เสื้อสีฝุ่น (กัญญ์ชลา)

เสื้อสีฝุ่น (กัญญ์ชลา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534103
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 410.00 บาท 102.50 บาท
ประหยัด: 307.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

อวลมีกางเกงสี่ตัว เป็นกางเกงยีนส์เก่าคร่ำคร่า ขาดแล้ว ปะอีก

เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีและซีเมนต์สำหรับสวมใส่ทำงานปูนหนึ่งตัว คู่กัน

กับเชิ้ตโปโลสีน้ำเงินตาหมากรุกแขนยาวซึ่งบัดนี้ตาแต่ละตาของมันค่อยๆ

เลือนไป กลืนกับสีซีเมนต์และทราย เนื้อผ้าก็สึกกร่อนเหลือเบาบางแทบว่า

เส้นด้ายจะขาดออกจากกัน แต่อวลก็ยังใช้ทุกวัน เช้าสวม เย็นซัก และ

หล่อนก็รักมันมาก

คืนนี้ อวลต้องรวบรวมเสื้อผ้าทุกชิ้นลงกระเป๋าพลาสติกใบใหญ่ ใน

กระเป๋านั้นมีมุ้งหมอนผ้าห่ม เสื้อผ้าทั้งของหล่อนและของพ่อ ช้อนกับกระ-

ติกน้ำเล็กๆ

บ้านของอวลถูกย่อลงมาอยู่ในกระเป๋าใบเดียวนี้เท่านั้น

พรุ่งนี้ พ่อกับอวลจะต้องย้ายเข้าไปทำงานก่อสร้างรายใหม่ของเสี่ย และ

กินอยู่หลับนอนในบ้านคนงานที่สร้างขึ้นชั่วคราวที่นั่นรวมกับคนงานอื่นๆ อีก

หลายคน

“ยังไงๆ ก็ดูๆ พ่อเอ็งให้ดีนะ อวล” แม่กระซิบบอกหล่อน

แม่หล่อนขายข้าวแกงอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร มีรถเข็นหนึ่งคันเข็นตระเวน

ไปพร้อมกับน้องสาวคนเล็กคืออ่อน ส่วนอ่องอยู่โยงเฝ้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้อยู่

เปล่าๆ หากรับจ้างสอยเสื้อผ้าซึ่งไปรับมาจากร้านตัดเสื้อใกล้ๆ นั้น

“หมู่นี้เขายิ่งหน้ามืดบ่อยๆ”

นายอิงหลับไปแล้ว กรนครื้นเครงอยู่ในห้องแคบๆ

บ้านหล่อนอยู่ริมคลองเล็กๆ ซึ่งผ่านหมู่บ้าน มีสะพานไม้ยาวเป็นทาง

เดินเลียบริมคลองไปไกลมาก ด้านในตามแนวสะพานไม้มีทั้งบ้านทั้งร้านขาย

ของสำหรับคนในหมู่ของหล่อนซื้อหาอาหารตามร้านเล็กๆ มีทั้งอาหารสดและ

แห้ง รวมทั้งร้านก๋วยเตี๋ยวและร้านกาแฟ

“อย่าให้ก๊งมากนัก”

“แม่ก็อย่าซื้อหวยมากนักแล้วกัน” อวลย้อนพลางหัวเราะๆ ขณะจัดของ

โดยเอามุ้งหมอนผ้าห่มไว้ล่างสุด เอาเสื้อผ้าหล่อนไว้กลาง ส่วนเสื้อผ้าพ่อซึ่ง

เป็นของผู้ชายและเป็นถึงพ่อไว้บนสุด เพราะแม่หล่อน ‘ถือ’

“เออน่า…อย่าห้ามนักเลยเอ็ง…แม่ก็ต้องหาความสุขมั่งซี นิดๆ หน่อยๆ

เหนื่อยแล้วนี่หว่า หนังละครก็ไม่ได้ดูกะใครเขา ฟังตะวิทยุ” แม่หล่อนพูด

นางเปลี่ยนนอนเหยียดยาวอยู่ตรงมุมห้องเพราะเมื่อยขบมาจากการ

ขายของทั้งวัน อ่อนอาบน้ำเสร็จแล้ว มาช่วยอ่องสอยเสื้อ

อวลรูดซิปกระเป๋าพลางผลักมันไปข้างประตู พรุ่งนี้เช้ามืด หล่อนกับ

พ่อก็จะขึ้นรถไปที่บริษัทของเสี่ย เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นนายจ้าง

ประจำ แล้วจากนั้นเสี่ยก็จะขนคนงานราวสิบห้าคนไปยังบ้านซึ่งเสี่ยรับเหมา

ไว้

ชีวิตคนงานก่อสร้างสนุกดี แม้ว่าจะทำงานกลางแดดแต่อวลก็ชิน

อาจจะเป็นเพราะหล่อนติดสอยห้อยตามพ่อไปตั้งแต่เริ่มรุ่นขึ้นมา จนบัดนี้

อายุยี่สิบก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าอวลแข็งแรง สูง แกร่ง กระเดียดไป

ทางเด็กชายและไม่ชอบทำงานบ้าน พอจบชั้นป.เจ็ด พ่อก็เลยเกณฑ์หล่อน

ไปเป็นลูกมือซึ่งแม่หล่อนก็พอใจ เพราะถึงอย่างไรก็ยังดีกว่าปล่อยพ่อไป

คนเดียว เนื่องจากเงินค่าแรงที่ถึงมือนายอิงนั้นมักร่อยหรอเกินกว่าเหตุเมื่อ

กลับบ้าน

หน้าตาคมคาย ผิวหล่อนดำแต่ละเอียด นัยน์ตาคมโต คิ้วดกยาว

จมูกหักไปนิดหนึ่ง แต่ก็รับกันดีกับหน้ากลมแป้น ผมหล่อนยาวหยักศก

ตามธรรมชาติ หล่อนรัดผมไว้ด้วยยางเส้นเล็กๆ แล้วมุ่นมันเป็นก้อน เหน็บ

กิ๊บไว้ตรงท้ายทอยเพื่อไม่ให้เกะกะเวลาทำงาน พอเอาผ้าคลุมหน้าและสวม

หมวกเข้าไปเวลาร่อนทรายหรือทำงานปูน เหลือไว้แต่นัยน์ตา หล่อนก็ละม้าย

ผู้หญิงอาหรับเหมือนกัน

“พ่อก็ต้องหาความสุขมั่งเหมือนกันแหละแม่ ทำงานหนักทั้งวันๆ จะ

ไม่ให้กินเหล้ามั่งได้ไง แต่ถึงกินงานเขาก็ไม่เสีย”

“เออ…เอ็งก็ดีตะตีบังกั้นพ่อนั่นแหละ” นางเปลี่ยนเอ็ดนิดหนึ่ง “รวม

ความก็คือกินเหล้ามั่ง ตีไก่มั่ง เล่นม้ามั่ง แทงไฮโลมั่ง…ไอ้นั่นนิดไอ้นี่หน่อย

ไม่เสียหายใช่ไหม”

“ก็เสียแหละแม่ แต่เขาไม่ได้เล่นอย่างติด แม่ก็ไม่เข้าใจ”

“ติดหรือไม่ติดก็ไม่น่าเล่น…เสียดายอัฐ…เงินทองหาคล่องที่ไหนล่ะ

สิบยี่สิบบาทสำหรับคนหยั่งเราก็มีฟามหมาย”

“พ่อก็รู้นี่แม่…ไม่ใช่ไม่รู้ แต่เขาก็พูดเหมือนๆ แม่เวลาแทงหวยน่ะแหละ

ว่า เขาต้องหาความสุขมั่ง..หยั่งว่าแหละ” อวลเหยียดขาออกไปแลเห็นนิ้ว-

เท้าดำ เล็บขาว ตัดกันดีเหลือเกิน รวมทั้งความหยาบกร้านแสดงถึงงาน

ตรากตรำ ย่ำเหยียบอยู่กับกรวดดินหินทราย “คนเรานี่หากันจริงๆ นะไอ้

ความสุข…รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง หนูก็ยังไม่รู้เลย”

อวลไม่รู้จริงๆ ว่าความสุขเป็นอย่างไร…เพราะเมื่อหล่อนจำความได้

หล่อนก็พบพ่อแม่ช่วยกันทำมาหากินตัวเป็นเกลียวอยู่ก่อนแล้ว ชั่วโมง

พักผ่อนก็คือชั่วโมงแห่งการเอนตัวลงแล้วหลับไม่รู้เรื่องไปเลย ไม่รับรู้ว่าใคร

จะทุกข์หรือสุขอย่างไร

โตขึ้นอีกนิด หล่อนก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะทั้งพ่อทั้งแม่เห็นพ้อง

ต้องกันว่า “เรียนแค่ป.เจ็ดก็พอแล้ว ช่วยพ่อแม่หากินดีกว่า เรามันไม่มีทุน

จะเรียนกะใครเขา”

อวลจึงตามแม่ไปขายข้าวแกงตั้งแต่ตัวนิดๆ ช่วยล้างจานชาม ยก

อาหารเข้าไปเสิร์ฟตามบ้าน พอเสร็จจากบ้านนี้แล้ว ก็ช่วยแม่เข็นรถไป

ขายยังบ้านถัดๆ ไปกลางตะวันเที่ยงร้อนระอุไปทั้งเนื้อทั้งตัว เวียนทั่วหมู่บ้าน

จัดสรรใหญ่แห่งนั้น

โตอีกหน่อย พ่อจึงพาอวลไปทำงานก่อสร้าง ซึ่งพ่อเขยิบจากช่างปูน

ธรรมดาเป็นหัวหน้าช่าง แล้วให้อ่อนช่วยแม่แทนหล่อน…อวลต้องผละจาก

กลิ่นอาหารไปสู่กลิ่นซีเมนต์ ชินตากับกรวดทรายแทนขนมจีนน้ำยา ข้าว

ราดแกงไก่

แรกทีเดียว เสี่ยให้ค่าแรงหล่อนวันละสิบบาท แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นตาม

ลำดับจนถึงเดือนที่แล้วหล่อนได้รับค่าแรงสี่สิบบาทเช่นเดียวกับ ‘จับกัง’ คน

อื่นๆ ในขบวนคนงานของเสี่ย

“ไม่ต้องรู้หรอก…” แม่หล่อนงึมงำด้วยชักจะง่วง “แม่แก่จนป่านนี้ยัง

ไม่เคยลิ้มรสไอ้ฟามสุขนั่นซักที ก็เอาแค่ที่ว่ามีบ้านอยู่ มีข้าวกิน มีเงินใช้นิดๆ

หน่อยๆ แล้วเรามีอาชีพกันทุกคนๆ เท่านั้น คือหมายถึงว่า ไม่ได้งอมืองอตีน”

แม่ของอวลอายุสามสิบแปด แต่ก็ดูแก่เหมือนสี่สิบแปดหรือกว่านั้น

ร่างสันทัด ผิวคล้ำและก็แข็งแรง พ่ออายุสี่สิบ ดูหนุ่มกว่าแม่นิดหนึ่ง แต่

ผมก็เริ่มขาวแล้ว นายอิงเริ่มอาชีพด้วยการเป็นช่าง…จากช่างไม้มาเป็นช่างปูน

จากค่าแรงวันละไม่ถึงร้อยบาท เดี๋ยวนี้นายอิงได้ค่าแรงวันละสองร้อยบาท

ก็เนื่องด้วย ‘ฝีมือ’ ของเขานั่นเอง

อวลภูมิใจในพ่อและแม่ของหล่อนก็ตรงที่คนทั้งสองเป็นผู้มีฝีมือ

แม่หล่อนมีฝีมือในการทำอาหาร ปรนเปรอปากท้องของคนทั้งหมู่บ้าน

ขนมจีนน้ำยาแม่เปลี่ยนนั้นจะหมดหม้อตั้งแต่บ่ายโมง ราวสามโมงเศษ แม่

เปลี่ยนจะเข็นรถซึ่งมีหม้อเปล่าๆ กลับที่พักทุกวัน ไม่ต้องเร่ขายถึงเย็นย่ำให้

รำคาญใจ

ดังนั้น อวลจึงได้รับการสั่งสอนจากทั้งพ่อทั้งแม่ว่า

“ทำอะไรก็ตามนะลูกนะ ต้องทำให้ดีที่สุดแล้วมันก็ดีเอง ใครๆ ทั้งโลก

นี้เขาหาแต่คนมีฝีมือ งานอะไรทั้งนั้นถ้าเราสักแต่ทำให้พ้นๆ ไปก็ไม่มีวันเอาดี

ได้”

อ่องจึงเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งร้านตัดเสื้อจะต้องจ้างหล่อนสอยเสื้อกระโปรง

เป็นนิจ เพราะอ่องละเอียดลออมากในการสอยเสื้อผ้า

รุ่งขึ้น อวลตื่นตั้งแต่ตีสี่พร้อมแม่ แม่ออกไปตลาดจ่ายของมาทำ

อาหารขาย ดังนั้นอวลจึงบอกมารดาว่า

“หนูไปก่อนนะแม่นะ วันอาทิตย์คงได้กลับ”

“เออ…ไปเถอะลูก…ตั้งอกตั้งใจทำงานนะ เงินทองได้มาก็เก็บๆ ไว้ เดี๋ยว

นี้เงินหายาก เอาไปใส่ออมสินซะ ตอนนี้ได้เท่าไหร่แล้วล่ะ”

“สองพันจ้ะแม่”

นางเปลี่ยนพยักพเยิด

“ดีแล้ว หมั่นเก็บหมั่นออม วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก เราคนจนนะ

ลูกนะ ถ้าหาได้เท่าไหร่ใช้หมด มันก็ยิ่งจนหนักไปใหญ่”

แม่หล่อนจะต้องพูดอย่างนี้หรือคล้ายๆ อย่างนี้ทุกครั้งที่หล่อนออกจาก

บ้านไปค้างที่ ‘งาน’ และแม่จะพูดดังๆ เพื่อสอนพ่อหล่อนไปด้วยพร้อมกัน

นายอิงกับอวลกินข้าวเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไปหน้าซอย ต่อรถเมล์

ไปลงที่บริษัทเสี่ย

ราวแปดนาtิกา เสี่ยก็พาคนงานขึ้นรถบรรทุกเล็กมุ่งไปสู่บริเวณงาน

แห่งใหม่

ก่อนขึ้นรถ อวลเลี่ยงไปห้องน้ำ ผลัดเสื้อกางเกงชุดดีออก เอาเสื้อ

กางเกงชุดทำงานคือยีนส์ตัวเก่าและเสื้อโปโลตาหมากรุกสีน้ำเงินสวมแทน

แล้วเอาหมวกคู่ชีพครอบหัว…นั่งเรียงหน้าสลอนไปกับกลุ่มคนงาน

“ลุง ยังไม่สร่างเรอะ” เป็นเสียงกระเซ้าถามลุงพานช่างปูนมือรองนาย

อิงซึ่งกินเหล้าจัดกว่า

“เมื่อคืนยุงกัดแทบตายห่า” ลุงพานจุดบุหรี่ใบจากสูบ กลิ่นของมันหอม

แปลกๆ

“สงสัยเมียจะถีบออกมาละซีลุง” นางม่อมว่า

“ก็คล้ายๆ ยังงั้นแหละ” ฝ่ายลุงหัวเราะหึหึอย่างอารมณ์ดี

“ทำไมไม่ดูลายมือตัวเองซะก่อนก็ไม่รู้ อุตส่าห์เป็นหมอดูทั้งที” นาง

เวียนหรือที่อวลเรียกน้าเวียนสัพยอก

“มัวแต่ดูมือเมียซะละมัง” สาวที่ชื่อเก็บกระเซ้า

“เรื่องอะไรจะดูมือ” นางชุบหัวร่อ

“พูดดีๆ นะโว้ย เด็กเล็กมี” นายอิงว่า

“นี่แหละ จะไม่มันก็ตรงนี้แหละวะ อวล เอ็งไม่น่าหลงเข้ามาเล้ย

อ้าปากอะไรไม่ได้ น้าอิงเป็นเล่นงานเชียว” นางม่อมค้อนควัก

คนงานหญิงมีแปดคนรวมทั้งอวล คนงานชายมีเจ็ดคน หญิงชายทั้ง

หมดนี้มีตั้งแต่อายุห้าสิบคือลุงพาน จนกระทั่งถึงจอง หนุ่มน้อยวัยยี่สิบสาม

ส่วนคนงานหญิงอาวุโสที่สุดนั้นนามว่าน้าเวียน และอ่อนสุดก็คืออวล

เสี่ยนั่งอยู่หน้ารถคู่กับคนขับ

อวลฟังเพื่อนคนงานกระเซ้าเย้าแหย่กัน พลางมองดูตึกสูงเกินสิบชั้น

ที่รถกำลังผ่าน

เป็นตึกที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ตอนนั้นยังเช้ามาก คอนกรีตเป็นชั้นๆ

ยืนโดดอยู่ท่ามกลางแสงแดด คนงานยังไม่ได้เริ่มงานประจำวัน…อวลมองดู

แล้วก็แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า คอนกรีตแท่งสูง มีคนจำนวนมากขึ้นไปอาศัย

ทำที่พัก บริษัทและสำนักงานเหล่านี้เกิดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกหล่อน

โดยแท้ ไม่ว่ามันจะสูงเพียงไหน เป็นสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นล่าของโลกปานใด พวก

หล่อนก็ขึ้นไปได้ ไปทำให้มันตระหง่านเงื้อม ขึ้นแล้วก็ลงมา เปลี่ยนให้คน

อีกระดับหนึ่งขึ้นไปอยู่เพื่อจะให้เขาหลงลืมไปว่า เขาเองต่างหากที่มีเงินแล้ว

ก็สร้างมัน

จะมีคนรำลึกถึงแรงงานของพวกหล่อนบ้างไหมหนอ…แรงที่ก่ออิฐ

ขนทราย หล่อคาน ฉาบปูน และอื่นๆ จิปาถะ อวลนึกถึงมดที่ขนไข่หนีน้ำ

แลเห็นขาวสลับดำเป็นขบวนยาวเหยียด แล้วพริบตาเดียว มันก็สร้างที่อยู่

ใหม่ของมันได้ คนงานก่อสร้างอย่างพวกหล่อนก็เหมือนมดขนไข่หนีน้ำ

นั่นแหละ แต่ละแรงมีความหมาย ประมาทไม่ได้เลย…ทำดีทำชั่วก็รู้กันที่

ความแข็งแรงยืนนานของสิ่งก่อสร้างนั้นเอง เวลาพ่อเอา ‘สามเหลี่ยม’ ปาด

หน้าปูน ความประณีตที่แลเห็นนั้น มันก็ทำให้อวลค่อยๆ รู้ทีละเล็กทีละน้อย

ว่า อย่างไหนเรียกว่าประณีต อย่างไหนที่เรียกว่าสุกเอาเผากิน มันเลวมัน

งาม ผิดกันมาก

รถกระชากเล็กน้อยขณะกำลังเลี้ยวเข้าซอยคอนกรีตแห่งหนึ่ง ครู่ต่อ

มาก็จอดอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กซึ่งแลเข้าไปเห็นแนวตึกสีขาว และลึกอีกนิด

คือที่ว่างที่อวลและพรรคพวกจะต้องมาปักหลักทำงานก่อสร้าง

 

 

ปั้นจั่นเริ่มทำงานตอกเสาเข็มต้นแรกเมื่อเก้านาฬิกาเศษ ตามฤกษ์

ของเจ้าบ้านซึ่งเรียกตามภาษาโหรว่า ลงเสาเอก ต่อจากนั้นก็ตอกเรื่อยไป

ปั้นจั่นนี่ไม่ใช่ของเสี่ย หากแต่เสี่ยต้องไปเหมามาอีกทอดหนึ่ง มีคนงาน

คู่เคียงมากับปั้นจั่นด้วยห้าหกคน

อวลแลเห็นเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงฝ่ายชาย บุตราและบุตรีทุกคนในเช้า

วันนี้

นอกจากเจ้าของบ้าน ก็ยังมีสาวใช้สองคน คนสวนหนุ่มหนึ่งคน และ

คนขับรถอีกหนึ่งคน

วันนี้ทั้งวัน คนงานที่เป็นของเสี่ยมีหน้าที่สร้างโรงพักอาศัยชั่วคราวซึ่ง

ปูพื้นด้วยไม้แบบ แล้วกรุล้อมด้วยสังกะสีใช้แล้ว

“แหม…วันนี้คนเต็มบ้านไปหมดเลยนะ” เสียงใสดังขึ้นจากกลุ่มเจ้าของ

สถานที่ อวลกำลังส่งไม้ให้น้าม่อม ตาก็แลดูเรือนร่างสูงบางในกระโปรงติดกัน

สีครีมประด้วยดอกสีฟ้าอ่อน พวงผมหล่อนหยิกไปทั้งศีรษะ ตรงหน้าผาก

เสยขึ้นไปเป็นกระบังฟูๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียด

“เอ้า…เฮ้ย…ดูอะไรจนตาค้างยังงั้นวะ อวล” น้าม่อมเอ็ดหัวเราะๆ

“ดูลูกสาวเจ้าของบ้าน”

“เอ็งว่าสวยเรอะ” น้าม่อมลดเสียงลง ทำหน้าบู้บี้ “เหมือนละครลิง”

“น้าก็ไม่เห็นเคยว่าใครสวยซักกะที” อวลติง

“ถึงว่าเถอะ” นางสาวเก็บแซงขึ้น หล่อนกำลังขนสังกะสีไปวางเตรียม

ไว้ให้หนุ่มจอง และแล้วเมื่อเหลือบแลไปเห็นคนงานหญิงอีกคนหนึ่งถือไม้

แบบค้างอยู่เช่นนั้น ก็ร้องเรียก “เอ้า! พี่ชุบ แมงวันบินเข้าปากแล้วละ”

นายอัดกำลังขุดหลุมที่สามเพื่อลงเสา หันมาหัวเราะฟันขาวตัดกับผิว

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024