สุดปลายสายรุ้ง (นิดา)
ประหยัด: 258.75 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
คุณยายรัดล้นยังนั่งรออยู่ที่ห้องอาหารเช้า เมื่อฉันโทรศัพท์พูดจากับ
คุณแม่เมแกนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แววตาที่ พดว่า...บอก
แล้วไหมล่ะ
“คุณแม่มาไม,ได้ค่ะ...” ฉัน'รายงาน เธอว่ามีงานเลี้ยงสำคัญระดับชาติอะไร
สักงาน...”
“แล้วแกจะโทร.หาเขาทำไม...” คุณยายถามเสียงขุ่นๆ
“ก็,หนูอยากพบเธอก่อนเดินทางฉันตอบตามตรง “แล้วหนูก็จะฟ้อง
เธอด้วยว่าคุณยายคิดจะไปส่งหนูถึงลอนตอนโน่น
“ฉันจะไปหรือไม่ไป มันเรื่องของใคร...” มาดามฮัดสันทำท่าทำท่ากระฟัดกระ-
เฟียดเหมือนเด็กน้อย “แล้วนี้จัดข้าวของเสร็จหรือยังล่ะ...”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ
ท่านวางซองจดหมายสีขาวซองหนึ่งลงบนโต๊ะตรงหน้าฉัน
อะไรคะ
“เงินพิเศษ...ท่านตอบสั้นๆ “น้องสาวฉันคงไม่ซื้อหาอะไรให้แกนักหรอก
เรน...เขาไม่ได้ใจดีเหมือนฉันนี่...จำไว้ว่าพอไปถึง ก็บอกให้เขาพาแกไปธนาคาร เอา
เงินไปเก็บไว้ที่นั่นก็เบิกออกมาเท่าที่ด้องการ...”
จากนั้นคุณยายก็อธิบายถึงการแลกเปลี่ยนเงินตราและการติดต่อกับธนาคาร
ให้ฉันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
“ฉันอยากจะเล่าอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เกี่ยวกับน้องสาวของฉัน...ลีโอนอร่ากับ
สามีของเธอคือริชาร์ดให้แกฟังสักหน่อยก่อนจะไปพบกันจริง ๆ ริชาร์ตเป็นนักกฎ-
หมาย ไว้พอได้รู้จักกันแล้ว ลีโอนอร่าจะคุยฟ้งให้ฟังเองว่าเป็นนักกฎหมายมีชื่อเสียง
ขนาดไหน...สองคนผัวเมียมีบานหลังใหญ่อยู่ย่านเศรษฐี คือ ฮอลแลนด์ พาร์ค มี
บริวารบ่าวไพร่หลายคนอยู่เหมือนกัน...ฉันเคยไปพักที่นั่นสองสามครั้ง ครั้งหลังสุด
นั่นไปงานศพ...”
“ศพใครคะ คุณยาย...”
“ศพฮีทเธอร์ ลูกสาวของลีโอนอร่า...” ผู้เล่ามีสีหน้าเศร้าลงไปทันที “อายุ
แค่เจ็ดขวบเท่านั่น ตอนที่ตายน่ะ”
“น่าสงสารจังเลย...” ฉันอุทาน
คุณยายเลาสั้นๆเพียงว่าเด็กหญิงผู้นั้นป่วยเป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิด แล้ว
วันหนึ่งพี่เลี้ยงก็พบแกนอนตายไปเฉยๆ
จากสั้น คุณยายก็กำชับฉันเรื่องการที่จะไปอยู่ที่บ้านน้องสาวของท่าน ว่า
ฉันต้องไปอย่างนักเรียนที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินสำหรับการศึกษาด้วยตัวเอง ดังนั้น
ฉันจึงมีหน้าที่ทำงานบ้านด้วยตามแต่จะได้รับคำสั่ง
“หนูไม่กลัวงานหนักหรอกค่ะ...” ฉันบอก
“ฉันก็ไม่ห่วงแกเรื่องนั้นเหมือนกัน...” ดามยัดลันพูดอย่างอารมณ์ดี “อีก
อย่างหนึ่ง ฉันกำชับอาจารย์แม็คเวนไว้แล้วว่าให้ช่วยดูแลแกในทุกๆเรื่อง เขาก็
รับปาก...”
แล้วท่านก็พูดซ้ำอีกครั้งว่า ถ้าหมอลงความเห็นว่าท่านสุขภาพดีพอ ท่านก็
จะไปเยี่ยมฉันที่นครลอนดอนอย่างแน่นอน
บ่ายๆ วันนั้น คุณวิคทอเรียก็มาที่บ้าน ฉันบอกได้โดยได้ยินเสียงฝีเท้าของ
เธอที่เดินปัง ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นที่คุณแม่ของเธอนงอยู่ตามลำพัง
ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงถกเถียงตามเคย
“คุณแม่เป็นอะไรไป ถึงได้จ่ายเงินพิเศษให้นังเด็กนั่นเสียมากมาย มีหนำซํ้า
ยังใบ้บินเฟิสท์คลาสเสียด้วย...”
“เงินมากมายนั่นก็เงินของแม่...” มาดามฮัดสันพูดเสียงเรียบๆ “แล้วเรื่อง
บินเพีสท์คลาส...พวกเธอก็บินระดับสั้นทุกครั้งไม่ใช่หรือ...”
“ก็นั่นมันหนู...หรือไม่ก็เมแกน ลูกของคุณแม่แบ้ๆนะคะ...” วิคทอเรียทำ
เสียงไม่พอใจ “แล้วนังเด็กนั่นล่ะ ใคร...ก็แค่นังเด็กประวัติชั่วที่เราต้องคอยบิเด ๆ
บังๆ...”
เสียง ‘คุณยาย’ ถอนใจอย่างเบื่อๆ
“วิคทอเรีย เมื่อไหร่เธอถึงจะเข้าใจเสียทีว่าแม่จะใช้จ่ายเงินทองของแม่แค่
ไหนหรืออย่างไรน่ะมันเป็นเรื่องของแม่ คนอื่นไม่ต้องมาเกี่ยว...”
“แต่มันมากเกินสมควรนี่คะ...” วิคทอเรียแย้งอย่างไม่เกรงใจ “เฉพาะค่า
เรียนก็เหลือจะทนแล้ว อะไร้ แค่โรงเรียนสอนละครเท่านั้นแท้ ๆ ...หนูรู้แน่เชียว
ว่านายแม็คเวนเพื่อนชาวอังกฤษของคุณแม่คนนั้นน่ะกำลังตั้งอกตั้งใจ ปล้น เรา
อย่างสนุก...ป่านนี้คงพาอันหัวเราะ,ชาวอเมริกันโง่บัดซบกันเป็นแถว
“วิคทอเรีย ...นี่เธอกำลังด่าแม่ของตัวเองว่าโง่บัดซบนะ...” เสียงของมาดาม
ฮัดสันบอกความไม่พอใจ หากวิคทอเรียครั่นคร้านก็หาไม่
“ก็มันจริงนี่คะ คุณแม่..ไม่มีใครโง่ถึงขนาดยอมเสียเงินตั้งสี่ห้าหมื่นดอลลาร์
เพื่อให้เด็กที่ไหนก็ไม่รู้ไปเรียนเลนละครถึงลอนดอนโน่น...
“จบเรื่องของเธอหรือยัง วิคทอเรีย...”
“ยังค่ะ...” วิคทอเรียตอบทันที ยังมีอีกเรื่องจะถาม...คุณแม่เรียกทนาย
ความมาเปลี่ยนพินัยกรรมหรือ
“ทำไมต้องเรียก...” มาดามฮัดสันสวนคำด้วยเสียงเย็นชา “อะไรที่ตัดสินใจ
แล้ว แม่ไม่มีวันเปลี่ยนหรอก...ไว้รอให้ถึงเวลาที่เธอทำของเธอเถอะ วิคทอเรีย
จะใส่ชื่อใครหรือไม่ใส่ชื่อใคร แม่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก”
“พูดกับคุณแม่นี่เสียเวลาจริง ๆ .... “ เสียงวิคทอเรียพูด “คอยดูนะ สักวัน
หนึ่งที่หนูทนไม่ได้ ความลับของเมแกนจะไม่เป็นความสับอีกต่อไป...จะได้รู้ตัวเสียมั่ง
ว่าตัวเองน่ะทำตัวให้เสียชื่อวงศ์สกุลขนาดไหน...”
อีกสักอึดใจใหญ่ ๆ ฉันจึงได้ยินเสียงฝีเท้าของคุณวิคทอเรียดังก้อนไปทั้งบ้าน
ไม้ช้าก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์สนั่น
เช้าวันเดินทาง ลุงเจคคนขับรถประจำตัวมาฮัดสันก็นำรถมาจอด
เทียบหน้าตึก เขาเข้ามาในห้องอาหารเข้าขณะที่คุณยายกับฉันกำลังรับประทาน
เสร็จพอดี ตามปกติแล้ว ลุงเจคไม่ค่อยเข้ามาในตึก นอกจากเวลาที่ตึองนำของที่
ซื้อหามาให้ตามค่าลังของ ‘มาดาม’ เท่านั้น
แต่เข้านี้เขาเข้ามาตัวเปล่า ๆ สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเครื่องแบบใหม่เอี่ยมสะอาด
ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
‘‘กูดมอ'รนี้ง คุณสาวๆ...” เขากล่าวทักเสียงแจ่มใส ผมได้รับคำสั่งให้มา
พาเจ้าหญิงเสด็จไปสู่โลกยุคโบราณ ไหนล่ะครับ กระเป๋าเดินทาง จะได้ไปเอาใส่
“อย่ามาทำพูดสำนวนดีนะ เจค...“ มาตามฮัดสันทำเสียงปราม กระเป๋า
เดินทางของฉันก็อยู่ที่ห้องโถงน่ะซี...”
“ครับผม...” เขาคำนับคุณยายอย่างล้อ ๆ แล้วเดินไปที่ห้องโถง ซึ่งกระเป๋า
เดินทางของฉันวางอยู่แล้ว ฉันมองตามไปแลัวพูดว่า
“คุณยายคะ หนูคงคิดถึงลุงเจคมากเลย...”
รู้สึกเหมือนว่าเธอเองก็คงคิดเช่นนั้น เพราะฉันเห็นเธอถอนใจน้อย ๆ แล้ว
พูดด้วยเสียงอ่อน ๆ
“ก็คงจะสักพักหนึ่งนี้น่ะ เรน...ไว้รอไปถึงลอนดอนเสียก่อนสิ แกจะเห็นว่า
คนรถของคุณยายน้อยลีโอนอร่าของแกน่ะต้องอยู่ในระเบียบเคร่งค'รัดกันขนาดไหน
ไม่ใช่คนรถเท่านั้นนะ รวมไปถึงพวกบ่าวไพร่ด้วย แกจำไว้ด้วยก็แล้วกันว่าบ้านโน้น
น่ะเขาเคร่งระเบียบประเพณีกัน...ท่าอะไรก็ตามเวลานาฬิกา แล้วก็อังกฤษจำกัน
เหลือจะทน
“คุณยายคะ...” ฉันเอ่ยขึ้น “หนูรู้สึกว่าคุณยายไม่ค่อยจะชอบคุณยายน้อย
เท่าไรเลยนะคะ
“ไม่ชอบ...” ท่านลงเสียงตอบ “แต่ก็รักอย่างพี่จะพึงรักน้องสาวของตัวเอง
แต่เราไม่ค่อยลงรอยกันหรอก...”
“แล้วเรื่องหนูล่ะคะ...” ฉันถาม “คุณยายแน่ใจหรือคะว่าคุณยายน้อยจะ
เต็มใจรับหนูไว้”
มาดามฮันสันหัวเราะน้อย ๆ
“ลีโอนอร่าไม่ทำอะไรที่ไม,อยากทำหรอก...อีกอย่างหนึ่งเขารู้ดีว่าฉันมีบุญคุณ
ต่อเขาชนิดไข้เห่าไหร่ไม่มีวันหมด แต่ฉันก็ไม่ได้บังคับใจอะไร เพียงแต่พูดเปรยๆ
ว่าพวกเศรษฐีอเมริกันเขาชอบทำการกุศลแบบนี้กันนัก ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาที่ได้
อุปการะเด็กกำพร้า...แค่นี้ลีโอนอร่าก็ยิ้มไม่หยุดแล้ว เขารู้ดีว่าจะพูดอวดพวกเพื่อน
เศรษฐีได้สนุกปากขนาดไหน...”
ลุงเจคขนกระเป๋าล้มภาระของฉันออกไปที่รถแล้ว มาดามฮันสันมองดูนาฬิกา
ที่ข้อมือแล้วบอกให้ฉันไปเตรียมตัวเดินทาง ฉันพูดว่าฉันพร้อมแล้ว แล้วลุกขึ้นยืน
ช้า ๆ
“ฉันไม่ชอบการลาจาก...” ท่านพูดเสียงเรียบ ๆ “แต่ฉันจะออกไปส่งแก เรน”
“ไม่นั่งรถไปแอร์พอร์ตด้วยกันหรือคะ คุณยาย...” ฉันกระซิบถาม
“ไม่เอาละ ขี้เกียจเลียเวลา...” ท่านพูดเสียงเฉียบขาด “อีกอย่างหนึ่ง ฉัน
อยากให้เเก่รู้จักช่วยตัวเองในการเดินทางเลียตั้งแต่ต้น...”
เราเดินเคียงคู่กันออก,ไปอย่างช้า ๆ ลุงเจคยืนอยู่ที่ข้างรถ เปิดประตูโรลส์-
รอยซ์คันโก้ของคุณยายรอไว้พร้อมแล้ว ยิ้มของเขาแจ่มกระจ่างเหมือนแสงตะวัน
ฉันสูดลมหายใจยาวแล้วก้าวลงบนได มาดามฮันสันตามไปติด ๆ พอถึงรถ ฉันก็
ก้าวขึ้นไปนั่ง แล้วหันมามองท่าน ดวงตาของเราตั้งสองประสบกันแน่นิ่ง ฉันอ่าน
สายตาของท่านไม่ออก แต่สำหรับตัวเองแล้ว ฉันรู้สึกถึงน้ำตาร้อนผ่าวที่เอ่อเต็ม
เบ้าตา
คุณยายขา ลาก่อน...ฉันเอ่ยในใจ รูสกวาบหวามเหมือนใจจะขาดเมื่อคิดว่า
อาจจะไม่มีโอกาสกลับมาเห็นหน้าท่านอีก
คุณยายขา...“ ฉันเรียกท่านด้วยเสียงกระซิบ สัญญานะคะว่าจะดูแล
สุขภาพ...”
“ก็ท่าไมถึงจะไม่ล่ะ...” ท่านท่าเลียงเง้างอด “พวกหมอพยาบาลเคยปล่อย
ให้ฉันอยู่เงียบ ๆ กันมั่งไหม...แกไม่ด้องมาห่วงฉันหรอก ฉันมันแก่แล้ว ห่วงแต่ตัว
เองเถอะ...ท่าตัวให้มีค่าให้ใครๆ รวมตั้ง ‘มาม่า’ ของแกภูมิใจ...”
ฉันฝืนยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ มาดาม...ลาก่อน...” ฉันมองแวบไปที่ลุงเจค ไม่แน่ใจว่าเขา
สุดปลายสายรุ้ง
รู้ความลับระหว่างคุณยายกับฉันมากแค่ไหน...
รถแล่นออกจากที่ ฉันนิ่งจมอยู่กับความรู้สึกร้าวรานของการราลา เกิด
ความรูสึกเป็นห่วงมาดามฮัดสันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลูกสาวของห่านสองคนไม่ได้
ทำให้ห่านสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณป้าวิคทอเรีย
ส่วนหลาน ๆ สองคน,ของห่านก็'ไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับ คุณยาย จนกระทั่ง
ทั้งสองได้มาพบฉัน แล้วโบรดี้นองชายผู้ไม่รู้ความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มทำท่า ‘ติดใจ’
ฉันจนพวกผู้ใหญ่วิตกทุกข์ร้อนไปตาม ๆ กัน ฉันอดคิดไม่ได้ว่า นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง
ที่มาดามฮัดลันรีบจัดการให้ฉันเดินทางไปศึกษาต่างประเทศโดยเร็วที่สุด
“ไม่ต้องห่วง ‘นางพญา’ ของเราหรอก หนูเรน เสียงลุงเจคพูดขึ้น
“ลุงรับรองว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุดแล้วอีกไม่ช้าก็คงได้พาเธอไปพบหนูที่ลอนดอน
แน่ ๆ”
“ลุงน่ะ...” ฉันหลุดปากออกไปแล้วรีบหยุดเสียทันท่วงที รู้แก่ใจในบัดนั้นว่า
ลุงเจคไม่ใช่คนที่ฉันควรประมาทหน้าเลย “แหม ได้ยังงั้นก็ดีสิคะ...”
จากนั้นเราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ลุงเจคสั่งเสียด้วยความห่วงใย'ให้เก็บเงิน'ไว้
ให้ดีที่สุด
“เอาแต่เงินปลีกออกมาใช้นะ หนูเรน...” เขาแนะนำ “แค่ไว้ชื้อขนมหรือ
หนังสืออ่านเล่นตอนรอเครื่องออกก็พอ..อ้อ แล้วก็อย่าพูดกับคนแปลกหน้าเป็น
อันขาด เผื่อจะเจอเข้ากับนักตุ้มตุ๋น หนูน่ะ ท่าทางเด๋อดา ใครเห็นก็รู้ว่าบ้านนอก
เข้ากรุง...”
ฉันหัวเราะเสียงดัง
หนูหรือคะ เด๋อด๋อ...หนูหรือคะ บ้านนอกเข้ากรุง...”
แต่ลุงเจอทำหน้าขรึม
“พวกที่ลุงว่าน่ะมือชั้นเซียน...รู้ว่าคนไหนหลอกได้คนไหนหลอกไม่ได้ จำคำ
ลุงไว้ก็แล้วกัน”
ฉันทำหน้าม่อยแล้วรับปากเป็นอย่างดี เสริมว่า
“ลุงน่าจะมีลูกสาวลักโหล...หนูว่าลุงจะเป็นพ่อที่ดีวิเศษ...”
น่าแปลกที่ลุงเจคไม่หัวเราะคำพูดของฉันอย่างที่เคยเขากลับมีสีหน้าเรียบ
เฉย และแววตาก็เศร้าหมองอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน...
รถแล่นถึงหน้าท่าอากาศยานที่เต็มไปด้วยความพลุกพล่านน่าเวียนหัว ลุงเจค
จอดส่งแล้วสั่งเสียอย่างห่วงใย
“ไม่ต้องกลัวนะ หนูเรน...ลากกระเป๋าเข้าไปข้างในตรงไปที่เคาน์เตอร์ของ
สายการบินที่หนูจะไป ล่งหนังสือเดินทางให้เขา แล้วเป็นอันจบเรื่อง รอเวลาเขา
เรียกให้ขึ้นเครื่องเท่านั้นเอง เสียดายจริงๆ ลุงเข้าไปล่งไม่ได้...เขาไม่ให้จอดรถตรงนี้
เสียด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลุงเจค...” ฉันกลั้นน้ำตาไว้อย่างยากเย็น มาดามสั่งแล้ว
สั่งอีกให้หนูช่วยตัวเอง...”
“สั่งยังงั้นก็เพราะนึกไปเองละซีว่า ใคร ๆ เกิดเหล็กดามหัวใจเหมือนท่าน
กันทั้งนั้น...” ลุงเจคทำเสียงเยาะ
“แต่คนหนึ่งที่มีแน่ๆ ก็คือคุณวิคทอเรียไงคะ...” อีกครั้งหนึ่งที่ลุงเจคเงียบ
ไปสักอึดใจ ในที่สุดเขาก็มองเห็นชายผิวนที่ทำลังเข็นรถเข็นมา เขารีบโบกมือเรียก
ให้ลำเสียงกระเป๋าเดินทางของฉันขึ้นรถเข็นนั้น
“พาเข้าไปส่งข้างในด้วย ลุงเจคสั่งเสีย “ผู้โดยสารจะเดินทางไปลอนดอน
...พาไปที่เคาน์เตอร์เลยนะ...”
แล้วเขาก็หันกล่าวร่ำลาฉันด้วยสีหน้าเหยแก
“ไอ้การพูดลากันนี่มันทุเรศชะมัด...” เขาพยายามหัวเราะ และฉันก็หำตาม
“บ๋ายบายค่ะ ลุงเจค...อย่าลืมส่งรูปถ่าย ‘เรน’ ไปให้หนูดูด้วย
“แน่นอน...เอ้า เข้าไปข้างในได้แล้ว ปริ้นเซส...จำไว้ว่าพอไปถึงลอนดอน
อย่าทำท่าเงอะงะให้ใครข่มได้เป็นอันขาดเชียวนะ...”
“แน่นอนค่ะ ลุงเจค”
ลุงเจคคนดีขับรถออกไปจากหำอากาศยาน คนขนกระเป๋าพาฉันไปถึงเคาน์-
เตอร์ที่ด้องการ ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เหลือแค่เพียงรอเวลา
เจ้าหน้าที่สายการบินเรียกตัวผู้โดยสารขึ้นเครื่องเท่านั้น...
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)