ฝันเฟื่อง (ชูวงศ์ ฉายะจินดา)

ฝันเฟื่อง (ชูวงศ์ ฉายะจินดา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534189
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 275.00 บาท 68.75 บาท
ประหยัด: 206.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสียงประตูรถเปิดปิดเบาๆ อยู่ในโรงรถ เสียงก็อกแก็กสวบสาบที่ดังขึ้น

ณ สถานที่เดียวกัน ทำให้สตรีวัยกลางคนร่างอ้วน ซึ่งกำลังจัดเตรียมอาหาร

ค่ำอยู่ในครัวเล็กๆ ด้านหลังตึก ซึ่งอยู่ชิดกับโรงรถนั่นเอง วางมือจากงาน เงี่ย

หูฟัง

แน่แล้ว เสียงเหล่านั้นยังดังอยู่ที่นั่นจริงๆ มือที่เหี่ยวเป็นริ้วรอยเริ่ม

สั่นและเย็นเฉียบ เมื่อหูสำเหนียกเสียงฝีเท้าเบาๆ ที่เดินวนเวียนไปมาในโรงรถ

นั้น

ขโมย! สัญชาตญาณเตือนขึ้น หญิงมีอายุรู้สึกว่าร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม

ทั้งตกใจทั้งกลัวระคนกันจนจับไม่ได้ว่าความรู้สึกชนิดไหนรุนแรงกว่ากัน

ไอ้หัวขโมยมันจะมาขโมยอะไรในโรงรถนะนี่ ไม่เห็นจะมีอะไรให้มัน

ขโมย มีแต่รถของคุณหนูจอดอยู่คันเดียวเท่านั้นเอง

เออ หรือว่ามันจะมาขโมยรถ ความคิดนี้ทำให้หัวใจวูบลงอีก ค่อย

ย่องตุบตับไปชะโงกดูที่หน้าต่างครัว ซึ่งเห็นด้านข้างของโรงรถได้ถนัด เพราะ

โรงรถและครัวหักมุมกันและประตูโรงรถนั้นเปิดออกสู่ถนนซอยได้อีกทางหนึ่ง

ส่วนประตูใหญ่ของบ้านอยู่ใกล้กับหน้าตึกใหญ่ทางด้านโน้น ซึ่งเป็นตึกที่พำนัก

ของท่านรัฐมนตรีและคุณหญิง บิดามารดาของคุณหนูนั่นเอง

ประตูหน้าต่างของโรงรถปิดสนิทแล้ว เพราะวันนี้เลิกงานก็กลับบ้านแต่

วัน ไม่ได้ไปเที่ยวแวะเวียนที่ไหน แม่ชื่นคนเลี้ยงผู้จงรักซึ่งรับหน้าที่แม่บ้าน

ตลอดจนแม่ครัวปรุงอาหารอันโอชะ เลือกแต่เฉพาะที่คุณหนูโปรดปรานเตรียม

ไว้ปรนนิบัติอย่างเต็มที่

แสงไฟที่ลอดออกจากช่องลมโรงรถ เป็นเครื่องยืนยันว่าจะต้องมีใคร

อยู่ในนั้นแน่

ไอ้ผู้ร้ายคนนี้มันกำแหงจริง บังอาจเปิดไฟค้นหาของที่มันจะขโมยเสีย

ด้วย ดูเถอะ จะกลัวเกรงเจ้าของบ้านสักนิดก็ไม่มี หญิงสูงอายุรำพึง เหงื่อ

ซึมจนมือที่เกาะขอบหน้าต่างครัวชื้นไปหมด

“เอ๊ะ ป้าดูอะไรคะ?” เสียงแจ๋วๆ ของเด็กสาววัยรุ่นดังขึ้นทางประตูครัว

ด้านที่เปิดสู่ห้องอาหาร

แม่ชื่นสะดุ้งสุดตัว เกือบจะอุทานออกมาว่า

“ว้าย ตาเถรตกน้ำ ยายชีตกกระโถน ขุนช้างหัวโล้นโกนหัวเข้าวัด

ฯลฯ” และอะไรต่อมิอะไรอีกยืดยาวตามประสาของแก ซึ่งถ้าหากมีคนให้

จังหวะดีๆ หรือเวลาตกใจมากๆ แม่ชื่นจะอุทานได้ยาวนับเป็นสิบๆ ประโยค

ทีเดียว

แต่คืนนี้ความกลัวเจ้าผู้ร้ายจะได้ยินดูจะมีมากกว่าความตกใจ แม่ชื่น

หันมาทางเด็กรับใช้หน้าตาหมดจดที่เข้ามายืนชะเง้อคออยู่ข้างหลัง ยกมือ

ตะปบปากเจ้าหล่อนไว้ยื่นหน้าไปกระซิบที่หูอย่างตื่นเต้น

“อย่าเอ็ดไปหนา แตงอ่อน เดี๋ยวผู้ร้ายมันจะได้ยิน”

“ผู้ร้าย? ผู้ร้ายที่ไหนกันคะ ป้า” แตงอ่อนกระซิบกระซาบถาม เมื่อ

ฝ่ามือเหี่ยวๆ นั้นค่อยคลายจากปากหล่อนแล้ว

“มันกำลังค้นโรงรถอยู่นั่นแน่ะ แกเห็นไหม มันเปิดไฟในโรงรถด้วย”

หญิงสูงอายุชี้มือไปยังแสงที่ลอดช่องลมออกมาเหนือฝาด้านข้างโรงรถ

“คุณผู้ชายอาจจะลืมปิดก็ได้นี่คะ คุณผู้ชายชอบเปิดไฟทิ้งอ็อก” หาง

เสียงตอนท้ายดูจะมีกระเง้ากระงอดนิดๆ “แล้วป้าก็ชอบหาว่าหนูเป็นคนเปิด”

“นี่แกอย่ามัวพูดนอกเรื่องอยู่เลยน่า ไม่ได้ยินเรอะเสียงเจ้านั่นมันเดิน

กุบๆ กับๆ แน่ะ เสียงมันเปิดประตูรถอีกแล้ว” แม่ชื่นยกมือป้องหู

เด็กหญิงแตงอ่อนเงี่ยหูฟังบ้าง ครั้นได้ยินเสียงปิดประตูรถเบาๆ ก็สะดุ้ง

ทำตาโต “จริงๆ ด้วย มีใครอยู่ในโรงรถจริงๆ เอ หรือว่าคุณผู้ชายจะลืมของไว้

ในรถ ท่านเลยลงไปเอา”

“งั้นแกไปดูซิ แตงอ่อน อาจจะเป็นคุณผู้ชายก็ได้จริงของแก”

“จะให้หนูลงไปดูที่โรงรถน่ะเหรอ จ้างให้หนูก็ไม่ไป ดีไม่ดีผู้ร้ายมันจะ

ได้บีบคอหนูตายน่ะซี” แตงอ่อนทำปากยื่น นัยน์ตาคว่ำ

“อ้าว งั้นจะทำยังไงกันล่ะ?”

“หนูจะลองไปดูที่ห้องคุณผู้ชายก่อน ถ้าท่านอยู่ที่ห้อง ไอ้คนที่อยู่ใน

โรงรถก็ต้องเป็นผู้ร้ายแน่ๆ”

“ถ้าที่ห้องไม่มี?”

“ไอ้คนที่อยู่ในโรงรถก็ต้องเป็นคุณผู้ชาย ยังงี้ถูกไหมคะ ป้า”

“คงถูกมั้ง” แม่ชื่นพยักหน้างงๆ เพราะแม่สาวน้อยหล่อนพูดวกวนไป

มาจนชักจะเวียนหัวเสียแล้ว

“งั้นหนูไปดูเดี๋ยวนี้แหละ” ว่าแล้วแตงอ่อนก็ออกวิ่งปร๋อหายไปทาง

ประตูห้องอาหาร

แม่ชื่นชะโงกหน้าต่างมองออกไปทางโรงรถอีกครั้ง เสียงกุกกักนั้นยัง

ดำเนินต่อไป ราวกับว่าเจ้าผู้ร้ายไม่ยอมละความพยายามค้นหาสิ่งที่มันมุ่งหวัง

จะขโมย

เสียงฝีเท้าแตงอ่อนวิ่งกลับมาอีก แม่ชื่นรีบหันกลับมาถามเสียก่อนที่

อีกฝ่ายจะรายงานเสียงดังให้ตกใจ

“ว่าไงแตงอ่อน คุณผู้ชายอยู่ในห้องเธอหรือเปล่า?”

“ในห้องไม่มีค่ะ…”

แม่ชื่นถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก ไม่ทันจะฟังประโยคต่อไปที่แตงอ่อน

กล่าวว่า“แต่หนูได้ยินเสียงเธอผิวปากอยู่ในห้องน้ำ”

สายไปเสียแล้ว เพราะแม่ชื่นได้วิ่งตุบตับออกไปจากครัวเสียก่อนแล้ว

ด้วยเจตนาจะช่วยคุณหนูของแกค้นหาของที่เธอต้องการ

“ตั๊บแก!” เสียงใครคนหนึ่งร้องตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง ทันทีที่ร่าง

อ้วนตุ๊ต๊ะโผล่เข้าประตูโรงรถมา

“ว้าย ตาเถรตกกระโถน ฯลฯ ฯลฯ” แม่ชื่นส่งเสียงหลงเป็นคำอุทาน

อันยาวเหยียดตามประสาของแก

กระทั่งถ้อยความเหล่านั้นสิ้นกระแสลงแล้วนั่นแหละ แม่ชื่นจึงสังเกต

เห็นว่า ชายหนุ่มร่างสูงสะโอดสะองที่กำลังยืนเท้าเอวหัวเราะงอหงายอยู่ข้าง

ประตูโรงรถนั้น หาใช่คุณหนูของแกไม่

“เจ้าอุด แกเองน่ะเรอะ?” แม่ชื่นส่งเสียงหลงยิ่งขึ้น

“โธ่แม่ ไหว้ละ เลิกเรียกฉันอุดเสียทีได้ไหม ชื่อฉันออกไพเราะเพราะ

พริ้ง แม่เรียกเสียหมดท่าเลย ให้ตาย” ใบหน้าผอมยาวนั้นส่ายไปมาอย่าง

อ่อนใจ

“เออ เออ เจ้าอุท-ธรณ์ เรียกให้เต็มยศก็ยังได้” ผู้เป็นมารดาพยัก

หน้ารับ เน้นเสียงเรียกชื่อบุตรชายอย่างชัดเจน พลางยกมือเท้าเอว แหงน

หน้าขึ้นมองหน้าร่าเริง ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับศีรษะของนางเล็กน้อย

“เอาแค่ทอนก็พอ แม่ ถ้าลำบากนักก็” ชายหนุ่มอดหัวเราะมิได้

“เออ เจ้าทอน” มารดาพยักหน้ารับอีกครั้งอย่างซื้อรำคาญ “ฉันอยาก

รู้ว่าแกมาทำอะไรอยู่ที่นี่ รู้ไหม ทีแรกฉันนึกว่าแกเป็นขโมยเสียอีก ได้ยิน

เสียงค้นอะไรกุกๆ กักๆ อยู่นานแล้ว”

“ฉันกำลังหา…” อุทธรณ์ชะงัก เมื่อใบหน้าจิ้มลิ้มของแม่สาวแตงอ่อน

โผล่เข้ามาในโรงรถ โบสีแดงผืนใหญ่ที่รัดท้ายทอยและขึ้นมาผูกไว้กลางกระ-

หม่อม ทำให้เขาทักล้อๆ

“โอ้โฮ แตง สวยจริงคืนนี้”

แตงอ่อนค้อนควัก ทำจริตจะก้านเป็นสาวกว่าอายุหลายปี

“คุณทอนละก็…มาทำอะไรอยู่ที่นี่คะ ป้าแกนึกว่าคุณเป็นขโมยแน่ะ”

“แหม ถามเหมือนกันเปี๊ยบเลย ดีเหมือนกันฉันจะได้ตอบหนเดียว”

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างกว้างขวาง

“ฉันกำลังหากุญแจรถ”

“อ้าว กุญแจรถก๊ออยู่ที่คุณผู้ชายน่ะซิคะ”

“ไม่ช่าย” อุทธรณ์โบกมือ “ฉันหมายถึงดอกที่เป็นอะไหล่น่ะ คุณวี

เคยเก็บไว้ในลิ้นชักรถ วันนี้ไม่รู้หายไปไหน ฉันค้นหมดแล้ว ทั้งในลิ้นชัก

รถ กระเป๋ารถ กระทั่งใต้เบาะใต้พรมไม่มีสักแห่ง ไม่รู้คุณวีเก็บไว้ที่ไหน”

“เดี๋ยว…เดี๋ยว’’ แม่ชื่นผลักไหล่บุตรชายเบาๆ ทำหน้าตาเอาเรื่อง “แก

จะเอากุญแจรถคุณหนูไปทำไมฮะเจ้าทอน”

“อ้าว ฉันจะเอารถไปเที่ยวได้ยังไงล่ะ แม่ก็ ถ้าไม่มีกุญแจรถ”

“ก็ทำไมแกไม่ไปขออนุญาตคุณหนูก่อน อยู่ดีๆ ก็จะมาขี่รถเอาไปเฉยๆ

ยังไงกั๊น” มารดาทำเสียงสูง สีหน้าสีตาเอาเรื่องหนักขึ้น

อุทธรณ์ยิงฟันขาว

“ก็คุณวีบอกอนุญาตฉันแล้วนี่นา แม่ก้อ”

“อนุญาตเมื่อไหร่ยะ เดือนนี้ทั้งเดือน ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าแกสักแวบ

เดียว”

“คุณวีอนุญาตไว้ตั้งโกฏิตั้งปีแล้วละ ไม่เชื่อแม่ไปถามดูก็ได้”

“ไม่มีทาง ขืนฉันไปทางโน้น แกก๊อถือโอกาสขับรถปร๋อไปเท่านั้น”

มารดาพยักหน้าไปทางประตูด้านหน้าโรงรถ ซึ่งเปิดกว้างสู่ถนนซอยด้านข้าง

บ้าน

ชายหนุ่มเกาศีรษะแกรกๆ

“ปู้โธ่ จะไปยังไงเล้า แม่ก้อ ฉันมีกุญแจซะเมื่อไหร่”

หญิงสูงอายุหันไปทางเด็กหญิงแตงอ่อน

“ไป แตงอ่อน แกไปดูตั้งโต๊ะเร็วๆ เข้า ป่านนี้คุณผู้ชายคงหิวแล้วละ”

พอแตงอ่อนวิ่งหายตัวไปตามคำสั่ง แม่ชื่นก็หันกลับมาทำหน้าขึงขัง

กับบุตรชายอีก

“เออ ฉันยังไม่ได้ด่าแกเลย”

“เรื่องอะไรอีกล่ะ แม่” ชายหนุ่มทำหน้าเบ้อย่างเอือมระอา “เพราะยังงี้

ฉันถึงต้องหายหน้าไปทีละเป็นเดือนๆ”

“โอ๊ะ ไอ้ที่แกหายหัวไปน่ะ ไม่ใช่เรื่องถูกฉันด่าหรอกย่ะ แต่แกจะ

หลบหน้าไม่ให้คุณหนูเธอด่าต่างหาก นึกว่าฉันไม่รู้เรื่องวุ่นวายที่แกทำไว้งั้น

เรอะ?”

บุตรชายตีหน้าเก้อ

“คุณวีด่าฉันมากไหม แม่?”

“เห็นบ่นๆ อยากเตะแกอยู่ทุกวัน” มารดาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบ

คอยาวๆ นั้นย่นลงกว่าครึ่ง เสียงบ่นอ่อยออดเหมือนมอดกัดไม้

“แม่ทำไมไม่ช่วยแก้ตัวให้ฉันมั่งล่ะ โธ่”

“ธุระอะไร ฉันไม่พูดทับถมแกน่ะ บุญเท่าไหร่แล้ว ความเลวอย่าง

อื่นๆ ของแกที่คุณหนูเธอยังไม่รู้น่ะ มีอีกพะเรอเกวียน”

“ก็ทีความดีอื่นๆ ของฉัน ที่คุณหนูของแม่ยังไม่รู้ล่ะ ทำไมแม่ไม่ช่วย

รายงานมั่ง”

“ฉันนึกไม่ออก!” มารดาตวาด

บุตรชายหัวเราะก้าก

“ทียังงี้ละ นึกไม่ออก แม่นี่ร้ายจัง”

“ดีละ แกว่าฉันร้าย เมื่อไหร่จะใช้เงินฉันสักที?”

“ว้า แบบนี้ยิ่งกว่าร้ายเสียอีก ทวงเงินกลางคืนโบราณเขาถือนะ แม่”

“ช่างปะไรยะ ฉันน่ะถือมติ เจอกลางวันทวงกลางวัน เจอกลางคืน

ทวงกลางคืน!”

ชายหนุ่มยิงฟันขาวอย่างทะเล้น

“ยังกับสาส์นถึงนางเมรีแน่ะ”

“แกไม่ต้องชักใบให้เรือเสีย” มารดาเสียงแข็ง “ฉันจะขอบอกเป็น

คำขาดว่า ถ้าแกไม่ใช้ฉันคราวนี้ละก็ต่อไปอย่าได้แอ้มเลย”

“แม่ละก็…” บุตรชายขยับจะออดอ้อนต่อไปอีก แต่แล้วเขาก็ชะงัก

ตีหน้าแหย เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ในรองเท้าแตะหนังเดินลงจากตึกทาง

ด้านประตูครัว และเลี้ยวเข้ามาในโรงรถ

“ไง นายอุด”

“แฮ่ะๆ” อุทธรณ์หัวเราะเจื่อนๆ “วันนี้คุณวีกลับบ้านแต่วัน”

ผู้ที่ถูกเรียก ‘คุณวี’ เป็นชายหนุ่มร่างสันทัด ส่วนสูงไล่เลี่ยกับอุทธรณ์

แต่เนื่องจากมีส่วนกว้างมากกว่า จึงดูเหมือนกับว่าเขาเตี้ยกว่าบุตรชายของ

แม่บ้านเล็กน้อย ผิวของเขาขาวกว่า เครื่องหน้าเข้มคมกว่าอุทธรณ์ แม้ว่า

อายุจริงของเขาจะน้อยกว่าอุทธรณ์ร่วมสองปี แต่เนื่องจากใบหน้าของเขามัก

จะขรึมอยู่เป็นนิจ จึงดูสีหน้าเป็นผู้ใหญ่กว่าอุทธรณ์มาก

“นั่นซี นายมันนกรู้แฮะ เห็นแตงอ่อนว่า นายมาเที่ยวค้นกุญแจรถ

ฉันเรอะ?”

“แฮ่ะๆ” อุทธรณ์ยิงฟัน “ผมค้นไม่เจอ”

“ก็จะเจอได้ยังไง ฉันเก็บเสียแล้วนี่” คุณวีหรือรัฐรวีตอบเรียบๆ “นาย

อยากรู้ไหมว่า ทำไมฉันไม่ทิ้งกุญแจรถไว้ให้นายเหมือนทุกที?”

“ไม่ต้องถามผมก็รู้” อีกฝ่ายทำหน้าจ๋อย “ที่มาวันนี้ก็ตั้งใจจะมาให้

คุณวีเตะตามสบาย”

ดวงตาเข้มของ ‘คุณวี’ ส่งประกายขบขันขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่เขาก็หรี่

ตาลงอย่างเยาะๆ มองดูสูทสีเข้มโก้หรูและเนกไทแพรดอกแพรวพราวสีเข้า

กับมุมผ้าเช็ดหน้า ที่แลบออกมาจากปากกระเป๋าเสื้อของฝ่ายตรงข้าม

“นายแต่งตัวโก้ขนาดนี้มาให้ฉันเตะเชียวเรอะ?”

“ยังน้อยไปน่ะนา สำหรับให้คนอย่างคุณวีเตะ ถ้าผมมีชุดแบล็กไทใส่

ละก็ ผมก็จะใส่มันมาให้คุณวีเตะให้สะใจ”

“แต่ฉันไม่ได้ต้องการเพียงเตะนายเท่านั้นนี่”

“ก็ คุณวีต้องการอะไรล่ะ?” ตาเล็กรีแต่มีประกายร่าเริงเหลือบมองผู้พูด

อย่างประจบ “เตะ ต่อย ถีบ ถองอะไรก็ได้ เลือกเอาตามสบาย”

“ฉันต้องการถลกหนังหัวนายมากกว่า!” รัฐรวีตอบขรึมๆ

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024