควบคุมกันอยู่ทุกวันนี้ เพียงแต่ผมอดเป็นคนเชยอย่างที่นันต์เคย

ว่าผมไม่ได้” หัวเราะเบาๆ “คือเมื่อเราเป็นของกันและกันทั้งใจและกายแล้ว ผม

ก็อยากให้เราจัดการให้ถูกด้องตามกฎหมาย”

ขณะพูด ปุณยาก็อดรู้สึกแปลก ๆ มีได้...น่าแปลกที่เขาซึ่งเป็นชายกำลัง

เร่งเร้าวิงวอนให้หญิงที่พลีร่างให้เขาแล้ว...เข้าพิธีสมรสกับเขาอย่างถูกต้อง มิได้

กระหยิ่มอิ่มเอมเลยสักนิดว่า หล่อนเป็นของเขาแล้ว หล่อนจะด้องเป็นของเขาวัน

ยังค่ำ! ดังที่เขาเคยได้ยินจากเพื่อนฝูงและผู้คนส่วนมาก เขาเก็บเอาความหัวเก่ามา

จากไหนในเมื่อพ่อเขาเองเป็นคนเจ้า แต่งงานกับแม่เขาไม่ถึงห้าปีก็แอบไปมีเมีย

ใหม่...ลูกใหม่...จนแม่ด้องขอหย่าขาด ตัดขาดไม่ให้มาเยี่ยมกราย และพ่อก็ ‘ใจ

เด็ด’ หรือ ‘ใจดำ’ ไม่มา แล้วแต่ว่าใครจะเป็นคนพูด ปุณยาเติบโตขึ้นมาด้วย

ความคุ้นเคยกับสองดำนี้...รู้ว่ามันมีความหมายใกล้เคียงกันเหลือเกิน...กระทั้งแยก

ไม่ออก

น่าแปลกที่ว่าเขาเป็นคนหัวเก่า โดยที่แม่เขาไม่ใช่ผู้หญิงหัวเก่าเลยสักนิด

แม่เลี้ยงเขามาอย่างเกือบจะเรียกได้ว่า ‘หัวเดียวกระเทียมลีบ’ เป็นผู้หญิง ‘อีสระ’

ที่ไม่ยอมย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ แบ้จะตกที่นั่ง ‘แม่ม่าย’ ...ตอนคุณตา

คุณยายของปุณยากังมีชีวิต ท่านมักจะส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาเวลาท่านมาเยี่ยม

และพูดถึงความหัวแข็งของแม่กับความ ‘นอกจารีตประเพณี’ ซึ่งปุณยาตอนเด็ก ๆ

ไม่เคยเข้าใจว่าแม่ไปทำอะไรหนักหนาถึงได้ถูกคุณตาคุณยายกล่าวหาเช่นนั้น

หากทว่ามีบางภาพของแม่ที่รบกวนใจเขา...จำได้ว่าตอนเขาอายุหกเจ็ดขวบ

ดูเหมือนแม่จะมีรักใหม่...ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ นัยน์ตาคม พูดเสียงดังกังวาน มี

อำนาจ...แม่บอกเขาว่า ‘คุณลุงเบญญา’ อยู่ต่างประเทศ ปุณยามาคิดได้ในภาย

หลังว่า เขาจำการมาของคุณลุงเบญตอนนั้นได้เด่นชัด ราวกับมีปากกาจุ่มหมึก

สีน้ำเงินสดกรีดลงบนเล้นสมอง เพราะภาพความเปลี่ยนแปลงของแม่ที่เขาได้เห็น

ภาพแม่ร้องให้น้ำตาคลอตาตอนแม่พาเขาไปเยี่ยมคุณลุงเบญที่โฮเต็ลแล้ว

คุณลุงก้มลงอุ้มเขาขึ้นมารัดไร้แน่น น้ำตาคุณลุงคลอตาเช่นเดียวกับแม่ แต่แล้ว

ทั้งสองคนก็หัวเราะทั้งน้ำตา ปุณยาจึงรู้ได้ในขณะนั้นว่า การร้องไห้ของแม่และของ

คุณลุงไม่ใช่เพราะความปวดเจ็บ

ภาพแม่หัวเราะร่าเริงตลอดเวลาในรถที่คุณลุงขับพาเขากับแม่ไปเที่ยว

ชายหาด...แม่นงอยู่เบาะหน้าข้างๆคุณลุง ปุณยานั่งรัดเข็มชัดอยู่เบาะหลัง มือ

คุณลุงเอื้อมมากุมมือแม่ไร้เกือบตลอดทางที่ขับรถ กระทั้งปุณยา เด็กชายน้อยๆ

กลัวว่าคุณลุงจะขับรถพลาดไปชนรถคันอื่นเข้า

ภาพแม่แจ่มใสเบิกบานร้องเพลงหงิง ๆ ตอนหาอาหารเข้าให้เขารับประทาน

และพาเขาไปส่งโรงเรียน...กระวีกระวาดมารับเขากลับบ้านสายไปทุกครั้งตอน

โรงเรียนเลิก...ช่วยเขาอาบน้ำทำการบ้านและจัดให้รับประทานอาหาร ส่งเขาเข้า

ต่อจากนั้นมาเกือบทุก ๆ สองปี คุณลุงเบญก็จะโผล่มาเยี่ยมจากต่างประเทศ

ปุณยาเองเติบใหญ่ขึ้นหันพอจะชักไข้ จึงได้คำตอบจากแม่ว่า คุณลุงอยู่สหรัฐ-

อเมริกา และ ‘เป็นเพื่อนเก่าของแม่น่ะลูก’

หากแต่ปุณยามีเชาวน์ไวทั้งแต่ยังไม่ย่างเข้าวัยรุ่นว่าคุณลุงเบญเป็นสำหรับแม่ ลึกลํ้าดํ่าดื่มยิ่งกว่าเพื่อนเก่า

การลักลอบของแม่ไห,พนหูพ้นตาคนรับใช้และเพื่อนบ้าน ตลอดจนเพื่อนฝูง

ญาติพี่น้องจึงมีได้รอดพ้นการสังเกตของลูกชายคนเดียว

หากเขาก็อดทนเรื่อยมาโดยมีได้ปริปากซักถามความตื้นลึกหนาบางกระทั้ง

๑๐

คุณตาคุณยายล่วงลับไปเนิ่นนาน ตัวเขาย่างเข้าวัยยี่สิบหก สำเร็จปริญญาโททาง

นิเทศศาสตร์มาใหม่ๆจากมหาวิทยาลัยประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยเงินทุนลึกลันซึ่ง

เขาเองยังไม่รู้ว่า แม่ซึ่งเป็นเพียงข้าราชการชั้นโทธรรมดาสามัญได้มาจากไหน เข้า

ทำงานในแผนกประชาสัมพันธ์กับบริษัทญี่ป่นที่คุณลุงนิทัศน์ญาติห่าง ๆ ของแม่คน

หนึ่งเป็นคนวิ่งเต้นหาให้ กำลังคิดจะหาโอกาสเหมาะ ๆ เวลาอยู่เพียงสำพังกับแม่ตั้ง

ข้อวิจารณ์วิจัยเรื่องคุณลุงเบญ แม่ก็มาบอก'ว่า แม่ป่วยด้วยโรคมะเร็งในมดลูก

อาการแม่ทรุดลงเป็นสำตับ ด้วยโรคร้ายลุกลามไปถึงสำไส้และตับ...ตลอด

เวลาที่แม่ป่วยและถึงแก,กรรมในช่วงเวลาไม่ถึงปี ไม่มีเงาร่างของคุณลุงเบญมา

ปรากฏ แม่ป้านวลจะบอกเขาว่ามีโทรศัพท์ทางไกลจากอเมริกามาถึงแม่แทบจะทุก

เข้าเวลาที่เขาอยู่ที่ที่ทำงาน

ปุณยาอดแค้นใจแทนแม่มีได้...ลุงก็ลุงเถิดวะ...เจ็บใจจริง ๆที่แม่ให้เรียกคน

อย่างมึงว่าลุง...เมียลันมึงเจ็บใกล้จะตายตั้งคนมึงเจียดเงินเจียดเวลามาเยี่ยมไม่ได้

...ความคงแค้น1ของเขาที่มีต่อ ‘นายเบญ’ ดูจะทวีชั้นยามต้องทนเฝ้ามองความ

ทรมานของแม่หลังจาก ‘เข้าคีโม’ มาแต่ละครั้ง...เฝ้ามองดวงหน้าและแววตา

เศร้าสร้อยที่บ่อยครั้งมีต่ำตาหล่อรื้น...นาตาที่บอกปุณยาว่า แม่ของเขากำลังคิดถึง

ใครคนหนึ่งที่อยู่แดนไกล

เป็นเช่นนี้จนวันหนึ่งแม่ ‘เข้าโคม่า’ และสิ้นใจ โดยที่เขาไม่มีโอกาสพูด

เรื่องลุงเบญ...เฝ้าแต่เก็บกดความขมขื่นแทนแม่อยู่เงียบๆ

ใช่...เขาไม่ได้เก็บเอาความหัวเก่ามาจากตั้งพ่อและแม่...ปุณยานึก...สองมือ

ค่อยๆดึงร่างของอนันต์สวาทให้เลื่อนชั้นมาอีกนิด จนริมปีปากของหล่อนขึ้นมา

แนบอยู่บนคางของเขา...ตาสบตา

“อาจเป็นเพราะผมไม่อยากเริ่มตันชีวิตของเราด้วยการปกปิด...การมีเพศ-

สัมพันธ์โดยที่เราลังไม่เป็นสามีภรรยากันอย่างเปิดเผย...ถึงลังไง ๆ ผมก็รู้สึกเหมือน

เป็นการแอบซ่อน”

อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการเป็นผู้ชายอย่างพ่อสิทธัยของเขา...หรืออย่าง

นายเบญ...ผู้ชายสองคนของแม่...ก็เป็นไค้

อาจเป็นผลลัพธ์จากการเก็บกด...ด้วยเรื่องราวในชีวิตของแม่

 

ช่างเหมือนกับเวลาเราดึงหนังสติ๊ก ยิ่งเราดึงมันจนเขม็งดึงใกล้ตัวเรามาก

เท่าไหร่ วัตถุที่ปลายยางก็จะกระเด้งไปไกลในทิศตรงข้ามได้มากเท่านั้น

หญิงคนรักของเขาหัวเราะกิ๊กขึ้นมาทันที

“ต๊าย ตาย...เชย...เช้ย...เชย...ที่พี่ปุณพูดน่ะ พี่ปุณแก่กว่านันต์แค่ห้าปี

ทำมั้ย...ทำไมถึงโบราณ...โบราณ คนสมัยนี้เค้าอยู่ด้วยกันโดยมีไม่แต่งงานมีถมไป หมายความว่าเค้าได้กันเป็นพัน ๆ ครั้งไปแล้วโดยไม่ต้องแอบช่อน”

ปุณยาขยับกายโดยอัดโนมืด บางครั้งการใช้คำพูดของอนันต์สวาท ‘เปรี้ยว’

เกินกว่าโสตสำนึกของเขาจะรันไค้..แต่มันก็กลายเป็นเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ

หล่อน

“อาจ เป็นเพราะผมรักนันต์มากเกินไปด้วยละมัง ...ถึงไดไม่อยากใหันันต์เป็น เหมือนคนอื่นที่นันต์ว่า ถ้านันต์จะคิดว่าผมเชยหรือโบราณก็ยอมรับ” เขาหัวเราะ

โอบศีรษะหล่อนเข้ามาจุมพิต

อนันต์สวาทซบหน้าลงตรงไออุ่นของชอกคอคนรัก มิได้พูดอะไรอีก ความ

เงียบคือการยอมจำนน หากแต่ในกรณีของหล่อน ความเงียบคือการยึดมนอยู่กับ

ความคิดเดิม...ความเงียบคือหลักชัย! ในสภาวะแท่งความสุขสันติที่ปุณยามีความ

นุ่มละมุนของนวลเนื้อหล่อนทาบหับอยู่ทุกสัดส่วน สองแขนโอบรอบแผ่นหลังอัน

เปลือยเปล่า พลังกายของเขาหลังการเสพกามสุขย่อมอ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะดึงตัน

ชัยชนะย่อมเป็นของหล่อนโดยไม่ต้องโต้เถียงอะไรอีก...ตังเช่นทุกครั้ง

อนันต์สวาท ภุชพงศ์..ชื่อสกุลเก่าแก,อันเป็นที่รู้จักในบรรดาข่าวดังคนเด่น

ของหน้าหนังลือพิมพ์และ,นิตยสาร แม้ครอบครัวหล่อนจะตระหนักดีถึงความเป็น

‘เศรษฐีตกยาก’ แต่ความภาคภูมิในตระกูลก็อังคงอยู่...ระบบปฏิบัติในการเลือก

คู่ครองคือ ‘ตระกูลต่อตระกูล’ หรือ ‘ตระกูลต่อเงิน’ นั้นก็คือการสมรสกับสมาชิก

สกุลเก่าแก่ด้วยกัน หรือกับผู้มีเงินลันเหลือพอที่จะมาช่วยจุนคํ้าตระกูลเก่าที่เป็น

เศรษฐีตกยากใหัพ้นจากความตกยากได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากบ่าวสาวเช็น

ชื่อในทะเบียนสมรส

ปุณยาไม่มีทั้งสองปัจจัย!

ปุณยา จรูญวราพันธ์...พังดูก็รู้ว่าเป็นชื่อสกุลที่ประดีดประดอยขึ้นมาใหม่ให้

ดูไพเราะคมคายเหมือนตระกูลเก่า หากแต่ต้นสกุลของเขาเป็นเพียงคหบดีชนบทที่

ได้สัมผัสความยากไร้มาแล้วหลายชั่วคน ทั้งทางพ่อและทางแม่...พ่อเขาที่หย่าร้างไป

แล้วกับแม่นานทั้งแต่ปุณยาผังไม่เจ็ดขวบเป็นแค่ทนายความที่มีสำนักงานเป็นคูหา

แคบๆอยู่แถวจตุจักร...เท่าที่หล่อนไต้พังจากป้านวลคนรับใต้เก่าแก่ของมารดาคน

รัก พ่อของปุณยาไม่เคยโผล่หน้า...ไม่เคยหยิบยื่นเงินค่าเลี้ยงดูลูกชายที่เกิดกับเมีย

เก่า...ไม่เคยแม้แต่จะส่งของขวัญวันเกิด!

คุณตาคุณยายของปุณยาก็เป็นเพียงอาจารย์โรงเรียนระดับเตรียมอุดมศึกษา

ซึ่งเมื่อเกษียณอายุออกมาแล้ว มีแต่เงินเกษียณพอเลี้ยงปากเลี้ยงห้อง ข้างฝ่าย

ลูกสาว...แม่ของปุณยานั้นเล่า ก็เป็นเพียงข้าราชการขึ้นโทในกรมกองที่ไม่มีความ

หรูหราฟู่ฟ่าออกมาให้เป็นข่าวสังคมเลยจนนิด ชั่วแต่อนันต์สวาทไม่รู้ว่า คุณป้า

รัมภาเก็บเงินกันถุงไต้มาจากไหนมากมายถึงกับสามารถส่งลูกชายไปเรียนต่อยัง ต่างประเทศไต้ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ปริญญาโท ซึ่งเรียนจบเพียงหนึ่งปีหรือปีกว่า

และแค่ประเทศใกล้ๆ ค่าครองชีพไม่สูงนักอย่างนิวซีแลนด์ก็เถอะ!

หล่อนพบปุณยาตอนที่เขาเพิ่งกลับจาก ‘เมืองนอก’ ไม่ถึงปี...คำว่า ‘เมือง

นอก’ ดูเพิ่มสง่าราศีให้เขาเกินสภาพภายในที่เขาเป็น! หญิงสาวบอกตนเองด้วย

ความผิดหวังในไม่กี่เดือนต่อมา...มิหนำผังพบกันที่กาสาพรีเมียร์ของบริษัทญี่ปุ่น

ที่ปุณยาทำงานอยู่ ซึ่งจัดอย่างเอิก เกริก ณ โฮเต็ลหรูอันมีหล่อนเป็นเจ้าหน้าที่

ประสานงานต้านอินทีเรีย ดีไซน์...ปุณยาในชุดราตรีสโมสรเสริมส่งรูปร่างสูงเพรียว

คิ้วเข้ม นัยน์ตาคม เครื่องหน้าเหมาะเจาะไปทุกส่วน ทั้งโล้ทั้งดูโอ่อ่าราวกับเจ้าชาย

ในนิยายอาหรับราตรีปรากฏกายมาขอเต้นรำกับหล่อนขณะที่กาลาใกล้จะสิ้นสุด

หล่อนหลงรักเขาทั้งแต่บัดนั้น

และผังรักอยู่ถึงบัดนี้

หากทว่า...นอกเหนือไปจากความไม่มีปัจจัยของปุณยาซึ่งหล่อนค่อย ๆ เสาะ

สืบจนล่วงรู้ชาติตระกูลและสภาพเศรษฐกิจของครอบครัวเขาทุกภาคทุกตอนแล้ว

หล่อนเพิ่งมารู้ว่า ไอ้บริษัทญี่ป่นที่ทุ่มเงินโฆษณาสินค้าของตนอย่างมโหฬารพันลึก

นั้น จ่ายค่าจ้างให้พนักงานอย่างกระจอกงอกง่อยเต็มที...เงินเดือนผู้ช่วยผู้จัดการ

 

          (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024