ดาดฟ้าดาว (กฤษณา อโศกสิน)

ดาดฟ้าดาว (กฤษณา อโศกสิน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742532918
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 340.00 บาท 85.00 บาท
ประหยัด: 255.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เสียงนกสารพัดชนิดที่โผผินไปมาระหว่างต้นมะขามใหญ่ทับต้นสนุ่น ริมแม่นา

ดังระเบ็งเซ็งแซ่ราวทับพวกมันกำลังทักทายกันและกันเหมือนทุก

เข้าตรู่ที่แสงเงินแสงทองเริ่มส่องเรื่อ พาใจและอารมณ์ระเมียรให้ผ่อนคลาย

ครั้นแล้วจึงนอนลืมตามองเพดานฟ้งเสียงหวีดหวิวจิ๊วจิ๊บจุ๊กจิ๊กอีกสองสาม

อึดใจ เธอจึงลุกขึ้นเป็ดหน้าต่างบานเกล็ดออกกว้างแล้วสับขอ เหลือแต่ บานลวด

พลางมองดูนกทั้งเล็กและใหญ่บินว่อนไกลออกไปในแสงจากฟาก ฟ้าหน้าร้อน

หากปลายนัยน์ตาก็โพสีอบเห็นท่า'นงของสองคนและท่านอน

ของคนหนึ่งตรงปลายสะพานไม้ท่านํ้าที่เธอท่าไว้สำหรับจอดเรือที่มือยู่หนึ่ง

ลำให้บริวารในบ้านไต้พายไป จะข้ามฟากหรือซื้อของก็ได้ถ้าจำเป็น

เมื่อแลเห็นเช่นนั้นแล้วจึงนี้รีบออกจากห้องนอน ลงบันไดไปยังห้องโถงใหญ่

ข้างล่างที่จัดแต่งไว้งดงามๆมอย่างพอตาพอในชนบทกึ่งบ้านในกรุง เลี้ยวไป

จนถึงครัวที่แม่บ้านกำลังปรุงอาหารเช้า

                        “ใครมาที่ท่านาหรือ'จัน”

“ใครคะ” อีกฝ่ายหันมาถามเพราะไม่รู้เนื่องจากยืนหันข้าง

หากเมื่อชะโงกมองผ่านหน้าต่าง:จึงพึมพำ

“ใครก็ไม่ทราบค่ะ หนูก็เพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เอง”

“ออกไปถามชิ...ดูท่าคนที่นอนนั้นเป็นยังไง ไม่สบายหรือยังไง มาเรือละบัง”

จันแวะเรียกสามีของนางที่เรือนเล็กข้างครัวให้ไปดูด้วยกัน ระเมียรจึงออก

จากครัวไปยืนบนระเบียงหินแกรนิต ตาลงไปคือสระสี่เหลี่ยมยาวขนานกับระเบียง

มีบัวสีชมพูสีม่วงดอกน้อยบานสะพรั่ง เพ่งมองจันและข้นพูดจากับคนทั้งคู่ที่คู่เหมือน

จะเป็นหนุ่มสาว

 

ในที่สุดจันก็เดินกลับมาบอกเธอว่า

“สองคนนั้นเขากำลังจะพาพ่อไปอนามัยค่ะ แต่ก็เพิ่งรู้ว่าเรือรัว”

“อ้าว...” ระเมียรร้องเบาๆพร้อมกับพลอยกังวล “พ่อเป็นอะไรไปหรือ”

“แกปวดท้องขนาดหนักน่ะค่ะ ลฺกไม่ขึ้นเลย”

 “ถ้างั้นชุ้นเอารถออก พาแกไปอนามัย” สตรีวัยหกสิบออกคำสั่งทั้ง ๆ ยังไม่

แน่ใจลักเท่าไรว่าเรื่องจริงจะเป็นเช่นนั้น เนื่องด้วยกริ่งเกรงอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับ

อุบายถ่ายเทของผู้คนยุคใหม่ที่ถูกย้อมด้วยวัตถุและเครื่องมือสื่อสารจนความคิดอ่าน

เปลี่ยนไป บางหัวใจก็กลายเป็นใครลักคนที่มีอาจทำความเข้าใจได้ หากก็เอาเถอะ

นะ...เธอมักจะคิดอย่างคนกับคนด้วยกันที่ว่า อ้าช่วยใครไดก็ช่วยไป

นึกเช่นนี้แล้วจึงลงบันได เดินตัดสนามหญ้าไปยังสะพานยาวแข็งแรงที่ตีชิด

กันด้วยแผ่นกระดาน ยื่นออกไปจากตกลงราวท้าเมตร ที่ที่นุ่มสาวนั่งหน้า'ซีดอยู่

ด้วยกัน มีชายวัยกลางคนนอนบิดตัวไปมา

ผู้ที่ว่าเป็นลูกยกมือไหวโดยคนผู้ชายเอ่ยขึ้น

“ต้องขออภัยด้วยครับที่พอดีเรือรั่ว พาพ่อไปยังไม่ทันถึงอนามัย” ผู้พูดคือ

ชายหนุ่ม...น่าจะเกินสามสิบ ส่วนน้องลาวก็คงไม่ห่างกันสักเท่าไร

ที่น่าแปลกใจก็คือหน้าตาท่าทางดีทั้งคู่

ชายหนุ่มผู้นี้บุคลิกใช้ได้ทีเดียว นัยน์ตาเล็กคิ้วบาง จมูกโต่ง ริมฝีปากบาง

เห็นได้ชัดว่ามีการศึกษา รู้สำคัญก็คือมีสัมมาคารวะ พูดจามีจังหวะจะโคน ส่วน

น้องสาวนั่งนิ่งจับมือบิดาไร้พลางปลอบเบา ๆ

“เดี๋ยวได้ไปแล้วละพ่อ”

“ต้องไปเลย ไปเดี๋ยวนี้เลย...” ระเมียรเร่ง

ดังนั้น ชายหนุ่มจึงช่วยน้องสาวจับพ่อพาดบ่าเขา สาวเท้าตามนายชุ้นไป

ระเมียรจึงออกไปสั่งเสียถึงรถกระบะที่เธอชื้อไร้ขนของ

“เอายังงี้ดีกว่าชุ้น พาไปโรงพยาบาลเลยคิกว่า...เผื่อไร้...เผื่อสถานีอนามัย

รับไม่ไหว”

ท้ายรถกระบะลับไปแล้วจากถนนลาดยางยาว หักเลี้ยวไปตามด้นไม้สูงใหญ่

ที่ปลูกเรียงรายตลอดแนวประหนึ่งสวนพฤกษชาติ ระเมียรจึงรีบขึ้นไปอาบน้ำแต่ง

ตัวลงมากินอาหารเช้าที่จันยกมา'วางบนโต๊ะยาวสิบสองที่,นงที่มีเธอเพียงผู้เดียว เนื่อง

ด้วยวรชาญไปต่างประเทศตั้งแต่วันพุธ

“จัน” ระเมียรจิบกาแฟพลางถามหญิงแม่บ้านผู้จะเฝ้าบ้านชนบทแทนเธอ

ในยามที่ต้องกลับบานในกรุงเทพฯ “เราคิดว่าแถวนี้จะมีใครอุตริลงเรือไปสถานี

อนามัยไหม โดยเฉพาะปวดท้องขนาดหนักแบบนี้”

“นั่นน่ะ'ชีคะ” แม่บ้านหัวเราะ “หนูก็ยังงงๆรญ่เหมือนกัน

“แล้วเรือยังดันรั่ว...” นายจ้างส่ายหน้า “นี่ถ้าฉันเป็นนักสืบละก็คงไม่เชื่อ

แน่ๆ...เออ...ว่าแต่ว่า...เธอไปดูซิ เรือรั่วจริงหรือเปล่า ก็เขาทิ้งเรือไวไมใช่หรือ”

 “ทิ้งไว้ค่ะ” จันตอบพลางกุลีกุจอเปิดประตูลงบันไดตัดสนามไปยังท่าน้ำ ก้ม

ลงดูเรือมาดขนาดกลาง ก็เห็นน้ำนองเต็มลำงกระวีกระวาดกลับมารายงาน

“รั่วจริง ๆ ค่ะ”

“เออ...แล้วไป...ยังไง ๆ ก็ขอให้ได้สงสัยไว้ก่อน เธอค่อนข้างขำตนเองมาก

เหมือนกันในความช่างสังเกต ช่างตั้งคำถาม ช่างหาคำตอบ แต่แล้วก็ลงความ

เห็นว่า ในการดำเนินชีวิตประจำวันที่มีความไม่ปกติ จนบางครั้งก็หารูไม่ว่า สิ่ง

ใดจริงสิ่งใดปลอม เนื่องด้วยคนจริงกับคนปลอมก็เดินตีไหล่อยู่ในสังคมเดียวกัน

ความไม่ประมาทเท่านั้นจึงช่วยได้  สงสัยไว้ก็ไม่เลียหายอะไรจริงไหมจัน...อย่างเธอ

ก็เหมือนกัน เธอเป็นคนเฝ้าบ้าน ใครโทร.มาหรือมาส่อหลอกว่ายังไงก็ตาม ห้าม

เชื่อง่าย”

อีกพักใหญ่ต่อมาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของแม่บ้านก็ดังขึ้น เจ้าของ

จึงรับสาย รับแล้วรายงานว่า

                “ซุ้นโทร.มาค่ะ หมอเอาตาคนนั้นเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ไส้ติ่งอักเสบต้อง”

 “เออ...ค่อยโล่งอก” ระเมียรระบายลมหายใจยาว “เรือก็รั้วจริง ตาคนพ่อ ก็ไม,สบายจริง”

“หนูว่า...คงไม่มีใครกล้ามาหลอกคุณผู้หญิงหรอกค่ะ แค่เห็นบ้านใหญ่โต

ที่ตั้งหลายสิบไร่ คุณผู้ชายเป็นนักธุรกิจใหญ่ เขาก็แหยงกันแล้วละค่ะ”

“มันก็ไม่แน่เหมือนกันนาจันนา”         นายล้างลากเลียงอย่างไม่เชื่อตามนั้น

 

“เพียงแต่เห็นจริงด้วยว่าเราคงมีความดีอยู่มั่งที่ช่วยบริจาคเงินซื้อของต่างๆที่อำเภอ

จำเป็นต้องใช้แต่ไม่มีงบประมาณน่ะ อย่างบริจาคเงินซื้อเครื่องฟอกไต เครื่องช่วย

หายใจให้อนามัย บริจาคช่วยนํ้าท่วมอะไรพวกนั้นที่จันก็รู้...มันก็ช่วยให้เราอยู่ที่นี่

ได้อย่างสบายใจขึ้น ไม,เหมือนตอนมาบุกเบิกใหม่ๆ...พูดแล้วก็ยังขำไม่หายที่ลุง

แปลงแกพา1ชาวนามาจับกลุ่มคัดด้านเวลาเราเข้ามาสร้างบ้านน่ะ

ระเมียรหมายถึงนายแปลงผู้มีที่ดินอยู่ดีดถนนใหญ่ เธอจึงต้องใช้เงินของ

ตนเองล้วนๆทำทางส่วนบุคคลเชื่อมเข้ามาระหว่างทางหลวงรั้งลาดยางข้างนอกกับ

อาณาเขตบ้านที่ด้องพาดผ่านที่ของนายแปลง...โดยขอซื้อเฉพาะแนวยาวที่ต้องทำ

ทางเข้า

แต่กว่าจะซื้อได้ นายแปลงก็พีโยกพีเกนเสียพอปรง เรียกราคาแพงจุใจ

“แต่เดี๋ยวนี้ลุงแปลงก็แสนดีกับคุณผู้หญิง”

ระเมียรพยักหน้าอย่างไม่ถือสา เนื่องด้วยนายแปลงฝากหลานสาวหลาน

ชายมาเป็นคนงานดูแลด้นไม่ในสวนอันกว้างขวางของเธอ เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่หลาย

ปีที่แล้ว นายแปลงก็'ระดม1ชาวนามา1ช่วยกันถมกั้นคันดินตามแนวตลิ่ง จนด้นไม้

สวยจำนวนมากรอดตาย

สตรีกลางคนก็ได้แต่นึก...ถ้าชนะคนละชันคนละฐานะอยู่ด้วยกันอย่างไม่จับผิด

กัน ผู้มั่งมี เอื้อเฟื้อเกื้อกูลไม่เอาเปรียบผู้ขาดแคลน ผู้ขาดแคลนไม่เจ็บแค้นอาฆาต

หาทางประนีประนอมรอมชอมกันได้...การอยู่ร่วมกันของคนต่างฐานะต่างชั้นก็จะ

ไม่มีขีดคั่นรุนแรงเหมือนปัจจุบัน

แต่ก็นั้นแหละนะ...แค่นึกละก็ดูเหมือนง่าย ถ้าลงมือทำจริงคงด้องยอมรับ

ว่ายาพรวะ เพราะเดี๋ยวนี้เรื่องธรรมดาสามัญก็ถูกโยงเข้าหาการเมืองจนหมดจนสิ้น

แทบไม่เหลือเนื้อดินบริสุทธิ์ให้เหยียบยืน

แม้สองฝ่ายจะไม,หาเรื่องหรือเอาเรื่องมือที่สามก็จะยื่นเข้ามาจูงไปจนมีเรื่อง

ให้กลายเป็นคู่ต่อสู้กันจนได้

หากคับแค้นใจมากจนเหลือทน ระเมียรกับวรชาญก็จะปลีกตัวมาอยู่ที่นี่

ชื่นเชยแม่น้ำที่เต็มฝังและ,พร่องฝัง แลดูน้ำยั้งน้ำชน...หน้าร้อนเช่นนี้ทั้งศรีตรัง เสลา

กัลปพฤกษ์ และตะแบกจะบานสะพรั่ง เป็นกำลังใจให้ชื่นชมในชีวิต

 

ระเมียรกินอาหารกลางวันแล้วตั้งใจจะนงรถออกไปโรงพยาบาล เยี่ยม

เยียนผู้ป่วยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครสักครู่ แต่ยังไม,ทันจะเดินออกไป ก็ได้ยืนเสียงบาน

ลวดด้านข้างตังชิ้น

ชายหนุ่มคนนั้นนั้นเอง เปิดประตูเข้ามายืนตัวตรงพลางพนมมือไหว้

“ผมก็เลยพาพ่อไปโรงพยาบาลตามคำสั่งของท่านครับ...พี่คนขันก็ดีมาก

ขับได้เร็วทันใจ พอไปถึงเขาก็เอาเข้าท้องฉุกเฉิน ตรวจทันทีผ่าตัดทันทีเลยครับ...

เขาบอกว่าล้า1ข้าอีกนิดเดียวก็ไส้ติ่งแตก...” หนุ่มแปลกหน้ารายงานด้วยท่าทาง

คล้ายคนใต้บังคับบัญชา “คุณหมอที่ผ่าตัดก็ดีมาก พ่อหายปวดเสียได้ผมก็เหมือน

ชิ้นสวรรค์ตั้งเป็น ก็เลยจะมาขอบพระคุณ แล้วจิอาเรือกลับไปซ่อมน่ะครับ”

“ล้อ...” ระเมียรพึมพำพลางถาม '“ทานชาวแล้วหรือยังล่ะ’’

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานที่...เอ้อ...ใกล้ๆนี่ได้’’ เขาทำท่า

เกรงใจยิ่งชิ้น

“ถ้ายัง...จันหาอะไรให้ทานดีกว่า...ว่าแต่ว่า...คุณชื่ออะไร จะได้เรียกถูก”

“ชื่อพีครับ...พงพี”

“ป่าดงพงพีน่ะหรือ” เจ้าของบ้านยิ้มๆ พลางพยักหน้ากับแม่บ้าน ครั้น

แล้วจึงบอกชายหนุ่มให้ตามจันเข้าไปในครัว เพราะมีม้ากลมและโต๊ะวางของ ใช้

นั่งกินข้าวได้ “ไปกินข้าวก่อน นี่บ่ายครึ่งแล้ว กินให้อิ่มๆนะ”

ระหว่างที่,หนุ่มแปลกหน้าลับร่างไปทางครัว ระเมียรก็ยังคงนั่งจิบกาแฟหลัง

อาหาร พลางคิดคำนึงไปพร้อมกันถึงพ่อกันลูกสาวลูกชายที่จู่ ๆ ก็มาปรากฏกายให้

จนกระทั่งพงพีกินข้าวเสร็จกลับออกมา หน้าตาดูแช่มชื่นขึ้น

ระเมียรจึงพยักหน้าให้เขานั่งลงตรงกันข้าม

“ไหน...ลองเล่าให้ฟังหน่อยชิว่าไปยังไงมายังไงถึงพาคนเจ็บลงเรือ ทำไมไม่

หารถพาพ่อไปล่ง”

“ไม่มีรถเลยแหละครับ...” อีกฝ่ายบอกกล่าว “คือบ้านเราอยู่ริมน้ำ ถัด

บ้านท่านไปทางโน้นนิดหนึ่ง ก็เห็นว่าเรือคงพอจะพายมาได้เพราะซ่อมแล้ว...ตั้งใจ

จะไปขึ้นที่ทำให้ตรงกับสถานีอนามัย...แต่แล้วก็ไปไม่ถึง...เลยตัดสินใจว่าขึ้นเสียตรงนี้

 

ดีกว่า ดีกว่าแข็งใจพายไป...ที่จริงพ่อก็บอกล่วงหน้าไว้แล้วว่าพ่อจะตองผ่าตัดแต่เรา

ก็ไม่ได้สนใจ”

ระเมียรมองหน้าผู้พูดเขม็ง พลางถาม

“ทำไมรู้ว่าจะต้องผ่าตัด”

“คือ...เอ้อ...พ่อดูดวงน่ะฮะ...ดูดวงตัวเอง” อีกฝ่ายค่อนข้างอ้อมแอ้มคล้าย

กระดากที่ต้องเอ่ยเรื่อง ‘ดวง’ กับสตรีสูงวัยท่าทางไม่เชื่อใครง่ายๆนัยน์ตาคม

กริบที่จับจ้องมองหน้าเขาก็ราวจะคาดคั้น...ที่เธอมาเกยอยู่บนสะพานหน้าบ้านฉันนี่

ประสงค์ดีหรือว้ายกันแน่ “คือพ่อก็ชอบดูดวงลูกมั่นดูดวงตัวเองมั่นน่ะครับ...”

“เป็นหมอดูหรือไง”

“ไม่ได้เป็นหรอกฮะ...ก็เป็นแค่คนเกษียณอายุคนหนึ่งเท่านั้น”

“เธอทำงานที่นี่หรือที่กรุงเทพ” ระก็เลยถามต่อไป “มีกันสองคนพี่

น้องเท่านี้หรือ แม่ล่ะ”

“แม่เสียสองปีแล้วครับ...เจ้าของนี้เลยขอให้ผมมาสอนเด็กอยู่ที่โรงเรียน...”

เขาเอ่ยชื่อโรงเรียนเอกชนมีชื่อเสียงของอำเภอ “แล้วน้องก็เลยมาด้วย มาสอน

หนังสือเหมือนกัน จะได้อยู่กับพ่อ เพราะถ้าไปทำงานกรุงเทพ เราก็ต้องพาพ่อไป

ด้วย ไปอยู่คอนโดแคบๆซึ่งพ่อไม่ชอบ ชอบบ้านเก่ามากกว่า...บ้านริมน้ำเนื้อที่

ก็สองไร่หนึ่งงานเท่านั้นครับ บ้านก็เล็กๆ แต่พ่อชอบ บอกว่าสบาย”

ระเมียรพยักหน้า เข้าใจคนวัยเดียวกันอย่างดียิ่ง

“เป็นครูก็ดีนี่นะ..จะได้สอนเด็กให้เป็นเด็กดี”

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวเองดีพอ แล้วก็สอนเก่งหรือเปล่า”

ผู้ฟังนิ่ง มองหน้า หากก็ยิ้ม ๆ

“ฉันไม่ใช่หมอดูก็จริงแต่เท่าที่แลเห็นนี่ ฉันคิดว่าคุณก็น่าจะทำได้นะ

แต่จะดีแค่ไหนไม่ทราบรู้แด,ว่าน่าจะเป็นครูที่ดีได้” ระเมียรตอบอย่างคนที่ชอบให้

กำลังใจผู้เยาว์ ชอบเอาใจช่วยศิลปิน จนกระทงเรียกตัวเองว่าพวกล่งเสรีมศิลปิน

“จริงๆนะ ไม่ได้พูดเล่น ทำทางคุณเป็นครูที่ดี”

พงพีพนมมือแล้วกล่าวคำขอบคุณ พลางขยับตัว

“ผมเห็นจะต้องไปดูพ่อแล้วละฮะ”

“ถ้างั้นก็ไปด้วยกัน ฉันก็ตั้งใจจะไปเยี่ยมเหมือนกัน” ระเมียรลุกขึ้น พลาง

พยักหน้าให้ชายหนุ่มเดินตามเธอไปยังรถที่จอดเทียบหน้าตึก “ดูพ่อแล้วค่อยมา

ลากเรือ”

                พงพีจึงเปิดประตูให้เธอก้าวขึ้นนั่งตอนใน ส่วนเขาขึ้นนั่งคู่กับคนขับ

                เพียงไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลในเมือง

                ผู้ป่วยถูกเข็นกลับมาอยู่ในห้องพักรวมแล้ว แต่ยังกั้นม่านไว้ มีน้องสาว

ของพงพียืนเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มจึงแนะนำ

                “น้องชื่อพจีครับ”

                “พ่อเป็นยังไงมั่ง” ระเมียรถามพลาง แง้มม่านมองเข้าไปก็เห็นชายวัยกลาง

คนนอนนิ่ง นัยน์ตาหลับสนิท...แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยพ่อต่อมือถือในกระเป๋าก็ส่งเสียงเพียง

เบา ๆ เธอจึงหยิบออกมากดดูเบอร์ ครั้นแล้วจึงฮัลโหล

                พงพีได้ยินเสียงของเธออ่อนหวานผิดไป

                “แม่มาเยี่ยมคนไข้น่ะจ้ะลูก...แล้วนั่นชั่งอยู่ไหน...จะมาไหมล่ะ ถ้ามาแม่จะได้

บอกให้จันทำอะไรเพิ่มอีกหน่อย...เฮ้อ...เอาให้แน่ ๆ นาลูกนา...เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มา...

ตกลงมาใช่ไหม...จ้ะ จ้ะ...”

                สีหน้าระเมียรยามกดปิดมือถือดูอ่อนใจ หากก็ยิ้มนิด ๆ

                “ลูกสาว...เขาไม่ค่อยชอบที่นี่ ชอบแต่กรุงเทพ...ก็เลยไม่ค่อยได้ตามมา” ว่า

พลางจึงเหลียวมองรอบ ๆ ห้อง ก็เห็นว่าเพศชายวัยต่าง ๆ นอนอยู่ตามเตียงเรียง

กันเป็นแถว เฉพาะที่กั้นม่านมีเพียงพ่อของพงพีและใครอีกคนที่อยู่ถัดออกไปอีก

สามเตียง ครั้นแล้วจึงหันมาถามชายหนุ่ม “แล้วนี่อีกกี่วันถึงจะกลับบ้านได้”

                “ยังไม่ทราบเลยครับ ยังไมได้ถามคุณหมอ...แต่พ่อหายปวดแล้ว ผมก็

สบายใจแล้ว” พลางก็บอกน้องสาว “จีเฝ้าพ่ออีกคนหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอา

เรือที่บ้านท่าน”

                “ไม่ต้องเรียกท่านได้ไหม” ระเมียรพูดยิ้ม ๆ “จะได้ไม่ดูว่าฉันกับคุณไกล

กันมาก...ที่จริงฉันก็แบ่งชั้นวรรณะเหมือนกัน ไม่ใช่ไม่แบ่ง แต่ที่ชอบแบ่งมาก

หน่อยก็คือ แบ่งดีกับไม่ได้”

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024