รมดี (ก.ศยามานนท์)

รมดี (ก.ศยามานนท์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533984
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 165.00 บาท 41.25 บาท
ประหยัด: 123.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ยามนั้นอาทิตย์กำลังจะอำลาโลก เพลงบทสุดท้ายขององนกน้อยใกล้

จะสิ้นสุดลงแล้ว จันทร์เจ้าโผล่แสงซีดสลดขึ้นเหนือหุบเขา ซิลเวอร์คลาวด์

โดดเดี่ยวมาตามถนนสายสีแดงคร่ำ ซึ่งได้ตัดแยกจากถนนสายศรี-

ราชา-สัตหีบลงสู่ริมฝั่งทะเล ในท่ามกลาวทุ่งนาป่าเขาอันธรรมชาติที่

ชินชาต่อความรู้สึกของนางม้าสาวแสนรู้นั้น มันก็ได้ถูกสะกดบังคับโดย

ผู้เป็นนายอีกวาระหนึ่ง ซิลเวอร์คลาวด์ค่อยย่างเหยาะอย่างอารมณ์เย็น

รอให้นายที่รักได้ชื่นชมต่อสนธยาอันอาบแสงสลัว ภาพนิมิตต่าง ๆที่กำลัง

จะเลือนหายไปจากขอบฟ้าโน้นเล่า ช่างงามอย่างน่าพึงพิศ กลุ่มเมฆ

เล็ก ๆ สีทองระบายทาบอยู่ ณ แผ่นฟ้าสีครามอ่อน คูประหนึ่งว่านั้นคือ

อาสนะทองคำล้นสุกสกาวสถิตอยู่ ณ พรหมสวรรค์ที่ปูรองลาดไว้  ขณะนี้เอง

นายของซิลเวอร์คลาวด์คงจะเฝ้าสดับฟังเสียงครวญครางของลมที่เริ่มพัด

จัด ความสงบเงียบโดยรอบจะช่วยให้ตกอยู่ในอำนาจของความรู้สึกที่

เลื่อนลอยครุ่นคำนึง

ในไม่ช้านั้นเอง นางม้าสาวก็ถูกกระตุ้นเตือนให้วิ่งห้อต่อไป บัดนี้นาย

สาวของมันทรงตัวอยู่ทีทาสง่างาม ในชุดเสื้อและกางเกงยีนส์สีนี้เงินหม่น

เอวที่คาดกระชับไว้ด้วยเข็มขัดปืน ผมที่ตัดจนสั้นเต่อและยุ่งเหยิงปัดไปมา

นั้น ดูราวกับหล่อนคือเด็กหนุ่มน้อยผู้น่ารักมากกว่าสตรีสาวผู้ทรงโฉมเลิศ

ท่วงทีของหล่อนเล่าแสดงชัดว่าเจนจัดต่อภูมิประเทศถิ่นนี้นอย่างยิ่ง หล่อน

ชักม้าเข้าสู่บริเวณละเมาะป่า ณ ทางสามแพร่งเบื้องหน้า ปรากฏภาพที่ทำให้

หล่อนต้องขยับมือแตะด้ามปีน แต่เพียงขยับเท่านั้นเอง หล่อนกลับแน่ใจว่า

บุคคลผู้เปิดประตูรถออกมาโบกมือให้หล่อนด้วยห่าทางสุภาพนั้นหาไต้อยู่ใน

ลักษณะที่หล่อนจะต้องระแวดระวังตัวไม'

“ช่วยบอกทางไปชลธิชาทีเถิดครับ! ผมไม่ทราบว่าจะแยกไปซอยไหน?”

                ชายผู้ร้องถามยืนอยู่ข้างรถอิตาเลียนคันงาม เขาเป็นชายร่างใหญ่ดูสูง

สง่ามาก จากแสงขมุกขมัวยังปรากฎเห็นว่า เขาอยู่ในชุดเดินทางโอ่อ่า จัดอยู่

ในจำพวกบุคคลขั้น ‘ภูมิฐาน’

คำถามของเขามิได้ก่อให้เกิดความประหลาดใจ ชลธิชาย่อมมีการติดต่อ

ค้าขายอยู่กับบุคคลโดยทั่วไป หล่อนชักม้าที่วิ่งเลยไปคนกลับมา แล้ว

ร้องตอบว่าทางทั่งสองซอยนั้นไปยังชลธิชา ทางลัดคือทางขวาเป็นทางที่เลว

กว่าทางซ้ายซึ่งเป็นทางที่ไกลแต่สะดวก

“ผมจะไปทางซ้าย ขอบคุณมาก” เขาก้มศีรษะให้หล่อน ต่ำจนเกือบ

จะเรียกว่าโค้งคำนับและคงจะได้เก็บความประหลาดใจไว้หาน้อยไม่ในการที่

ปรากฎร่างหญิงสาวสวย ขี่ม้าวิ่งมาในเวลาโพล้เพล้ ณ ถนนอันเปล่าเปลี่ยว

อ้างว้างเช่นนั้น

เมื่อซิลเวอร์คลาวด์ใกล้จะเข้าสู่อาณาเขตชลธิชา มันวิ่งอย่างร่าเริงราว

จะถลาโลดไปให้ถึงกลิ่นอายบรรยากาศที่หันแสนรัก ชลธิชาเด่นอยู่ข้างหน้า

ตึกสีขาวหม่นแฝงอยู่เงียบ ๆ ณ หมู่ไม้อันเป็นฉากธรรมชาติอย่างแห้จริง เบื้อง

หลังคือชะง่อนเขา ซึ่งได้ก่อกำเนิดธารน้ำสายเล็กๆ ฝานลัดเลาะเข้ามากั้นบริเวณ

นี้ออกเป็นสองตอน สายน้ำนั้นใสสะอาดล้นเปี่ยม และเย็นเฉียบเป็นที่ชื่นใจ

แก่ซิลเวอร์คลาวด์ยิ่งนัก นายสาวของมันก็ได้เคยถือเป็นที่สุขารมณ์ของ

หล่อนเช่นคัน ในยามที่นางม้าเพลิดเพลินอยู่คับหญ้าอ่อนริมลำธาร หญิง

ผู้เป็นนายมักจะทอดกายนอนเล่นอยู่แถวนั้น หล่อนมักจะเฝ้าฟังสนโบก

สะบัด เสียงนกกาที่เร็งร้อง หล่อนจะเฝ้าแต่เพ่งพิศดูห้องฟ้าอันมีเมฆลอย

ฟ้อง ดุจเดียวกับฝูงห่านของหล่อนที่ชอบปล่อยตัวให้ลอยล่องไปตามกระแส

น้ำในธารนั้น สรรพสิ่งโดยรอบของชลธิชาคือความสงบและสวยงามยิ่ง ไม่มี

สิ่งใดจะมาทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง มันควรจะคงอยู่ดังสภาพเติม-ควรจะเป็น

เช่นนี้-ตราบชั่วชีวิตขัย!

ซิลเวอร์คลาวด์ถูกเตือนให้รู้ตัวว่า ในไม'ช้าจะต้องทำหน้าที่เพื่อความ

สนุกคะนองของนายที่รักอีก แม้ว่าบางครั้งมันจะไม่สนุกด้วยเลย แต่นางม้า

แสนรู้จะปฏิบัติไปตามหน้าที่อยู่เนืองนิตย์ นั่นคือการกระโดดข้ามรั้ว ซึ่งเป็น

ที่โปรดปรานของ ผู้เป็นนาย ข้ามรั้วไม้ขาวเตี๊ย ๆ ที่กั้นอาณาเขตด้านหน้าชลธิชา

ไว้จากฝั่งทะเล และวันนี้ซิลเวอร์คลาวด์ก็ได้ทำหน้าที่ด้งเช่นเคย ทั้งม้าและคน

ลอยชั้นไปบนอากาศด้วยท่วงทีอันน่าชมนัก เสียงหัวเราะอย่างพอใจดังกลบ

เสียงที่ร้องอย่างขุ่นเคืองจากริมสนาม ในความขมุกขมัวปรากฏร่างหญิงกลาง­-

คนผู้หนึ่ง นั่นคือแจ่มใจหญิงแม่บ้านผู้จี้ขี้บ่น เมื่อคนเลี้ยงม้ามารับเอาซิล-

เวอร์คราวด์ไปแล้ว นายของมันก็เข้าโอบร่างหญิงแม่บ้าน หรืออีกนัยหนึ่ง

พี่เลี้ยงดั้งเดิมของหล่อน ก้าวขึ้นสู่ตึกอย่างร่าเพ

“คุณรมดี! นี่เธอจะไม่คิดเชื่อฟ้งคุณแม่บ้างเลยหรือคะ?”

แจ่มใจยังคงส่งเสียงเอ็ดอึง เมื่อทั้งสองเดินผ่านห้องโถงและกำลังขึ้น

บันไดไปชั้นบน   

“คุณหญิงออกมาพบเข้าก็จะเกิดเรื่องใหญ่ ท่านไม่เคยคาดกั้นเอากับเธอ

ไว้หรือคะ เรื่องขี่ม้าข้ามรั้วน่ะ?”

“จุ๊! จุ๊! แจ่มศรีละก็ คุณแม่ออกมา เห็นหรือเปล่าเล่า? ทำเอะอะ

เอ็ดตะโรไปได้ ฉันรู้นี่นาว่าคุณแม่มีแขก เจ้ารถอันหรูนั่นน่ะพบฉันที่ทาง

สามแพร่ง ร้องถามหาทางมาบ้านชลธิชา รถยนต์ต้องมาถึงก่อนม้าวันยังคํ่า

แล้วทำไมซิลเวอร์คลาวด์ถึงจะข้ามรั้วไม่ไต้ล่ะจ๊ะ? นอกจากแม่เจ้าประคุณจะ

ทำเสียงดังอย่างนี้”

“แหม? ฟังพูดเข้าแน่ะร้องถาม นี่คุณรมดี เธออย่ามาทำตลก

เก๋ไก๋อับแจ่มเลย แล้วอย่ามาเรียกแจ่มศรีอีกนะคะ เธอน่ะออกจะร้ายกาจใหญ่

แล้ว ดิฉันจะต้องเรียนให้คุณแม่ได้ ขอให้ว่างแขกเสียก่อนเถิด”

แล้วแขกจะว่างให้ไหร่ล่ะจ๊ะ แม่แจ่มใจคนช่างฟ้อง? ฉันออกจะรำคาญ

ใจเต็มทน รู้หรือไอ้รถโรเมโอโก้เก๋คันนี้น่ะจะกลับเมื่อไร? ทำไมเถิดมาคํ่าๆ

มืด ๆ พอดีเวลากนข้าวเสียด้วย ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว”

“ใครจะไปทราบล่ะคะ คุณหญิงสั่งจัดห้องมุขข้างล่างแล้ว คงจะมาพักสัก

เดือนละกระมัง”

“ฮ้า!” หล่อนอุทานเสียงดังอย่างไม่พอใจ “บ้านของเราไม่ใช่สถานที่พัก

ตากอากาศนึ่จ๊ะ แจ่มรู้ไหมเป็นใครที่ไหนอัน?”

                “เป็นใครก็ไม่ทราบ” แจ่มใจตอบอย่างอารมณ์ไม่ดี ขณะนี้ทั้งสองเข้ามา

อยู่ภายในห้องนอนเล็ก ๆ อันสวยงาม ห้องนั้นทาสีกุหลาบอ่อน จากม่านไหม

ที่ประตูหน้าต่าง พรมหน้าเตียงตลอดจนเครื่องตกแต่งอื่นๆ ล้วนเป็นสีกุหลาบ

ทั้งสิ้น หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของห้องยืนสะบัดผมอยู่ที่กระจกใหญ่ พี่เลี้ยงของ

หล่อนสาละวนที่จะเปลี่ยนชุดท่องเที่ยวนั้นออก ปากช่างบ่นของหล่อนยังรักษา

หน้าที่ และคราวนี้หล่อนพูดถึงการล่าช้า

“ความผิดวันนี้มีหลายกระทงนัก” รมดีอ้าแขนออกเหยียดเมื่อแจ่มใจ

ปลดเอาเข็มขัดปีนออกจากเอวและนำไปแขวนไว้ที่ผนังห้อง ว่าแต่ว่าลงไป

กินข้าวก่อนอาบน้ำไม่ได้หรือแจ่มจ๋า?”            ^

“แหม! คุณรมดีคะ คุณจะกลับไปเป็นเด็กสี่ขวบอีกหรือยังไง?”

แจ่มโยนเสื้อผ้าลงตะกร้าอย่างหัวเสีย “ดิฉันอยากจะตีเธอสักสิบที! ถ้า

ยังเล็กๆอยู่ คอยตูนะจะหยิกให้ขาเขียวทีเดียว สนุก ๆ วันยังค่ำแล้วกลับมา

ก็ไม่ท่าตัวให้เป็นระเบียบเรียบร้อย คุณคิดว่าสุภาพสตรีจะลงไปรับประทาน

อาหารด้วยผมยุ่งๆ หน้ามองแมมไปด้วยฝุ่น แล้วก็มือไม้เลอะเทอะอย่างนี้น่ะ

หรือคะ? คุณแม่จะได้เลิกพูดดิฉันเป็นเดือน ๆไปปะไร’’

“อ้อ! สุภาพสตรีจะต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้ซีนะจ๊ะ โธ่เอ่ย เกิดมาเป็น

สุภาพสตรีนี่มันซ่างลำบากแสนเข็ญละ สู้แต่แม่ซิลเวอร์คลาวด์ของเราก็ไม่ได้

หล่อนไม่เห็นจะต้องยุ่งยากเวลาระทานหญ้าของหล่อนสักนิด อ้าว! แล้ว

อีตาคนนั้นน่ะแกก็จะมาโจ้ข้าวกับเราด้วยซีนะแจ่ม?”

ตายจริง ! โจ้ ค่ะ ๆ เชิญเข้าห้องน้ำเพื่อดิฉันจะได้พักสมองสักครู่

คุณเหลือทนแล้ว

ครั้นแล้วแจ่มใจผู้เจ้าระเบียบก็คว้าเสื้อขนหนู'ออกมาคลุม'ทับชุดชั้นใน

ของหล่อนแล้วรุนหลังให้เข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่อัดไปจากห้องนอนนั้น

อนิจจา คุณรมดี! เธอช่างยังเป็นเด็กนี่กระไร แจ่มใจคำนึง

เมื่อได้ยินเสียงนี้พู่ซ่า เสียงท่านองเพลงหวานๆบอกถึงความรักและ

ความสุข แจ่มใจก็เริ่มคิดเตรียมจัดเสื้อผ้าชุดที่จะลงไปร่วมรับประทานอาหาร

อับแขกแปลกหน้า แขกแปลกหน้าที่เข้าทีเสียด้วย! อาคันตุกะผู้นี้ได้รับการ

ต้อนรับขับสู้อย่างดียิ่งจากคุณหญิง ท่านสั่งเปิดเบียร์ สั่งของว่างออกไปเลี้ยง

ท่าทางของเขาก็จัดว่าเป็นผู้ดีมีตระกูล ยังดูหนุ่มแน่นสวยสง่า คุณหนูจะต้อง

สวยให้มากๆสำหรับวาระแรกที่ออกไปต้อนรับพบปะ ชุดสีขาวพันเอวด้วย

กำมะหยี่สีฟ้าอ่อนเป็นชุดเรียบ ๆ เย็นตาและเธอก็โปรดปราน ชุดนี้คุณหญิง

วิภาวรีส่งมาเมื่อเดือนที่แล้ว จัดเป็นแฟชั่นใหม่เอี่ยมได้เหมือนกัน มันช่าง

งามน่ารักสมกับวัยแรกรุ่นของเธอนัก แจ่มรูดม่านหยิบเสื้อชุดนั้นออกมา

หล่อนพาดแขนและชูไปข่างหน้า เอียงคอพินิจดูอย่างพอใจ อารมณ์ฉุนเฉียว

ค่อยสงบลง โธ่เอ๋ย! คุณหนูเล็กๆของแจ่ม เธอช่างเล่นช่างสนุกไปวันๆ

ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักชีวิต ก็เธอไม่เคยนี่นะกับความทุกข์ยากลำบากใจ บ้าน-

เมืองนี้หรือก็แสนจะเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง เธอจึงต้องออกไปขี่ม้าหาความเพลิด

เพลินบ้าง แต่ทำไมหนอ-แจ่มยกมือปิดหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ ทำไม

คุณหนูจะต้องขี่ม้าข้ามรั้ว แจ่มไม่คิดว่าคุณหนูจะต้องตกม้าหัวทิ่มลงมาดอก

แจ่มไม่กล้าคิดแช่งคุณอย่างนั้น แต่แจ่มกลัว! ไม่สบายใจ! โธ่ เธอไม่ควร

เป็นเด็กแค่นแก้วโลดโจนทะยานราวกับเด็กผู้ชายเลย ทั้ง ๆ ที่มือของแจ่ม

แท้ๆ ทีเดียวที่โอบอุ้มดูแลเลี้ยงเธอมา !

รมดีอาบน้ำหลอนออกมา ผมก็เปียกปอน ผมที่ตัด

สั้นแบบฝรั่งเศสแนบศีรษะดูหล่อนราวกับเด็กชายหน้าอ่อนสักคน แจ่มถอนใจ

เมื่อนึกเสียดายผมอันเคยสลวยราวเป็นเงางาม รมดีชอบผมสั้นเมื่อสมัยนิยม

ได้เวียนมาถึง หล่อนเดินทางไปดัดที่กรุงเทพฯทันที และเป็นที่ถูกอกถูกใจ

ตนเองนักหนา แม้ว่าแจ่มจะแอบค้อนและคุณหญิงจะบ่นสักกระมุง เพราะ

ท่านเสียดายโบสวย ๆ เป็นจำนวนมากมายที่ท่านเสาะหามาเพื่อผูกผมให้ลูกรัก

รมดีของท่าน

แม่พี่เลี้ยงอดหัวเราะไม่ไต้แม้ว่าจะดีหน้าขรึมเคร่งเครียด เมื่อรมดีท่าหน้า

ล้อหล่อนที่กระจก รมดีท่าหน้าไต้เหมือนแจ่มใจจริงๆเสียด้วย หล่อนแกล้ง

ทำปากแบะ ขมวดคิ้ว ตา'ขุ่นจนดูน่า'ข้นมาก แต่เมื่อมัวหัวเราะอยู่กับคุณหนู

ก็พอดีนาฬิกาข้างล่างตีบอกเวลาสองทุ่มตรง แจ่มใจจึงรีบเร่งให้แต่งตัวด้วยถึง

เวลาอาหารแล้ว

                รมดีย่างเข้ามาในห้องสีเขียวอ่อนอันงามเย็นตานั้นก็เมื่อมารดาของ

หล่อนและอาคันตุกะรอคอยอยู่แล้ว หล่อนชะงักและรู้สึกว่าหน้าคงจะแดงเข้ม

ขึ้นด้วยการประสานตาคับชายผู้แปลกนั้น เขาช่างมีดวงตาอันเป็นเสน่ห์คม

กล้า รูปตาของเขานั้นสวย ใหญ่ด้วย ตะเกียงอแลดดินที่ส่องแสงจ้าบนโต๊ะ-

อาหารและที่ไซด์บอร์ด รมดีได้เห็นรูปโฉมโนมพรรณของเขาอย่างชัดเจน

หล่อนอดที่จะนึกชมชายที่มีลักษณะงามเช่นนั้นไม่ได้ อา! ดวงหน้านั้นช่าง

ได้ส่วนทีเดียว แม้ว่าผมและตาจะมีสีอ่อน แต่เขาก็มีความเป็นชายอย่างสง่า

งามในห่วงทีและท่าอันแข็งแกร่ง เขาลุกขึ้นยืนรับไหว้ เเละได้รับคำ

แนะ'น่าจากมารดา1ของหล่อน,ในทันทีนั้นเอง

“คุณสาวิตร ศุภกานต์ ยังไงล่ะลูก นี่รมดี อธิคม  ลูกสาวคนเดียวของ

ฉันค่ะ”

คุณหญิงขจิต อธิคมบดี กล่าวอย่างชื่นชม ท่านพอใจที่จะให้หนุ่มสาว

ได้รู้จักและสนทนาปราศรัยคัน ท่านกล่าวถึวสาวิตรว่า เป็นบุตรชายคนเดียว

ของสหายรักของท่าน และผู้จัดการผลประโยชน์ของเขาคือคุณพระบริพนธ์ส่ง

เขามาเพื่อซื้อป่าสน

“เอ๊ะ! คุณแม่จะขายป่าสนหรือค่ะ ?’’ รมดีกล่าวอย่างประหลาดใจ

ขณะนั้นหล่อนได้เข้านั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เด็กรับใช้คำลังเสิร์ฟข้าว และ

สาวิตรผู้อยู่ตรงคันข้ามจากเหยือกลงสู่แก้วของหล่อน รมดีหันมา

ยิ้มขอบคุณเขา และรีบกลับไปตั้งปัญหาถามมารดาของหล่อนต่อไป

คุณแม่ยังพูดกับลูกว่า เราจะเก็บป่าสนไว้สำหรับทำบังกะโลให้เช่าไง

ล่ะคะ? แล้วลูกก็ชอบป่าสนมาก”

“แม่เสียใจจริงลูกกรมดี” คุณหญิงหันมาปลอบลูกรักของท่านอย่างอ่อน-

โยน ในวัยกลางคนใกล้ชราภาพนั้น คุณหญิงขจิตยังดูสดใสและอ่อนกว่าวัย

มาก ท่าทีของท่านสุภาพ อ่อนหวาน เยือกเย็น การที่ครองตนด้วยเป็น

ม่ายไร้สามีแต่ยังสาว ท่าให้ท่านมีลักษณะเข้มแข็งภาคภูมิอยู่ไม่น้อยด้วย

“แม่จำเป็นต้องขายป่าสนจ้ะลูกรัก ลูกก็ทราบว่าการค้าตกตํ่ามาก แม่

ต้องตัดใจขายป่าสนไป แล้วคนซื้อก็คือคุณสาวิตร อย่างนี้ลูกจะได้เพื่อนบ้าน

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024