สนิมสังคม (เพ็ญแข วงศ์สง่า)

สนิมสังคม (เพ็ญแข วงศ์สง่า)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742534240
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 340.00 บาท 85.00 บาท
ประหยัด: 255.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 
   

ดวงตาสีดำสุกใสคู่นั้นกะพริบถี่ ๆ สายตาแลตรงไปข้างหน้า ขณะที่ ขาทั้งสองทอดช้าๆไปสู่สิ่งที่ตนมอง เวลานั้นจวนพลบ ท้องพำระบายด้วย รังสีแสดส้มอมแดงสลัว บางตอนสุกสว่างเหมือนสีหรดาลทอง บางตอน หม่นมัวด้วยกลุ่มเมฆสีเทาคลํ้า ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปบดบังแสงทินกร เถิด เป็นรัศมีพวยพุ่งเป็นลำออกมาจากกลุ่มเมฆ ครู่หนึ่งสีหรดาลเปลี่ยนเป็น

สีบุษราคัมเข้ม โกเมนสุกปลั่ง และค่อยๆเป็นสีบุกดา...สำแลงสุดท้าย

ของดวงอาทิตย์ทอจับเหนือหลังคาสีแดงของคฤหาสน์หลังหนึ่ง แสดเป็น ประกายระยิบ ตึกหลังนั้นสีขาว ตั้งอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวขจีงามเรียบ เหมือนพรมเปอร์เซีย โดดเด่นเหนือบ้านเล็กบ้านน้อยซึ่งปลูกอยู่ใกล้เคียง หากมองอย่างลังเกตจะเห็นได้ชัดว่า กระท่อมเล็ก ๆ เหล่านั้นอาศัยบารมี ของเจ้าของที่ คือผู้พำมักอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น

ไม่มีใครที่เดินฝานกำแพงสีน้ำเงินสูงตระหง่านนั้นจะอดแลลอดช่องประตู เล็กเข้าไปข้างในได้ บางคนเผลอหยุดยืนที่หน้าประตูใหญ่ แหงนหน้าขึ้นอ่าน

ป้ายทองเหลืองความว่า ‘ธีรทัศน์ธำรง’ อย่างหลงใหล ใคร่รู้ว่าบ้านงามสง่าหลัง

นี้ ข้างในมีความเป็นอยู่อย่างแสนสำราญเพียงใด

วันนี้ประตูข้างหน้าเป้ดกว้าง มีรถยนต์หลากชนิดจอดเรียงรายอยู่ตาม

ถนนซึ่งอ้อมโค้งสนามรูปเกือกม้า บ้างก็จอดเลยไปทางสระอาบน้ำ มีบางคน

จอดล้นหลามออกมายังถนนด้านนอก ไฟสีด่าง ๆ แขวนเป็นพวงระย้าอยู่ตาม

กำแพง เหนือประตู และแม้กระทั่งตามกิ่งค้านของสนฉัตรด้นใหญ่ซึ่งยืนสงบ

ซึมอยู่ริมถนนลันทอดไปสู่ตัวตึก

และในระยะไกล สามารถมองเห็นผู้คนในเสื้อผ้าอาภรณ์หลากสี เดินกัน ขวักไขว่ เสียงดนตรีแผ่ว ๆ ซึ่งตังออกมาข้างนอกบอกใบ้ผู้สัญจรไปมาทราบว่า ขณะนี้ ‘ธีรทัศน์ธำรง’ กำลังมีงาน และแน่ละเจ้าของคฤหาสน์ใหญ่โตงามสง่า

 

เช่นนี้ เมื่อมีงานย่อมหมายความว่าบุคคลในสังคมชั้นสูงผู้ ‘ทรงเกียรติ’ ได้มา

รวมกันอยู่ที่นี่!

เด็กหญิงผู้กำลังทอดน่องฝานประตูใหญ่เข้าไปนี้ เคยเห็นมีงานเช่นนี้ บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดธิดาคนโต คนกลาง และคนเล็กของท่านเจ้าของ

บ้านผู้มีนามอันไพเราะเป็นที่ติดหู อำพนภัทรา อำพาพิไล และอำไพโศภิณ

หรือวันคริสต์มาส วันชั้นปีใหม่ตลอดจนวันที่ระลึกต่างๆ ‘ธีรทัศน์ธำรง’ เป็น

ต้องจัดงานใหญ่เสมอกันทุกคราว คนในสังคมรํ่าลือว่า เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้

หทัยกว้างดุจแม่น้ำ ไม่มีใครที่คุ้นเคยกับกรุงเทพฯ แล้วจะไม่เคยได้ยินพระนาม หม่อมเจ้าภัทรวุฒิ ธีรทัศน์ธำรง

“ไปไหนมา เขามีงานมีการแทนที่จะอยู่ช่วยคุณ ๆ ไปเที่ยวเล่นซนที่ไหน

คุณมะลิลา”

ผู้กล่าวประโยคนี้ กำลังช่วยกันยกของลงจากรถกันยาวใหญ่กันหนึ่ง ซึ่ง

ท่านเจ้าของรถได้ก้าวชั้นทันไดหินอ่อนไปทักทายเจ้าของบ้านแล้ว และของที่

ท่านน่ามา ‘กำนัล’ นั้นมีความใหญ่ความหนักเหลือประมาณจึงต้องใช้คนขับและ

คนรับใช้ของเจ้าของบ้านยกดังกล่าว

‘คุณมะลิลา’ ย่นจมูกใบ้กับคำทักทายนั้นนิดหนึ่งอย่างไม่แยแส เดินเรื่อย

ขึ้นตึกไป สตรีสองสามนางซึ่งยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่เฉลียงด้านนอก ไม่ทัน

สังเกตเห็นเด็กหญิง คนหนึ่งกรีดพัดซึ่งถืออยู่ ป้องปากกระซิบว่า

“เขาว่าจัดงานคราวนี้จะขายลูกสาวคนโตหรือ”

“อุย! คนโตอายุตั้งยี่สิบห้าแล้ว ไม่แก่ไปดอกหรือ ข่าวว่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เหมือนแม่ทัก ใครเขาจะกล้าทาบ” คนแต่งกายชุดสีล้มกล่าวพลางทันไปค้อน

ควัก

“ถ้างั้นก็คนกลาง กำลังสวยเพิ่งจบจากคอนแวนต์ อายุยี่สิบ” อีกคน

หนึ่งคาดคะเน

“เชื่อเถอะน่า ไม่ใช่อย่างนั้นดอก ท่านชายภัทรวุฒิไม่ใช่คนเช่นนั้น” คน

แต่งสีเขียวฝรั่งกล่าวทัดทาน

“ถ้าเช่นนั้นก็จะขายองค์เองกระมัง ชันษาเพิ่งจะห้าสิบสี่ หย่อนหกสิบ

 

ไปหลายปี”

คนถือพัดกล่าวหัวเราะ ๆ พลอยทำให้สตรีสาวใหญ่ทั้งสองซึ่งยืนสนทนา

อยู่ด้วยหน้าแดง คนหนึ่งร้องว่า

“วุ้ย! พูดอะไรอย่างนั้น ไม่รู้ดอกหรือว่าเขาลือว่าท่านชายเจ้าชู้ มีเมีย

แอบซุกซ่อนไว้ในบ้านไม่รู้กี่คนต่อกี่คนหลังจากหม่อมสิ้น”

“เมียก็เมียน้อย จะกล้าหืออะไรได้ ถ้าลองใครได้แต่งด้วยเป็นหม่อมคน

ที่สองซี” คนหนึ่งเอ่ย สองคนจ้องหน้าคนกล่าวประโยคนี้อย่างพิจารณา คน

แต่งสีแดงเอ่ยล้อ ๆ

“อ้อ! นี่กำลังมองหาตำแหน่งละซี ถ้าสำเร็จไม่เสียเที่ยวดอก โรงงาน

ราคาสองสามล้านของเธอพอจะต่อคฤหาสน์งาม ๆ กับชื่อเสียงของเจ้าของได้”

“แม่ลูกสาวได้ฉีกอกแตก” อีกคนหนึ่งค้าน

เสียงจุปากปรามเบา ๆ ขณะนั้นสุภาพบุรุษผู้หนึ่งในชุดสากลสีควันบุหรี่

เดินตรงมายังสตรีทั้งสาม เสียงสามเสียงดังชั้นพร้อมกัน

“ท่านชาย”

สรีระสูงตรงดำเนินเข้ามาใกล้ โอษฐ์แย้มสรวล สุรเสียงสดใสเมื่อกล่าว ทักทายแขก แม้เกศาบางเส้นจะมีสีเงินสลับแซม

“ไม่หาที่นั่งดอกหรือ คราวนี้เลี้ยงปาร์ตี้ไม่ให้มานั่งไม่กระดิกอยู่ในโต๊ะ

ดินเนอร์ดอก กำลังคุยกันออกรสหรืออย่างไร”

“ท่าชนม์จะยืนลักหมื่นชันษาเพคะ หม่อมฉันกำลังกล่าวถึงกันอยู่” สตรี

ในชุดสีแดงเอ่ยนัยน์ตาหวานแพรวพราย

“นินทาว่าอย่างไร” ตรัสสำเนียงสรวล

“หม่อมฉันกำลังพูดถึงธิดาของท่านชาย คุณอำพันบอกว่าคุณหญิงใหญ่

งามเหลือเกิน คุณสุมลว่าคุณหญิงกลางสวยคมคายที่สุด หม่อมฉันกำลังอยาก

เห็นหญิงเล็ก อยู่ในโรงเรียนประจำหรือเพคะ”

“เขาออกมาเมื่อวานนี้ โตชั้นเป็นกอง หญิงเล็กเรียนชั้นม.ศ.สอง อายุ

สิบหก” ตรัสตอบ

“แหม! อยากเห็น” คนถือพัดจีบปากว่า ท่านชายกวาดสายตามองไป

รอบๆ แลเห็นเด็กหญิงผู้หนึ่งนุ่งกระโปรงสีน้ำเงินมอๆ เสื้อเชิ้ตพับแขนใหญ่

ไหล่ตกมาก แสดงว่ามิใช่เสื้อตัดใส่สำหรับตนเอง เด็กหญิงกำลังจะเดินเลาะไป

ตามเฉลียง ไปลงบันไดด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงการฝานห้องโถงซึ่งมีแขกนั่งอยู่

หลายคน

“สลิลา” ตรัสเรียก เด็กหญิงสะดุ้ง บันขวับมาทางเสียงนั้น ท่านชาย

ตรัสกับแขกทั้งสามนางว่า

“เลยเห็นคนที่ไม่อยากเสียก่อน นี่ลูกสาวแม่สายหยุดต้นห้องของท่านหญิง

วิสุทธิ์ประไพ”

สายตาคู่นั้นจ้องแน่วที่พักตร์ของท่านชายแจ่มแจ๋วกล้าหาญ แลตรงและ

ไม่หลบสายเนตรที่มองประสาน ท่านชายเป็นฝ่ายเบนพักตร์ไปทางแขก อ้า

โอษฐ์จะรับสั่งอะไรต่อ แขกสาวผู้สวมชุดสีแดงตบอกอุทานว่า

“ต๊าย! มาถึงทั้งนานยังไม่ได้ชิ้นไปเยี่ยมท่านหญิงวิสุทธิ์ สำราญดีหรือ

เพคะ”

“เอานิยายไม่ได้ คนพิการ คุ้มดีคุ้มร้าย เขาอยู่ชิ้นบนสุดและสั่งห้ามไม่

ให้ใครขึ้นไปกวนในวันนี้

“โถ! ไม่น่าเลย เป็นอัมพาตมากี่ปีแล้วเพคะ”

“หลายปีแล้ว”

เด็กหญิงซึ่งยืนอึดอัดอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่ขยับกาย ท่าท่าจะเดินจากไป

สตรีผู้แต่งสีแดงมองหน้าเด็กที่ท่านชายเรียก ‘สลิลา’ มือจับคางเชยชิ้นพูดยิ้มๆ

ว่า

“ลูกสาวด้นห้องของท่านหญิง หน้าตาไม่เลวเลยนะเพคะ ถ้าไม่บอก

หม่อมฉันจะตาฝาดดูไปว่าเป็นญาติท่าน”

“เหลวไหลจริง! อยากพบหญิงเล็กไม่ใช่หรือคุณอำพัน เชิญเข้าไปข้าง

ในก่อนเถิด สลิลา เธอไปเรียนคุณหญิงให้ลงมาได้แล้ว บอกว่าแขกมากัน

หลายคนแล้วนะ”

ท่านชายตรัสแล้วก้มเศียร ผายหัตถ์เชิญชวนให้สตรีผู้มาเยือนเดินเข้าไป ก่อน องค์เองดำเนินเคียงคู่ไปกับ ‘คุณอำพัน’

สลิลาเดินหลีกไปทางบันไดด้านข้าง บุรุษสองนายบันหลังให้ ทั้งสอง

คนแต่งกายชุดสากลสีอ่อน ยังอยู่ในวัยหนุ่ม คนสูงกล่าวว่า

“คุณพ่อดึงเรามาดูลูกสาวหม่อมเจ้าภัทรวุฒิ อยากรู้ว่าสวยนักหรือ”

“ก็งั้นแหละ คุณหญิงอำพนภัทราถือตัวอย่างร้ายกาจ บัวหน้าแผนก

อย่างแก แม่มองเหมือนเห็นไส้เดือน คนกลางอำพาพิไลน่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย”

คนหนึ่งเบ้ปาก

“แล้วคนเล็กล่ะ”

“เฮ้ย! นั่นเด็ก ยังแต่งเครื่องแบบนักเรียนมัธยมอยู่เลย แกจะบ้าแล้ว

หรือ

สลิลาเดินก้มตัวฝานแขกทั้งสองลงบันไดไป คนหนึ่งเรียกไว้

“หนู หนู เฮ้ย! หนูคนนั้นน่ะ”

เด็กหญิงบันมา คนสูงยิ้มเก้อ ๆ ถามว่า

“หนูอยู่ในครัวหรือ รู้ไหมเมื่อไหร่คุณหญิงจะลงมา”

“กำลังจะไปเชิญ” สลิลาตอบแล้วบันหลังให้แขกพลางเดินเข้าไปในครัว อย่างเร่งรีบ

ยังโผล่ไปไม่ถึง ได้ยินเสียงแม่ตังแหวอยู่แว่ว ๆ

“แม่หวาน วานไปโผล่ดูลูกสาวฉันหน่อยซิ มันหายบัวไปไหน จนคํ่ามืด

ป่านนี้ยังไม่มา ประเดี๋ยวคุณหญิงใหญ่รู้เข้าแม่สลิลาจะเจ็บตัว”

“แหม! น้าหยุดก้อบ่นอยู่ได้ เขาจะไปไหน ก็เห็นไปเล่นที่กระท่อมลุง

แจ่มทุกที ก็ช่างปะไร” แม่หวานตอบพลางกระแทกจานใบหนึ่งลงในอ่างล้าง

“ช่างได้หรือ เด็กมันโตแล้วปล่อยให้เดินเล่นคํ่า ๆ มืด ๆได้ยังไง”

“พุทโธ่! โตกะผีอะไร อายุสิบสาม” แม่หวานเถียง

“พูดมากไปนะเอ็ง ที่หนังสือพิมพ์ลงว่าเขาจับเด็กอายุสิบสองไปขึงพืด

กลางทุ่งนั่นน่ะ จริงไหมล่ะ หล่อนไม่มีลูกไม่มีเด้าจะรู้จักห่วงอะไร”

“น้าหยุด นั่นมันสัตว์ ไม่ใช่คน” แม่หวานว่า

“ทั้งนั้นแหละ คนสมัยนี้มันจะกลับไปเป็นสัตว์อีกแล้ว เห็นคนเป็นผัก

ปลา อยากจะฆ่าจะแกงจะทำปู้ยี่ปู้ยำท่าทั้งนั้น เสร็จแล้ว...” นางสายหยุดพูด

ยังไม่จบ คนใช้ผู้ชายโผล่หน้าเข้าไปตะโกนถามว่า

“สลัดจานใหญ่จัดเสร็จหรือยัง จะตั้งโต๊ะแล้ว แขกมาเต็มไปหมด น้า

หยุดโม้อยู่นั่นแหละเร็ว ๆ เข้า”

“เสร็จแล้ว! มายกไปทีมันใหญ่มหึมานักพ่อคุณ เห็นแม่สลิลาบ้างไหม”

“อ้อ! คุณมะสิลาปะหรือ เห็นไวๆอยู่ข้างหน้าตึก เอ้า! หลีก หลีก

เอ้อ! ปีหนึ่งสี่คนก็เกิดสี่เดือน ทำไมไม่เกิดวันเดียว เดือนเดียวกันเสียให้รู้แล้ว

รู้รอด”

“น้าแหวงทำบ่นไปนะ เดี๋ยวน้าหยุดทูลจะว่าไม่บอก”

นางสาวหวานกล่าวหัวเราะ ๆ

“โฮ้ย! ฉันไม่คาบไปทูลดอกย่ะ เชิญพูดไปเกิด” นางสายหยุดค้อน

“ว่าได้หรือ ยิ่งเป็นคนโปรดเข้านอกออกในอยู่ด้วย” นายแสวงพลอย

ผสมโรง

“ฉันไม่ได้ดิบได้ดีอะไรด้วย” นางสายหยุดกล่าวเสียงแข็ง แม่ครัวเงยหน้า จากกระทะบนเตาร้องว่า

“ทำไมจะไม่ได้ดี ไม่ได้ดีหล่อนจะมีลูกทั้งๆเป็นนางสาวอยู่! อิโธ่! อย่า

พูดเลย นังแพรวขี้คร้านสาธยาย ไอ้แหวงไปเตือนน้ำพริกในครัวโน้นซิ” แม่ครัว

วัยกลางคนกล่าว

นางสายหยุดหันไปมองแม่ครัวพลางเอ่ยว่า “แหม! น้าแพรวก้อ”

“ไม่จริงหรือยะ บอกมาซีว่าแม่สลิลาปะลูกใคร ลูกไอ้ผลรึก็เปล่า ลูก

ไอ้แหวง...”

“เฮ้ย! เหาจะกินหัว” นายแสวงร้องลั่น

“ไอ้บ้า! เอะอะเป็นขี้ข้าไปได้ เดี๋ยวทั้งจานสลัดโครมออกไป” นาง

แพรวว่า

“ก็อยากมาว่าน้าสายหยุด เป็นอ้า...เอ๊ย...จั๊กจี้เป็น...ของผมทำไม ผม

ไม่เกี่ยว ของทำนของเธอ”

“บ้า! เหาจะขึ้นหัวแกไม่รู้ตัว” นางสายหยุดตวาด นายแสวงซึ่งยก

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024