อีสา (สีฟ้า)

อีสา (สีฟ้า)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533335
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 400.00 บาท 100.00 บาท
ประหยัด: 300.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

อีสาเกิดมาในสมัยที่เขาเลิกทาสกันแล้ว แต่ฐานะของอีสาก็ไม่ดีไปกว่า

ทาสเท่าไรนัก เพราะในวังที่อีสาอาศัยบารมีท่านอยู่นั้น ถึงแม้จะเลิกทาส

แล้ว แต่บรรดาทาสหลายต่อหลายคนซึ่งไม่มีที่จะไปก็ยังสมัครนอยู่ใต้บารมี

ท่านนับด้วยจำนวนลิบๆ ชั่วแต่ว่าไม่มีการซื้อขาย และไม่มีการปักหน้า

ตราซื่อว่าเป็นทาสเท่านั้น ทว่าทาสในวังนี้แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีการจองจำ

หรือทรมานกันอย่างใด เพราะท่านเจ้าของวังท่านพระทัยดีมีพระเมตตามา

แต่ครั้งปู่ของท่าน

เมื่ออีสาเกิดมานั้น หาใครเป็นพ่อก็ไม่มีใครยอมรับ พออีสาเกิดมาได้สอง

สามวัน แม่ของอีสาก็ตาย เพราะ เลือดมันทำ ตามคำบอกเล่าของป้าเจิม ป้า

เจิมนั้นก็เคยเป็นทาสมาก่อนเช่นกัน แด่เป็นผู้มีอาวุโสสูงกว่าทุกคน เพราะมีอายุ

มาก ป้าเจิมมีหน้าที่โรงก็บาเจิมนี่แหละ ที่เลี้ยงดูอีสามาตั้งแต่

อีสาเกิด  

ท่านผู้เป็นประมุขของวังท่านเป็นหม่อมเจ้าโชติช่วง-

รวี รวีวาร เมื่ออีสายังเล็กๆอยู่ท่านมีพระชนมายได้สี่สิบแล้ว ในความรู้สึกของ

อีสานั้น ท่านชายท่านเป็นประดุจเทพเจ้าทีเดียว จะหาใครเทียบเทียมกับท่านเป็น

ไม่มี อีสาทั้งรักทั้งเกรงท่าน แม้ว่าร้อยวันพันปีท่านจะไม่เคยรับสั่งด้วยเลย นอก

จากมองดูเฉย ๆ บางทีอารมณ์ท่านดีท่านก็จะแย้มสรวลเพียงนิด ๆ เท่านั้น

ในสมัยที่เสด็จพ่อของท่านชาย ยังมีพระชนม์อยู่นั้น ท่านเป็นในกรม ใน

กรมอะไรอีสาก็ไม่ทราบแด่ป้าเจิมเล่าให้พังว่าในกรมท่านโปรดละครและท่านมีละคร

ของท่านเอง หม่อมของท่านก็ล้วนแด่เป็นละครตั้งนั้น แม้แต่หม่อมแม่ของท่าน-

ชายเอง องค์ท่านชายผู้เป็นโอรสสองค์ใหญ่ยังมีหม่อมเป็นละครเล็กๆของเสด็จพ่อ

ถึงสองคนคือ หม่อมนิ่มและหม่อมน้อย แต่มาในสมัยท่านชายท่านไม่สู้จะโปรด

ละคร โปรดแต่ทรงพระอักษร ละครในวังจึงโรยราไป พวกตัวละครบางตัวก็ยัง

อยู่ที่เรือนของหม่อมนิ่มหม่อมน้อย กลายเป็นบริวารของหม่อมนิ่มหม่อมน้อยโดย

ปริยาย

หม่อมของท่านชายนั้นมีอยู่สี่คน ว่าโดยเฉพาะที่มีลูกเท่านั้น ไม่นับหม่อมเล็ก

หม่อมน้อยที่บรรดาหม่อมทั้งสี่ท่านถวายให้ทรง ‘ให้สอย’ เป็นบางครั้ง หม่อม

พริ้มเป็นหม่อมใหญ่เข้าพิธีเสกสมรส จึงอยู่ที่ตำหนักกลางกปหานชวย หม่อมพริ้ม

มีแต่ธิดาถึงห้าคน หม่อมลำดวนเป็นหม่อมที่สอง อยู่เรือนใหญ่หลังหนึ่ง หม่อม

ลำดวนมีธิดาสามคน ส่วนหม่อมนิ่มและ,หม่อมน้อยก็มีธิดาละคน น่าประหลาด

ที่ลูกของหม่อมนั่งสี่ล้วนแต่เป็นผู้หญิงนั่งสิ้น

ข้าง ๆ วังอันกว้างใหญ่ของท่านชายมีลำคลองผ่าน ในสมัยที่อีสายังเด็กอยู่ก็

มีความรู้สึกว่าคลองนั้นช่างกว้างใหญ่เป็นนักหนา อีสาแก้ผ้ากระโดดน้ำคลองอยู่

กับเด็ก ๆ หญิงชายบรรดาลูกหลานบ่าวไพร่ด้วยอัน จนกระทั่งอายุย่างเข้าสิบสอง

ขวบอีสาก็ยังไม่รูสึกว่าตัวนั้นโต จนเกือบจะเป็นสาวในไม่กี่ปีห้างหน้าอยู่แล้ววันหนึ่ง

อีสาก็นุ่งผ้าถุงขมวดไว้ที่เอว เตรียมจะออกไปกระโดดน้ำอับล้ายอีเหล่านั้นตามเคย

พอผ่านหน้าเรือนแถวที่ป้าเจิมนั่งโขลกหมากอยู่ อีสาก็ลดฝีเท้าลงและเปลี่ยนท่า

วิ่งเป็นเดินอัมตัว ป้าเจิมจ้องมองดูอีสาอย่างพิจารณาแล้วก็ร้องเรียกว่า

นังสา จะไปไหนนั่น?

ป้าเจิมเรียกอีสาว่า นังสา คนอื่นก็เรียกอย่างป้าเจิม แต่หม่อมทั้งสี่

ตลอดจนคุณๆ ทุกคนเรียกอีสาว่า อีสา

พอป้าเจิมเรียก อีสาก็ชะงักมองดูป้าเจิมอย่างเกรงๆ เพราะอีสากับไม้เรียว

ของป้าเจิมนั้นไม่สู้จะถูกกันนัก นอกจากท่านชายและหม่อมนั่งสี่ก็ป้าเจิมนี่แหละที่

อีสาทั้งรักทั้งกลัวเป็นที่สุด

“อิฉันจะไปอาบน้ำค่ะ”

อีสาถูกสอนสั่งให้เรียกตัวเองว่าอิฉันอับป้าเจิมและมูลนายทุกคนดั้งแต่เริ่ม

พูดคล่อง ป้าเจิมตักคอว่า

“เอ็งจะไปอาบน้ำหรือเล่นน้ำกับไอ้พวกเหลือขอนั้นอันแน่?”

อีสาอัมหน้าลง ป้าเจิมพิศดูอีสาทั่วทั้งตัว พิศอยู่นานจนกระทงอีสาหายใจ

ไม่ทั่วท้อง มองตาของป้าเจิมมีประกายอย่างหนึ่งที่อีสาอ่านไม่ออก แล้วป้าเจิมก็

กล่าวว่า

“จะไปอาบนา หรือกระโดดนํ้าเล่นเป็นอีทโมนก็ไปเสีย นับแต่พรุ่งนี้ เอ็ง

จะแก้ผ้ากระโดดน้ำอีกไม่ได้เป็นอันขาด ถ้าจะลงน้ำก็ต้องนุ่งผ้ากระโจมอก”

คำสั่งของป้าเจิมทำให้อีสานึกพิกลอยู่ในใจ ตั้งแต่นี้อีสาจะต้องลงอาบน้ำ

ด้วยวิธีนุ่งผ้ากระโจมอก ก็หมายความว่าอีสาเป็นสาวแก้วน่ะซี อีสาเดินพลางคิด

พลาง จนกระทงถึงทำน้ำที่เพื่อนฝูงรออยู่ วันนั้นอีสาไม่เป็นอันจะเล่นนี้ มัวแต่

ครุ่นคิดว่า ตัวกำลังจะเป็นสาว...ตัวกำลังจะเป็นสาว จนกระทงเพื่อนฝูงพากันประ-

หลาดใจ ครั้นพออีสาเล่าให้พิง ไอ้เจ้าพวกแก่น ๆ ก็พากันโห่อีสา และร้องตะโกน

ล้อเลียนว่า

“นังสาจะเป็นสาวแก้วโว้ย นังสาจะเป็นสาวแก้ว ฮา...”

บางคนล้อเลียนว่า

“อีกหน่อยนังสาก็จะมีผัว แก้วก็อุ้มลูกกระเตง ๆ แก้วโว้ย!”

วาจาล้อเลียนของไอ้อีเหล่านั้นเพิ่งจะทำให้อีสากระดากอายเป็นครั้งแรก ทุกที

อีสาเคยเป็นคนจัดก้านปากคอเก่งไม่กลัวใคร แต่วันนี้อีสาคร้านจะโต้ตอบ เล่นน้ำ

ก็ไม่นึกสนุก อีสาจึงผละจากพวกนั้นขึ้นจากน้ำเสียเฉยๆ มิไยใครจะร้องตะโกน

ล้อเลียนหยาบ ๆ คาย ๆ อีสาก็ไม่พิงเลียง

วันรุ่งขึ้น ป้าเจิมห้ามไปเล่นหัวโลดโผนโจนทะยานอย่างเคย ป้าเจิม

จับอีสาขัดสีฉวีวรรณลงก้มมะขามอับขมิ้นเป็นการใหญ่ ขัดไปก็บ่นไป

“ดูซี เอ็งอาบน้ำยังไงทุกวัน ขี้ไคลมันถึงกลบห้องหูอังนี้ ถูออกมาแทบจะ

ปั้นความได้ทั้งตัว เอ็งเป็นสาวเป็นนางแก้วหนา นังสา ต่อไปนี้จะปล่อยเนื้อปล่อย

ตัวอย่างแต่ก่อนไม่ไต้แล้ว จะนั่งจะลุกก็ต้องระวัง เอ็งมันคนลุกลี้ลุกลนอยู่ด้วย”

ป้าเจิมเทศนาไป จนกระทงงานขัดลีฉวีวรรณเสร็จลง อีสาส่องกระจกดู

ตัวเอง แล้วตกใจจนแทบจะจำตัวเองไม่ไต้ ผิวดำๆ หน้าตากระมอมกระแมมของ

อีสาหายไปไหนหมดก็ไม่รู้ กลายเป็นเด็กผิวเหลืองเรืองรอง นุ่งโจงกระเบนผ้าลาย

เขียว สวมเสื้อคอกระเข้าลีก้มใหม่เอี่ยม ผมทรงดอกกระทุ่มเพราะเพิ่งโกนจุกนั้นเล่า

ก็หวีหย่งใส่น้ำมันเสียเรียบเป็นเงาปลาบ ตาดำ คิ้วโก่งยาว ปากนิด จมูกหน่อย

เออ...อีสาเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นคนสวยบัดเดี๋ยวนี้เอง!

เมื่ออีสา ‘ลอกคราบ’ แล้ว ใครๆต่างก็ชมเชยอีสาไม่ทนวัน อีสาเริ่มรู้ตัว

ว่านอกจากหน้าตาจะผิดไปผิวพรรณจะผุดผ่องขึ้นแล้ว ร่างกายภายในอะไรบางอย่าง

ก็ออกจะมีอะไรผิดปกติไปด้วย ดูมันค่อยๆขยายออกทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วอีกสอง­ –

สามวัน ป้าเจิมก็พาอีสาไปยังเรือนหม่อมนิ่มหม่อมน้อย

หม่อมนิ่มหม่อมน้อยกำลังนั่งปักสะดึงอยู่ที่ระเบียง เพราะเคยเป็นละครเก่า

หม่อมนิ่มหม่อมน้อยจึงมีฝีมือในทางปักไหมปักดิ้น เนื่องจากเคยทำเครื่องละคร

และมักมีผู้มาขอแรงให้ปักบ่อย ๆ นอกจากปักไหมปักดิ้นแล้ว ฝีมือแกะสลักของ

หม่อมนิ่มหม่อมน้อยก็อยู่ในเกณฑ์ดี

เมื่อป้าเจิมคลานเข้าไป หม่อมนิ่มหม่อมน้อยก็ทัน,มามองดู หม่อมนิ่มอุทาน

ทันทีว่า

“อุแหม! นั่นอีสารึนั่นแม่เจ้าโว้ย...แทบจะจำไม่ได้ทีเดียว นี่เป็นสาวแล้วรึ

นี่?”

“เจ้าค่ะ เพิ่งจะเห็นว่าเป็นสาวมาสองวันนี่เอง เห็นหน้าตามันหมดจด

ก็เลยพามาให้หล่อนใช้สอยเจ้าค่ะ

หม่อมนิ่มยิ้ม และ,ชายตาดูหม่อมน้อยพร้อมกล่าวว่า

“มันโตเร็วดีจริงนะ แม่น้อยนะ เห็นแล้ผ้าโทงๆ ดำมิดหมีไม่กี่วันนี่เอง

แตนก็ยังไม่ถึงกับจะเป็นสาวเป็นแล้หรอกนะ ต้องอีกสักสองสามปีถึงจะเป็นสาว

 เต็มที่”

“แต่ถึงกระนั้น ก็ผุดผ่อง มีน้ำมีนวลขึ้นอักโขทีเดียว น่าเสียดายที่ท่าน

เดี๋ยวนี้ท่านไม่โปรดละคร ไม่อย่างนั้นอีสาเห็นจะได้เป็นนายโรง เพราะท่าทางมัน

เป็นพระมากกว่านาง เป็นย่าหรันละก็เหมาะ โตหน่อยก็คงจะอิเหนานั่นแหละ”

หม่อมน้อยกล่าวจบ หม่อมนิ่มก็กล่าวว่า

“เอาเถอะ...มาอยู่เสียที่เรือนนี่ก็แล้วกัน มีเวลาว่าง ๆ จะหัดกิริยามารยาท

หัดละครให้ห้าง เผื่อยังไง ๆ อาจจะมีวาสนากับเขาห้าง”

หม่อมนิ่มพูดเป็นนัย และกล่าวต่อว่า

“หม่อมลำดวนเธอรารวยเด็กวุ่นๆไร้ถวายงานนวด'ฝันท่านชาย เพราะอย่าง

นั้นถึงได้เป็นคนโปรด เรือนนี้รวยแต่คนเก่า ๆ แก, ๆ ได้อีสามาอยู่ด้วยเห็นจะพอแข่ง

กับเขาได้กระมัง”

“สุดแล้วแต่หม่อมเถอะเจ้าค่ะ อิฉันน่ะเลี้ยงมันมาเอาบุญเท่านั้นเอง แต่ถ้า

มันจะได้ดีมีวาสนาขึ้นอิฉันก็พลอยดีใจ เสมอแค่รับไล้หม่อมก็เป็นบุญแล้ว ดีกว่าอยู่

ที่เรือนครัวเป็นไหนๆ อยู่ที่เรือนครัวมันก็ไอ้ไม่พันพวกขี้ล้าด้วยกัน รูปร่าง หน้าตา

มันไม่สมกับจะออกไปหาบไปคอนเลย”

เป็นอันว่านับตั้งแต่วันนั้น อีสาด้องอยู่กับหม่อมนิ่มหม่อมน้อยที่เรือนของ

หม่อมน้อย เลิกออกไปกระโดดน้ำคลองโครมๆโดยเด็ดขาด เมื่อแรกๆก็ออกจะ

อึดอัดอยู่ไม่น้อยแต่แล้วก็ค่อยๆชินไป หม่อมนิ่มเหม่อมน้อยก็ผลัดกินสั่งสอนอีสา

ให้ค่อย ๆ มีกิริยามารยาทเป็นผู้หญิงขึ้น พร้อมกันนั้นก็มีก็มอบให้นางละครเก่าคน

หนึ่งเป็นผู้ฝึกกลอนท่ารำชั้นต้นๆให้แก่อีสา อีสาบอกตัวเองว่า อีสาแสนที่จะเบื่อ

หน่ายการหัดละครรำนี่เสียเหลือเกิน ไหนจะถูกหักแล้งหักขา ถูกหยิกถูกดี ถูก

หักนิ้วเมื่อเวลาที่ทำท่าไม่ได้ตังใจยายครูแก่ๆ บริวารของหม่อมนิ่มหม่อมน้อย แต่

อีสาหารู้ไม่ว่าในกาลต่อไป ภายหน้าหัดละครที่อีสาแสนจะเอือมระอานี่แหละ

กลายเป็นประโยชน์แก่อีสาอย่างยิ่ง

มีอยู่อย่างหนึ่งที่อีสาไม่สู้จะรู้ตัวเอง นั้นคือความชื่นชมบูชาในองค์ท่านชาย

อีสามีความรู้สึกว่าท่านชายนั้นถึงจ้ะแก่แด,ก็งามนัก เพราะอีสาอยู่เพียงแต่ในวัง

ไม่เคยเห็นบุรุษคนใดจะมีสง่าราศี และงดงามเท่าท่านชาย ท่านชายมีชนมายุเข้า

วัยกลางคน ยังไม่ถึงกับทรงพระชรา วรกายสูงโปร่งฉวีขาวเป็นนวล คนในวังพูด

กันเสมอว่าท่านชายนั้นทรงโฉม ล้าท่านชายจะมีชายาสักร้อยสักพันคน ผู้หญิงก็

เต็มใจ

วันหนึ่ง ท่านชายเสด็จมาที่เรือนหม่อมนิ่มหม่อมน้อย เพื่อเยี่ยมเยือนธิดา

ของท่าน ท่านชายทอดเนตรเห็นอีสานั่งปั้นจิ้มปนเจ๋อหมอบอยู่เบื้องหลังหม่อมน้อย

ท่านก็ขมวดขนงอย่างแปลกพระทัย

“นั่นอีสาใช่ไหมนั้น?”

รับสั่งถามแล้วก็สรวลหึ ๆ อีสากำลังขนลุกเกรียวด้วยความดีใจที่ท่านเรียกชื่อ

ท่านชายก็รับสั่งต่อไปว่า

‘‘อุบ๊ะ! เอ็งถอดรูปเงาะออกตั้งแต่เมื่อไหร่กันโว้ย อีสา ข้าแทบจะจ๋าเอ็ง

ไม่ได้แน่ะ”

รับสั่งเท่านั้นเอง แล้วก็เลิกสนพระทัยกับอีสา เพราะ1นความรู้สึกของท่านก็

กังเห็นอีสาเป็นเด็กอยู่นั้นเอง ท่านชายหันไปหยอกล้อกับธิดาเล็กๆของท่าน ปล่อย

ให้อีสาแอบมองดูท่านอย่างเด็กใจแตก โดยที่ตัวเองก็,หาเข้าไจความรู้สึกของตัวเอง

แจ่มแจ้งไม่ รู้แต่ว่าอยากจะมองดูท่านชาย อยากจะลูบคลำของท่าน แม้

แต่เพียงแค่บาทก็กังดี!

อีสามักจะแอบไปที่ตำหนักใหญ่เสมอในเวลาที่หม่อมนิ่มหม่อมน้อยเผลอ

แอบไปหมอบบังเสาอยู่แถว ๆ หน้าห้องทรงอักษรซองท่านชาย แล้วก็คอยชะเง้อดู

ท่าน บางครั้งอีสาก็อดอิจฉาสาว ๆ ที่ตำหนักกลางแสะที่เรือนหม่อมลำดวนไม่ได้

นางเหลานั้นได้ใกล้ชิดกับท่านชายยิ่งกว่าอีสา บางนางก็ได้ถวายนวดนั้น บางนาง

ก็ถวายงานพัด อีสากังเด็กอยู่มาก ถึงจะรู้สึกว่าตนเองบูชาและ ‘หลง’ ในองค์

ท่านชายแต่ก็กังไม่รู้สึกซึ้งเกินกว่านั้น กังไม่รู้ว่านอกจากถวายงานพัดงานนวดฟั้น

แล้ว นางเหล่านั้นได้ ‘ถวาย’ อะไรแก่ท่านชายอีกบ้าง? พรหมลิขิตเท่านั้นที่จะ

บอกได้ว่าอีสาจะได้รู้อะไรสึกซึ้ง ด้วยตนเองหรือไม่!

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024